บทที่ 3 พี่สาวนิสัยไม่ดี 3
เช้าวันรุ่งขึ้น
วชิราภรณ์ยืนมองบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านภายใต้ร่มเงา ของต้นไม้น้อยใหญ่ ดูร่มรื่นจากแมกไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขา หญิง สาวเดินมาหยุดยืนริมกำแพงสูงประมาณสองเมตรตรงบริเวณ สนามหญ้า ดวงตาทั้งสองข้างมองผ่านอิฐบล็อกที่เป็นช่องว่าง ตามลวดลาย นัยน์ตาหวานซึ้งสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อโสตประสาท ตามองเห็นภาพครอบครัวหนึ่งกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่บนโต๊ะกลาง สนาม ทั้งสามชีวิตพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข ภาพนี้ สะเทือนใจเธอยิ่งนัก
ไม่เพียงแต่ภาพนั้นที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอ ภาพของ ณัฐพล โอบกอดเขมิกาก็เป็นภาพหนึ่งที่ทำให้แรงริษยาในใจ เพิ่มพูนมากขึ้น ยามที่เห็นบิดาจรดปลายจมูกลงบนแก้มของน้อง สาวต่างมารดา ก่อนจะหันไปหอมแก้มของศรีภรรยา ช่างเป็น ภาพที่ทำให้จิตใจของวชิราภรณ์เจ็บและหมองเศร้า ความ อิจฉาริษยา รวมทั้งแรงแค้นท่วมท้นมากขึ้น เธอต่างหากที่ สมควรจะนั่งแทนที่เขมิกา เก้าอี้ทวรางค์คนางค์นั่งก็เช่นกัน เก้าอี้ ตัวนั้นเป็นของกัญญามารดาที่เธอรักยิ่ง วชิราภรณ์กับกัญญาถูก แย่งชิงความรัก ความอบอุ่น ความชอบธรรมไปอย่างเลือดเย็น
วชิราภรณ์อยากจะวิ่งเข้าไปตรงจุดนั้น แล้วบอกกับณัฐพลว่า เธอก็คือลูกสาวของเขา ลูกสาวคนนี้ต้องการอ้อมกอด ความอบอุ่นและความรักจากคนที่เป็นพ่อ ทว่าอีกใจก็อยากจะก้าวเท้า หนีภาพที่สร้างปมด้อย ความรวดร้าวหัวใจให้กับตนเองเช่นกัน
หญิงสาวเผลอกมือแน่นเมื่อมองเห็นท่าทีของเขมิกา น้องสาว ต่างมารดายิ้มระรื่นราวกับว่าไม่มีความเจ็บปวดจากการที่คนรัก ไปมีหญิงอื่น ดวงหน้าของน้องสาวอิ่มเอิบ สดใส ไร้ความหมอง คล้ำจากการอดนอนต่างกับครั้งก่อนๆ อดีตคนรักสามรายของเข มิกาที่ถูกพี่สาวนิสัยไม่ดีแย่งชิงมา น้องสาวของเธอจะร้องไห้ตา บวม ใบหน้าหมองคล้ำราวกับคนอมทุกข์ วชิราภรณ์มองเห็น ภาพนั้นแล้วมันช่างสะใจเธอเหลือเกิน ครั้งนี้ไม่ใช่ ไม่มีปฏิกิริยา อันใดเลยที่บ่งบอกว่าเขมิกาเสียอกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวานนี้ การณ์ปรากฏว่าเป็นเธอเองที่เจ็บปวด ทุกข์ทรมาน หัวใจ
“ทำไมพ่อไม่สนใจแม่กับฝั่งบ้าง ตั้งอยากให้พ่อกอด พ่อหอม ให้ความอบอุ่นกับผึ้ง เหมือนที่พ่อให้กับน้อง ตั้งอยากรู้เหลือเกิน ว่า อ้อมกอดของพ่อจะอบอุ่นมากแค่ไหน”
วชิราภรณ์พูดกับภาพที่เห็น น้ำตาแห่งความเสียใจบ่นน้อยใจ
ไหลริน หญิงสาวหัวใจหันหลังให้กับภาพที่ตนเองทนยืนมอง
อยู่นาน ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนพื้นปูนตรงขอบถนน กอดเข่า
ของตนเองเอาไว้แน่นแนบใบหน้าลงชิดติดหัวเข่า ระบายความ
อัดอั้นตันใจ ความเสียใจ ความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นหยาดน้ำตา
และเสียงสะอื้นไห้จนตัวโยน มาบ้านหลังนี้ครั้งใด เธอต้องพก
ความรู้สึกทั้งหลายเหล่านั้นกลับไปทุกครั้ง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
เสียวหุ้มทว่านุ่มนวลเอ่ยถามสตรีนางหนึ่งที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ ริมรั้ว กัมปนาทขับรถออกมาจากบ้านวีรกุลชัยเพื่อออกไปทำงาน ตามปกติ พอเลี้ยวออกมาจากประตูรั้วบ้านเท่านั้นสายตาของเขา พลันสะดุดเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งซุกใบหน้าลงกับหัวเข่า ท่าทางที่เขาเห็นนั้นเหมือนเธอกำลังร้องไห้ กัมปนาทจึงหยุดรถ แล้วก้าวลงมาเพื่อถามไถ่
วชิราภรณ์เงยหน้ามองผู้พูดทั้งน้ำตา ก่อนจะลุกขึ้นยืนใช้หลัง มือปาดน้ำตาทิ้งราวกับเด็กน้อย กัมปนาทอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยล โฉมใบหน้าของผู้หญิงขี้แงตรงหน้า น้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่ได้ ทำให้ความงดงามของเธอลดน้อยถอยลงเลย ดวงตาคู่สวยปน เศร้า เคล้ากับหยาดน้ำตามีเสน่ห์อย่างมากมาย เธอไม่จัดว่าเป็น ผู้หญิงที่สวยชนิดชายเหลียวหลัง ทว่าผู้หญิงตรงหน้าน่ารัก และมี เสน่ห์ดึงดูดใจชาย โดยเฉพาะดวงตาแม้ว่ามันจะบ่งบอกถึง ความเศร้า แต่ก็ยังตรึงใจเขาได้เป็นอย่างดี
“ไม่เป็นไรคะ” เธอตอบเสียงเครือสั่น ยังคงใช้ฝ่ามือเช็ดหน้า เช็ดตาต่อไป กัมปนาทเห็นแล้วรู้สึกเอ็นดูอย่างประหลาด เขาล้วง หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา ก่อนจะยื่นให้กับ สาวขี้แง
“นี่ครับผ้าเช็ดหน้า รับรองสะอาดครับ”
วชิราภรณ์ลังเลที่จะรับผ้าเช็ดหน้าจากชายแปลกหน้า เหมือน เขาจะรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร จึงพูดเสริมให้หญิงสาวคลายความ กังวลใจ
“ผ้าเช็ดหน้าของผมปลอดภัยหายห่วงครับ ไม่มียาสลบเจือปน อีกอย่างผมอยู่บ้านหลังนี้ด้วยครับ
“คุณอยู่บ้านหลังนี้หรือคะ?”
“ใช่ครับ ผมเป็นหลานของคุณอาคนางค์ภรรยาของเจ้าของ บ้านครับ”
วชิราภรณ์มองหน้าผู้พูดนิ่ง ผู้ชายคนนี้อยู่ร่วมบ้านกับบิดาและ น้องสาวของเธออย่างนั้นหรือ แถมยังเป็นหลานชายของนาง แม่มดอีกด้วย อะไรมันช่างเหมาะเจาะเช่นนี้ แผนการบางอย่าง แล่นเข้ามาในสมองแบบทันท่วงที มือเรียวสวยขึ้นไปรับ ผ้าเช็ดหน้าผืนสีน้ำเงินจากมือหนา ก่อนจะนำมาเช็ดหน้าเช็ดตา
“ขอบคุณนะคะ ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ฉันจะเอาไปซักแล้วจะมาคืน คุณวันหลังนะคะ”
วชิราภรณ์ทําตามแผนที่คิดไว้ในใจทันที การให้ท่าผู้ชาย ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับเธอเลย มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เสียอีก
“ไม่ต้องหรอกครับ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ผมเอาไปซักเองก็ได้ ครับ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันทำผ้าเช็ดหน้าของคุณเปื้อน ฉันก็ต้องเป็น คนรับผิดชอบ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ ว่าแต่ทำไมคุณถึงมานั่งร้องไห้ตรงนี้ ครับ?”
หากเขาให้ผู้หญิงคนอื่นใช้ผ้าเช็ดหน้า หลังจากผู้หญิงคนนั้น ใช้เสร็จเขาก็จะทิ้งมันไป แต่กลับผู้หญิงคนหน้าตรงนี้ไม่ใช่ เขา อยากจะเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้กับตัว เป็นไปได้เขาอยากจะ ขอผ้าเช็ดหน้าคืนตอนนี้ด้วยซ้ำไป จะไม่ซักทำลายคราบน้ำตาที่ ฝังลงไปในเนื้อผ้า ให้มันจารึกอยู่อย่างนั้น
“ฉันมาหาเพื่อนที่อยู่ในซอยนี้นะคะ แต่ว่าเพื่อนออกไปแล้ว ขากลับฉันก็เดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงรั้วบ้านคุณ แล้วเผอิญเห็น ภาพครอบครัวอบอุ่นที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกลางสนาม ฉันเห็นแล้วก็ อดมาเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ค่ะ ฉันเกิดมาก็ไม่เคยเห็นหน้า พ่อ ไม่เคยรู้จักความรัก ความอบอุ่นจากพ่อเลย พอเห็นภาพนั้นก็ เลยร้องไห้นะคะ”
วชิราภรณ์ปกครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งคือความเป็นจริงที่เธอต้องแบก รับเอาไว้ยี่สิบห้าปีเต็ม กัมปนาทรู้สึกสงสารกับโชคชะตาของ หญิงสาวตรงหน้าเหลือเกิน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะโกหก เนื่องจากตอนที่เธอพูดนั้น สายตามองไปยังภาพครอบครัวของ อาสาวตลอดเวลา แต่พอหันมามองหน้าเขา ดวงตาคู่เศร้าเต็มไป ด้วยหยาดน้ำตาบอกถึงความทุกข์ ความเสียใจ
“ผมขอโทษนะครับ ถามคำถามนั้นออกไป คุณก็เลยร้องไห้ อีก”
“ไม่เป็นไรคะ ฉันชินแล้ว ผ้าเช็ดหน้าของคุณฉันจะส่งมาให้ ทางไปรษณีย์นะคะ เพราะไม่รู้ว่าจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่ หรือว่าคุณ ไม่อยากได้ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้แล้วก็บอกนะคะ ฉันจะได้เอาเก็บไว้ ใช้เอง ย้ำเตือนถึงเจ้าของที่มีใจเอื้อเฟื้อต่อฉัน” เธอเหวี่ยงแหเพื่อให้เหยื่อติดกับดัก
“ผมคิดว่าส่งทางไปรษณีย์มันอาจจะยุ่งยาก จะให้คุณเลยก็ไม่ ได้เพราะผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เป็นผืนโปรดของผม เอาอย่างนี้ดีกว่า ครับ เรานัดเจอกันดีมั้ยครับ?” วชิราภรณ์กระหยิ่มยิ้มในใจ เหยื่อติดกับเธอแล้ว หญิงสาวทำท่าคิดพอเป็นพิธีก่อนจะตอบ
“ได้ค่ะ เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ
เธอดำเนินการอ่อยเหยื่อรอบสองทันที ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า ทำทีว่าจะเดินจากเขาไป แน่นอน…หญิงสาวมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะ ต้องรั้งตัวเธอไว้ เป็นเพราะทั้งเขาและเธอยังไม่รู้จักกัน ไม่มีเบอร์ โทรศัพท์ของกันและกัน แล้วอย่างนี้จะนัดเจอกันได้อย่างไร
“เดี๋ยวครับ ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย เบอร์โทรก็ไม่มีแล้วอย่าง นี้เราจะนัดเจอกันได้ยังไงล่ะครับ?”
“แหม…ลืมไปเลยค่ะ ฉันชื่อวชิราภรณ์ค่ะ น้ำผึ้งคือชื่อเล่นค่ะ แต่ว่าคนมักเรียกว่าผึ้งเฉยๆ ส่วนเบอร์โทร 0875913xxx คุณ ว่างวันไหนโทรมาหาฉันได้เลยค่ะ”
เสียงหวานใสเอ่ยบอก ส่งยิ้มละไม่หวานหยดให้กับชายหนุ่ม ตรงหน้า หัวใจชายสั่นรัวเมื่อเห็นรอยยิ้มสวยงามของหญิงสาว รอยยิ้มและดวงตาช่างหวานสมกับชื่อเหลือเกิน….น้ำผึ้ง เขากด หมายเลขโทรศัพท์ของเธอเพื่อบันทึกลงในโทรศัพท์มือถือมือไม้ สั่น
“ครับคุณผึ้ง ผมชื่อกัมปนาท เรียกสั้นๆ ว่าเอก็ได้ครับ แล้วผม จะโทรหานะครับ ว่าแต่คุณผึ้งจะไปไหนครับ ให้ผมไปส่งดีกว่านะครับ”
“อย่าเลยค่ะ ลำบากคุณเอเปล่าๆ ผึ้งไปเองได้ค่ะ” เธอแสร้ง ทำเป็นเกรงใจ ทว่าในจิตใจลิงโลดกับแผนการที่บรรลุเป้าหมาย เกินคาด
“ไม่นํามากเลยครับ ผมเต็มใจถือว่าไปส่งเพื่อนใหม่
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณเอเต็มใจไปส่งผึ้ง ผึ้งก็ไม่ขัดศรัทธาค่ะ” เธอ รับคำเสียงหวาน อีกฝ่ายยิ้มเต็มใบหน้า
“เชิญครับ” กัมปนาทผายมือให้สุภาพสตรีแสนสวยเดินไปที่ รถ ก่อนที่เขาจะทำหน้าที่สุภาพบุรุษเปิดประตูรถยนต์ให้หญิง สาวสอดตัวเข้าไปนั่ง จากนั้นชายหนุ่มก็เดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ ทะยานรถออกไปยังถนนเบื้องหน้า
“ขอบคุณคุณเอมากนะคะที่มาส่งผึ้งถึงที่ทำงาน” หญิงสาว กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม หลังจากที่รถยนต์แล่นมา จอดหน้าอาคารสํานักงาน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจครับ ที่ทำงานของคุณผึ้งติดกับที่ ทํางานของผมเลยนะครับ ที่ทำงานของผมอยู่ตึกบีครับ” คำบอก เล่าของกัมปนาทเรียกรอยยิ้มให้ประดับบนดวงหน้าสวย งานนี้ก็ ง่ายขึ้นกว่าที่คิดอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง
“จริงหรือคะบังเอิญจังเลย ยังแอบนึกอยู่ในใจเลยว่าทำไมคุณ เอถึงได้ขับรถมาที่นี่ได้คล่องแคล่วเหลือเกิน ผึ้งแค่บอกชื่ออาคาร คุณเอก็ขับรถมาที่นี่โดยไม่ต้องถามทางผึ้ง
“สงสัยเป็นพรหมลิขิตมั้งครับ” เขาพูดทีเล่นทีจริง มองวชิราภ รณ์ด้วยประกายตามีความหมาย
“ผึ้งไปก่อนนะคะสายแล้ว สวัสดีค่ะ”
เธอกล่าวคำอำลา มือนุ่มเปิดประตูรถยนต์ก้าวลงไปยืนบนพื้น คอนกรีต จากนั้นก็ปิดประตูรถ โบกมือให้สารถีหนุ่มเป็นการส่ง ท้าย เขาโบกมือกลับก่อนจะเคลื่อนรถไปยังอาคาร
“ฉันจะฉีกอก ให้ขาดกระจุยเลยคอยดู
หลังจากที่รู้ว่ากัมปนาทคือหลานชายของวรางค์คนางค์ แผน ร้ายผุดขึ้นมาในสมองของหญิงสาวทันที เธอจะทำให้กัมปนาท รักและลุ่มหลง จากนั้นก็จะสลัดทิ้งอย่างสิ้นเยื่อใย เธอรู้ว่าเขาไม่ เกี่ยวข้องกับความแค้นระหว่างเธอกับศัตรูคู่อาฆาต ทว่าเขาคือ เครือญาติของคนที่เธอชิงซัง เพราะฉะนั้นก็จะต้องได้รับผลของ การกระทํานั้นไปด้วย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ