พยาบาทรักลวงใจ

บทที่ 5 ผู้ชายแสนดี 2



บทที่ 5 ผู้ชายแสนดี 2

รุ่งรุจีกำลังจะถามต่อแต่ปากต้องหุบลงเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามและเพื่อนพนักงานคนอื่นๆ จึงเดินเข้าไปในลิฟต์ ข้อสงสัย ของรุ่งรุจีกับณัชญ์จึงยังไม่กระจ่าง จนกระทั่งประตูลิฟต์ถูกเปิด ออกที่ชั้น 1 ทุกคนจึงเดินออกมาจากตัวลิฟต์

วชิราภรณ์ส่งยิ้มให้ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงกำแพงฝั่งตรง ข้ามกับลิฟต์ ชายคนนั้นถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ในมือ กัมปนาท ยิ้มตอบรับสาวสวยที่ระบายยิ้มส่งมาให้ ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้ วชิราภรณ์เมื่อเธอเดินมาใกล้

“ดอกไม้สําหรับคนสวยๆ ครับ”

“ขอบคุณคุณเอมากนะคะ ไม่น่าลำบากเลยแค่เลี้ยงข้าวเที่ยง ผึ้ง ผึ้งก็เกรงใจแล้วค่ะ”

เธอพูดออกตัว วันนี้ประมาณสิบเอ็ดโมงกัมปนาท โทรศัพท์มา หาเธอ บอกจุดประสงค์ที่เขาโทรเข้ามาว่า ต้องการเลี้ยงข้าว กลางวัน เธออิดออดพอเป็นพิธีก่อนจะตอบรับคำเชิญในนาทีต่อ มา วชิราภรณ์จึงให้เขามารออยู่ที่ชั้น 1 ของอาคารเอตรงหน้า ลิฟต์ฝั่งซ้ายมือ
ภาพที่ณัชญ์เห็นสร้างความไม่พอใจ บวกรวมกับความหึงหวง ที่พลุ่งพล่าน ในอก ตอนนี้เขาต้องการรู้ว่า ชายหนุ่มเจ้าของ ดอกไม้ช่อนี้คือใคร นึกไม่ชอบหน้าขึ้นมาทันทีทันใด

ส่วนรุ่งรุจีมองกัมปนาทด้วยสายตาทึ่งและไหววูบ หัวใจสาวก ระตุกตัวทันที่ที่เห็นรอยยิ้มของเขา น่าแปลกที่เธอไม่เคยรู้สึกแบบ นี้กับรอยยิ้มของชายคนใดมาก่อน พลันในเสี้ยววินาทีเธอก็ปรับ สายตาให้เป็นปกติ ความสงสัยในตัวของชายตรงหน้าเข้ามา แทนที่

“คุณเอคะ ถึงจะแนะนำให้คุณเอรู้จักเพื่อนสนิทของผึ้งนะคะ ณัชญ์กับจีค่ะ ณัชญ์ จีนี่คุณเอจ๊ะ”

วชิราภรณ์เป็นสื่อกลางให้บุคคลทั้งสามรู้จักกัน กัมปนาท โค้ง ศีรษะเล็กน้อยเป็นการทักทาย รุ่งรุจีพนมมือไหว้เพราะเธอคาด คะเนว่า เขาน่าจะมีอายุมากกว่า ณัชญ์ทำในลักษณะเดียวกับ เพื่อนใหม่

“เราไปกันดีกว่านะคะ ไปทานอาหารร้านแถวๆ นี้ก็ได้ค่ะ จะได้ ไม่เสียเวลามาก” วชิราภรณ์พูดขึ้นเมื่อทั้งสามได้ทำการรู้จักกัน เป็นที่เรียบร้อย

“ผมตามใจคุณผึ้งครับ” กัมปนาทพูดเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้ม
“งั้นตามผึ้งมาเลยค่ะ

วริราภรณ์ส่งสายตาหวานเยิ้มประกอบกับรอยยิ้มแสนหวานที่ ตั้งใจโปรยให้ชายตรงหน้า กัมปนาทชอบรอยยิ้มของเธอมาก ที่สุด ยามที่เธอยิ้มโลกนี้ช่างสดใส หัวใจของเขาเบิกบานตามไป ด้วย อีกทั้งยังส่งผลให้ดวงหน้าน่ารักของเธอชวนมองมาขึ้น

“ไปครับ” กัมปนาทรับคำก่อนจะเดินเคียงคู่ไปพร้อมกับวชิร าภรณ์ ปล่อยให้ณัชญ์กับรุ่งรุจียืนมองตามหลังทั้งคู่ไปด้วยความ ฉงนสงสัยกับที่มาที่ไปของเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักเมื่อสักครู่

“ฉันว่านะณัชญ์งานนี้มันต้องมีอะไรแหงๆ เลย ปกติผึ้งจะไม่ สนิทกับผู้ชายแปลกหน้าไวขนาดนี้ ยกเว้นผู้ชายที่มีส่วน เกี่ยวข้องกับเขม” รุ่งรุจีสันนิฐาน

“ใช่ ณัชญ์ก็ว่ามันแปลกๆ อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่กล้าพูด ณัชญ์เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนสาว

“เราไปกินข้าวกันดีกว่า บ่ายนี้จะถามผึ้งให้รู้เรื่องเอง คิดเอง เออเองตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์

“เอาอย่างนั้นก็ได้ ไป ไปกินข้าวกันดีกว่า” สองเพื่อนสนิทตัด ความสงสัยออกไปก่อน เดินเคียงคู่กันออกไปจากตัวตึกเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน

ภายในร้านอาหารไม่ใหญ่ไม่เล็กข้างๆ อาคารสำนักงานที่ทั้ง สองทำงานอยู่ กัมปนาทกับวชิราภรณ์นั่งรับประทานอาหารอยู่ มุมในสุดของร้าน ทั้งสองคุยไปด้วยทานอาหารไปด้วยอย่าง ถูกคอ ฝ่ายชายหมั่นเพียรตักอาหารใส่จานของฝ่ายหญิงตลอด เวลา บ่อยครั้งที่เขาแอบลอบมองใบหน้าหวานๆ น่ารักๆ ของเธอ ยามเผลอ ในความรู้สึกของกัมปนาท เขาไม่รู้สึกเบื่อกับภาพตรง หน้าเลยแม้แต่นิดเดียว

“คุณเอไม่ทานข้าวเหรอคะ หรือว่าจะกินหน้าผึ้ง ผึ้งเห็นคุณเอ เอาแต่นั่งมองหน้าผึ้ง

คนที่ถูกมองทักขึ้น ทำให้กัมปนาทรู้สึกตัวว่าตนเอง สะดุ้งกาย เล็กน้อย ปรับท่าทีให้กลับมาเป็นปกติ ยิ้มเจื่อนกับการกระทำ ของตนเอง

“ผมขอโทษครับที่มองคุณผึ้งนานไปหน่อย ผมเจอผู้หญิงมา เยอะแต่ไม่มีใครน่ารักและน่ามองเหมือนคุณผึ้งเลยครับ”

เขาพูดออกมาจากใจจริง และเป็นจริงตามที่ได้พูดออกไป วชิร าภรณ์ยิ้มเต็มใบหน้า รู้สึกสะใจเล็กๆ ในอกกับการหว่านเสน่ห์ที่ ได้ผลดีเกินคาด

“น่ารักแล้วรักหรือเปล่าล่ะคะ”

เธอพูดหยิกแกมหยอก กัมปนาทมองหน้าคนที่พูดนิ่ง “ผึ้งล้อเล่นนะคะ เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกคุณเอจะรักตั้งได้ยังไง อีกอย่างเราสองคนก็คบกันแบบเพื่อนด้วย” เธอกล่าวคําหยอก เข้ากับกัมปนาทอีกครั้ง

“ถ้าผมรักคุณผึ้ง คุณผึ้งจะรับรักผมหรือเปล่าครับ?

น้ำเสียงของเขาจริงจัง ดวงตาจับจ้องไปยังดวงหน้าตรึงใจ ของวชิราภรณ์ คนที่ได้ยินยิ้มละไม ปลื้มใจกับการหว่านเสน่ห์ ของตนเองอยู่ในอกเหยื่อติดกับเธอแล้ว

“ข้อนี้ผึ้งตอบตอนนี้ไม่ได้นะคะ มันขึ้นอยู่กับว่าความรักของ คุณเอเป็นแบบไหน ถ้าแบบเพื่อน แบบพี่น้องผึ้งมีให้อยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นมันก็ต้องใช้เวลากันบ้าง เราเพิ่งรู้จักกันวันนี้ เป็นวันแรกนะคะ คำว่ารักดูมันจะห่างไกลเกินไป

เธอพูดเป็นกลาง ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ วชิราภรณ์ไม่อยาก ให้เขาคิดว่าตนเองเป็นคนใจง่าย รับรักเร็วโดยที่ไม่รู้จักกันให้ดี มากพอ แบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปน่าจะดีที่สุด

“คุณผึ้งเชื่อคำว่ารักแรกพบหรือเปล่าครับ แต่ก่อนผมไม่เชื่อ จนมาเจอกับตัวเอง ตอนนี้ผมเชื่อเกินร้อยเลยครับ

กัมปนาทคิดว่าเขาได้เจอรักแรกพบที่ไม่คิดว่าจะได้เจอมาก่อน ในชีวิต และไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ในโลกใบนี้ แต่ สำหรับวชิราภรณ์ เธอไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบเลย เพราะคิดว่า มันเป็นเพียงแค่ลมปากเป่าของผู้ชายที่มักใช้จีบผู้หญิงเท่านั้น

“เราทานข้าวกันต่อดีกว่านะคะ พูดนอกเรื่องมานานแล้ว” หญิงสาวพูดตัดบทแสร้งทำท่าทางเหนียมอาย หลบแววตาของ กัมปนาทที่มองมา

การรับประทานอาหารดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น มีเสียงหัว เราะเบาๆ เคล้ากับเสียงพูดคุยจากเรื่องราวต่างๆ ที่กัมปนาท สรรหามาเล่าให้วชิราภรณ์ฟัง จนกระทั่งอาหารมื้อเที่ยงได้เสร็จ สิ้นลง ทั้งสองลุกเดินจากโต๊ะก่อนจะพากันเดินเคียงคู่กลับไปยัง ที่ทำงานของฝ่ายหญิง

“ตอนเย็นผมจะมารับคุณผึ้งกลับบ้านนะครับ” กัมปนาทเอ่ย บอกวชิราภรณ์เมื่อมาส่งเธอที่ลิฟต์ภายในอาคารเอ

“จะดีเหรอคะ รบกวนคุณเอแย่เลย แค่เลี้ยงข้าวเที่ยงก็เกรงใจ จะแย่อยู่แล้ว” เธอออกตัวพองาม

“ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมเต็มใจเป็นที่สุดครับ
“อย่าดีกว่าค่ะ บ้านผึ้งอยู่ไกล เกรงใจคุณเอนะคะ” เธอยัง อิดออดเล็กน้อย

“บอกแล้วไงครับว่าผมเต็มใจ นะครับ ตอนเย็นให้ผมมารับนะ ครับ ผมจะรออยู่หน้าลิฟต์ตอนห้าโมงเย็นนะครับ” กัมปนาทไม่ ยอมแพ้ เขายึดมั่นคำว่า ซื้อเท่านั้นที่จะครองโลก

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ห้าโมงเย็นเจอกันนะคะ”

วชิราภรณ์ตอบรับในที่สุด หลังจากที่ทำเป็นเกรงใจอยู่ได้สัก ครู ค่าตอบรับของเธอทำให้ใบหน้าของกัมปนาทเปื้อนไปด้วย รอยยิ้ม

“ตกลงครับ ผมจะมารอคุณผึ้งตรงนี้ตอนห้าโมงเย็นนะครับ

“ค่ะ ผึ้งไปก่อนนะคะลิฟต์มาพอดี แล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ”

เธอพูดกับเขา แล้วจึงก้าวเข้าไปในลิฟต์ โบกมือให้กัมปนาท พร้อมกับรอยยิ้ม คนที่ได้รับรอยยิ้มหัวใจพองโตขึ้นมาทันที

ทันใด

“เจอกันห้าโมงเย็นครับ” เขาพูดก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด พอ ประตูลิฟต์ปิดสนิทสีหน้ายิ้มแย้มของวชิราภรณ์เปลี่ยนเป็นเบ้ หน้าและแสยะยิ้ม

“หลอกง่ายชะมัด” เธอพูดกับตัวเอง กระหยิ่มยิ้มในใจกับแผนการที่สำเร็จลุล่วงไปอีกขั้น และจะต้องดีต่อไป เรื่อยๆ ตามที่เธอตั้งเป้าเอาไว้

วชิราภรณ์ก้าวออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นทำงานของตนเอง เท้า เล็กก้าวเดินไปตามทางเลี้ยวซ้ายเข้าไปในแผนกการตลาด ยัง ไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงโต๊ะทำงานดี ร่างของรุ่งรุจีเพื่อนสนิทก็ปรี่ เข้ามาหา

“อยากรู้ใช่มั้ยล่ะว่าคุณเอเป็นใคร ถึงได้ปรี่เข้ามาหาอย่างนี้ วชิราภรณ์ดักคอเพื่อนสนิท

“รู้ทันจริงนะแกเนี่ย ว่าแต่คุณเอเป็นใครเหรอ เป็นอะไรกับ เขม?” รุ่งรุจีถามอย่างกระตือรือร้น

“คุณเอเป็นหลานชายของยายแม่มด

ม่านตาของรุ่งรุจีขยายกว้างด้วยความตื่นตกใจ เมื่อรู้ว่าคนที่ ทำให้หัวใจสาวสั่นไหวตอนกลางวัน เป็นเครือญาติกับวรางค์ คนางค์ศัตรูคู่อาฆาตของเพื่อนสนิท

“จริงเหรอ เป็นไปได้ยังไงล่ะ แล้วแกไปเจอคุณเอที่ไหน เมื่อ ไหร่ ยังไง?” คนที่อยากรู้ถามเป็นชุด

“ฉันเจอคุณเอเมื่อเช้านี้ ที่บ้านของพ่อ…

วชิราภรณ์เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เพื่อนสนิทอย่างรู้อย่างละเอียด รวมทั้งแผนการที่ตนเองคิดไว้ในใจก็ถูกถ่ายทอดให้รุ่งรุจีรับรู้เช่นกัน

รุ่งรุจียืนอึ้งกับเรื่องราวที่ได้ยิน เธอไม่คิดว่ากัมปนาทคือหมาก ตัวหนึ่งที่วชิราภรณ์คิดจะล้างแค้น เป็นเพราะกัมปนาทไม่มีส่วนรู้ เห็นกับเรื่องในอดีตของวรางค์คนางค์เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะ เป็นหลานของศัตรู มันไม่ยุติธรรมที่เพื่อนสนิทจะทำร้ายคนที่ไม่มี ส่วนเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้ นับวันแรงแค้นของวชิราภรณ์จะเพิ่ม มากขึ้น เหตุผลจึงลดน้อยถอยลง ปิดหูปิดตาไม่รับรู้ว่าสิ่งที่ตัว เองทำลงไปนั้นมันผิดหรือถูก เหมาะสมหรือไม่สมควร

“ฉันว่าแกทำเกินไปแล้วนะผึ้ง คุณเอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ เรื่องนี้ด้วยเลย รวมทั้งเขมด้วย คนที่ผิดคือน้าคนางค์คนเดียว ไม่ใช่เหรอ แกจะเหวี่ยงแหแบบนี้ไม่ได้นะ” รุ่งรุจีทนไม่ไหว ออกโรงเตือนเพื่อนสนิท ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้

“ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อคุณเอเป็นหลานของยายแม่มด นั่น เท่ากับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเต็มๆ โดยเฉพาะน้องนอกไส้ของฉันที่ เกี่ยวมากที่สุด เพราะมันแย่งความรัก ความอบอุ่นที่ฉันควรได้ไป แล้วอย่างนี้เขมจะไม่เกี่ยวด้วยได้ยังไง แกยังเป็นเพื่อนฉันอยู่หรือ เปล่า แกเข้าข้างใครกันแน่?
วชิราภรณ์พูดด้วยความโกรธปนน้อยใจ เธอนึกว่าเพื่อนสนิท ทั้งสองคนน่าจะเข้าใจความรู้สึกของเธอมากที่สุด แต่เปล่าเลย บ่อยครั้งที่ทักท้วงไม่ให้เธอทำในสิ่งที่ตั้งใจ

“ฉันเตือนเพราะหวังดีกับแกนะผึ้ง ฉันเป็นเพื่อนแกก็ต้องเข้า ข้างแกอยู่แล้ว แต่ถ้าแกกำลังคิดผิดทำผิด ฉันกับณัชญ์ก็ต้อง ทักท้วงสิมันถึงจะเรียกว่าเพื่อน ไม่ใช่ปล่อยให้เพื่อนทำเรื่องที่ผิด ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้”

“ถ้าแกกับณัชญ์เห็นว่าฉันเป็นเพื่อนก็อย่ามาพูดแบบนี้ ฉันไม่ ชอบ” วชิราภรณ์ตวาดกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ การโต้ตอบ ของทั้งสองที่เพิ่มระดับน้ำเสียงมากขึ้นทำให้เพื่อนร่วมงานที่ ทยอยเดินกลับเข้ามาในห้องเริ่มมองด้วยความสนใจ รุ่งรุจีจึงลด ระดับเสียงลงเป็นปกติ ปรับเปลี่ยนอารมณ์ของตนเองให้ลดลง ด้วย เพื่อนสนิทกำลังอยู่ในอารมณ์ร้อน เธอจึงต้องใจเย็นให้มาก ที่สุด เผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น

“ถ้าแกไม่ใช่เพื่อนฉัน ฉันจะไม่ยุ่งด้วยเลย จะปล่อยให้ความ แค้นบ้าๆ ที่แกฝังอยู่ในใจย้อนกลับมาทำลายแกเอง ให้แกทุกข์ ให้แกเศร้า ให้แกเสียน้ำตาอยู่คนเดียว แต่นี่แกเป็นเพื่อนของฉัน ฉันเลยต้องเตือนแกยังไงล่ะ
“ขอบใจที่แกคอยเตือนฉันมาตลอด แต่เก็บค่าเตือนของแก กับณัชญ์ไว้เถอะ แล้วคอยฉลองความสำเร็จของฉันที่จะเกิดขึ้น ในไม่ช้านี้ดีกว่า แกกลับไปทำงานได้แล้ว ฉันจะทำงานเหมือน กัน” เป็นอีกครั้ง วชิราภรณ์พูดตัดบท พร้อมกับหันไปสนใจงาน ที่ทำคั่งค้างไว้ก่อนรับประทานอาหารเที่ยง

“ผึ้ง ฟังฉันนะ การให้อภัยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของแกตอนนี้ ดูอย่างป้าญาสิ ท่านยังรู้จักให้อภัยเลย ชีวิตท่านจึงจะสงบสุข จนถึงทุกวันนี้ ถ้าแกยังจะแค้นเคืองอยู่อย่างนี้ มันจะเผาผลาญ ความสุขที่แกมีทีละน้อยๆ จนไม่เหลือความสุขในใจของแกอีก เลย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าสิ่งที่แกทำอยู่ในตอนนี้หรือที่ผ่านมาจะ ทำให้แกมีความสุขเหมือนกับที่พูดออกไป ฉันเดือนเพราะฉันรัก แก ฉันเตือนเพราะฉันหวังดีกับแก แกทุกข์ แกเจ็บ แกเสียใจ แก ร้องไห้ ฉันกับณัชญ์ก็มีความรู้สึกแบบนั้นไม่ต่างกับแกเลย แกจะ โกรธฉันหาว่าฉันยุ่งกับแกมากเกินไปฉันก็ยอม ฉันกับณัชญ์รัก แกนะผึ้ง ฉันอยากเห็นแกมีความสุขแบบสุขทั้งกายและใจจริงๆ ฉันพูดแค่นี้แหละแล้วแต่แกจะตัดสินใจเอาเองว่า จะเดินต่อไป หรือว่าจะหยุดความแค้นไว้เพียงเท่านี้ ต่อไปนี้แกจะไม่ได้ยินคำ ทักท้วงของฉันกับณัชญ์อีกแล้ว ฉันจะพูดกับแกเป็นครั้งสุดท้ายคิดดีๆ นะผึ้ง คิดให้หนักและตัดสินใจให้ได้

รุ่งรุจีกล่าวเตือนเพื่อนจากหัวใจอีกครั้ง และครั้งนี้จะเป็นครั้ง สุดท้ายที่เธอจะพูด ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ปล่อยให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของวชิราภรณ์

คนที่ถูกเตือนสติมีหรือจะไม่รู้ถึงความเป็นห่วงที่เพื่อนทั้งสอง คนมีให้ แต่เธอมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับแล้ว ในเมื่อตั้งมั่น ว่าจะแก้แค้นให้มารดา วชิราภรณ์ก็จะทำให้ถึงที่สุด ไม่ว่าผลที่ ตอบรับกลับมาจะเป็นอย่างไร เธอยอมรับมันได้เสมอ ขอเพียงได้ เห็นแววตาแห่งความเสียใจ ได้เห็นความทุกข์ใจของศัตรูก็พอ

“ฉันรู้ว่าพวกแกเป็นห่วงฉัน แต่ฉันหยุดไม่ได้…ฉันมาไกลเกิน กว่าจะหันหลังกลับ พวกแกคงจะเข้าใจฉันนะ”

วชิราภรณ์เอ่ยเบาๆ ขณะที่สายตามองตามแผ่นหลังของรุ่งรุจีที่เดินห่างไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ