พยาบาทรักลวงใจ

บทที่ 4 ผู้ชายแสนดี 1



บทที่ 4 ผู้ชายแสนดี 1

“วันนี้แกมาช้าจังเลย ไปไหนมา โทรไปก็ไม่รับสาย แล้วทำไม ตาบวมอย่างนี้ล่ะ?” น้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงเอ่ยถามวชิร าภรณ์เพื่อนสนิทที่เดินทางมาทำงานล่าช้าร่วมหนึ่งชั่วโมง

“ก็มาแล้วไง ทำงานเถอะเดี๋ยวจะมีประชุมไม่ใช่เหรอ?” คนที่ ถูกถามเสี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามเพื่อน บ่ายเบี่ยงไปเรื่องงานแทน

“บอกมาก่อนว่าร้องไห้ทำไม?” รุ่งรุจีคาดคั้นเพื่อนสาว “แกรู้ได้ยังไงว่าฉันร้องไห้ ฉันไม่ได้ร้องซะหน่อย” วชิราภรณ์ ปฏิเสธ

“แกอย่ามาบ่ายเบี่ยง ฉันรู้ว่าแกร้องไห้ตาบวมขนาดนี้ยังจะ มาเถียงอีก บอกมาแกร้องไห้ทำไม?

“ฉันไปบ้านพ่อมา

วชิราภรณ์รู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่อาจปิดบังความรู้สึกกับรุ่งรุจีได้ จึงยอมเปิดปากต้นเหตุของอาการตาบวมกับเพื่อนสาว น้ำเสียง สั่นเครือของคนที่ตอบเรียกความสะเทือนใจและความสงสารให้ กับคนที่ได้รับคําตอบอย่างมากมาย รุ่งรุจีสาวหมวยโอบกอดร่าง ของคนที่กำลังร้องไห้เอาไว้แน่น คำตอบของเพื่อนคือความ กระจ่างชัดทุกอย่าง

“จะไปทำไมผึ้ง แกไปทีไรแกก็ต้องร้องไห้ทุกที ฉันว่าแกไม่รู้ ไม่เห็นเลยจะดีกว่า เจ็บน้อยกว่าที่แกไปเห็นเต็มตาเสียอีก” สาวหมวยปลอบโยนเพื่อน

“ฉันรู้ว่ามันเจ็บ แต่ก็อดไม่ได้ ฉันยังเจ็บขนาดนี้แล้วแม่ของฉัน ล่ะจะเจ็บมากขนาดไหน ฉันสงสารแม่จังเลย”

ความแค้นที่จุดประกายอยู่ในใจของวชิราภรณ์มาจากความ รักและความสงสารกัญญา แม้ว่ามารดาไม่เคยแสดงออกให้เห็น ว่าทุกข์และเจ็บปวดเพียงใด ทว่าหญิงสาวรับรู้ด้วยหัวใจว่า มารดาเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เธอนี่แหละจะเป็นคนเอาคืนสอง แม่ลูกที่แย่งชิงบิดาไปอย่างสาสม ให้เจ็บมากกว่ามารดาเป็น ร้อยเท่าพันทวี

“ผึ้งเป็นอะไร ใครทําผึ้ง?”

ณัชญ์เดินเข้ามาหาสองเพื่อนสนิทที่กอดกันอยู่ตรงโต๊ะทำงาน เสียงร้องไห้ของวชิราภรณ์ทำให้หัวใจของคนที่ถามกระตุกวูบ ความเป็นห่วงแล่นพล่านทันควัน

“ปละ…เปล่าไม่มีอะไร ไปทำงานกันเถอะ เดี๋ยวยักษ์มากินตับ

คนที่กำลังร้องไห้คลายอ้อมกอดออกจากร่างของรุ่งรุจี ปาด น้ำตาทิ้งราวกับเด็กๆ พูดติดตลกถึงผู้จัดการจอมเฮียบที่เรียบ เกินพอดี ไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งผู้ช่วยรองประธานหากทำผิดกฎ ระเบียบ

“ไม่มีอะไรแล้วทำไมตาบวมอย่างนั้นล่ะ อาการอย่างนี้มันร้อง ให้ชัดๆ เลย” ณัชญ์ไม่เชื่อในคำพูดที่ได้ยิน เขารู้ดีว่ามันต้องมี อะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน
“ผึ้งไปบ้านพ่อมานะณัชญ์ คงไปเห็นภาพเดิมๆ มาก็เลยเป็น แบบนี้”

รุ่งรุจีเป็นคนตอบคำถามแทนคนที่เริ่มร้องไห้หนักขึ้น คนที่ ได้ยินคําตอบถึงกับอึ้ง ความเศร้าโศกเสียใจถ่ายเทมาหาเขา ด้วย

“ณัชญ์บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้ไป ไปทีไรก็เป็นอย่างนี้ทุกที การให้อภัยมันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดนะผึ้ง พ้นทุกข์ พันโศก ณัชญ์ กับ อยากให้ผึ้งคิดใหม่นะ เริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สายนะมึง”

ณัชญ์กล่าวเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี เมื่อใดที่วชิราภรณ์มี ความสุข หลุดพ้นจากวังวนความแค้นและความริษยา วันนั้นเขา จะมีความสุขมากที่สุด

“ผึ้งขอบใจในความหวังดีของจีกับณัชญ์ แต่กับณัชญ์ก็รู้ดีนี่ ว่า ผึ้งไม่มีวันทำได้อย่างที่ณัชญ์พูด เราเลิกพูดเรื่องนี้กันซะที ได้ เวลาทํางานแล้วนะ”

วชิราภรณ์พูดตัดบทก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานที่วางอยู่บน โต๊ะทำให้เพื่อนสนิทอีกสองคนได้แต่มองหน้ากัน และถอน หายใจออกมาดังๆ อย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป ทำงานตามหน้าที่ของตนเอง

ก่อนเที่ยงราวห้านาทีณัชญ์เดินออกมาจากห้องผู้ช่วยรอง ประธานบริษัท ตรงดิ่งไปยังห้องฝ่ายการตลาดที่อยู่อีกชั้นหนึ่ง พอถึงห้องนั้นเขาเดินตรงไปยัง โต๊ะทำงานของวชิราภรณ์ทันที

“ผึ้งกลางวันนี้ไปกินข้าวที่ไหนดีล่ะ?” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถาม
“กลางวันนี้ผึ้งมีนัดแล้ว ณัชญ์ไปกินกับสองคนก็แล้วกันนะ คนที่ถูกชวนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“นัดกับใคร?” น้ำเสียงของณัชญ์ค่อนข้างเข้ม จนวชิราภรณ์ เงยหน้ามองคนที่ถาม

“ทำไมต้องทำเสียงอย่างนั้นด้วย ณัชญ์เป็นเพื่อนผึ้งนะไม่ใช่ แฟน ไม่ต้องมาทำน้ำเสียงแบบนี้ผึ้งไม่ชอบ” สีหน้าของคนที่พูด ฉายชัดถึงความไม่พอใจ ทำให้ณัชญ์เริ่มรู้สึกตัวผ่อนระดับความ หึงหวงให้ลดน้อยลง

“ณัชญ์ขอโทษ ณัชญ์แค่เป็นห่วงผึ้งเท่านั้นเอง แล้วผึ้งนัดกับ ใครไว้ล่ะ?”

“นัดกับคุณเอไว้ผึ้งไปก่อนนะเที่ยงพอดีเลย

วชิราภรณ์ลุกขึ้นยืนหลังจากที่จัดเอกสารบนโต๊ะทำงานให้ เป็นระเบียบ ก่อนจะเดินห่างณัชญ์ที่ยืนทำสีหน้างุนงงกับชื่อที่ ตนเองไม่รู้จักเพียงคนเดียว

“จี แกรู้จักคนที่ชื่อเอหรือเปล?” ณัชญ์ถามรุ่งรุจีทันทีที่เพื่อน สาวเดินมาสมทบจุดที่เขายืนอยู่

“เอไหนล่ะ ฉันรู้จักคนที่ชื่อเอตั้งหลายคน?” รุ่งรุจีถามสวน เบนสายตาไปยังเก้าอี้ทำงานของเพื่อนสาวที่ไร้ร่างของเจ้าของ เก้าอี้ “แล้วผึ้งไปไหนล่ะเที่ยงแล้วนะ?”

“ชื่อเอที่ณัชญ์ถามคือคนที่ผึ้งไปกินข้าวเที่ยงด้วยไงล่ะ?” คู่สน ทนากับณัชญ์ทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ถ้าอยากรู้ว่าเอคนนี้คือใคร แล้วฉันรู้จักหรือเปล่า เราก็ตาม ผึ้งไปก็สิ้นเรื่อง จะได้หายสงสัยไม่ต้องมานั่งปวดหัวด้วย ฉันว่า นะมึงต้องกำลังทำอะไรสักอย่างแน่ๆ เลย” ลางสังหรณ์ทำให้รุ่ง รุจีคิดอย่างนั้น

“ไปสิ อยากรู้เหมือนกันว่าเอคนนี้เป็นใคร

สองเพื่อนสนิทจึงรีบเดินออกไปจากแผนกการตลาด หวังจะ ให้ทันร่างของวชิราภรณ์ที่เดินออกไปก่อนหน้า และสวรรค์ก็เข้า ข้างเมื่อร่างของคนที่พวกเขาต้องการตามไป กำลังยืนรอลิฟต์อยู่

“ผึ้ง วันนี้ไม่ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันเหรอ?” รุ่งรุจีแกล้งถาม

“ไม่ล่ะ วันนี้ผึ้งมีนัดแล้ว”

“นัดกับใครเหรอ?” เพื่อนสาวถามต่อ

“นัดกับคุณเอน่ะ” วชิราภรณ์ตอบเสียงเรียบ “ใครเหรอคุณเอคนนี้ จีรู้จักหรือเปล่า?”

“ไม่รู้จักหรอก ผึ้งเพิ่งเจอคุณเอเมื่อเช้านี้เอง

สีหน้าของเพื่อนสนิทอีกสองคนเต็มไปด้วยความตกใจและ สงสัย เมื่อได้ยินคำพูดของวชิราภรณ์ เจอกันเมื่อเช้านี้ตกเที่ยง นัดทานอาหารด้วยกันเลยหรือ ไม่ธรรมดาเสียแล้วงานนี้ ต้องมี อะไรแน่นอน

“อย่าบอกนะว่าคุณเอที่พึ่งพูดจะเป็นแฟนใหม่ของเขม” รุ่งรุจี คาดคั้นถามต่อ วชิราภรณ์หันมายิ้มสวยให้เพื่อนก่อนจะขยับปากตอบ

“ไม่ใช่หรอกแต่เป็นเด็ดกว่านั้น”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ