พยาบาทรักลวงใจ

บทที่ 7 รัก ลวง พราง 2



บทที่ 7 รัก ลวง พราง 2

“ผึ้ง แกซื้อชุดว่ายน้ำหรือยัง

รุ่งรุจีถามวชิราภรณ์ สาเหตุที่ถามคำถามนี้เป็นเพราะบริษัทจะ จัดสัมมนาในอีกสองวันข้างหน้า พอสัมมนาเสร็จ ก็ถึงเวลาให้ พนักงานปลดปล่อยความเหนื่อยล้าที่ทำมาตลอดปีด้วยการท่อง เที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดที่คณะเดินทางไปเที่ยว รุ่ง รุจีวาดหวังว่าเธอจะลงไปเล่นน้ำทะเลให้ชุ่มปอด หลังจากห่าง หายการท่องเที่ยวมานานหลายปี

“ซื้อทำไม ฉันใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำ

“จะบ้าหรือไงผึ้ง มีแต่เขาใส่ชุดว่ายน้ำลงทะเลกันทั้งนั้น มีแต่ แกคนเดียวนี่แหละที่ไม่ใส่

“บ้าเบ้อที่ไหน แกไปทะเล แกเห็นคนไทยสักกี่คนที่ใส่ชุดว่าย น้ำ มีแต่คนต่างชาติเท่านั้นแหละที่ใส่ ฉันว่านะใส่ชุดธรรมดาลง เล่นน้ำก็ได้”

วชิราภรณ์ไม่คิดที่จะเถียงเพื่อน แต่เธอพูดตามความเป็นจริงที่ เห็นได้ทุกชายหาดที่มีอยู่ในประเภทไทย คนไทยส่วนใหญ่จะ สวมใส่ชุดธรรมดาลงเล่นน้ำ น้อยคนนักที่จะสวมใส่ชุดว่ายน้ำ ที่ เห็นสวมใส่ก็จะมีแต่ชาวต่างชาติเท่านั้น

“มันก็จริงของแกเนอะ ฉันใส่ชุดธรรมดาก็ได้” รุ่งรุจีเห็นด้วย กับความคิดของเพื่อน
“ใช่ ใส่ชุดธรรมดาก็ได้ ไม่เปลืองเงินด้วย

“ว่าแต่แกกับคุณเอไปถึงไหนแล้วล่ะ

เพื่อนสาวถามขึ้น แต่เหตุใดถามคำถามนี้แล้วหัวใจมันเจ็บ แปลบขึ้นมาก็ไม่รู้ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หัวใจ สาวกลัดหนองเพราะต้องทนเห็นภาพหวานระหว่างกัมปนาทกับ วชิราภรณ์ และมีใจสงสารฝ่ายชายที่ถูกเพื่อนสนิทของเธอหลอก ให้รัก แต่ก็ไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยได้

“ถ้าถามถึงความรู้สึกของฉันไม่ไปถึงไหน ยังอยู่กับที่ แต่ถ้า เป็นความรู้สึกของค ตอนนี้เค้ารักฉันเต็มหัวใจเลย คอย ดูเถอะฉันจะหักอกให้ขาดกระจุย จะนั่งมองยืนมองเวลาที่คุณเอ เจ็บปวด”

สีหน้าของผู้พูดเต็มไปด้วยความสะใจ เมื่อนึกถึงความเจ็บ ปวดของกัมปนาทที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ และนั่นจะเป็นเวลา ที่เอสะใจมากที่สุด

“ฉันสงสารคุณเอจังเลย เค้าไม่ผิดเลยนะผึ้ง แกเอาหัวใจของ คนอื่นมาเป็นที่ระบายความแค้นอย่างนี้มันไม่ดีเลยนะ อีกอย่าง คุณเอไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้เลยนะ”

รุ่งรุจีตั้งใจว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แต่ก็อดไม่ได้ เธอไม่ต้องการเห็น ใครเจ็บปวดเพราะเรื่องนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นวชิราภรณ์หรือ กัมปนาท ชายหนุ่มที่เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในหัวใจมากขึ้นทุกวัน โดยไม่รู้ตัว

“ฉันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แต่ก็ต้องตกอยู่ในสถานะของคนไม่มีพ่อ ถูกแย่งความรัก ความอบอุ่นไปซึ่งๆ หน้าเป็นเพราะใคร ล่ะ เป็นเพราะใครถ้าไม่ใช่ยายแม่มดที่ชอบแย่งผัวชาวบ้าน ฉัน ไม่สนใจหรอกว่าคุณเอจะดีกับฉันมากแค่ไหน ฉันสนใจแต่ว่า ถ้า คนๆ นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับยายแม่มด พวกเขาก็จะต้องเจ็บปวด ทุกคน แม้กระทั่งเขม”

ความแค้นปะทุเดือดขึ้นในใจอีกครั้งเมื่อนึกถึงความเจ็บปวด และการกระทําของวรางค์คนางค์ ความแค้น ความริษยาที่นับวัน จะพอกพูนขึ้นในใจของวชิราภรณ์มากขึ้นทุกวันๆ จนไม่สนใจว่า ตนเองกำลังทำอะไรอยู่ กำลังทำให้คนดีๆ คนหนึ่งต้องได้รับ ความเจ็บปวดทางใจอย่างมากมาย จนเกือบเสียผู้เสียคน

รุ่งรุจีผ่อนลมหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้มกับความอาฆาต แค้นในอกของเพื่อนสนิท เมื่อไหร่หนอที่เพื่อนสาวจะหลุดพ้นจาก บ่วงแค้นนี้เสียที

“เอาล่ะ ตามใจแกก็แล้วกัน จะทำอะไรก็เรื่องของแก ฉันกับ ณัชญ์ทำได้แค่เตือนเท่านั้น แกจะทำตามหรือเปล่ามันก็เรื่องของ แกฉันไปทำงานก่อนนะ”

ใช่ว่าคำพูดคำเตือนของเพื่อนสนิททั้งสองคนจะไม่ไหลเข้าไป ในหูและสมองของวชิราภรณ์ แต่เธอเลือกที่จะปิดกั้นความ ปรารถนาดีของเพื่อน มีเพียงความแค้นเคืองที่ไหลเวียนอยู่ใน กระแสเลือดเท่านั้น

วันเดินทาง

กระเป๋าเดินทางสองใบถูกนำมาวางไว้ยังท้ายรถยนต์คันหรูของกัมปนาท ก่อนที่คนที่หิ้วกระเป๋าเมื่อครู่จะเดินกลับไปยังสาว หน้าตาน่ารักที่ยืนยิ้มหวานอยู่หน้าประตูบ้าน

“ขอบคุณมากนะคะคุณเอ รบกวนคุณเอแย่เลย มารับผึ้งไม่พอ ยังทำหน้าที่เด็กยกกระเป๋าอีก” วชิราภรณ์พูดขึ้นเมื่อร่างหนาเดิน เข้ามาใกล้ตนเอง

“ผมยินดีและเต็มใจครับ ไม่ให้ช่วยแฟนแล้วจะให้ช่วยใครล่ะ

ครับ” กัมปนาทตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เราไปกันดีกว่าคะ ผึ้งไม่อยากไปสาย ไม่อยากให้เพื่อนๆ รอ

“ไปครับ” สองหนุ่มพากันเดินไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล กัมปนาททำหน้าที่เปิดประตูรถดั่งเช่นทุกครั้ง ก่อนจะปิดมันลง เมื่อคนรักนั่งประจำที่ ส่วนตัวเขาก็เดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ทะยานรถออกไปจากหน้าประตูรั้วบ้านของวชิราภรณ์

ระหว่างที่ชายหนุ่มขับรถไปตามท้องถนนที่เริ่มควักไขว่ กัมปนาทลอบมองวชิราภรณ์หลายครั้ง สีหน้าประหนึ่งว่าเขา กำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ และในที่สุดเขาก็พูดเรื่องที่ ตั้งใจจะพูดออกไป

“คุณผึ้งครับ ผมอยากแต่งงาน”

ประโยคคำพูดของกัมปนาทที่ลอยเข้ามาในหูของวชิราภรณ์ ทำให้เธอรู้สึกตกใจในวินาทีแรกก่อนจะเปลี่ยนเป็นสะใจอยู่ใน อกที่แผนการของตนเองลุล่วงได้ไวเกินคาด การที่เขาพูดออกมา เช่นนี้นั่นหมายความว่าเขากำลังขอเธอแต่งงาน
“อะไรนะคะ คุณเอพูดว่าอะไรนะคะ”

วชิราภรณ์แสร้งทำท่าทางตกใจราวกับว่าได้ยินคำพูดของเขา ไม่เต็มหู กัมปนาทได้ยินคำถามนั้นจึงหักรถมาจอดริมถนน เพื่อ พูดคุยกับหญิงสาวให้เป็นเรื่องเป็นราว

“ผมบอกว่า ผมอยากแต่งงานครับ คุณผึ้งจะว่าอะไรไหมถ้า หากผมจะให้คุณลุงกับคุณอามาสู่ขอคุณผึ้งกับคุณป้า ผมรักคุณ ผึ้งนะครับ รักมากด้วย” เขาหันมาพูดกับผู้หญิงที่เขารักและวาด หวังจะมาเป็นคู่ครอง วชิราภรณ์ยิ้มเขินแต่ในใจลิงโลดและสา แก่ใจเป็นที่สุด

“มันไม่เร็วเกินไปเหรอคะคุณเอ เรารู้จักกันแค่เดือนกว่าๆ เอง นะคะ”

เธอพูดขึ้น มือใหญ่ของกัมปนาทเอื้อมมาจับมือเล็กของคนที่

เขากำลังจะขอแต่งงานด้วย เขากุมมือนุ่มอย่างทะนุถนอม มอง

สบซึ้งลงไปในดวงตาหวานปนเศร้าของเธอ

“มันอาจจะเร็วสําหรับคนอื่น แต่สำหรับผมช้าเหลือเกินครับ หนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผมได้รู้จักคุณผึ้ง เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมา เป็นแฟน มันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดครับ ผมไม่เคย รักใครมาก่อน พอผมเจอคุณผึ้งผมบอกได้คำเดียวเลยว่า รักคุณ ผึ้งหมดหัวใจและจะรักตลอดไป แต่งงานกับผมนะครับ”

คำพูดที่กลั่นออกมาจากหัวใจของกัมปนาทถูกถ่ายทอดให้ หญิงสาวที่ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกนั้นๆ ของเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ ได้อิ่มเอมใจกับคำพูดระรื่นหู ชวนฟัง ให้เคลิ้มฝันนี้เลย
“ขอบคุณคุณเอมากนะคะที่รักยิ่ง แต่ตั้งขอเวลาอีกสักหน่อยได้ ไหมคะ ชีวิตคู่ของแม่ทำให้ผึ้งกลัว ผึ้งกลัวว่าคุณเอจะเป็นเหมือน กับพ่อที่ทำร้ายผึ้งด้วยการพาเมียน้อยเข้าบ้าน ผึ้งกลัวค่ะ กลัว มากเหลือเกิน ผึ้งคงใจตายแน่ๆ ถ้าหากมันเป็นอย่างนั้น ผึ้ง ไม่กล้าด่วนตัดสินใจอะไรตอนนี้ ขอเวลาผึ้งอีกสักหน่อยนะคะคุณ เอ”

วชิราภรณ์แบ่งรับแบ่งสู้ กัมปนาทเข้าใจความกลัวที่ติดค้าง อยู่ในใจของคนรักดี และเขาก็จะทำให้ความกลัวนั้นหลุดออกไป จากหัวใจของวชิราภรณ์ให้ได้

“ผมรอได้ครับ ผมจะแสดงให้คุณผึ้งรู้ว่า ผมพร้อมที่จะหยุดทุก อย่างไว้ที่คุณผึ้งเพียงคนเดียวครับ” ชายหนุ่มแสนดีพูดเสียงนุ่ม นวลแต่ทว่าหนักแน่นดั่งหินผา และคิดว่าเขาทำในสิ่งที่พูดออก ไปได้

“ขอบคุณคุณเอมากนะคะที่เข้าใจผึ้ง ไปกันเถอะนะคะ เดี๋ยวจะสาย”

เธอกล่าวขอบคุณพร้อมกับตัดบท กัมปนาทยกมือนุ่มขึ้นมา จุมพิตกลางหลังฝ่ามือ เธอซักมือกลับด้วยกิริยาที่ขวยเขิน เขา เห็นแล้วแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะคว้าตัวสาวรูปร่างมากอด ไว้อ้อมแขน ความเป็นสุภาพบุรุษทำให้เขาไม่ทำเช่นนั้น เอี้ยวตัว กลับไปนั่งในท่าตรง แล้วขับรถออกไปทันที

รุ่งรุจีก้มมองนาฬิกาข้อมือหลายครั้งสลับกลับมองไปยังทาง เข้ามายังตัวอาคารสํานักงาน เพื่อนพนักงานที่จะไปสัมมนาและไปท่องเที่ยวมากันอย่างพร้อมหน้า ก็จะเหลือเพียงวชิราภรณ์คน เดียวเท่านั้นที่ยังเดินทางมาไม่ถึง และเวลานี้ก็เลยเวลานัดหมาย มาแล้วสิบนาที

“ผึ้งยังไม่มาอีกเหรอ” ณัชญ์ถามขึ้นเมื่อเดินมาหาเพื่อนสาวที่ ชะเง้อคอยาวเหมือนยีราฟ

“ยังน่ะสิ นี่ก็เลยเวลานัดมาตั้งสิบนาทีแล้วนะ เดี๋ยวลุงคนขับ รถก็ไม่คอยกันพอดี” พูดไปก็ยังชะเง้อมองต่อไป

ลองไม่ค่อยสิ คราวหน้าอย่าหวังว่าจะเรียกมาใช้งานอีก”

คนที่เป็นผู้ช่วยรองประธานบริษัทกล่าวเสียงเข้ม ณัชญ์เป็นคน เลือกที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวรวมทั้งบริษัทรถบัสที่จะนำคณะเดิน ทางไปยังจุดหมายเอง หากไม่รอคนที่เขาแอบหลงรักรับรองงาน หน้าคงจะไม่ได้ร่วมงานกันอีกแน่นอน

“นั่นไง รถคุณเอมาแล้ว” รุ่งรุจีเอ่ยด้วยความดีใจเมื่อเห็น รถยนต์ของกัมปนาทเลี้ยวเข้ามาในในเขตอาคารสำนักงาน ณัชญ์ทำหน้าเบ้ทันทีที่ได้ยินประโยคดีใจของเพื่อนสาว ตลอด ระยะเวลาที่ศัตรูหัวใจเข้ามาใกล้ชิดกับวชิราภรณ์หัวใจของเขา เจ็บปวดตลอดเวลา จะเข้าไปห้าม แสดงความหึงหวงก็ไม่ได้เก็บ ความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ในอก รุ่มร้อนเพียงคนเดียวตามลำพัง ต้องแบกรับสถานะของคำว่า เพื่อนสนิทเอาไว้ ทั้งๆ ที่เขา ต้องการเป็นมากกว่านั้น

“มาทำไมก็ไม่รู้” ณัชญ์พูดเบาๆ หลังจากที่กัมปนาทจอดรถไม่ ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เขากับรุ่งรุจียืนอยู่ ก่อนที่เจ้าของรถคันนั้นจะก้าวลงมา ทําตัวเป็นสุภาพบุรุษอีกครั้งด้วยการเปิดประตูให้ว ร าภรณ์ แล้วจึงเดินไปยังท้ายรถเพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางของหญิง สาว

“ทำไมมาช้าจังผึ้ง รอตั้งอยู่คนเดียวนี่แหละ” รุ่งรุจีถามขึ้น ก่อนจะหันไปทักทายกัมปนาท สวัสดีค่ะคุณเอ

“สวัสดีครับคุณ คุณณัชญ์” กัมปนาททักทายกลับด้วยรอย

ยิ้มที่เป็นมิตร

“พอดีรถมันชนกันนะ รถติดยาวเหยียดก็เลยมาช้า ขอโทษที่

วชิราภรณ์ตอบถึงสาเหตุกับการมาล่าช้ากว่ากำหนด ระหว่าง ทางที่มุ่งตรงมาที่นี่ มีรถยนต์สองคันขับชนกัน ทำให้การจรจร ติดขัดไปโดยปริยาย

“ไปกันเถอะ จะได้รีบๆ ไปกัน” ณัชญ์เร่งเพราะไม่ต้องการเห็น

หน้ากัมปนาท

“ผึ้งไปก่อนนะคะ” วชิราภรณ์หันมากล่าวลากัมปนาทที่ยืนถือ กระเป๋าเดินทางของวชิราภรณ์อยู่

“ครับ อีกสามวันผมจะมารับที่นี่นะครับ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ผึ้งไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน ผึ้งกลับแท็กซี่ เองดีกว่าคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมคอยคุณผึ้งได้ทั้งวันครับ” กัมปนาทไม่ละ ความตั้งใจของตนเอง ยืนกรานคำเดิม
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมจะไปส่งผึ้งเองดีกว่า ไม่ต้องลำบาก คุณด้วย ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน ไปกันเถอะผึ้ง จี

ณัชญ์พูดจบก็คว้ากระเป๋าเดินทางของวชิราภรณ์ที่อยู่ในมือ ของกัมปนาทมาไว้ในมือของตน ก่อนจะเดินไปเก็บไว้ในท้ายรถ ยนต์บีเอ็มดับบลิวของตัวเอง แล้วเดินกลับมาที่เดิมอีกครั้ง

“จีกับผึ้งไปรถณัชญ์นะ ณัชญ์จะขับรถไปเอง”

“ผึ้งไปก่อนนะคะคุณเอ สวัสดีค่ะ

วชิราภรณ์กล่าวลาด้วยรอยยิ้มหวานๆ อีกครั้ง หมุนตัวไปยัง รถยนต์ของเพื่อนสนิททันที โดยมีสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่ พอใจของใครบางคนที่นั่งมองอยู่บนรถบัสมองตาไม่กระพริบ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา ริษยาและเคียดแค้น

“จีไปก่อนนะคะคุณเอ สวัสดีค่ะ” รุ่งรุจีเอ่ยคำลากับกัมปนาท เช่นกัน ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ขโมยหัวใจสาวไปทั้ง ดวง

“ครับ สวัสดีครับ ฝากดูแลคุณผึ้งด้วยนะครับ”

รอยยิ้มที่รุ่งรุจีมอบให้ผู้พูดเลื่อนลงทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยค นี้ รู้สึกเศร้าหมองที่ตนเองไม่อาจได้ครอบครองหัวใจของเขาได้ เธอคงจะต้องแอบรักเขา เก็บงำความรู้สึกที่มีไว้ในใจตลอดชีวิต

“ค่ะ จีจะดูแลผึ้งแทนคุณเอเองค่ะ” เธอรับคำเสียงเบา สีหน้า เศร้า

“ขอบคุณมากครับ แล้วเจอกันใหม่นะครับ” ผู้พูดเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังรถยนต์ของตัวเองที่อยู่ไม่ไกล

“จีเร็วๆ” เสียงเร่งของณัชญ์ดังขึ้นทำให้รุ่งรุจีรีบหมุนตัวเดิน แกมวิ่งไปยังรถยนต์ของเพื่อนชาย เมื่อทุกคนนั่งประจำที่ รถยนต์ คันหรูจึงเคลื่อนตัวออกจากหน้าอาคารสำนักงาน จุดหมายปลาย ทางคือชะอำ จ.เพชรบุรี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ