พยาบาทรักลวงใจ

บทที่ 2 พี่สาวนิสัยไม่ดี 2



บทที่ 2 พี่สาวนิสัยไม่ดี 2

“แม่จ๋า แม่ ผึ้งกลับมาแล้วจ้ะ ผึ้งซื้อของอร่อยๆ มาฝากแม่ เยอะแยะเลย

เสียงหวานใสของวชิราภรณ์ดังมาก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปใน บ้าน ทำให้สตรีวัยห้าสิบเอ็ดปีหันหน้ามามองต้นเสียงที่หิ้วถุง อาหารติดมือมาหลายใบ ด้านหลังมีหนุ่มรูปงามนามว่าณัชญ์ เพื่อนสนิทของลูกสาวที่เดินตามมาติดๆ

“สวัสดีครับคุณป้า จียังไม่หรือครับ?” ณัชญ์พนมมือไหว้ มารดาของเพื่อนสนิท ก่อนจะเอ่ยถามถึงเพื่อนอีกคน

“มาแล้วจ้ะ ออกไปซื้อน้ำหวานที่ร้านโกฮุยนะ” กัญญาเอ่ยตอบ

“แม่จ๋า วันนี้ผึ้งซื้อของอร่อยๆ ทั้งหลายอย่างมาให้แม่ด้วยนะ ของชอบของแม่ทั้งนั้นเลย

วชิราภรณ์ชูถุงอาหารที่อยู่ในมือให้มารดาดู จากนั้นก็เดินตรง ไปเข้าในห้องครัว เพื่อจัดอาหารที่ซื้อมาใส่จาน เพียงสิบนาที อาหารหลากหลายชนิดก็ถูกตั้งวงอยู่บนพื้นไม้กระดานของบ้าน ณัชญ์ทำหน้าที่ยกหม้อหุงข้าวมาวางไว้ข้างๆ วชิราภรณ์ ก่อนที่ ลูกสาวเจ้าของบ้านจะตักข้าวสวยร้อนๆ แจกจ่ายให้คนที่ร่วมรับ ประทานอาหารด้วย

“นึกยังไงซื้อของกินมาเยอะแยะอย่างนี้ล่ะลูก ซื้อผักสด เนื้อสัตว์มาทํากินเองแม่ว่าจะประหยัดกว่านะ”

กัญญาซึ่งมีนิสัยมัธยัสถ์ ใช้ชีวิตแบบพอเพียงไม่ฟุ้งเฟ้อไป ตามวัตถุนิยมและสังคมเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปเอ่ยบอกลูกสาว พร้อมกับมองอาหารหลายอย่างที่มีราคาค่อนข้างแพงด้วยความ เสียดายเม็ดเงินที่ซื้อไป

“แม่จ๋า นานๆ ครั้งน่ะ พอดีวันนี้ผึ้งทำงานชิ้นโบว์แดงชิ้นหนึ่ง เสร็จ ผึ้งก็เลยเลี้ยงฉลองความสำเร็จน่ะแม่”

วชิราภรณ์คุยโว กัญญายิ้มรับความสำเร็จของลูกสาว เพราะ เข้าใจว่าผลงานชิ้นที่ว่านั้นนั้นเป็นเรื่องงาน สองเพื่อนสนิทมอง หน้ากัน ทั้งสองไม่อยากจะคิดเลยว่า หากกัญญารู้เรื่องที่ลูกสาว ทําอยู่ นางจะเสียใจและผิดหวังมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากความ ลับมันไม่มีในโลกใบนี้

“กินข้าวเถอะแม่ ของอร่อยๆ ทั้งนั้นเลย”

ทั้งหมดจึงลงมือรับประทานอาหารที่วชิราภรณ์เลือกซื้อมาให้ มารดาทาน โดยเฉพาะอย่างไม่นึกเสียดายเงินที่ซื้อไป ทั้งสี่ทาน อาหารอย่างเอร็ดอร่อย พูดคุยกันอย่างสนุกสนานทำให้รสชาติ ของอาหารเย็นมือนี้อร่อยเพิ่มขึ้นหลายเท่า ก่อนวชิราภรณ์และ เพื่อนสนิททั้งสองคนจะช่วยกันเจ็บจานชามไปล้าง

“ผึ้ง เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้ซะที แกมีความสุขนักหรือไง ไม่กลัวป้าญารู้เรื่องเหรอ?” รุ่งรุจีหันมาถามเพื่อนสาวขณะกำลัง ล้างจาน

“ฉันไม่มีวันเลิกทำจนกว่าคนพวกนั้นจะได้รับความเจ็บปวดเหมือนกับที่แม่ฉันเจ็บ แล้วที่ถามฉันว่าฉันมีความสุขหรือเปล่า ตอบตรงนี้เลยว่ามาก ฉันมีความสุขเมื่อได้เห็นน้องสาวฉันเสีย น้ำตา มันสะใจเป็นที่สุด ส่วนค่าถามหลังสุดของแก แม่ฉันไม่มี วันรู้เรื่องนี้เด็ดขาดถ้าหากแกสองคนไม่พูด

“แกรู้ได้ยังไงว่าป้าญาเจ็บปวด แกเคยถามป้าญาเหรอ?”

“ฉันรู้สึ ก็เพราะท่านเป็นแม่ของฉัน แกไม่ได้อยู่กับท่านมา ตั้งแต่เกิด แกไม่รู้หรอกว่าแม่ของฉันเจ็บปวดมากแค่ไหน แม่ฉัน เจ็บ ฉันก็เจ็บด้วยแล้วใครหน้าไหนที่มันทำให้แม่ของฉันเจ็บ คนๆ นั้นก็จะต้องเจ็บมากกว่าฉันหลายร้อยเท่า

วชิราภรณ์ตอบตามความรู้สึกของเธอเอง ประกอบกับภาพใน วัยเด็กที่หญิงสาวมักเห็นมารดาแอบร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง พอเธอ ถามมารดาจะบอกว่าฝุ่นเข้าตาเสมอ จนกระทั่งเธอมารู้ความจริง ทั้งหมด ในวัย 14 ปี

ณัฐพลบิดาของวชิราภรณ์แต่งงานกับกัญญาได้เพียงสามปี ความรักและความเข้าใจถูกแทรกเพราะผู้หญิงที่ชื่อ

วรางค์คนางค์ ณัฐพลพาภรรยาน้อยเข้ามาอยู่ในบ้าน นำพา ความเสียใจมาให้กัญญาอย่างมากมายมหาศาล เท่านั้นยังไม่ พอ ยังลดบทบาทหน้าที่ของภรรยาหลวงทีละนิด จากเดิมที่ กัญญาคอยจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านก็ถูกภรรยาน้อยยึดไป ทำหน้าที่นั้นแทน กัญญาซึ่งมีนิสัยเงียบๆ เก็บความรู้สึกไว้ ภายใน นางไม่พูด ไม่ว่าภรรยาน้อยสักคำ หวังลึกๆ ว่าณัฐพลจะ ให้ความยุติธรรมกับนางบ้าง เปล่าเลย…ณัฐพลไม่ทำการใดๆทั้งสิ้น แถมยังบอกว่า เป็นการณ์ดีที่วรางคนางค์มาช่วยดูแลค่า ใช้จ่ายภายในบ้าน แบ่งเบาภาระไปได้อีกทางหนึ่ง

เรื่องมันไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ต่อหน้าณัฐพล วรางค์คนางค์จะ ทําตัวดี อ่อนน้อมถ่อมตนกับกัญญาเสมอ ทว่าลับหลังพฤติกรรม คนละทางกันเลย ภรรยาน้อยมักพูดจาเสียดสีมารดาของเธออยู่ ตลอดเวลา พูดประมาณว่า ที่ณัฐพลพาตนเองเข้ามาอยู่ในบ้าน นั้น เป็นเพราะเบื่อและหมดรักภรรยาหลวง หนำซ้ำยังพูดทิ้งท้าย ด้วยว่า ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ถ้าเป็น

วรางค์คนางค์คงหนีไปจากที่นี่ ไม่ทนอยู่กับคนที่ไม่ต้องการตัว เอง

กัญญาเก็บความรู้สึกต่างๆ ไว้ในใจ ไม่แสดงกิริยาใดๆ ให้ สามีไม่สบายใจ แม้ว่าตนเองจะกล้ำกลืนมากเพียงไรก็ตาม เหตุผลที่กัญญาหนีออกมาจากชีวิตของบิดาเป็นเพราะ ณัฐพล เข้ามาพูดเรื่องบางอย่างกับกัญญาในวันหนึ่ง เรื่องนั้นก็คือเรื่อง หย่า โดยให้เหตุผลในการขอหย่าว่า ตอนนี้วรางค์คนางค์ตั้ง ครรภ์ได้หนึ่งเดือนเศษ เขาไม่อยากให้ลูกที่เกิดมาในอนาคต ต้องมีปมด้อย หากรู้ว่าแม่ของตนเองเป็นภรรยาน้อย การหย่า ร้างเป็นเพียงในนามเท่านั้น กัญญาสามารถอยู่ในบ้านของเขา ไปตลอดชีวิต เขาไม่คิดที่จะผลักไสนางไปไหน กัญญาเสียใจ มากเนื่องจากตอนนั้นนางก็ตั้งครรภ์ได้สองเดือนเศษเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร

กัญญาอยากจะถามณัฐพลกลับไปว่า แล้วลูกของนางที่อยู่ ในท้องจะทำอย่างไร หากหย่าร้างกันไปแล้ว ลูกของนางจะมีปมด้อยเหมือนลูกของวรางค์คนางค์หรือไม่ กัญญาไม่ถาม เนื่องจากคำพูดของณัฐพลชัดเจนทุกอย่างแล้วว่า ไม่ต้องการให้ นางอยู่ในฐานะภรรยา กัญญาจึงหนีออกจากบ้านที่ฝากความ เจ็บปวดไว้ในหัวใจของตัวเองทันทีที่จัดการเรื่องหย่าเรียบร้อย ไม่มีใครรู้ว่านางตั้งท้อง ไม่มีใครรู้ว่านางให้กำเนิดธิดาหน้าตา น่ารัก เป็นแก้วตาดวงใจ เป็นตัวจุดประกายความหวังและแรงฮึด สู้กับโลกที่แสนโหดร้าย

“เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว บางทีป้าญาอาจจะลืมไปแล้ว ก็ได้ อีกอย่างที่ป้าญาเล่าให้แกฟัง ไม่ใช่ให้แกไปเคียดแค้นคน บ้านโน้น ป้าญาอยากให้แกรู้ว่าใครคือพ่อของแกต่างหาก แก แปลความหมายผิดเพี้ยนไปหรือเปล่า?”

รุ่งรุจีเป็นเพื่อนกับวชิราภรณ์มานานถึงสิบเก้าปี วันที่สัญญา เล่าให้เพื่อนสาวฟังเธอก็นั่งฟังอยู่ด้วย จึงรู้เรื่องราวทั้งหมด รุ่งรุจี ยังจำวันที่กัญญาเล่าอดีตได้เป็นอย่างดี แววตาของนางนั้นไม่มี ความทุกข์โศก ไม่มีความเสียใจแฝงอยู่ในสายตาคู่นั้นเลย

“แกเป็นเพื่อนฉันหรือว่าเป็นเพื่อนน้องนอกไส้ของฉันกันแน่ แกไม่เคยเข้าข้างฉันเลย”

วชิราภรณ์พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ไม่เคยเลยที่เพื่อนสนิททั้ง สองจะเข้าข้างเธอ ตรงกันข้ามคอยห้ามปรามทุกเมื่อเชื่อวัน รุ่งรุจี กับณัชญ์น่าจะเข้าใจความรู้สึกของเธอมากที่สุดมันถึงจะถูก

“ก็เพราะแกเป็นเพื่อนฉันนะ ฉันถึงได้เตือนแก คอยห้ามแก เพราะไม่อยากให้แกเจ็บปวดใจไปมากกว่านี้ ถ้าหากแกรู้จักคำว่าให้อภัยเหมือนป้าญา แกจะมีความสุขมากกว่านี้นะผึ้ง

รุ่งรุจีพูดประโยคนี้กับเพื่อนสาวเสมอ การให้อภัยเป็นหนทาง แห่งความสุข หากไม่รู้จักคำๆ นี้ วชิราภรณ์คงต้องตกอยู่ในช่วง ความแค้นไปตลอดชั่วชีวิต

“ตอนนี้ชีวิตฉันก็มีความสุขดี ยิ่งได้แก้แค้นแทนแม่ ฉันยิ่งมี ความสุขมากขึ้นไปอีก แกสองคนไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉัน ดูแลตัวเองได้”

“จีกับณัชญ์เป็นห่วงผึ้งนะ รู้มั้ยทุกครั้งที่พึ่งพาแฟนของเขมไปที่ โรงแรมเพื่อทำตามแผน กับณัชญ์เป็นห่วงผึ้งมากแค่ไหน กลัว ว่าผึ้งจะพลาดพลั้ง ให้พวกผู้ชายหลายใจพวกนั้น อันที่จริงณัชญ์ เองก็ไม่อยากขัดขวางความสุขในการแก้แค้นของผึ้งหรอกนะ แต่ความที่จีกับณัชญ์เป็นห่วงผึ้ง จึงได้เตือนด้วยความหวังดี ไม่ ได้คิดเข้าข้างคนอื่นเลย กับณัชญ์เข้าข้างฝั่งเสมอ

ณัชญ์พูดขึ้นหลังจากที่เงียบมาตลอดการสนทนา วชิราภรณ์ วางจานที่ล้างใบสุดท้ายลงในที่คว่ำจาน ก่อนจะหันมาหาเพื่อน รักทั้งสองคนที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าจะสุขหรือว่าจะทุกข์

“ฉันขอบใจแกสองคนมากนะที่เป็นห่วงฉัน ฉันดูแลตัวเองได้ จริงๆ อายุตั้งยี่สิบห้าแล้วไม่ใช่เด็กๆ เรื่องแก้แค้นแทนแม่พวก แกไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันพอใจที่จะทำอย่างนี้เอง

วชิราภรณ์เดินเข้ามาสวมกอดเพื่อนรักทั้งสองด้วยความ ซาบซึ้งใจ ในโลกนี้มีเพียงสามคนเท่านั้นที่รักและหวังดีกับเธอ เสมอมา หนึ่งคือมารดา สองคือรุ่งรุจี และสามคือณัชญ์ หญิงสาวเคยคิดว่าหากวันหนึ่งเจอคนที่ใช่และแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เธอจะไม่มีวันยอมให้ใครมาแย่งชายคนรักไปเด็ดขาด และไม่มี วันยอมมีชะตาเดียวกันกับมารดาอีกด้วย

ตอนดึกของวันนั้น

“แม่จ๋า ปลายเดือนหน้าผึ้งต้องไปต่างจังหวัดนะแม่ไปสามวัน สองคืน” วชิราภรณ์เอ่ยบอกมารดาขณะจัดที่นอนสำหรับเธอและ มารดา

“ไปที่ไหนล่ะลูก?”

“ไปชะอ่าจะแม่ ที่ทำงานเขาจัดสัมมนาที่โน่นค่ะ พอสัมมนา เสร็จก็พาพนักงานไปเที่ยวเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” พูด จบก็ล้มตัวลงนอนบนฟูกที่ปูเสร็จเรียบร้อย กัญญาปิดไฟในห้อง ก่อนจะเดินมาเอนตัวนอนบนฟูกอีกคน

“ใกล้ๆ วันแม่จะจัดกระเป๋าให้นะ ผึ้งจะได้ไม่ยุ่ง

“จ้ะแม่” ผู้เป็นลูกรับคำ เขยิบตัวมากอดร่างของกัญญาเหมือน เช่นทุกคืน

“ผึ้งโตแล้วนะลูก เมื่อไหร่จะเลิกติดแม่ซะที แม่ให้ไปนอนห้อง โน้นก็ไม่ไปไม่อายกับณัชญ์บ้างหรือลูก?”

บ้านที่สองแม่ลูกอาศัยอยู่เป็นบ้านเช่าชั้นเดียวมีสองห้องนอน ทหาวชิราภรณ์ไม่ยอมแยกไปนอนอีกห้อง ยืนกรานจะนอนกับ มารดาแม้ว่าวัยจะล่วงเลยมาถึงยี่สิบห้าปีแล้วก็ตาม

“ผึ้งไม่อาย ผึ้งรักแม่ ผึ้งไม่สนใจใครทั้งนั้นว่าจะมองผึ้งเป็นลูกแห่ง ตั้งอยากนอนกอดแม่ทุกวัน กอดใครก็ไม่อุ่นเท่ากับกอดแม่ เลย ผึ้งรักแม่ที่สุดในโลกจะ

ล่าแขนของคนที่พูดรัดร่างของมารดาอย่างแนบแน่น เงยหน้า หอมแก้มกัญญาฟอดใหญ่ก่อนจะซบหน้ากับอกอุ่นของบุพการี

“พอมีแฟนเดี๋ยวก็ลืมแม่” กัญญาเข้าลูกสาว

“ผึ้งไม่มีวันลืมแม่หรอกจ้ะ มีแม่แค่คนเดียวถ้าลืมก็แย่แล้ว เรื่องแฟนมันเป็นเรื่องไกลตัวจะแม่ ผู้ชายสมัยนี้หายาก อยู่ขึ้น คานนอนกอดแม่ดีกว่า”

วชิราภรณ์ไม่แคร์หากจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต เป็นการดี เสียอีกเพราะหญิงสาวจะได้แย่งคนรักของเขมิกาไปนานๆ ไม่ ต้องกลัวว่าจะอยู่บนคานทองคนเดียว เพราะอย่างน้อยยังมีน้อง สาวนอกไส้อยู่รวมคานทองนิเวศน์เป็นเพื่อนเธอ

“ผู้ชายดีๆ ก็มีนะลูก ไม่แน่นะลูกสาวของแม่อาจจะได้พบเจอ

เร็วๆ นี้ก็ได้”

“ผึ้งรู้ค่ะ แต่ผึ้งยังหาไม่เจอเท่านั้นเอง แม่โบนัสออกปีนี้ ผึ้ง ว่าผึ้งจะพาแม่ไปเที่ยว แม่อยากไปที่ไหนจะผึ้งจะพาแม่ไป” เธอ เปลี่ยนหัวข้อเรื่องการสนทนา เอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจจะ ทำให้มารดา

“แม่ไปไหนก็ได้ ขอให้ที่นั่นมีผึ้งก็พอ

“งั้นเราไปเที่ยวกระบี่กันนะแม่ หาดทราย น้ำทะเลที่นั่นสวย มากๆ เลยแม่ ผึ้งว่าแม่ต้องชอบแน่ๆ เลยจ้ะ”
“แม่ตามใจเจ้ามือ พาไปไหนแม่ก็ไปที่นั่น” นางไม่เกี่ยวเรื่อง สถานที่ท่องเที่ยว ขอเพียงที่แห่งนั้นมีลูกสาวไปด้วยก็พอแล้ว

“แม่จ๋า ผึ้งรักแม่นะจ้ะแล้วก็จะรักตลอดไปด้วย ราตรีสวัสดิ์นะ

จ้ะแม่จ๋า”

วชิราภรณ์เงยหน้าส่งยิ้มละไม่พร้อมกับฝังปลายจมูกลงบน แก้มของมารดา กล่าวราตรีสวัสดิ์เหมือนเช่นทุกค่ำคืนที่ผ่านมา

“แม่รักผึ้งน้อยของแม่ที่สุดในโลกแล้วก็จะรักตลอดไปด้วยจะ ฝันดีนะลูกรัก” กัญญาหอมแก้มลูกสาว เอ่ยคำอวยพรให้วชิราภ รณ์ฝันดีดั่งเช่นทุกค่ำคืนตั้งแต่ลูกคนนี้เกิดมา

“แม่จ๋า ผึ้งรักแม่”

เธอพึมพำเบาๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเข้าสู่ห้วงนิทรา ในอ้อมกอด ที่แสนอบอุ่นของมารดา อ้อมกอดที่ไม่เคยทำร้ายเธอให้เจ็บกาย และใจ มันจะดีไม่น้อยหากหญิงสาวจะได้รู้ซึ้งถึงความอบอุ่นจาก อ้อมกอดของคนที่เป็นพ่อบ้าง วชิราภรณ์หวังลึกๆ ว่าคงจะมีวัน นั้น ในสักวันหนึ่งของชีวิต


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ