บทที่8 ในใจเยือกเย็นเป็นที่สุด
ขณะที่ขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางได้รับสายจาก ฉินเซียวเซียว เพื่อถามเธอว่าผลออกมาเป็นยังไง ซ่งเมียวบอกเล่าเรื่องฉินเซียวเซียวตามความเป็น จริง แน่นอน ตัดส่วนที่ไม่จําเป็นนั่นเอาไว้
ฉินเซียวเซียวดีใจมาก ยังถามอีกหลายเรื่องเกี่ยว กับเทพเจ้าของเธอก่อนจะวางสายไป
อาจจะเป็นเพราะว่าแบบร่างขั้นต้นได้รับการ
ยืนยัน ซ่งเมียวจึงดีใจอยู่ไม่น้อย พอกลับถึงบ้าน ก็เกือบจะสี่ทุ่มโมงแล้ว เวลานี้ หยางฉิงนอนแล้ว
รถเพิ่งจะเข้าประตูตระกูลหชู่ ด้านในมีลัมโบกินี่สี คําจอดอยู่มีสีเสียงอุทานแว่วดังมา
นั่นไม่ใช่เสียงของใครแปลกหน้า แต่ว่าเป็นเสียง
ของซ่งเมียว
เพิ่งจะอารมณ์ดีเหมือนพระจันทร์เต็มดวงในฤดูอัน หนาวเหน็บ ตอนนี้เหมือนกับถูกราดด้วยน้ำแข็งอีกครั้ง หนาวไปถึงขั้วหัวใจ
ซ่งเมียวนั่งอยู่ในรถ รู้สึกว่าแขนขาชาไปหมด ยิ่ง หนาวที่สุดที่หัวใจ
เธอปิดไฟในรถ ไฟจากรถฝั่งตรงข้ามก็ดับลงด้วย มีแค่เพียงไฟจากสวนดอกไม้ซึ่งรถคันนั้นจอดอยู่ใกล้ๆ ฉากนั้นถูกบดบังไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน
ซ่งเมียวเห็นฟางซินรีบร้อนใส่กระโปรงและเสื้อ โค้ท หล่อนจ้องหชู่ซ่าวเหยนด้วยท่าทางโกรธแปลกๆ เห็น หล่อนและหชู่ซ่าวเหยนจูบอยู่ด้วยกันอย่างดูดดื่ม ในใจ เธอก็เหมือนมีรูโหว่ ลมหนาวสามารถพัดผ่านไปอย่างไม่มีอะไรขวางกั้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นานจนใจของเธอเริ่ม จะชินชา หซู่ซ่าวเหยนถึงได้สตาร์ทรถ และพาฟางซิน
จากไป ซงเมียวเดินเหมือนซากศพตรงเข้าห้องนอน เธอ
ตรงไปยังก๊อกในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา
เพิ่งจะเปิดก๊อกน้ำ เธอก็ลื่นล้มตัวลงกับพื้น ฝัง ใบหน้าตัวเองลงในเข่า
ช่วงแรกเธอและหมู่ซ่าวเหยนไม่ใช่อย่างนี้ ถึง แม้ว่าส่วนมากเธอจะรบกวนเขา แต่ว่าเขาก็อ่อนโยนกับ เธอมาก ไม่เคยกล่าวหาเธออย่างรุนแรงเลย และไม่เคย ต้องทำให้ร้อนใจ
แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขาเปลี่ยนไป
เขามองไม่เห็นสิ่งที่เธอทำเพื่อเขาอีกต่อไป ไม่มี
ขอบเขตจนทำให้เธอต้องช้ำใจอยู่เสมอ ร่างกายค่อยๆเย็นลง ซ่งเมียวรู้สึกหนาวสั่น เธอ เพิ่งจะพบว่า ไม่ได้ปิดก๊อก พื้นห้องน้ำเปียกชุ่มเหมือนสระ
ว่ายน้ำ เปียกปอนไปทั้งเสื้อผ้าเธอ
เธอลุกขึ้นมาปิดก๊อก และมองกระจกเห็นผู้หญิงที่ หน้าขาวซีดเหมือนผี คิดแล้วก็หัวเราะ หัวเราะได้น่า เกลียดกว่าร้องไห้อีก
พอออกมาจากห้องน้ำ ประตูคฤหาสน์ก็ถูกเปิด ออกจากด้านนอก
ได้ยินเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคย แต่ซ่งเมียวก็ไม่ได้หัน กลับไปมอง
แน่นอนว่าเขาเบื่อตัวเอง ว่าทำไมจะต้องตื่นขึ้นมาด้วย
สายตาเธอไม่แลต้องการเดินขึ้นชั้นบน แต่เธอก็ พบว่าเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เธอยังไม่ทันได้มี ปฏิกิริยาใด มือขวาก็ถูกคว้าจับเอาไว้แน่น “ตอนเย็นไป ไหนมา”
น้ำเสียงหซู่ซ่าวเหยนเย็นชา คว้าจับข้อมือเธอด้วย แรงอันไม่มีความเมตตา
ซ่งเมียวรู้สึกเหมือนข้อมือกำลังจะหลุดออกมา เธอ หันกลับไป ลดเสียงลงต่ำตอบเฉยๆ “นัดคนทานข้าว”
“กับใคร”
หซู่ซ่าวเหยนจ้องเธอทั้งสองตา
ดวงตาอันสวยงามทั้งคู่ของซ่งเมียว แต่ไม่ใช่ความ งามอันผุดผ่อง แต่เป็นความงามอันอ่อนโยนและเขินอาย ใบหน้าของเธอไร้พลังในการที่จะโจมตี นั่นทำให้ทุกครั้ง ที่คนเห็นเธอ ทําให้คนยากจะสงบจิตสงบใจเอาไว้ได้
หชู่ซ่าวเหยนมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิด ถ้าผู้หญิงตรง หน้าไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจคอโหดร้าย บางที เขาอาจจะยัง เต็มใจอยู่กับเธอด้วยดีก็ได้
มันเป็นเพียงประกายความคิดแวบหนึ่งผ่านเข้ามา ในสมองเท่านั้น ก่อนจะถูกเขาโยนทิ้งไป
สีหน้าหชู่ซ่าวเหยนบิดเบี้ยวขึ้น “ไม่น่าจะใช่ ไปกิน ข้าวกับผู้ชายมาเป็นกลุ่มอีกล่ะสิ ทำมาบอกทานข้าว ซ่ง เมียว คุณปิดผมไม่ได้หรอก ทำอะไรอย่าคิดว่าผมไม่รู้ คุยงานกับลูกค้าเป็นยังไงล่ะ ต๊ะ”
พูดถึงตอนสุดท้าย น้ำเสียงของเขาก็ค่อยๆรุนแรง และไม่พอใจ
ซ่งเมียวมองผู้ชายตรงหน้าอยู่เงียบๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในสมอง เธอกำลังรู้สึกว่ากำลังถูก แดกดันอย่างไร้สาระ
เธอดึงมือตัวเองออกจากมือที่คว้าจับของเขา ร่าง
เซไปสองก้าว พร้อมพูดขึ้นหน้าตาเฉย “ทำไม ฉันไปคุย งานกับลูกค้าผู้ชาย คุณโมโหรีไง”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ