ร้อยรักทรายเสน่หา

9 หนักใจ



9 หนักใจ

“โธ่! คุณอันน่าคะ รับรองว่าไม่เผ็ดหรอกค่ะ ลองทานดูสิคะ

ภาษาพื้นเมืองอัคบาชาแปร่งๆ ทำให้นาคนต้องชะงักฝีเท้าที่ กำลังก้าวเดิน ก่อนจะหันมองเข้าไปที่ศาลาเล็กกลางอุทยาน ดอกไม้ ร่างระหง ในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าสีเหลืองนวลตา ที่ กำลังคะยั้นคะยอให้อันน่ารับประทานอะไรบางอย่างในจานเปล ใบใหญ่ที่เจ้าหล่อนถืออยู่นั้นช่างคุ้นตาชายหนุ่มยิ่งนัก

นาดีนเปลี่ยนใจจากที่ตั้งใจว่าจะตรงเข้าไปหาพระมารดาใน ตำหนัก เป็นก้าวเท้าเข้าไปในอุทยานดอกไม้แทน เหล่านาง กำนัลที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนพื้นสนามหญ้าเขียวขจี ต่างพากันรีบ ลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพด้วยการถอนสายบัวทันที เมื่อเห็น เจ้าชายหนุ่มก้าวเข้ามาภายในอุทยาน แต่หญิงสาวคนที่กำลัง คะยั้นคะยออันน่าอยู่ยังไม่รู้ตัวเนื่องจากยืนหันหลังอยู่ และยังคง คะยั้นคะยออันน่าต่อ

“นะคะคุณอันน่า ถ้าคุณอันน่าไม่ชิมให้ฉัน แล้วใครจะชิมล่ะคะ ทุกคนปฏิเสธกันหมดเลย”
“ไม่เอาหรอกค่ะแค่ดูสีก็ไม่ไหวแล้ว เอ๊ะ! เจ้าชาย” อันน่า ปฏิเสธและท้ายประโยคหัวหน้านางกำนัลก็อุทานออกมาเบาๆ เมื่อเหลือบมาเห็นร่างสูงสง่า ในเครื่องแบบนายทหาร เจ้าหล่อน จึงรีบลุกขึ้นยืนถอนสายบัวทันที วิวาห์เองก็รีบหมุนตัวหันกลับมา เพื่อแสดงความเคารพเขาเช่นกัน

แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเสียหลักเซถลาไปข้างหน้า พลางร้อง อุทานเสียงดังเพราะเหยียบชายกระโปรงตัวเอง และเธอก็คงจะ ล้มไม่เป็นท่าพร้อมกับจานอาหารที่ถืออยู่ในมือ ถ้าหากว่าอ้อม แขนแข็งแรงของนาดีนจะไม่ตวัดรัดเอวบางเอาไว้ได้ทันเสียก่อน พร้อมทั้งช่วยจับจานเปล ใบใหญ่ในมือของวิวาห์เอาไว้ได้รวดเร็ว อย่างน่าเหลือเชื่อ

“ขอบ…ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวพึมพำตะกุกตะกัก พลางรีบ ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม ด้วยใบหน้าที่ร้อนผะผ่าว เพราะความอับอายจากเหตุการณ์น่าขายหน้าเมื่อครู่

“ไม่เป็นไร” นาดีนบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบเช่น เดียวกับสีหน้า แม้จะไม่ถึงกับอ่อนโยนเหมือนเวลาที่พูดกับพระ สนมเอกนิลลาหรือมิรา แต่ก็ไม่ถึงกับแข็งกระด้างในความรู้สึก ของคนฟัง

“นี่อะไรหรือ” นานถามหญิงสาวเมื่อมองอาหารในจานเปล ใบใหญ่ที่วิวาห์ถืออยู่ ซึ่งประกอบไปด้วยกุ้งตัวโต ปลาหมึกชิ้นใหญ่ อีกทั้งวุ้นเส้น พริกสดสีแดงจัดและ หอมใหญ่เต็มจาน แถมยังโรยหน้าด้วยผักชีอย่างสวยงาม

“เอ่อ ย่ารวมมิตรคะ” วิวาห์ตอบ

“หน้าตาน่ารับประทานนะ ผมขอซิมได้ไหม” คำถามประโยคนี้ ทำให้วิวาห์ถึงกับทำตาโต อันน่าเองก็มีสีหน้าประหลาดใจ เช่น เดียวกับเหล่านางกำนัลที่พากันมองสบตากันด้วยความ ประหลาดใจพอกัน

“ว่ายังไง ผมขอชิมจะได้หรือเปล่า” นานถามย้ำอีกครั้ง

“ได้…ได้สิคะ แต่ดิฉันเกรงว่าเจ้าชายอาจจะไม่ชอบ เอ่อ…อาจ จะเผ็ดด้วยนะคะ

นาดีนไม่ได้พูดอะไรกับหญิงสาว หากแต่เอื้อมมาหยิบซ้อนที่ วางอยู่ในจาน แล้วตักยำรวมมิตรขึ้นรับประทานทันที ท่ามกลาง สายตาของวิวาห์ อันน่ากับเหล่านางกำนัลทุกคน และแล้ว ใบหน้าขาวผ่องก็กลายเป็นสีแดงจัดขึ้นมาทันที

“รีบไปเอาน้ำมาให้เจ้าชายเร็วเข้า” เสียงอันน่าหันไปสั่งนาง กำนัล ซึ่งก็รีบกุลีกุจอรินน้ำใส่แก้วมาให้ชายหนุ่มทันที

“เผ็ดมากมั้ยคะ” วิวาห์ถามด้วยความเป็นห่วง นาดีนดื่มน้ำต่อ อีกครู่ใหญ่ก่อนตอบว่า
“อร่อยมาก แต่เผ็ดไปหน่อย

หญิงสาวถึงกับอมยิ้มอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นใบหน้าที่ยังคงแดง ระเรื่ออยู่พอกับริมฝีปากของเจ้าชายหนุ่ม ซึ่งฟ้องว่าคงจะไม่ใช่ แค่เผ็ดไปหน่อยอย่างที่เขาบอกเธอเป็นแน่

“อ้าว นาดีนมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก” เสียงพระสนมเอกนิลลา ถามขึ้น พร้อมกับที่ร่างโปร่งบางก้าวเข้ามาภายในอุทยาน โดย มีนางกำนัลติดตามมาอีกสองคน นานจึงรีบก้าวไปรับ พระมารดามานั่งภายในศาลาไม้ด้วยตนเอง พระสนมเอกมอง สีหน้าของลูกชาย พลางเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“ลูกไม่สบายรึเปล่านาดีน ทำไมหน้าแดงเชื่ออย่างนี้

“ลูกสบายดีครับท่านแม่ เพียงแต่เมื่อครู่ลูกลองชิมอาหารของ คุณวิวาห์ เอ่อ…เผ็ดไปหน่อยก็เลยหน้าแดง” นาคนตอบ พระมารดา พระสนมเอกนิลลาจึงมองมาที่จานเปล ใบใหญ่ที่ วิวาห์ถืออยู่ แล้วหัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน ก่อนเอ่ยถามวิวาห์

“อาหารจานนี้ชื่อว่าอะไรหรือจะวิวาห์ ท่าทางจะเผ็ดมากอยู่นะ นานถึงได้ออกอาการขนาดนี้”

“ชื่อว่ายำรวมมิตรค่ะ เป็นอาหารง่ายๆ ที่คนไทยชอบทํารับ ประทานเป็นอาหารว่าง หรือ ในงานเลี้ยงสังสรรค์ค่ะ ดิฉันเห็นมีเครื่องปรุงอยู่ก็เลยทำมา ว่าจะให้ทุกคน ลองชิมดูแต่ไม่มีใครยอมซึมเลย จนเจ้าชายมาค่ะ” หญิงสาว ตอบ

“หน้าตาน่ารับประทานดีนะ แต่คงจะเผ็ดมากไปนิดหนึ่ง เจ้าจะ ช่วยทำใหม่อีกสักจานได้ไหมวิวาห์ เราอยากจะลองชิมดูบ้าง พระสนมเอกบอก

“ได้สิคะ” วิวาห์ตอบอย่างเต็มใจ ก่อนจะถอนสายบัวแล้วหมุน ตัวก้าวยาวๆ มุ่งหน้าไปทางโรงครัวทันที เมื่อลับร่างหญิงสาว พระสนมเอกนิลลาก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในระหว่างที่ นาดีนออกไปตรวจราชการให้เขาฟังทันที

“ท่านเอาน้มเอาแต่ใจจริงๆ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเพื่อนของ รา ถ้าไม่เกรงใจมิราก็น่าเกรงใจท่านลุงอัสมาบ้าง” นาทีนเอ่ยขึ้น ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เมื่อได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจาก พระมารดา

“ก็เธองดงามมากขนาดนั้น แม้แต่ท่านพี่ของลูกก็ยังมาที่นี่ทุก วันเลย ตั้งแต่วิวาห์เข้ามาพักอยู่กับแม่

“ท่านพี่ชานันหรือครับท่านแม่” ชายหนุ่มทวนถามพระมารดา อีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแววครุ่นคิดและใบหน้าเคร่งขรึม มากกว่าเดิม หากแต่พระสนมเอกไม่ทันได้สังเกตจึงพยักหน้า แล้วตอบยิ้มๆ

“ใช่จ้ะ มาทุกวันเลยคงจะถูกใจอยู่ไม่น้อย” พระสนมเอกหยุด

พูด เมื่อเห็นวิวาห์กำลังเดินประคับประคองจานอาหารเดินตรง มายังศาลาไม้ “อืม อร่อยจริงๆ รสชาติดีมาก นานลองชิมดูสิลูก จานนี้ไม่

เผ็ดหรอกจ้ะ” พระสนมเอกหันไปบอกกับลูกชายในตอนท้าย

ประโยค หลังจากที่ลองชิมยำรวมมิตรจานใหม่ของวิวาห์แล้ว

นานจึงขยับเข้ามากยำรวมมิตรรับประทานอีกครั้ง คราวนี้ สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนและรับประทานยำรวมมิตรอย่าง เอร็ดอร่อยจนหมดจาน ซึ่งก็สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับวิวาห์ เป็นอันมาก จนหญิงสาวต้องแอบอมยิ้มอยู่กับตัวเองคนเดียว

ตอนกลางคืนหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว วิวาห์จึงโทรศัพท์ไปหารสสุคนธ์แล้วเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิด ขึ้นในช่วงห้าวันที่ผ่านมา ให้หญิงสาวรุ่นพี่ฟังอย่างละเอียดลออ

“ตาย! เราเสน่ห์แรงขนาดนั้นเลยเหรอวิว นี่ถึงขนาดต้อง วางแผนชิงตัวประกันเลยเหรอ” เสียงรสสุคนธ์ถามมาจากปลาย สายอย่างขบขันเมื่อฟังเรื่องทั้งหมดจบ วิวาห์ถอนหายใจเบาๆ พลางพูด

“เฮ้อ! วิวไม่ปลื้มเลยนะคะพรส เจ้าชายอานมน่ากลัวจะตาย”

“แต่ก็ถือว่าเป็นความโชคร้ายบนความโชคดีนะ วิวก็เลยได้

เข้าไปเป็นสาวชาววังตั้งหลายวัน ว่าแต่เท่าที่พี่ฟังๆ ดู รู้สึกว่าเจ้า ชายชานนที่ชักจะยังไงๆ อยู่บ้า “ชักจะยังไง อะไรกันคะพรส วิวาห์ถามหญิงสาวรุ่นพี่อย่างไม่

เข้าใจ

“อ้าว ก็ที่ท่านแวะมาที่ตำหนักของพระสนมเอก ชนิดเช้าถึง เย็นถึงทุกวันนับตั้งแต่วิวเข้าไปอยู่ในวังไง ไม่รู้สึกว่าผิดปกติบ้าง หรือจ๊ะ พี่ว่าท่านอาจจะกำลังปิ้งวิวอยู่ก็ได้นะ” รสสุคนธ์ตอบกลับ มา

“โธ่! พรสคะ พูดอะไรอย่างนั้น เราจะกินหัววิวนะคะ ท่านเป็น ถึงองค์รัชทายาทคงไม่มาสนใจคนธรรมดาอย่างวิวหรอกค่ะ แล้วที่ท่านมาที่ตำหนักของพระสนมเอกทุกวัน ก็เพราะท่านมาหา พระสนมเอกต่างหากล่ะคะ” วิวาห์แย้ง

“แน่ใจเหรอจ๊ะ แล้วถ้าท่านเกิดสนใจวิวขึ้นมาจริงๆ ล่ะ วิวจะ ว่ายังไง”

คำถามที่รสสุคนธ์ย้อนถามกลับมา ทำให้หญิงสาวถึงกับนั่งอึ้ง ไปครู่หนึ่ง พลางนึกถึงคำถามทีเล่นทีจริงของเจ้าชายชานั้นเมื่อ หลายวันก่อนขึ้นมาทันที

แล้วถ้าหากว่ามีคนยอมโชคร้าย คุณจะยอมแต่งงานกับคนๆ

นั้นหรือเปล่าครับ มีสวิวาห์ หญิงสาวสายศีรษะ พลางบอกตัวเองว่าชายหนุ่มคงไม่ได้ หมายความอะไรเกินกว่าการพูดเล่นเท่านั้น ก่อนตอบรสสุคนธ์

กลับไปว่า

“ไม่ว่ายังไงหรอกค่ะพรส เพราะอีกไม่กี่วันวิวก็จะได้กลับบ้าน แล้ว วิวไม่คิดอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ

“จ้า ถ้าวิวไม่คิดอะไรก็ดี หนุ่มๆ ที่เมืองไทยจะได้ไม่ต้อง อกหัก” รสสุคนธ์พูดมาจากปลายสาย ทั้งสองสาวพูดคุยกันอีก ครู่หนึ่งวิวาห์จึงวางสายแล้วล้มตัวลงนอน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ อาจข่มตาให้หลับลงได้ เพราะว่าคำพูดของรสสุคนธ์กำลังทำให้ เธอเริ่มรู้สึกกังวลใจอยู่ลึกๆ

ภาพใบหน้าคมสันที่มีรอยยิ้ม และแววตาอ่อนโยนมอบให้เธอ เสมอของเจ้าชายชานันผุดขึ้นมาในภวังค์ความคิดของหญิงสาว วิวาห์สลัดภาพนั้นออกไปพลางบ่นพึมพำ

“พรสไม่น่าพูดให้เราคิดมากเลย เขาคงไม่คิดอะไรกับเรา หรอกน่า”

หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง นึกถึงบุคลิกที่แตกต่างกันของทายาททั้งสามแห่งอัคบาชาทีละคน แล้วหญิงสาวอด ที่จะอมยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงเจ้าชายนาดีน ภาพที่ชายหนุ่มผู้สูง ศักดิ์รับประทานยารวมมิตร แล้วเผ็ดจนใบหน้าแดงระเรื่อเมื่อ ตอนบ่ายน่าเอ็นดูน้อยเสียเมื่อไหร่กันล่ะ

“น่ารักจัง เผ็ดจนหน้าแดงเลย” หญิงสาวพิมพ์ยิ้มๆ ก่อนทิ้ง ตัวลงนอนอีกครั้ง แล้วก็นอนหลับไปทั้งรอยยิ้มอย่างนั้น

“อะไรนะยาน! เจ้าบอกว่าวิวาห์มาพักอยู่ที่ตำหนักสนมเอกนิล ลาน” อานมถามนายทหารคนสนิทด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด ใบหน้าบึ้งตึง ดวงตาขุ่นขวางด้วยแรงแห่งโทสะ เมื่อได้รับ รายงานว่าขณะนี้วิวาห์ไม่ได้พักอยู่ที่บ้านของมิราแล้ว แต่เข้ามา พักอยู่ในตำหนักของพระสนมเอกนิลลาแทน

“มีสวิวาห์เข้ามาพักอยู่กับพระสนมเอกหลายวันแล้วครับ” ร้อยเอกยา ตอบ

“ต้องเป็นแผนการของใครสักคนแน่ๆ ที่คิดจะขัดขวางเรา นั่ง นิลลา นังมิรา สองอาหลาน มันกล้าเป็นศัตรูกับเรา” ชายหนุ่มสูง ศักดิ์พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด บ่งบอกถึงความจงเกลียดจงชัง ผู้ที่ถูกเอ่ยชื่ออย่างชัดเจน

“จะให้กระผมทำยังไงดีครับ” ร้อยเอกยานถามอย่างเกรงๆ เพราะรู้ดีว่าเจ้าชายหนุ่มผู้เป็นนายกำลังโกรธเกรี้ยว อย่างรุนแรง

“เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นยาน พวกมันขัดขวางเราได้อีกไม่ นานนักหรอก ยังไงเราก็ต้องเอาหญิงสาวชาวต่างชาติคนนั้นมา ครอบครองให้ได้ แล้วเราจะตอบแทนคนที่เป็นศัตรูกับเราทุกคน อย่างสาสม

อานัมพูดอย่างหมายมาด ดวงตาและใบหน้าฉายแววเหี้ยม เกรียมจนร้อยเอกยานถึงกับขนลุกซู่เลยทีเดียว

นานยืนมองไปทางตำหนักของพระมารดาด้วยแววตา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหมุนร่างสูงสง่าเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะ ทำงาน พลางถอนหายใจเบาๆ กับเรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจของ เขาอยู่ แล้วเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักโต๊ะทำงานด้านซ้ายมือให้เปิด ออก เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อหยิบบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา แต่ แล้วทหารมหาดเล็กก็เข้ามารายงานว่า

“เจ้าชายชานันมาครับ”

ชายหนุ่มชะงักมือก่อนจะดันลิ้นชักโต๊ะทำงาน ให้ปิดตามเดิม แล้วรีบยืนขึ้นทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ซานัน
ก้าวเข้ามาพอดี

“ท่านพี่ มาตอนนี้มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่า” นาคนถามขึ้น เมื่อ สองพี่น้องมานั่งอยู่ด้วยกันที่ชุดโซฟาบุนวมตัวใหญ่เรียบร้อย แล้ว ซานันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามกระเป๋าน้องชายคนเล็ก

“พี่ต้องมีเรื่องด่วนหรือ จึงจะเข้าพบกับพันโทนาตีนได้

“โธ่! ท่านพี่ พูดเล่นอีกแล้ว ที่ผมถามก็เพราะเห็นท่านพี่มาหาก ลางดึกหรอกน่า” นาดีนแย้ง ซานั้นเลยหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า

“พี่ไม่มีเรื่องด่วนอะไรหรอกนาน ก็แค่คิดถึงน้องชายที่ออก ไปตรวจราชการแถวชายแดนเสียหลายวันเลยแวะมาเยี่ยม ก็ เท่านั้นเอง”

“มาเยี่ยมตอนจะเที่ยงคืนนี่นะท่านพี่” นาดีนทวนถาม พลาง ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อถือ “ท่านที่มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ อย่า บ่ายเบี่ยงเลยครับ

“ช่างสมกับเป็นน้องรักของพี่จริงๆ นาดีน รู้ทันพี่ไปซะทุกเรื่อง เลย” ซานั้นพูดยิ้มๆ ก่อนจะกล่าวต่อ “พี่มีเรื่องจะมาปรึกษาน้อง จริงๆ น้องไปหาท่านแม่ที่ตำหนักแล้วใช่มั้ยนาคน

นาคนพยักหน้าพลางตอบ
“พอกลับมาถึงเมื่อตอนบ่ายผมก็รีบไปหาท่านแม่ที่ตำหนัก ทันที”

“ถ้าอย่างนั้นน้องก็คงจะเห็นวิวาห์แล้วสินะ” ชานันพูดยิ้มๆ ซึ่ง ชื่อของวิวาห์ก็ทำให้นาคืนซะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าโดย ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“น้องคิดว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง” ซานถาม

เป็นอย่างไร หมายความว่ายังไงครับ” นานทวนถาม

“น้องคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่งดงามรึเปล่านาดีน” ซานันถาม ตรงๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ชื่นชอบอยู่ นา คืนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้านิดหนึ่ง แล้วตอบด้วยน้ำเสียงราบ เรียบ

“เธอเป็นหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่งท่านพี่

“แล้วน้องคิดว่าเธอเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าหญิงพระชายา ขององค์รัชทายาทแห่งอัคบาชารึเปล่า”

คำถามตรงๆ ของพี่ชายคนโตทำให้นาดีนถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง ก่อนตอบว่า

“ถ้าหากท่านพี่รักเธอ เธอก็ย่อมต้องเหมาะสมอยู่แล้ว ขอเพียง แค่เธอยังไม่มีคนรักและเข้าใจกฎมณเฑียรบาลของอัคบาซา ผมคิดว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ท่าน พ่อตามใจท่านที่อยู่แล้ว ท่านพี่น่าจะลองพูดคุยกับเธอดูก่อน

“อืม นั่นสินะ พี่ต้องรีบหาทางพูดคุยกับวิวาห์ ก่อนที่เธอจะเดิน ทางกลับ ไม่อย่างนั้นเห็นทีว่าพี่คงจะต้องติดตามเธอไปถึง ประเทศไทยเป็นแน่” ชานันพูดจบประโยคก็หัวเราะเบาๆ ก่อน เอ่ยต่อ “เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่เห็นแล้วรู้สึกประทับใจทันที เพราะเธองดงาม น่ารักเป็นธรรมชาติมาก แล้วก็เป็นผู้หญิงคน แรกที่พี่อยากจะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงพระชายาด้วย น้องคงจะ ได้พี่สะใภ้เร็วๆ นี้แล้วล่ะนาดีน เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้วน้องพัก ผ่อนเถอะพี่จะกลับล่ะ ขอบใจที่เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำกับ พี่นะนาดีน”

ชานันพูดพร้อมทั้งขยับลุกยืนขึ้น นาดีนจึงขยับลุกขึ้นยืนบ้าง ก่อนจะเดินตามไปส่งอีกฝ่ายถึงหน้าห้อง หลังจากที่พี่ชายคนโตก ลับไปแล้ว ชายหนุ่มก็เปลี่ยนใจเรื่องที่จะทำงานต่อ เป็นเดิน เข้าไปในห้องนอนของตนเอง แล้วเอนร่างสูงสง่ลงนอนบนเตียง พลางครุ่นคิดถึงคำพูดของพี่ชายเมื่อครู่

แล้วน้องคิดว่าเธอเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าหญิงพระชายา ขององค์มกุฎราชกุมารแห่งอัคบาชารึเปล่า
เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่เห็นแล้วรู้สึกประทับใจทันที เพราะ เธองดงาม น่ารักเป็นธรรมชาติมาก แล้วก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่ อยากจะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงพระชายาด้วย

ในที่สุดชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึก หนักอึ้งในใจอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับลง ด้วยความยากลำบาก ในที่สุด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ