ร้อยรักทรายเสน่หา

7 องค์ประมุขและองค์รัชทายาทแห่งอัคบาชา



7 องค์ประมุขและองค์รัชทายาทแห่งอัคบาชา

“คุณอันน่าคะ จริงหรือคะที่องค์ฟาราชอยากพบฉัน” วิวาห์ ถามขึ้นทันทีที่แน่ใจว่าเดินออกมาพ้นเขตต่าหนักของเจ้าชาย อานมแล้ว หัวหน้านางกำนัลสาวสวยจากตำหนักพระสนมเอกนิล สาหันมามองเธอยิ้มๆ พลางพูด

“จริงสิคะ คุณวิวาห์ไม่เชื่อที่ฉันพูดเหรอคะ”

“คือฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่บังเอิญมากจริงๆ เลยนะคะ” วิวาห์

พูด

“ทำไมล่ะคะ หรือว่าคุณวิวาห์อยากจะนั่งพูดคุยกับเจ้าชาย อานัมต่อล่ะคะ” อันน่าถามยิ้มๆ วิวาห์ส่ายหน้าอย่างรวดเร็วทันที จนอันน่าถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนอธิบายว่า

“ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญทั้งหมดหรอกค่ะ พระ สนมเอกรู้ว่าคุณวิวาห์อยู่ที่ตำหนักของเจ้าชายอานมก็เพราะว่า คุณมิราโทรศัพท์มาบอกค่ะ”

“จริงหรือคะ” หญิงสาวถามอย่างตื่นเต้น ถ้าเป็นเพราะมิรา โทรศัพท์มาบอก ก็แสดงว่าพระสนมเอกตั้งใจส่งอันน่ามาช่วย เธอจริงๆ นั่นแหละ ซึ่งพระสนมเอกฉลาดมากที่ยกเอาองค์ฟารา ซมาเป็นข้ออ้าง เพราะรู้ว่าชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คงจะไม่กล้าขัดใจ พระบิดาอย่างแน่นอน

“คุณมิรา โทรศัพท์มาท่าทางร้อนใจมากเลย ฉันว่าถ้าทำได้เธอคงอยากจะตามเข้าไปเอาตัวคุณออกมาจากตำหนักของเจ้า ขายอาน้มเองด้วยซ้ำค่ะ” อันน่าพูดยิ้มๆ

“แล้วองค์ฟาราชทราบเรื่องได้ยังไงล่ะคะ พระสนมเอกให้คน ไปบอกท่านหรือคะ” วิวาห์ถาม

“บังเอิญองค์ฟาราชอยู่ด้วยค่ะ ตอนที่คุณมิราโทรศัพท์มา ท่านไม่สบายใจมากเหมือนกันที่เจ้าชายอานัมทำแบบนี้ องค์ฟา ราชเป็นคนบอกให้ฉันมารับตัวคุณไปที่ตำหนักของพระสนมเอก เองเลยนะคะ” อันน่าบอกหญิงสาว วิวาห์ถอนหายใจเบาๆ พลาง พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“โชคดีของฉันนะคะที่องค์ฟาราชอยู่ด้วย

“ใช่ค่ะ เพราะถ้าองค์ฟาราชไม่ได้อยู่ด้วยพระสนมเอกกับฉันก็ คงจะยุ่งยากกว่านี้ ที่จะคิดหาทางช่วยเหลือคุณออกมา

คำพูดของอันน่าทำให้หญิงสาวเสียวสันหลังวูบทันที วิวาห์ไม่ อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ถ้าพระสนมเอกกับอัน น่าหาทางช่วยเหลือเธอไม่ได้ เธอคงจะไม่ได้กลับออกมาจาก ตำหนักแห่งนั้น โดยมีคำนำหน้าว่านางสาวอย่างเต็มภาคภูมิ เป็นแน่

“อ้อ มากันแล้ว” พระสนมเอกนิลลาเอ่ยขึ้น ทันทีที่อันน่าเดิน นำวิวาห์เข้าไปในห้องโถงใหญ่ภายในตำหนัก ขณะนี้พระ สนมเอกกำลังนั่งอยู่บนตั่งเคียงข้างสุภาพบุรุษวัยประมาณห้าสิบ เศษ ซึ่งไม่ต้องบอกหญิงสาวก็รู้ว่าคือองค์ประมุขแห่งอัคบาซาอย่างแน่นอน เพราะสง่าราศีและใบหน้าสุขุมเยือกเย็น อีกทั้ง ดวงตาสีน้ำตาลที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา หากแต่ดูเด็ด เดี่ยวบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี วิวาห์ย่อตัวลงถอน สายบัวทำความเคารพทั้งสองท่านทันที

“ตามสบายเถอะวิวาห์” องค์ฟาราชบอกกับหญิงสาวเป็น ภาษาอังกฤษ และมองหญิงสาวชาวต่างชาติอย่างเพ่งพิศ แล้วก็ ไม่นึกแปลกใจเลย ที่ลูกชายคนรองถึงกับส่งคนไปเชิญแกม บังคับ ให้หญิงสาวผู้นี้มาร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำด้วย

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวยืดตัวขึ้นยืนตรงแต่แล้วก็ต้องชะงักทันที เมื่อเพิ่ง สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ ทางด้านขวา เยื้องกับดั่งที่องค์ฟาราชกับพระสนมเอกนิลลานั่ง อยู่ แต่เธอไม่ทันได้สังเกต ในตอนแรก เพราะว่ามัวแต่ตื่นเต้นที่ ได้พบกับองค์ฟาราช เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมสัน เรือนผมสีทอง ดวงตาสีน้ำตาล จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปาก ได้รูปสวยที่กำลังส่งยิ้มมาให้เธออย่างอ่อนโยน

“วิวาห์จ๊ะ นี่คือเจ้าชายชานั้นจ้ะ” พระสนมเอกนิลลาบอก หญิง สาวจึงรีบย่อตัวลงถอนสายบัวเพื่อแสดงความเคารพทันที

“เชิญตามสบายครับมีสวิวาห์” ซานันบอกหญิงสาวด้วยน้ำ เสียงอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้ม

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยืดตัวขึ้นยืนตรงอีกครั้ง ก่อนจะถอยมา นั่งบนเก้าอี้บุนวมทางฝั่งซ้ายของฝั่งที่ประทับ โดยมีอันน่ายืนอยู่ข้างๆ

“มิราโทรศัพท์มาโวยวายใหญ่ว่าเพื่อนถูกขโมยมา เราเองก็ ไม่สบายใจ ต้องขอโทษแทนลูกชายเราด้วยนะวิวาห์ อานันเป็น คนทําอะไรตามใจตัวเองจนเสียนิสัยจริงๆ” องค์ฟาราชบอกกับ หญิงสาว วิวาห์จึงได้แต่ยิ้มพลางพูด

“เจ้าชายอานมให้เกียรติดิฉันมากค่ะ เพียงแต่ดิฉันรู้สึกไม่ ค่อยสบายใจนักที่ออกมาจากบ้าน โดยไม่ได้บอกกล่าวกับ เจ้าของบ้านเสียก่อน”

“คืนนี้เห็นทีเจ้าคงต้องค้างที่นี่เสียแล้วล่ะวิวาห์ เพราะเดินทาง กลับตอนกลางคืนคงไม่สะดวกนัก” พระสนมเอกบอกหญิงสาว ก่อนจะหันไปบอกอันน่าให้ไปจัดเตรียมห้องพักให้วิวาห์

“นิลลาเล่าว่าเจ้าเป็นไกด์นำเที่ยวหรือมีสวิวาห์” องค์ฟาราช

ถาม

“ค่ะ” หญิงสาวตอบ

“เห็นว่าพูดได้หลายภาษาด้วยรี” องค์ฟาราชถามมาอีก

“ค่ะ ดิฉันจําเป็นต้องเรียนรู้หลายภาษา เพราะอาชีพไกด์นำ เที่ยว ต้องพบปะกับนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ ถ้าหากสื่อสาร กันไม่ได้ก็นําบากมากค่ะ” วิวาห์ตอบ

“อืม เก่งจริงๆ มิน่านิลลาถึงได้ชื่นชมเจ้านัก อายุยังน้อย ทั้ง เก่งและงดงามจริงๆ เอ เราต้องรีบกลับไปทำงานต่อแล้วล่ะ ถ้า ไม่เสร็จทันวันพรุ่งนี้ เห็นทีว่าท่านนายพลอัสมาจะบ่นเราเป็นการใหญ่แน่ หึๆ” องค์ฟาราชพูดติดตลก พลางขยับลุกขึ้นจากตั้ง

“ถ้าหากพรุ่งนี้งานของท่านพ่อไม่เสร็จ ท่านพ่อต้องโดนท่าน ลุงอัสมากักบริเวณเป็นแน่

วิวาห์ได้ยินชายหนุ่มผู้มีตำแหน่งเป็นถึงองค์รัชทายาทหัวเราะ เบาๆ ก่อนจะพูดกับองค์ฟาราชด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้มีนิสัยที่ร่าเริงแจ่มใสและอ่อนโยนจริงๆ เพราะใบหน้า คมสันของเขาระบายเอาไว้ด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ดวงตาสี น้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับองค์ฟาราชและเจ้าชายนาคนก็แลดูอ่อน โยนยิ่งนัก วิวาห์บอกกับตัวเองอยู่ภายในใจว่า ชายหนุ่มคนนี้ ช่างเหมาะสมที่จะเป็นองค์รัชทายาทจริงๆ

“ถ้าหากพรุ่งนี้พ่อถูกกักบริเวณจริงๆ เจ้าก็ตามนิลลาไปช่วย ด้วยก็แล้วกันซานัน เอาล่ะเห็นที่จะต้องขอตัวไปทำงานจริงๆ แล้ว เอาไว้โอกาสหน้าพบกันใหม่นะมีสวิวาห์” ท้ายประโยคองค์ฟา ราชหันมาบอกหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มก่อนก้าวออกไปจาก ตำหนักของพระสนมเอกนิลลา ท่ามกลางนายทหารราชองครักษ์ หลายสิบนาย หลังจากองค์ฟา

ราชออกไปได้สักครู่ เจ้าชายซานจึงเอ่ยขอตัวกลับตำหนัก เช่นกัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นเวลาดึกพอสมควรแล้ว

เมื่อองค์ฟาราชและองค์รัชทายาทกลับไปแล้ว พระสนมเอกนิล ลาจึงให้อันน่าพาวิวาห์ไปที่ห้องพัก เพื่อให้หญิงสาวได้อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและนอนพักผ่อนบ้าง

“อาบน้ำเรียบร้อยแล้วหรือวิวาห์” พระสนมเอกนิลลาเข้ามาภายในห้องพักของวิวาห์ หลังจากที่เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เรียบร้อยแล้วถามขึ้น

“ค่ะ พระสนมเอก” วิวาห์ตอบ

“เมื่อครู่นี้มิราโทรศัพท์มาบอกว่า จะเข้ามารับเจ้าพรุ่งนี้ตอน สายๆ”

“ค่ะ”

พระสนมเอกนิลลามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา พลาง บอกตนเองว่าเธอเป็นคนที่งดงามมาก ใบหน้าสวยหวานละมุน ละไม ดวงตาโตดำขลับ จมูกโด่งงดงามรับกับริมฝีปากเรียวบาง ยามเมื่อปล่อยผมยาวสยายอย่างนี้ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูมีเสน่ห์ ชวนมอง รูปร่างระหง ผิวขาวนวลเนียน ก็น่าอยู่หรอกที่จะเป็นที่ ต้องตาชาย พระสนมเอกถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำ เสียงจริงจัง

“เราจะไม่อ้อมค้อมนะวิวาห์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เราคิดว่าเจ้าชายอานมคงจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เป็นแน่ เจ้า คงจะรู้ดีนะว่าเจ้าชายอานัมชื่นชอบเจ้ามากเพียงใด พระ สนมเอกเว้นช่วงนิดหนึ่ง ก่อนพูดต่อไปอีกว่า

“เรากับมิราเป็นห่วงเจ้ามาก ถ้าหากวันนี้องค์ฟาราชไม่ได้อยู่ ที่นี่ด้วย เราเองก็ยังไม่รู้ว่าจะหาทางช่วยเหลือเจ้าได้อย่างไร ดัง นั้น ในช่วงระยะเวลาอีกหลายวันที่เจ้าจะต้องอยู่ในอัคบาชา เรา เห็นสมควรว่าเจ้าควรจะมาพักอยู่ที่ตำหนักของเราชั่วคราว เพราะว่าเจ้าจะไม่ปลอดภัยถ้าเจ้าอยู่ที่บ้านของมิรา”
วิวาห์ ตาโตพลางมองใบหน้างดงามของพระสนมเอกนิลลา อย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะถามว่า

“จะให้ดิฉันมาพักอยู่ที่นี่หรือคะ”

“ใช่ เพื่อความปลอดภัยของเจ้า และความสบายใจของเรากับ มิรา ถึงแม้ว่าเจ้าชายอานมจะไม่ได้ให้ความเคารพนับถืออะไร เรามากมายนัก แต่อย่างน้อยก็ต้องเกรงใจเราบ้าง ในฐานะพระ สนมเอก คงจะไม่กล้าส่งคนมาเอาตัวเจ้า ซึ่งเป็นแขกของเราออก ไปจากตำหนักของเรา โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเราเสียก่อนหรอก เจ้าจะว่ายังไงยินดีที่จะมาพักอยู่ที่นี่รึเปล่า” ท้ายประโยคพระ สนมเอกถามหญิงสาว วิวาห์พยักหน้าทันทีพลางตอบ

“ดิฉันสุดแล้วแต่พระสนมเอกจะเมตตาค่ะ ถ้าวันนี้ไม่ช่วยเหลือ ดิฉันก็คง…” หญิงสาวหยุดคำพูดของตัวเองเอาไว้ เพราะไม่กล้า พูดจนจบประโยค พระสนมเอกนิลลาจึงพูดขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันว่าตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เจ้ากลับไปบ้านกับ มิราก่อน จัดเตรียมข้าวของให้เรียบร้อย แล้ววันมะรืนค่อยให้มี ราพามาส่งที่ตำหนักของเราแต่เช้านะ” พระสนมเอกพูดจบก็ออก ไปจากห้องพักของหญิงสาว วิวาห์จึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม อย่างอ่อนล้า

“เจ้าชายชานันมาค่ะ” อันน่าเข้ามาบอกกับพระสนมเอกนิลลา ในระหว่างที่พระนางนั่งให้เหล่านางกำนัลช่วยกันแต่งตัวให้ใน ตอนเช้า

“หม ซานันหรือมาทำไมแต่เช้า” พระสนมเอกรำพึงอย่างแปลกใจ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามอันน่า

“วิวาห์ เรียังอันน่า

“ตื่นแล้วค่ะ เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังนั่ง สนทนาอยู่กับเจ้าชายซากันที่ห้องโถง” อันน่าตอบ พระสนมเอก พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงรับรู้ ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ ของพระนาง ยิ่งเมื่อออกมาเห็นองค์รัชทายาทแห่งอัคบาชา กำลังนั่งสนทนาอยู่กับหญิงสาวชาวต่างชาติอย่างสนุกสนาน ก็ ยิ่งมั่นใจว่าคาดการณ์ไม่ผิด

“ท่านแม่” ชานันเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เมื่อหันมาเห็นพระ สนมเอกนิลลาก้าวเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ ร่างสูงโปร่งยืน ขึ้นก่อนเดินมารับพระมารดาเลี้ยงให้ไปนั่งที่ตั้งด้วยกิริยาอ่อน โยน จนวิวาห์ถึงกับยิ้มออกมาอย่างชื่นชม

“ลูกมาแต่เช้า มีธุระหรือเปล่าจ๊ะ” พระสนมเอกถาม

“ลูกว่าจะมาขอร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับท่านแม่” ซานันตอบยิ้มๆ

“เอ เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ถึงอยากจะมาทานมื้อเช้าที่นี่” พระ สนมเอกถามยิ้มๆ ทีเล่นทีจริง พลางมองอีกฝ่ายอย่างสังเกต สังกาเป็นพิเศษ ซานันสบตากับพระมารดาเลี้ยง พร้อมทั้งหัวเราะ เบาๆ ก่อนตอบ

“ลูกตื่นแต่เช้า แล้วก็เดินเล่นมาเรื่อยๆ พอมาถึงตำหนักท่าน แม่ ลูกหิวพอดีก็เลยแวะเข้ามา

“อ๋อ เดินมาเรื่อยๆ หรอกหรือจ๊ะ” พระสนมเอกถามยิ้มๆ อย่างรู้ทัน ซามันเลยได้แต่ทำหน้าเก้อๆ

ขณะที่วิวาห์ไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดหยอกล้ออย่างมีนัยของ พระสนมเอกนิลลา เพราะมัวแต่ชื่นชมที่พระสนมเอกนิลลามี จิตใจงดงามรักเจ้าชายซานั้น ซึ่งไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตนเองอย่าง จริงใจ ขณะที่เจ้าชายหนุ่มผู้เป็นลูกเลี้ยงก็รักและเคาร คารพพระ สนมเอกราวกับพระมารดาแท้ๆ เช่นกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ