ร้อยรักทรายเสน่หา

1 แขกรับเชิญ



1 แขกรับเชิญ

ก๊อกๆ ๆ

เสียงเคาะประตูหน้าห้อง ทำให้สาวใหญ่ผู้ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับ แฟ้มงานบนโต๊ะต้องชะงักมือ เงยหน้าขึ้นจากงาน พลางส่งเสียง อนุญาตผู้ที่อยู่ภายนอก

“เชิญจ้ะ”

ประตูไม้บานใหญ่เปิดออกกว้าง ก่อนที่ร่างระหงของวิวาห์จะ ก้าวเข้ามาในห้อง วันนี้หญิงสาวสวมชุดสูทกางเกงขายาวสีเทา อ่อน เรือนผมยาวสลวยปล่อยสยายถึงกลางหลัง ใบหน้าสวย หวานถูกแต่งแต้มบางๆ แลดูเป็นธรรมชาติ หญิงสาวผู้เป็น เจ้าของห้องยิ้มกว้างขวางพลางทัก

“วิวน่ะเอง ว่าไงจ๊ะส่งลูกทัวร์เรียบร้อยดีมั้ย”

“เรียบร้อยสิคะ มือชั้นนี้แล้ว เสร็จแล้วก็รีบตรงดิ่งจากสนาม บินมารายงานผลให้เจ้านายทราบเลยค่ะ” วิวาห์ตอบยิ้มๆ พลาง ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของ ห้อง ซึ่งบัดนี้เอนร่างพิงพนักเก้าอี้นวมตัวใหญ่อยู่อย่างสบาย อารมณ์
“แล้วบอกกับลูกทัวร์ของเราหรือเปล่าจ๊ะ ว่าถ้ามาเที่ยวเมือง ไทยคราวหน้าอย่าลืมใช้บริการของรสสุคนธ์ทัวร์

“บอกสิคะ โฆษณาชวนเชื่อไว้เยอะแยะเลยล่ะค่ะ

วิวาห์พูดแล้วหัวเราะ รสสุคนธ์จึงพลอยหัวเราะไปด้วย ก่อนที่ ทั้งสองสาวจะพูดอะไรกันต่อ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังรัวขึ้นสาม ครั้ง และโดยที่ไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องอนุญาตประตูก็ถูกเปิด ออก พร้อมกับร่างสันทัดของชายหนุ่มหน้าตาคมสันคนหนึ่งก้าว เข้ามา

หญิงสาวทั้งสองหันไปมองผู้มาใหม่ ก่อนจะหันมามองสบตา

กันแล้วหัวเราะขึ้นพร้อมๆ กัน จนชานนท์ชายหนุ่มผู้มาใหม่ต้อง ถามอย่างงุนงง

“อะไรกันครับพีรส วิว

“พี่กับวิวกำลังคิดว่าน่าจะเป็นนนท์น่ะจ้ะ” รสสุคนธ์ตอบ แต่ชา

นนท์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“หมายความว่ายังไงครับ เป็นผมแล้วตรงไหนกัน

“อ้าว ก็คนที่เคาะประตูสามครั้ง แล้วพรวดพราดเข้ามาทันที โดยไม่รอให้พรสอนุญาต ในบริษัทนี้จะมีใครกล้าทำล่ะจ๊ะ ถ้า ไม่ใช่คุณชานนท์น้องชายสุดที่รักของพรส
วิวาห์อธิบายยิ้มๆ ชานนท์พยักหน้าหมึกหงักอย่างเข้าใจ พลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างซึ่งตั้งอยู่ข้างหญิงสาว

“เราจะทําให้คนอื่นๆ เค้าทําตามแล้วนะตานนท์” รสสุคนธ์ว่า ไม่จริงจังนัก สีหน้ายังคงยิ้มแย้ม “ขอโทษนะครับ รส พอดีผมมาถึงได้ยินว่าวิวกลับมาจาก

อยุธยาแล้ว ก็เลยรีบร้อนไปหน่อย

ชานนท์ออกตัวพลางยิ้มประจบรสสุคนธ์ สาวใหญ่มองญาติผู้ น้องยิ้มๆ ด้วยรู้ดีว่าชานนท์นั้นชอบวิวาห์มาตั้งแต่สมัยเรียน มหาวิทยาลัยด้วยกัน แต่ญาติผู้น้องของเธอก็ยังไม่กล้าบอก ความในใจกับอีกฝ่าย วิวาห์เองก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าชานนท์คิด กับตนมากกว่าเพื่อน ถ้าวิวาห์รู้รสสุคนธ์ก็ยังไม่รู้ว่าหญิงสาวจะ ยังให้ความสนิทสนมกับซานนท์เหมือนเดิมหรือเปล่า

“แหม วิวเค้าไปแค่ห้าวัน ทำอย่างกับไม่ได้เจอกันเป็นปีเชียว นะยะ” รสสุคนธ์ประชด

“โธ พรสไม่รู้อะไร คนเราเคยเห็นกันทุกวัน พอไม่เห็นกันวันนึง ก็เหมือนเดือนนึงเลยนะครับ

“โอ๊ย เว่อร์ล่ะไม่มีใครเกินนายคนนี้เลย พี่ว่าเราหาใครทนฟัง เราพล่ามจนเฉาหูไม่ได้มากกว่า” รสสุคนธ์ว่าอย่างหมั่นไส้ ชา นนท์เลยหัวเราะเบาๆ
“อ้อ เกือบลืมแน่ะ มีจดหมายจากต่างประเทศมาถึงวิวด้วยนะ” รสสุคนธ์พูดพลางเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักข้างตัวออกมา ก่อนหยิบ ซองสีน้ำตาลขนาดกลางซึ่งมีน้ำหนักพอควรส่งให้วิวาห์

“มาถึงเมื่อสองวันก่อนจ้ะ” รสสุคนธ์บอก

วิวาห์รับซองสีน้ำตาลมาจากรสสุคนธ์ พลางก้มลงดูจ่าหน้า ซองซึ่งเขียนด้วยภาษาอังกฤษอย่างมีระเบียบสวยงาม และ ประทับตราไปรษณีย์จากประเทศฝรั่งเศส คิ้วโก่งเรียวสวยขมวด เข้าหากันอย่างประหลาดใจ หญิงสาวแน่ใจว่าเธอไม่คุ้นกับ ลายมือนี้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเธอไม่มีเพื่อนหรือรู้จักใครที่อยู่ ฝรั่งเศสเลยซักคน

“จากใครเหรอวิว” ชานนท์ถามอย่างสนใจ

วิวาห์ส่ายหน้าพลางรับกรรไกรที่รสสุคนธ์ส่งให้มาตัดริมซองสี น้ำตาลออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงเอกสารที่อยู่ภายในซองออก มาวางบนโต๊ะ หญิงสาวหยิบซองจดหมายสีหวานขึ้นมาเปิด จาก นั้นจึงดึงกระดาษสีเดียวกันที่อยู่ข้างในออกมาคลี่อ่าน

“มีรา! จดหมายของมิราค่ะพีรส…นนท์” หญิงสาวอุทานอย่าง ตื่นเต้น

“อ้อ คุณมิราเหรอ แหม ไอ้เราก็นึกว่าหนุ่มที่ไหนส่งจดหมาย รักมาให้ซะอีก คุณมิราเธอว่าไงบ้างล่ะจ๊ะ”

รสสุคนธ์ถามพลางนึกไปถึงหญิงสาวชาวต่างชาติ ร่างระหง ผิวขาวราวกับไข่มุก ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งงดงาม เรือน ผมสีน้ำตาลเข้มนามว่ามีรา ลูกทัวร์ของเธอผู้มาจากประเทศอัค บาซา ประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งในดินแดนแห่งท้องทะเลทราย ซึ่งร่ำรวย มั่งคั่งและอุดมไปด้วยทรัพยากรแร่ธาตุอันมีค่า มากมายหลายชนิด ประเทศนี้เพิ่งจะเปิดต้อนรับชาวต่างชาติเมื่อ ประมาณสองปีที่แล้วนี่เอง

มิราเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านนายพลท่านหนึ่ง ซึ่งมีความ สำคัญต่อประเทศไม่น้อย และดูเหมือนว่าเธอจะมีฐานะเป็นถึง หลานสาวองค์ประมุขของประเทศนั้นด้วย เมื่อสองปีก่อนมิรากับ มารดาติดตามท่านนายพลผู้เป็นบิดามาราชการที่ประเทศไทย เธอติดต่อมาที่บริษัทขอให้รสสุคนธ์จัดไกด์นำเที่ยวให้เธอกับ มารดาเป็นการส่วนตัว เนื่องจากไม่ต้องการเที่ยวเป็นกลุ่มปะปน กับคนอื่น โดยยินดีจ่ายค่าบริการครั้งนี้ด้วยราคาสูงลิบ

รสสุคนธ์จึงส่งวิวาห์ไปเป็นไกด์นำเที่ยวให้เธอกับมารดา ซึ่ง วิวาห์ก็สร้างความประทับใจให้มีรากับมารดาของเธอมาก และ เนื่องจากมีรากับวิวาห์เป็นหญิงสาววัยเดียวกัน สองสาวต่างเชื้อ ชาติจึงสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วราวกับรู้จักกันมานาน เมื่อมราเดินทางกลับไปยังประเทศของเธอแล้ว ก็ยังส่งจดหมายและ โทรศัพท์ติดต่อกับวิวาห์อยู่เป็นประจํา

และเมื่อมิรามีโอกาสเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยอีกสองครั้ง วิวาห์ก็ถูกเลือกให้เป็นไกด์นำเที่ยวส่วนตัวทุกครั้ง แถมหญิงสาว สวยชาวต่างชาติยังอุตส่าห์พยายามสอนภาษาพื้นเมืองอัคบาชา ให้กับวิวาห์ จนหญิงสาวสามารถพูดและเข้าใจประโยคง่ายๆ ได้ อีกด้วย

“มิราจะแต่งงานแล้วล่ะค่ะ” วิวาห์บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ยินดี เมื่ออ่านจดหมายของเพื่อนสาวชาวต่างชาติจบ รสสุคนธ์จึง ถามขึ้น

“แต่งเมื่อไหร่ล่ะวิว”

“แล้วใครคือเจ้าบ่าวผู้โชคดี” ชานนท์ถามอย่างตื่นเต้นไป

“แต่งวันที่สิบห้าเดือนหน้าค่ะ ส่วนเจ้าบ่าวเป็นนายทหารยศ ร้อยเอกชื่ออาเมล”

“โอ้โฮ้! พ่อก็เป็นทหารแถมเจ้าบ่าวยังเป็นทหารอีกด้วย เน้น ความมั่นคงภายในครอบครัวมากเลย เอ๊ะ! ถ้างั้นวีซ่า กับตัว เครื่องบินที่ส่งมานี่” ชานนท์หันมามองหญิงสาว

“ใช่ มิราเชิญเราไปงานแต่งงานเค้านะนนท์”วิวาห์บอกเพื่อนหนุ่ม แต่สีหน้าค่อนข้างมีกังวลอยู่ไม่น้อย ซึ่งรส สุคนธ์ก็สังเกตเห็นจึงถามขึ้น

“วิวอยากจะไปรึเปล่าจ๊ะ

“ถ้าไปก็ต้องลางานพรสหลายวันสิคะ ตั๋วเครื่องบินที่มิราส่งมา ให้ ก็ต้องเดินทางตั้งแต่ต้นเดือนวิวเกรงใจพรสค่ะ” หญิงสาวพูด ด้วยสีหน้าที่แสดงความเกรงใจรสสุคนธ์อย่างจริงใจ อีกฝ่ายิ้ม ก่อนเอ่ยขึ้น

“ถ้าวิวอยากไปก็ไปเถอะจ้ะ พี่อนุญาตให้ลาได้ ช่วงนี้ก็จะเข้า หน้าฝนแล้วคงไม่ค่อยมีงานเท่าไหร่หรอก แล้วอีกอย่างตั้งแต่ ทำงานมาสามปี วิวก็ยังไม่เคยลางานพี่เลยซักครั้ง ไปเถอะจ้ะ คุณมิราแต่งงานทั้งที เธออุตส่าห์เชิญมาขึ้นที่ไม่ให้วิวไปเธอ คงจะเสียน้ำใจแย่ แล้วที่สำคัญนะถ้าเผื่อเธอโกรธขึ้นมา เดี๋ยวมา เมืองไทยคราวหน้าเลิกใช้บริการบริษัทเรา พี่ก็แย่น่ะสิ เสียราย ได้หมด”

คำพูดของรสสุคนธ์ทำให้วิวาห์ยิ้มออกมาได้ หญิงสาวผู้เป็น ทั้งเจ้านายและเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ดีต่อเธอเสมอ นับตั้งแต่บิดา มารดาของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกัน ซึ่งขณะนั้น วิวาห์กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้ายพอดี หญิงสาวต้อง เคว้งคว้างเพราะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เกือบจะต้องลาออกจาก มหาวิทยาลัยออกมาหางานทำเพราะเงินเก็บของบิดามารดาที่มีอยู่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนักหนา เนื่องจากครอบครัวของเธอมีฐานะปานกลางเท่านั้น ยังโชคดีอยู่ บ้างที่มีบ้านเป็นของตนเองไม่ต้องเช่าใคร

ในขณะที่เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินเข้าสู่ทางตัน รสสุคนธ์ซึ่ง มีฐานะเป็นอดีตรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยและมีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของ ชานนท์ ก็มาชักชวนให้หญิงสาวไปทำงานในบริษัททัวร์ของ หล่อน ซึ่งบิดาของรสสุคนธ์ยกให้หล่อนเป็นผู้บริหารหลังจาก เรียนจบ วิวาห์ตอบรับคำชักชวนของหญิงสาวรุ่นพี่ทันที เธอได้ เริ่มต้นทํางานเป็นไกด์ฝึกงานพร้อมกับชานนท์ หญิงสาวจึง ทํางานไปด้วยเรียนไปด้วยจนจบแล้วเธอก็ยึดอาชีพไกด์มาจนถึง บัดนี้ ซึ่งก็เป็นเวลาถึงสามปีแล้ว

“วิวขอบคุณพีรสมากๆ เลยค่ะ ที่พี่กรุณาวิวมาตลอด” วิวาห์ พูดพลางพนมมือไหว้หญิงสาวรุ่นพี่อย่างซาบซึ้งในน้ำใจของอีก ฝ่ายที่มีให้เธอมานานหลายปี

“กรุณงกรุณาอะไรกันวิว คิดมากไปได้วิวน่ะทำงานหนักให้พี่ มาตั้งหลายปี พี่ซะอีกที่ต้องขอบใจวิว จริงมั้ยนนท์” รสสุคนธ์ น ไปถามญาติผู้น้อง ชานนท์พยักหน้ารับทันที

“พี่ให้วิวลาได้เต็มที่เลย แต่มีข้อแม้นะว่าวิวต้องไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวให้พี่ด้วย เพื่อเราจะจัดน่าเที่ยวที่ อัคบาชาไง น่าจะมีคนอยากไปเยอะนะ

“ได้เลยค่ะเจ้านาย เดี๋ยววิวจะให้มิราพาไปสำรวจให้ทั่วเลย แต่ว่าตอนนี้พรสกับนนท์ช่วยวิวคิดหาชุดที่วิวจะใส่ไปงาน แต่งงานของมิราก่อนดีกว่าค่ะ คือวิวก็ไม่มีชุดหรูๆ ซะด้วย”

“เรื่องนี้สบายมากจ้ะ พี่มีเพื่อนเป็นเจ้าของห้องเสื้อร้านเค้าดัง นะ พวกดาราก็ไปตัดชุดที่นี่กันเยอะ”

“ราคาคงแพงแย่สิคะพรส ถ้าดังขนาดดาราไปตัด

“เรื่องราคาไม่ต้องห่วงจ้ะพี่คุยให้ได้ อารยากับพี่เป็นเพื่อน สนิทกันมาตั้งแต่อยู่มัธยม แค่บอกว่าวิวเป็นน้องสาวพี่ยัยนั่นก็ ลดราคาให้แล้วล่ะ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ที่ว่างพอดี เดี๋ยวเราไปดูชุด กันเลยก็ได้ พี่จะโทรไปบอกเพื่อนพี่ไว้ก่อน เค้าจะได้เตรียมชุดไว้ เลย พรุ่งนี้เราเจอกันที่ร้านเลยนะ”

รสสุคนธ์บอกสถานที่ตั้งร้านและนัดเวลาเรียบร้อยแล้ว ก็บอก ให้วิวาห์กลับบ้านไปพักผ่อนได้ หญิงสาวพารถคู่ชีพคันเล็ก กลับ มาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมงแล้ว เนื่องจากแวะซื้อ องใช้ที่ห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นทางผ่านจึง ของทำให้เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง

บ้านของเธอเป็นทาวเฮ้าส์สองชั้นอยู่แถบชานเมือง ซึ่งเป็น สมบัติที่บิดามารดาทิ้งเอาไว้ให้หลังจากเสียชีวิต วิวาห์หอบข้าว ของเครื่องใช้ที่ซื้อมาเข้าไปภายในบ้าน

“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ วิวไม่อยู่ห้าวันคิดถึงวิวมั้ยคะ”

หญิงสาวหยุดยืนอยู่หน้ากรอบรูปไม้ขนาดใหญ่ซึ่งแขวนอยู่ บนฝาผนัง พลางยิ้มและทักทายบุรุษกับสตรีวัยกลางคนซึ่งกำลัง ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้เธอจากในภาพ ภาพถ่ายภาพนี้วิวาห์ เป็นคนถ่ายให้บิดาและมารดาด้วยตัวเอง ตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่ บ้านหลังนี้ใหม่ๆ หญิงสาวจัดให้พวกท่านนั่งคู่กันบนโซฟาบุนวม ตัวยาว โดยให้บิดานั่งโอบกอดมารดาเอาไว้

ภาพนี้ต้องขยายค่ะ วิวจะเอาไปขยายใบใหญ่เลยๆ

วิวาห์จําได้ว่าเธอบอกกับบิดามารดาเช่นนั้น และหลังจากนั้น เพียงปีเดียวเธอก็ต้องนำภาพของพวกท่านมาขยายจริงๆ ขยาย เพื่อเก็บไว้ดูยามที่คิดถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไม่มีวันกลับ

“วิวขอไปทำความสะอาดบ้านก่อนนะคะ ไม่อยู่หลายวัน ท่าทางฝุ่นคงจะหนาเป็นคืบแล้วล่ะค่ะ
หญิงสาวบอกกับภาพถ่ายบิดามารดา ก่อนจะหอบหิ้วข้าวของ เดินเข้าไปในห้องครัว จัดเก็บเข้าที่จนเรียบร้อย แล้วจึงขึ้นไป เปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาทําความสะอาดบ้านอย่างขะมักเขม้น เสร็จ แล้วก็ลงมือทำอาหารเย็นอย่างง่ายๆ สำหรับตนเอง ก่อนจะขึ้น ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง แล้วจึงลงมานั่งรับประทาน อาหารไปพลางดูโทรทัศน์ไปพลางอย่างเพลิดเพลิน

วิวาห์ตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเพื่อจะลงมาใส่บาตร ในตอนเช้า อันเป็นกิจวัตรที่เธอมักจะทำอย่างสม่ำเสมอถ้าอยู่ บ้านไม่ได้ออกน่าเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ หลังจากใส่ บาตรเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็กลับเข้ามาทำอาหารเช้าแบบ ง่ายๆ สําหรับตัวเองรับประทานจนเรียบร้อย ประมาณแปดโมง เช้าชานนท์ก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน

สองหนุ่มสาวเดินทางมาถึงห้องเสื้อชื่อดัง โดยไม่เสียเวลามาก นัก เนื่องจากเป็นเช้าวันอาทิตย์การจราจรจึงไม่คับคั่งเช่นวัน ธรรมดา รสสุคนธ์รออยู่ก่อนแล้วเมื่อทั้งสองเดินเข้าไปภายใน

“พรส รอนานมั้ยคะ”
“ไม่หรอกจ้ะ พี่ก็เพิ่งจะมาถึงได้ประมาณห้านาทีเอง วิวกับนนท์ มารู้จักกับพี่อารยาสิจ๊ะ”

รสสุคนธ์แนะนำให้วิวาห์และชานนท์รู้จักกับหญิงสาวเจ้าของ ห้องเสื้อชื่อดัง อารยา ให้การต้อนรับทั้งสามคนเป็นอันดี หล่อน ให้พนักงานนำชุด ทั้งชุดราตรีและชุดไทย หลากสีหลายแบบ ออกมาให้วิวาห์เลือกและลองสวมดู ในที่สุดชุดไทยประยุกต์สี กลีบบัวก็เป็นชุดที่ทุกคนลงความเห็นว่าเหมาะกับหญิงสาวมาก ที่สุด เพราะขับผิวขาวนวล ให้ดูหวานละมุนละไมยิ่งนัก

“ใส่ชุดนี้แล้วเกล้าผม ติดดอกไม้เสียหน่อยก็สวยไม่มีที่ติแล้ว ล่ะค่ะ” เจ้าของร้านสาวใหญ่บอก ขณะที่ช่วยจัดเสื้อผ้าที่วิวาห์ สวมอยู่ให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง ก่อนจะลองม้วนผมยาวสลวย ของหญิงสาวเกล้าขึ้นแบบง่ายๆ แล้วติดดอกไม้สีเดียวกับชุดให้

“พี่ว่าใส่ชุดไทยก็ดีนะวิว เพราะใครๆ ก็คงจะใส่ชุดราตรีกัน เกร่อทั้งงาน เราเป็นคนไทยใส่ชุดประจำชาติของเราดีกว่า จะได้ ช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไปในตัวด้วย” รสสุคนธ์บอก

“แล้วอย่าลืมสโลแกนที่ว่า ถ้าคุณอยากรู้จักเมืองไทยใช้บริการรสสุคนธ์ทัวร์ด้วยนะวิว”
ซานนท์แซวยิ้มๆ แล้วรีบกระโดดหลบฝ่ามือของรสสุคนธ์ที่ เตรียมจะฟาดแขนเขาอย่างรู้เท่าทัน ในถ้อยคำที่จงใจแซวหล่อน วิวาห์กับอารยาต่างพากันหัวเราะในท่าทางของสองพี่น้อง ที่ กําลังไล่ตีกันราวกับเด็กๆ

“ไม่ต้องมาแซวนะนายชานนท์ รายได้ของบริษัทก็คือเงินเดือน ของนายนะยะ”

“โธ่! ก็ผมไปว่าอะไรเล่าพรส นี่อุตส่าห์ช่วยให้วิวโฆษณา บริษัทแล้วนะ ยังไม่พอใจอีกเหรอครับ

“ย่ะ พอใจมากเลยล่ะนายจอมกะล่อน”

วิวาห์ตกลงใจเลือกเช่าชุดไทยสีกลีบบัวตามความเห็นของรส สุคนธ์กับชานนท์ อารยาจึงสั่งให้พนักงานจัดชุดไทยและเครื่อง ประดับลงถุงอย่างเรียบร้อย และประณีตที่สุดเพื่อให้ชุดเกิดรอย ยับน้อยที่สุด หลังจัดการเรื่องชุดเรียบร้อยแล้ว วิวาห์ รสสุคนธ์ และชานนท์จึงพากันไปนั่งรับประทานอาหารกลางวันในห้าง สรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง

“พรสกับนนท์ช่วยคิดหน่อยสิคะว่าวิวจะหาอะไรไปเป็นของ ขวัญให้มิราศี”

“แหม คุณมิราเธอก็ร่ำรวยมหาศาลอยู่แล้ว พี่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าควรจะให้อะไรเป็นของขวัญกับเธอดี พี่ว่า ของราคาแพงแค่ไหนเธอก็คงจะมีหมดแล้วล่ะมั้ง หรือว่าไงนนท์ คิดออกมั้ย” ท้ายประโยครสสุคนธ์หันไปถามญาติผู้น้อง ชานนท์ ส่ายหน้า

“ตอนนี้ยังคิดไม่ออกครับ ขอรับประทานก่อน เพราะกองทัพ เดินด้วยท้อง”

“ตะกละจริง ห่วงกินอยู่นั่นแหละ รสสุคนธ์ว่าพลางก้อนอีก ฝ่ายชานนท์เลยหัวเราะเบาๆ พลางพูด

“แหม พรส กว่าวิวจะออกเดินทางก็อีกตั้งหนึ่งอาทิตย์ ขอเวลา ผมคิดหน่อยสิครับ อิคคิวซังยังขอเวลาใช้หมองนั่งมาธิเลย

“ย่ะ คิดให้มันได้เรื่องดีๆ หน่อยล่ะพ่อมหาจำเริญ”

“มือชั้นนี้แล้ว รับรองไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังแน่ แต่ตอนนี้ของ ฟรีขอกินก่อนล่ะ พรสอุตส่าห์เลี้ยงทั้งที” ซานนท์พูดพลางลงมือ รับประทานอาหารต่ออย่างเอร็ดอร่อย วิวาห์เลยได้แต่หัวเราะ เพื่อนหนุ่มเบาๆ ขณะที่รสสุคนธ์ส่ายหน้าอย่างระอา ในความ ทะเล้นของญาติผู้น้อง

สองวันต่อมาชานนท์ก็ขอลางานกับรสสุคนธ์ ขับรถพาวิวาห์ ไปศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าถ้าเป็นพวกงานฝีมือแบบไทยซึ่งหายาก น่าจะเป็นของ ขวัญที่มีคุณค่าทางจิตใจ อีกทั้งสร้างความประทับใจให้ผู้ที่ได้รับ มากกว่าของขวัญราคาแพงที่ขายอยู่ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ซึ่งรสสุคนธ์ก็เห็นด้วย

หลังจากที่เดินดูสินค้าอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดวิวาห์ก็ตัดสินใจซื้อ หีบเงินใส่เครื่องประดับให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของเพื่อน สาวชาวต่างชาติ แล้วจึงเลือกซื้อกล่องใส่ซิก้า ซึ่งฉลุเป็น ลวดลายไทย แล้วลงรักปิดทองอย่างงดงาม สำหรับเป็นของฝาก ท่านนายพลอัสมาผู้เป็นบิดาของมิรา

ส่วนท่านผู้หญิงจาน่ามารดาของมิรานั้น วิวาห์เลือกกระเป๋าถือ สานจากหญ้าลิเภาไปฝากนาง หญิงสาวยังเลือกซื้อผ้าไหมไทย อีกห้าผืน รวมทั้งของที่ระลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากศูนย์ศิลปาชีพไป อีกหลายชิ้น เธอให้เหตุผลกับชานนท์ว่า ต้องซื้อของฝากไปเพื่อ เพราะไม่รู้ว่าที่บ้านมีรามีใครอยู่บ้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ