ร้อยรักทรายเสน่หา

2 ราชอาณาจักรอัคบาชา



2 ราชอาณาจักรอัคบาชา

วิวาห์กําลังทอดสายตามองผ่านกระจกหน้าต่าง ภายในห้องผู้ โดยสารระดับวี.ไอ.พี.ของสายการบินแห่งราชอาณาจักรอัคบา ชา ดูกลุ่มปุยเมฆสีขาวราวกับสำลีซึ่งกำลังลอยกระจัดกระจาย อยู่จนสุดลูกหูลูกตาอย่างเพลิดเพลิน เมื่อแอร์โฮสเตสสาว ท่าทางสุภาพ ซึ่งคอยแวะเวียนเข้ามาชวนหญิงสาวพูดคุยตั้งแต่ เธอเปลี่ยนเครื่องขึ้นมานั่งบนเครื่องบินลำนี้ เดินเข้ามาในห้อง อีกครั้งพร้อมถาดอาหารว่างและเครื่องดื่ม

“อีกนานไหมคะ กว่าเราจะถึงจุดหมายปลายทาง” วิวาห์ถาม ขึ้น แอร์โฮสเตสสาวยกนาฬิกาข้อมือของตนเองขึ้นดูก่อนตอบ

“อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ คุณเบื่อหรือเปล่าคะ

“เปล่าหรอกค่ะ เพียงแค่ดิฉันกำลังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นอัค

มาชาค่ะ”

แอร์โฮสเตสสาวยิ้มอย่างพอใจในคำพูดของผู้โดยสาร วี.ไอ.พี.สาวสวย ซึ่งหล่อนรับคำสั่งมาว่าให้ดูแลหญิงสาวคนนี้ อย่างดี เนื่องจากเธอเป็นแขกพิเศษที่จะมาร่วมงานแต่งงานของ ลูกสาวท่านนายพลคนสําคัญ ซึ่งเป็นญาติสนิทขององค์ประมุขแห่งอัคบาชา

“ประเทศอัคบาชาของเราสวยงามมากค่ะ ดิฉันเชื่อว่าคุณจะ ต้องประทับใจตั้งแต่วินาทีแรกที่เครื่องลงแตะรันเวย์อย่าง แน่นอนค่ะ”

แอร์โฮสเตสสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความภาคภูมิใจใน ประเทศชาติของตนวิวาห์พยักหน้าพลางยิ้ม ก่อนที่แอร์โฮสเตส สาวจะขอตัวออกไปดูแลผู้โดยสารด้านนอก เพื่อเปิดโอกาสให้ หญิงสาวได้รับประทานของว่างและเครื่องดื่มตามสบาย

เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง แอร์โฮสเตสสาวก็กลับเข้ามา ภายในห้องผู้โดยสารวี.ไอ.พี.อีกครั้ง ขณะที่วิวาห์กำลังนั่งอ่าน หนังสือแมกกาซีนอยู่ หล่อนเข้ามาบอกว่าอีกประมาณสิบห้านาที เครื่องก็จะลงจอดที่สนามบินแล้ว ก่อนเก็บถาดของว่างและ เครื่องดื่มออกไป สักครู่วิวาห์ก็ได้ยินเสียงประกาศจากกัปตันว่า เครื่องกำลังจะลดเพดานบินลงจอด ขอให้ผู้โดยสารทุกคนรัก เข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย

ทันทีที่เครื่องบินเริ่มลดเพดานบินลง หญิงสาวก็ต้องอุทานออก มาเบาๆ ด้วยความอัศจรรย์ใจ เมื่อทอดสายตามองผ่านหน้าต่าง เครื่องบินลงไป แล้วเห็นน้ำทะเลสีครามต้องแสงแดดเป็น ประกายระยิบระยับรวมทั้งหาดทรายสีขาวสะอาดตาอยู่เบื้องล่างลิบๆ และที่ไม่ไกล จนเกินกว่าที่สายตาของเธอจะมองเห็นได้ ก็คือทะเลทรายสีทอง ที่ทอดยาวจากช่วงตอนกลางของประเทศไปจนสุดลูกหูลูกตา นั่นเอง

ครู่ต่อมาเมื่อเครื่องบินลงแตะรันเวย์ หญิงสาวก็พบว่าสนาม บินของประเทศอัคบาซาถูกออกแบบเอาไว้อย่างสวยงามหรูหรา และทันสมัยมากเลยทีเดียว นี่กระมังความประทับใจตั้งแต่วินาที แรกเมื่อเครื่องลงแตะรันเวย์ ที่แอร์โฮสเตสสาวบอกกับเธอ

หญิงสาวนั่งมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างเพลิดเพลิน จน กระทั่งเครื่องบินจอดสนิทแอร์โฮสเตสสาวคนเดิมก้าวเข้ามาใน ห้องผู้โดยสารวี.ไอ.พี.อีกครั้ง ขณะที่วิวาห์ลุกขึ้นยืนพลางบอกกับ หล่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คุณพูดถูกค่ะ ฉันประทับใจที่นี่ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เครื่องลง แตะรันเวย์เลยทีเดียว”

“คุณจะได้พบกับสิ่งที่น่าประทับใจอีกมากมายเลยค่ะ” แอร์ โฮสเตสสาวบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางผายมือเป็นการเชื้อ เชิญให้หญิงสาวเดินออกไปด้านนอก วิวาห์เดินตามหล่อนออก ไปจนถึงทางเดินเข้าสู่ห้องรับรองผู้โดยสารวี.ไอ.พี. แอร์โฮสเตส สาวจึงหยุดเดินพลางหันมาบอก
“ดิฉันส่งคุณได้แค่นี้นะคะ มีคนมารอรับคุณอยู่ที่ห้องรับรอง แล้วค่ะ”

“ขอบคุณมากค่ะ หวังว่าตอนดิฉันเดินทางกลับ คงจะได้พบกับ คุณอีกนะคะ”

“เช่นกันค่ะ” แอร์โฮสเตสสาวรับคำยิ้มๆ ก่อนจะกล่าวขอตัว กับหญิงสาวแล้วหมุนตัวเดินกลับไปตามทางเดิม วิวาห์จึงก้าว ตรงไปที่ประตูกระจกบานใหญ่ติดฟิล์มสีดำสนิท ซึ่งเปิดเลื่อน ออกทันทีโดยอัตโนมัติ เมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปในระยะของ เครื่องเซ็นเซอร์

หญิงสาวร่างระหงสมส่วนในชุดกระโปรงยาวติดกันสีชมพู สลับทอง ตัวเสื้อแขนยาวตัดเข้ารูปพอดีกับเอวคอดกิ่ว ก่อนจะ บานออกตามสะโพกทิ้งชายกระโปรงยาวจรดพื้นผุดลุกขึ้นยืน ด้วยสีหน้ายินดี ทันทีที่เห็นร่างระหงในชุดสูทกางเกงสีครีมของ วิวาห์ก้าวผ่านประตูเข้าไป

“วิวาห์”

“มิรา” แล้วทั้งสองสาวต่างก็เดินมาสวมกอดกันทันที

“ยินดีต้อนรับสู่อัคบาชาจะ ฉันดีใจเหลือเกินที่เธอมา คิดถึง เธอจริงๆ” มิราพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฉันก็คิดถึงเธอจ้ะ” วิวาห์บอกอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พอกัน มีราคลายวงแขนที่โอบกอดวิวาห์ออก แล้วเปลี่ยนเป็น จูงมือหญิงสาวให้เดินตามไปนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่

“เราต้องนั่งรอที่นี่สักครู่ เซน่าสาวใช้กับซาราลคนขับรถของ ฉัน กำลังไปจัดการเรื่องกระเป๋าของเธอ ถ้าเรียบร้อยแล้ว เซน่า จะมาตามเราไปที่รถจ้ะ” มิราบอก

หลังจากที่นั่งรออยู่ครู่หนึ่ง เด็กสาววัยรุ่นอายุประมาณสิบห้า หรือสิบหกปีคนหนึ่ง ก็ก้าวนำหน้าชายหนุ่มร่างสันทัดเข้ามา ภายในห้องด้วยท่าทางคล่องแคล่ว และเมื่อเด็กสาวเห็นวิวาห์ เจ้าหล่อนก็ทำตาโต พลางอุทานเสียงดังลั่นอย่างลืมตัวเป็น ภาษาพื้นเมืองว่าสวยมาก ซึ่งหญิงสาวก็ฟังเข้าใจเพราะเป็นค่า ศัพท์ง่ายๆ ที่มิราเคยสอนเธอเมื่อครั้งไปเที่ยวเมืองไทย ขณะที่มี ราเอ็ดสาวใช้เบาๆ ก่อนจะหันมาพูดกับหญิงสาวว่า

“ขอโทษแทนเด็กของฉันด้วยนะจ๊ะวิวาห์ แม่คนนี้ลืมกิริยา มารยาทไปเสียทุกครั้งเลย

จากนั้นมิราก็บอกให้เซน่าสาวใช้และชาราลคนขับรถของ หล่อนทําความเคารพวิวาห์ ก่อนบอกกับวิวาห์ว่าเซน่าสามารถ พูดและฟังภาษาอังกฤษได้ดีพอควร เนื่องจากหล่อนเป็นคนสอน ภาษาอังกฤษให้เซน่าด้วยตัวเอง ซึ่งวิวาห์ก็ชมเด็กสาวว่าเก่งมาก ทำให้เซน่าถึงกับยิ้มแป้น อย่างยินดีเมื่อได้รับคำชม ก่อนที่ทั้งสี่คนจะเดินออกมาจากห้อง รับรองเพื่อลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถ

เมื่อรถเริ่มเคลื่อนออกจากสนามบินไปสู่ความจอแจภายนอก วิวาห์จึงมองเห็นสิ่งก่อสร้างหลากสไตล์ตั้งอยู่สองฟากฝั่งถนน กว้างขนาดสิบเลน ตึกสีเหลืองนวลตาสไตล์ยุโรปส่วนใหญ่เป็น ร้านขายสินค้าแบรนด์เนมดังๆ จากยุโรป อาทิน้ำหอมและเสื้อผ้า แล้วยังมีร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอีกหลายร้านซึ่งหญิงสาวรู้จัก คุ้นเคยเป็นอย่างดี ดังนั้นบริเวณนี้จึงมีผู้คนเดินกันไปมาขวักไขว่

รถแล่นผ่านย่านจอแจมาได้สักครู่ วิวาห์ก็เห็นตึกสีครีมโอ่โถง ปลูกเรียงรายอยู่เป็นแนวทั้งสองฟากฝั่งถนน แต่ละตึกจะมีอาณา บริเวณเป็นของตัวเองและตั้งอยู่ในระยะที่ห่างกันพอประมาณ มี ราอธิบายให้หญิงสาวฟังว่าตึกเหล่านี้ทางรัฐบาลอัคบาชาสร้าง ขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานทูตหลายประเทศซึ่งก็รวมทั้งประเทศไทย ด้วย ขณะนี้กำลังเร่งตกแต่งภายในและขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ เข้าไป เพื่อให้เรียบร้อยทันกำหนดที่เอกอัครราชทูตแต่ละ ประเทศจะเดินทางเข้ามารับตำแหน่งในอีกสามเดือนข้างหน้า
ใกล้จะถึงบ้านของเธอยังจ๊ะมิรา” วิวาห์ถามขึ้นหลังจากที่รถ แล่นพ้นย่านตึกสูงออกมาได้สักครู่ มิราหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบ

“ยังหรอกจ้ะ บ้านของฉันไม่ได้อยู่ในเมืองนี้หรอกจ้ะ ที่นี่เป็น เพียงเมืองท่าของอัคบาซา เราใช้สําหรับติดต่อค้าขายกับต่าง ประเทศ เป็นที่ตั้งสถานทูตและสนามบินเท่านั้น เราจะต้องเดิน ทางจากที่นี่อีกประมาณครึ่งชั่วโมง จึงจะถึงเมืองหลวงอัคบาซา บ้านของฉันอยู่ที่นั่นจ้ะ”

“ที่นี่เจริญมาก จนฉันคิดว่าเรากำลังอยู่ในเมืองหลวงแล้วซะ อีก” วิวาห์พูด

“ที่เมืองหลวงของเราเจริญมากกว่านี้อีกจ้ะ แต่จะไม่มีพวกร้าน ค้าของต่างประเทศหรือร้านอาหารฟาสต์ฟูดแบบที่นี่หรอกนะจ๊ะ เพราะเราอนุรักษ์วัฒนธรรมความเป็นอัคบาซาเอาไว้ไม่อยากให้ วัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวอัคบาซา มาก จนทําให้ชาวอัคบาซาลืมวิถีชีวิตและวัฒนธรรมดั้งเดิมของ เราจ้ะ”

วิวาห์พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วมองผ่านหน้าต่างออกไปเพื่อ วิวข้างทางอีกครั้ง แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องอุทานออกมาด้วยความ ประหลาดใจ เมื่อเห็นทุ่งข้าวบาร์เลย์สีทองทอดแนวยาวไกลจน สุดลูกหูลูกตา
“โอ้โฮ้! สวยจัง”

“กระทรวงเกษตรของเราเพิ่งจะเริ่มทดลองปลูกข้าวบาร์เล่ย์จะ รู้สึกว่าดินของเราจะให้ผลผลิตดี ตอนนี้ทางกระทรวงก็เลย วางแผนจะเพิ่มพื้นที่ในการปลูกข้าวบาร์เลย์ออกไปอีกจ้ะ มิรา อธิบายยิ้มๆ เมื่อเห็นท่าทางของวิวาห์

“ที่นี่สร้างความประทับใจและประหลาดใจให้ฉันได้มากมาย จริงๆ” หญิงสาวรำพึงยิ้มๆ

“ฉันดีใจที่เธอชอบอัคบาซาจ้ะ และที่นี่ยังมีอะไรอีกหลายอย่าง ให้เธอประทับใจอย่างแน่นอน” มิราพูดยิ้มๆ ทำให้วิวาห์นึกอะไร บางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“จริงสิมิราสิ่งแรกที่ฉันประทับใจที่อัคบาชาก็คือสนามบิน ตอนที่เครื่องจะลงจอดฉันมองเห็นวิวทะเลจากทางหน้าต่างด้วย สวยมากเลยนะ แล้วสนามบินก็ออกแบบได้สวยงามทันสมัยมาก เลย ใครกันนะที่เป็นคนออกแบบสนามบิน เธอรู้รึเปล่าจ๊ะมิรา”

“รู้สิจ๊ะ” มิราตอบยิ้มๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับทำตาโตพลาง ถาม

“เค้าเป็นคนประเทศไหนหรือจ๊ะ ฉันอยากรู้จักกับเค้าจังเลย อยากจะขอสัมภาษณ์สักหน่อยว่าทำไมเค้าถึงออกแบบสนามบิน ได้หรูหรา สวยงาม แล้วก็ทันสมัยได้มากขนาดนี้

“เค้าเป็นชาวอัคบาชาจะ เอาไว้ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักกับเค้า ก็แล้วกัน”

“จริงๆ นะมิรา โชคดีนะที่ฉันไม่ลืมพกกล้องมาด้วย ถ้าเธอจะ พาฉันไปแนะนำให้รู้จักกับเค้าวันไหน บอกล่วงหน้าด้วยนะมิรา ฉันจะได้เอากล้องไปขอถ่ายรูปเค้า เอาไปอวดพรสกับนนท์ ว่า คนนี้แหละที่ออกแบบสนามบินอันแสนสวยหรูของอัคบาชา เอ…ว่าแต่เค้าจะยอมให้ฉันถ่ายรูปเค้าหรือเปล่านะ” วิวาห์พูด ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“ยอมสิจ๊ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอขอร้องอีกคน รับรองว่าเค้าคน นั้นจะไม่ปฏิเสธเราหรอกจ้ะ” มิราบอกด้วยน้ำเสียงแสดงความ มั่นใจ พลางนึกอยู่ในใจเมื่อนึกไปถึงคนที่ออกแบบสนามบิ นอัคบาชา ที่เพื่อนสาวสวยชาวต่างชาติของหล่อนอยากจะรู้จัก

รถแล่นผ่านทุ่งข้าวบาร์เลย์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวิวาห์เริ่มมอง

เห็นบ้านคนประปราย และเริ่มหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดรถ ก็แล่นเข้าสู่เขตเมืองหลวงของอัคบาชา ยวดยานพาหนะที่นี่ คับคั่งไม่แพ้เมืองท่า แต่การจราจรก็เป็นไปอย่างสะดวกสบาย เนื่องจากถนนกว้างขวางถึงสิบเลน

ในเขตเมืองหลวงไม่มีตึกสไตล์ยุโรปขายสินค้าจากต่างประเทศ หรือร้านอาหารฟาสต์ฟูดอย่างที่มิราบอกจริงๆ ร้าน ขายของที่นี่เป็นร้านค้าขนาดเล็กหรือไม่ก็เป็นแผงลอยขายสินค้า พื้นเมือง ซึ่งชาวอัคบาซานํามาวางขายอย่างมีระเบียบ

ผู้คนส่วนใหญ่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองของชาวอัคบาชา คือ ผู้ชายสวมชุดเสื้อและกางเกงเข้ารูปสีเข้ม แล้วคุลมทับด้วยเสื้อ คลุมสีเดียวกันยาวกรอมเท้า โพกผมด้วยผ้าสีเดียวกับชุดที่สวม ใส่ ส่วนผู้หญิงสวมชุดกระโปรงยาวติดกันยาวกรอมเท้าแบบ เดียวกับที่มิราสวมใส่ แต่แตกต่างกันตรงที่หญิงสาวชาวบ้าน เหล่านั้นจะสวมชุดสีพื้นแบบเรียบง่าย ไม่มีลวดลายงดงาม เหมือนชุดของมิรา

รถแล่นมาอีกครู่หนึ่งก็มาจอดที่หน้าประตูเหล็กทึบบานใหญ่ เมื่อชาราลหยิบรีโมทขนาดเล็กขึ้นมากด ประตูเหล็กก็เลื่อนเปิด ออกอย่างช้าๆ และทันทีที่รถแล่นผ่านประตูเข้าไปวิวาห์ก็แทบ หยุดหายใจ

คฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ถูกออกแบบผสมผสานกัน ระหว่าง สไตล์ของชาวอัคบาชาและสไตล์ยุโรปได้อย่างกลมกลืน ตั้งอยู่ บนเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลปรากฏต่อสายตาของหญิงสาว ชา ราลขับรถอ้อมสนามหญ้าสีเขียวขจีซึ่งมีน้ำพุรูปปั้นผู้หญิงยืนดีด พิณอยู่กลางสนาม ท่ามกลางดงกุหลาบหลากสีหลายพันธุ์ซึ่งปลูกเรียงรายรอบน้ำพุอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ราวกลับ สวนสวรรค์ไปอย่างช้าๆ

รถแล่นมาจอดสนิทที่หน้าบันไดคฤหาสน์ ชาราลกับเซน่าต่าง รีบลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูให้มิรากับวิวาห์ หญิงสาวก้าวลง จากรถ โดยไม่ลืมกล่าวคำขอบใจกับเซน่า ซึ่งก็ทำให้เด็กสาวยิ้ม แป้นอย่างยินดี มีราหันไปสั่งสาวใช้สองคนซึ่งวิ่งลงบันไดมา ให้ ช่วยกันขนกระเป๋าเดินทางของวิวาห์ขึ้นไปบนห้องพัก ก่อนจูงมือ หญิงสาวให้ก้าวขึ้นบันไดไปพร้อมกัน

สตรีวัยกลางคน ในชุดกระโปรงผ้าไหมฝรั่งเศสสีน้ำเงินงาม ระยับยาวกรอมเท้า ใบหน้าละม้ายคล้ายกับมิราก้าวออกมาจาก ภายในบ้าน พร้อมกับที่สองสาวก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายพอดี นางกางแขนโอบกอดร่างระหงของวิวาห์ด้วยสีหน้ายินดี ก่อน คลายวงแขนออกพลางกล่าวต้อนรับเธอเป็นภาษาอังกฤษซัด ถ้อยชัดค่า

“ยินดีต้อนรับจ้ะ ดีใจจริงๆ ที่ได้พบกันอีกครั้ง”

วิวาห์พนมมือไหว้สตรีวัยกลางคนอย่างงดงามพลางพูด

“สวัสดีค่ะท่านผู้หญิงจาน่า ดิฉันก็ดีใจที่ได้พบท่านค่ะ ท่านผู้หญิงและท่านนายพลสุขภาพแข็งแรงดีหรือคะ”

“ฉันและท่านนายพลแข็งแรงดีมากจ้ะ จากผลการตรวจ สุขภาพประจําปี คุณหมอบอกกับเราสองคนว่า เราจะอายุยืน ได้ อยู่เลี้ยงลูกของมิราอีกหลายคนอย่างแน่นอนจะ

ตอนท้ายประโยคท่านผู้หญิงกล่าวล้อเลียนบุตรสาว ซึ่งก็มีผล ให้มีราถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย สตรีวัยกลางคนหันมา ขยิบตา ให้วิวาห์ยิ้มๆ เป็นเชิงว่ารู้กัน หญิงสาวจึงยิ้มตอบนาง

วิวาห์ถูกท่านผู้หญิงจาน่าโอบเอวพาเดินเข้าไปภายในบ้าน โดยมิราเดินตามมาข้างๆ ฟังมารดาของหล่อนซักถามหญิงสาว เรื่องการเดินทางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จนกระทั่งทั้งสามคนเข้ามา นั่งอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ ซึ่งถูกประดับตกแต่งเอาไว้อย่าง งดงามหรูหราสมฐานะของเจ้าของบ้าน ภายในห้องเปิดเครื่อง ปรับอากาศเย็นฉ่าตลอดเวลา สาวใช้คนหนึ่งยกถาดเครื่องดื่ม เข้ามาวางบนโต๊ะให้สองสาว ก่อนจะถอยออกไปจากห้องอย่างรู้ หน้าที่

“ดื่มน้ำบีทรูทเพื่อสุขภาพจะ” ท่านผู้หญิงจาน่าบอก วิวาห์จึง ยกแก้วซึ่งบรรจุน้ำบีทรูทสีม่วงเข้มเย็นเจี๊ยบขึ้นมาดื่มตามที่ท่าน เจ้าของบ้านเชื้อเชิญ
“คุณพ่อออกไปข้างนอกหรือคะคุณแม่” มิราถามมารดาด้วย ภาษาอังกฤษเพื่อให้แขกสาวจากต่างแดนฟังเข้าใจด้วย พลาง วางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ

“เข้าวังจะเห็นว่าจะเข้าไปพูดคุยธุระกับท่านนายพลราชิต แต่ คุณพ่อของลูกสัญญาว่าจะกลับมาให้ทันรับประทานอาหารค่ำ จ้ะ” ท่านผู้หญิงจาน่าตอบบุตรสาวเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน หลัง จากนั้นสตรีวัยกลางคนก็พูดคุยซักถามวิวาห์อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะ บอกให้มิราพาหญิงสาวขึ้นไปพักผ่อนบนห้องพัก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ