ร้อยรักทรายเสน่หา

8 สาวชาววัง



8 สาวชาววัง

มิราเดินทางมารับวิวาห์กลับไปจากพระราชวังหลวง ในตอน สาย เมื่อไปถึงบ้านเซน่าก็รีบวิ่งเข้ามาถามไถ่วิวาห์ด้วยความเป็น ห่วงเป็นใย จนหญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งใจในความห่วงใยของเด็ก สาว ที่ห่วงใยเธอด้วยความจริงใจทั้งที่ไม่ได้เป็นญาติสนิทอะไร กันเลยซักนิด

“ตกลงท่านอาของลูกจะให้วิวาห์เข้าไปพักที่ตำหนักจริงๆ หรือ มิรา” ท่านผู้หญิงจาน่าถามขึ้น หลังจากที่ท่านเดินนำรากับ วิวาห์เข้ามานั่งพูดคุยกันในห้องโถงใหญ่

“ค่ะคุณแม่ ท่านอาบอกว่าวิธีนี้ดี และปลอดภัยมากที่สุด สำหรับวิวาห์” มิราตอบคำถามผู้เป็นมารดา ท่านผู้หญิงจาน่า ถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดกับไกด์สาว

“ไม่นึกเลยว่าวิวาห์จะต้องเดือดร้อนอย่างนี้

“ดิฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ท่านผู้หญิงอย่าคิดมากเลยนะคะ

วิวาห์บอกท่านผู้หญิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอคิดว่าตราบใดที่

ยังพักอยู่ในตำหนักของพระสนมเอกนิลลา ชายหนุ่มสูงศักดิ์คน

นั้นก็คงจะไม่มีทางทำอะไรได้อย่างแน่นอน อีกเพียงสิบสองวันก็

จะถึงวันแต่งงานของมิราแล้ว พอเสร็จพิธีแต่งงานวิวาห์ก็จะรีบ

เดินทางกลับทันทีเท่านี้ก็หมดเรื่อง เพราะเธอคงไม่มีโอกาสได้

กลับมาที่อัคบาซาในเร็ววันนี้หรอก หญิงสาวบอกตัวเอง

ตอนกลางคืนวิวาห์นั่งจัดเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวที่จะเอาไปใช้ ในระหว่างที่พักอยู่ในตำหนักของพระ สนมเอกนิลลา โดยมีเซน่าคอยช่วยเหลืออยู่ด้วย ในระหว่างที่มี ราเข้ามานั่งพูดคุยกับเธอ

“เธอไม่ต้องกลัวเหงานะวิวาห์ ถ้าวันไหนว่างฉันจะรีบเข้าไปหา เธอ แต่มีคุณอันน่าอยู่ เธอก็คงจะมีเพื่อนคุยอยู่หรอกจ้ะ” มิราบ อก

“เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันอยู่ได้จะมีรา ไม่นึกเลยว่าชีวิตนี้จะ ได้เข้าไปเป็นสาวชาววังตั้งสิบเอ็ดวัน” วิวาห์พูดติดตลกและ หัวเราะในตอนท้ายประโยค มีราเลยพลอยหัวเราะไปด้วยพลาง พูด

“ขอให้เธอสนุกสนานกับการเป็นสาวชาววังก็แล้วกันจะ

เช้าวันรุ่งขึ้นมิราก็พาวิวาห์ไปส่งที่พระราชวังหลวงแต่เช้า อัน น่าพานางกำนัลคนหนึ่งออกมารอรับหญิงสาวทั้งสองที่ทางเข้า ตำหนักพระสนมเอก เพื่อช่วยหิ้วกระเป๋าของวิวาห์เข้าไปเก็บ ภายในห้องพัก

“ท่านอาคะ หลานฝากวิวาห์เป็นสาวชาววังสักสิบเอ็ดวันนะ คะ” มิราบอกพระสนมเอกยิ้มๆ พระสนมเอกนิลลาพยักหน้ารับ พลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน

“ได้สิจ๊ะ รับรองว่าอาจะอบรมให้เป็นสาวชาววังเต็มตัวเขียว ล่ะ”
ทีแรกวิวาห์ก็นึกว่าพระสนมเอกแค่พูดเล่นกับมิราเท่านั้น แต่ พอเช้าวันต่อมาหญิงสาวก็ได้รู้ว่าพระนางไม่ได้พูดเล่นเสียแล้ว เมื่อเธอถูกจับเข้าคอร์สสาวชาววังจริงๆ เริ่มต้นด้วยช่วงเช้าถึง เที่ยงวิวาห์ต้องหัดปักผ้ากับอันน่า ช่วงบ่ายฝึกเรื่องกิริยา มารยาทของสาวชาววัง รวมทั้งเรียนภาษาพื้นเมืองของชาวอัด บาชาอย่างจริงจังจนถึงตอนเย็น

ในตอนเย็นเมื่อซานมาที่ตำหนักของพระสนมเอก องค์ รัชทายาทก็ต้องหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเข้ามาพบว่าหญิงสาว กำลังถูกอันน่าเคี่ยวเข็ญให้ไปขัดตัวนวดตัวโดยเหล่านางกำนัล ไม่ว่าวิวาห์จะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่เป็นผล เพราะสุดท้ายอันน่าก็ให้ เหล่านางกำนัลนับสิบคน ช่วยกันเอาตัวเธอเข้าไปขัดตัวนวดตัว จนได้

“เหมือนท่านแม่ได้ลูกสาวเพิ่มอีกคนเลย แต่ทำไมต้องบังคับ เธอขนาดนั้นด้วยล่ะท่านแม่” ซานั้นถามมารดาเลี้ยงด้วยใบหน้า ยิ้มแย้ม พระสนมเอกนิลลายิ้มบางๆ พลางตอบ

“ก็ต้องฝึกเอาไว้ก่อน เผื่อว่าเธอต้องกลายเป็นสาวชาววังขึ้น มาจริงๆ ลูกไม่คิดอย่างนั้นหรือจ๊ะซานั้น”

ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์หัวเราะเบาๆ กับคำพูดมีนัยของพระ สนมเอก โดยไม่ได้ตอบอะไรออกมา หลังจากที่ถูกอันน่ากับเหล่า นางกำนัลจับนวดตัวขัดตัวแล้ว วิวาห์ก็ถูกจับแต่งชุดกระโปรง ยาวยาวกรุยกรายสีครีมเดินทองทั้งชุด เรือนผมยาวสลวยของ หญิงสาวถูกม้วนเป็นลอนใหญ่ปล่อยยาวสยายถึงกลางหลัง วิวาห์ยืนมองดูเงาตัวเองในกระจกแล้วก็พึมพำออกมาเบาๆอย่างขบขัน

“เหมือนหลุดออกมาจากสมัยพระเจ้าหลุยส์เลยแฮะ ถ้าพรส กับนนท์มาเห็นมีหวังฆ่าตายเลย

ชานั้นอยู่ในอาการตกตะลึงทันที เมื่อเห็นหญิงสาวก้าวเข้ามา ภายในห้อง ขณะที่พระสนมเอกนิลลายิ้มอย่างพอใจ แล้วพูดขึ้น

“เจ้าสวมชุดนี้ได้งดงามมาวิวาห์

“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวพูดเสียงแผ่วเบา เพราะเริ่มรู้สึก เขินกับสายตาของเจ้าชายซากันขึ้นมาครามครัน เธอก็เป็นผู้ หญิงนี่นา อาจจะไม่ถึงกับเรียบร้อยเป็นกุลสตรี แต่เป็นใครก็คง อดเขินไม่ได้หรอก ถ้ามาถูกชายหนุ่มรูปหล่อจ้องมองขนาดนี้ แถมยังไม่ใช่ชายหนุ่มธรรมดาสามัญด้วยแต่เป็นถึงเจ้าชาย

“ถึงกับตะลึงเลยหรือจะซานั้น” คำถามล้อๆ ของพระสนมเอก ทำให้ซานั้นรู้สึกตัวพลางหัวเราะเก้อๆ ก่อนเอ่ยขึ้น

“ลูกนึกว่าเจ้าหญิงในเทพนิยายหลุดออกมาเสียอีกท่านแม่

“ขอบคุณที่ชื่นชมดิฉันค่ะ ดิฉันจะจดจำคำชื่นชมของเจ้าชาย เอาไว้ไปเล่าให้ลูกหลานฟัง ถ้ามีนะคะ”

คำพูดของหญิงสาวทำให้พระสนมเอกนิลลากับเจ้าชายชานัน หัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่อันน่า

“เจ้าพูดราวกับว่าจะไม่แต่งงานอย่างนั้นแหละวิวาห์” พระ สนมเอกพูด
“ก็ไม่แน่ค่ะ เพราะว่าดิฉันยังหาคนโชคร้ายไม่เจอ

“แล้วถ้าหากว่ามีคนยอมโชคร้าย คุณจะยอมแต่งงานกับคนๆ นั้นหรือเปล่าครับมีสวิวาห์”

คำถามประโยคนี้ของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ทำเอาหญิงสาวถึงกับ อึ้งไปเลยทีเดียว เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี

“เอ่อ…คือ…”

“เอ…แม่คิดว่าโต๊ะอาหารน่าจะตั้งเรียบร้อยแล้วกระมัง เชิญ เถอะจ้ะชานัน วิวาห์ด้วยจ้ะ” พระสนมเอกนิลลาเอ่ยขึ้นเหมือน เสียงระฆังช่วยทำให้หญิงสาวถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ เธอไม่ต้องนึกหาคำพูดมาตอบคำถามของเจ้าชายหนุ่ม ก่อนจะ ก้าวตามหลังบุคคลสูงศักดิ์ทั้งสองไปที่ห้องอาหาร

มิราเข้ามาที่ตำหนักของพระสนมเอก ในวันรุ่งขึ้น แล้วก็ถึงกับ หัวเราะเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังนั่งปักผ้าอยู่ที่ศาลาไม้ขนาดเล็กใน อุทยานดอกไม้ โดยมีอันน่าคอยกำกับอยู่ข้างๆ

“ฉันไม่เข้าใจเลยนะมิรา ว่าทำไมคุณอันน่าต้องจริงจังกับฉัน มากขนาดนี้ พระสนมเอกแค่บอกว่าให้ฉันทำงานพวกนี้แก้เหงา แต่คุณอันน่าทำเหมือนกำลังจับฉันเข้าคอร์สกุลสตรีชาววังหรือ ไม่ก็คอร์สเจ้าสาวเลยนะ ทั้งสอนทำงานฝีมือ อบรมกิริยา มารยาท สอนภาษาพื้นเมือง ที่สำคัญนะคุณอันน่าให้พวกนาง กำนัลจับฉันขัดตัวนวดตัวทุกวันเลย จนฉันนึกว่าตัวเองกำลังจะ เป็นเจ้าสาวแล้วนะเนี่ย” วิวาห์แอบกระซิบบ่นกับมิรา เมื่ออันน่า ถอยห่างออกไปแล้ว มิราหัวเราะเบาๆ พลางพูด
“คุณอันน่าก็จริงจังแบบนี้เสมอแหละ แต่ก็ดีนะแค่สามวันเธอ ปักผ้าได้สวยมากขนาดนี้”

หลังจากนั้นทั้งสองสาวก็ไปเข้าเฝ้าพระสนมเอกนิลลาด้วยกัน

ซึ่งเจ้าชายชานั้นก็นั่งอยู่กับพระสนมเอกด้วย

“วันนี้ว่างหรือมิรา น้องถึงเข้ามาในวังได้” ซานันถาม

“ค่ะท่านพี” มิราตอบ

“เตรียมงานแต่งงานของน้องพร้อมหรือยังล่ะ”

“แขกผู้ใหญ่เชิญครบหมดแล้วค่ะ ส่วนเรื่องอาหารและสถานที่ ท่านแม่ก็จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะท่านพี่

“ก็อีกไม่กี่วันแล้วสินะอาเมลคงดีใจมาก เห็นว่าเขาทำเรื่องลา งานเดือนหน้า จะพาน้องไปฮันนีมูนที่ยุโรปไม่ใช่หรือ

“ค่ะ” มิราตอบด้วยท่าทางเอียงอาย

“จริงสิวิวาห์ วันนี้ชุดที่เราสั่งตัดให้เจ้าใหม่ส่งมาถึงแล้วล่ะ เจ้า ดูสวยงามถูกใจเจ้าหรือไม่” พระสนมเอกนิลลาเอ่ยขึ้น พลาง พยักหน้าให้นางกำนัลนำชุดกระโปรงยาวกรุยกรายหลากสีห ลายชุดเข้ามาให้หญิงสาว

“สวยมากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ พระสนมเอกเมตตาดิฉัน มากเหลือเกิน” หญิงสาวพูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง พระสนมเอก ยิ้มอ่อนโยนพลางพูด

“เจ้าอย่าได้คิดมากเลยวิวาห์ เจ้าก็เหมือนลูกสาวคนหนึ่งของเรา”

“แหม หลานซักอิจฉาวิวาห์แล้วนะคะท่านอา” มิราพูดยิ้มๆ

“น้องตกอันดับลูกสาวคนโปรดแล้วล่ะมิรา” ซานั้นพูดพลางหัว เราะเบาๆ เลยถูกมีราค้อนวงใหญ่ก่อนแย้งว่า

“น้องว่าคนที่ตกอันดับน่าจะเป็นท่านพี่ชานันกับท่านพี่นาที นมากกว่านะคะ”

ชื่อของเจ้าชายนาทีนที่มิราเอ่ยออกมา ทำให้วิวาห์นึกขึ้นมา ได้ว่านับตั้งแต่วันที่เธอเข้ามาพักอยู่ในตำหนักของพระสนมเอก นิลลาก็สามวันเข้าไปแล้ว แต่เธอยังไม่เคยเห็นเขามาที่นี่เลย แม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่เขาเป็นลูกชายแท้ๆ ของพระสนมเอก

“อืม พูดถึงนาดีน ออกไปตรวจราชการแถวชายแดนหลายวัน แล้ว ยังไม่เห็นกลับมาเลย น้องไม่ส่งข่าวมาบ้างหรือครับท่าน แม่”

อ๋อ…ไปทำงานนี่เอง วิวาห์บอกตัวเองอยู่ในใจเมื่อได้ยิน คำถามของเจ้าชายหนุ่ม ก่อนที่พระสนมเอกจะตอบว่า

“โทรศัพท์มาเมื่อวานจะ บอกว่าจะกลับเร็วๆ นี้

“ท่านพี่นานนี้เจอตัวยากนะคะ หลานสงสัยจริงๆ เลย ว่า ทําไมต้องทำงานหนักมากขนาดนี้ ต้องออกไปตระเวนแถว ชายแดนตั้งหลายวันเองทำไมก็ไม่รู้” มิราบ่นออกมา

“ที่น้องบ่นอยู่นี่ เพราะน้องไม่ได้เจออาเมลด้วยรึเปล่ามิรา เขา ตามนาดีนไปไม่ใช่” ชานันดักคอมิรา เลยได้รับค้อนวงใหญ่จากมีราอีกรอบ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยอ้อมแอ้ม “น้องไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะท่านพี่

คําตอบและท่าทางเขินๆ ของมิราทำให้พระสนมเอกนิลลา เจ้า ชายชานันวิวาห์ อันน่าและนางกำนัลคนอื่นๆ พากันหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขันว่าที่เจ้าสาวอย่างมิรา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ