5 ค่าเชิญของเจ้าชายอานม
วิวาห์กับมิราอยู่ในพระราชวังหลวงร่วมโต๊ะอาหารกลางวัน และนั่งพูดคุยกับพระสนมเอกนิลลาจนถึงเวลาบ่ายคล้อย จึงลา พระสนมเอกเดินทางกลับ เมื่อกลับมาถึงบ้านมิราไกด์สาวก็รีบ กลับเข้าห้องพักแล้วใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเอง โทรไปหารส สุคนธ์ที่กรุงเทพฯ ทันที เพราะอยากจะเล่าเรื่องราวที่ได้ประสบ พบเห็นมาทั้งวันให้หญิงสาวรุ่นพี่ฟัง
“ตาย! จริงเหรอวิว นี่เราปล่อยไก่ไปทั้งตัวเลยเหรอ”
เสียงรสสุคนธ์ถามมาจากปลายสายเมื่อได้ฟังเรื่องที่วิวาห์เล่า ทั้งหมด
“ทั้งเล้าเลยต่างหากค่ะพรส วิวาห์แย้งหญิงสาวรุ่นพี่ “เมื่อกี้วิวบอกพี่ว่าได้เจอเจ้าชายหล่อๆ ทั้งสองคนเลยหรือ
รสสุคนธ์ถามมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ค่ะ รส ท่านหล่อทั้งคู่เลย คนแรกชื่อว่าเจ้าชายอานมค่ะ หล่อเข้ม แบบประมาณ Tall dark and handsome ท่านพูดจา เป็นกันเองดีนะคะ แต่ทำไมวิวรู้สึกว่าท่านน่ากลัวก็ไม่รู้ค่ะพรส วิวาห์บอกกับหญิงสาวรุ่นพี่ตามความรู้สึกของตัวเอง เมื่อนึกถึงดวงตาคม กล้าของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์นามว่าอานัมที่มองสบตากับเธอ แล้ว ก็ได้ยินเสียงรสสุคนธ์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงแซวมาจาก ปลายสาย
“น่ากลัวแบบไหนจ๊ะ น่ากลัวว่าเห็นแล้วจะอดหลงรักไม่ได้ เปล่า”
“โธ่! พรส ไหงเล่นของสูงอย่างงี้ล่ะคะ วิวว่าท่านน่ากลัวจริงๆ นะคะ แต่บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้น่ากลัว” วิวาห์ใน
“เอาล่ะๆ ว่าแต่เจ้าชายรูปหล่ออีกคนชื่อว่าอะไรล่ะจ๊ะ” รส สุคนธ์ถามมาอีก
“ชื่อว่าเจ้าชายนาดีนค่ะ ท่านเป็นลูกชายของพระสนมเอกนิล ลา ท่านอาของมิราค่ะ พระสนมเอกสวยมากลูกชายก็เลยหล่อ แบบไม่มีที่ติเลยค่ะ สูงขาว คิ้วเข้ม ดวงตาคมหวานซึ้ง ผมสี น้ำตาลเข้มเหมือนสีดวงตาของท่านเลยค่ะ
วิวาห์บรรยายความหล่อของเจ้าชายนาดีน ให้รสสุคนธ์ฟังด้วย น้ำเสียงชื่นชม จนคนทางปลายสายถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
“แล้วเจ้าชายน่าดีนน่ากลัวเหมือนเจ้าชายอานมรึเปล่าล่ะจ๊ะ” รสสุคนธ์ถามมา
“ไม่น่ากลัวแบบเจ้าชายอานมหรอกค่ะพรส แต่น่าเกรงมากกว่า ท่าทางท่านขรึมๆ พูดก็น้อย วิวเห็นท่านยิ้มแค่ นิดเดียวเอง ตอนที่พูดกับพระสนมเอกแล้วก็มิรา”
วิวาห์ตอบคําถามของรสสุคนธ์ตามความรู้สึกของตัวเอง เหมือนเคย หลังจากพูดคุยกับเจ้านายสาวอีกครู่หนึ่งวิวาห์จึงวาง สาย โดยไม่ลืมฝากความคิดถึงชานนท์ไปกับอีกฝ่ายด้วย จาก นั้นหญิงสาวจึงเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อรอเวลาลงไปรับ ประทานอาหารค่ำพร้อมกับเจ้าของบ้าน
หลังจากอาหารมื้อค่ำสองสาวก็ขึ้นมานั่งคุยกันอยู่ในห้องพัก ของวิวาห์ โดยมิราเล่าให้วิวาห์ฟังว่าองค์ฟาราชมีทายาท ทั้งหมดสามคน คนแรกคือเจ้าชายชานั้นเกิดจากราชินีโซเฟียน่า คนที่สองคือเจ้าชายอานัมเกิดจากเจ้าหญิงโมลิน และคนที่สาม คือเจ้าชายนาคนเกิดจากพระสนมเอกนิลลา
“ราชินีโซเฟียน่าสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก หลังจากท่านพี่ ซานันเกิดได้เพียงเดือนเดียวท่านก็เสียชีวิต
มิราเล่าต่อ ขณะที่วิวาห์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงความเห็นใจ ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์
“น่าสงสารท่านจัง ต้องกำพร้าตั้งแต่เด็กเลย
“ท่านอาของฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแลท่านพี่ชานันมาตั้งแต่ตอนนั้น ท่านจึงรักท่านอาเหมือนแม่แท้ๆ” มิราบ อก
“ถ้าอย่างนั้นมิราก็คงจะสนิทกับเจ้าชายชานั้นมากล่ะสิ” วิวาห์
ถาม
“ใช่จ๊ะ ฉันเติบโตมาพร้อมกับท่านพี่ชานันและท่านพี่นาดีน ท่านพี่ทั้งสองรักแล้วก็ใจดีกับฉันมาก” มิราตอบ
“แล้วเจ้าชายอานัมล่ะจ๊ะ” หญิงสาวถามอีก แล้วก็เห็นมิรายน จมูกนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนตอบว่า
“ไม่มีใครอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าชายอานมหรอก เพราะ เจ้าหญิงโมลินแม่ของท่านร้ายกาจมาก ใครๆ ก็เกรงกลัวกันหมด นี่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ สงสัยว่าวังหลวงคงจะไม่มีความสงบสุขเป็น
“ทำไมล่ะมิรา” วิวาห์ถามด้วยความสงสัย
มิราถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเล่าให้ไกด์สาวฟังต่อไปอีกว่า
เจ้าหญิงโมลินคือเจ้าหญิงของเมืองจากแคว้นทางตอนใต้ ที่ถูก ส่งตัวมาถวายตัวกับองค์ฟาราช ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รัชทายาทของอัคบาชาตามกฎมณเฑียรบาล
ของอัคบาชา ในตอนนั้นองค์ฟาราชเพิ่งเดินทางจะกลับมาถึง อัคบาชาได้ไม่นาน หลังจากที่ไปศึกษาต่อเรื่องการทหารที่มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษนานหลายปี
เจ้าหญิงโมลินเดินทางมาอัคบาซาด้วยความเต็มใจ เพราะ องค์ฟาราชเป็นชายหนุ่มรูปงาม และคาดหวังว่าจะได้รับตำแหน่ง ราชินีอย่างแน่นอนเมื่อองค์ฟาราชขึ้นปกครองอัคบาชา แต่แล้ว เหตุการณ์ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่เจ้าหญิงโมลินวาดฝันเอา ไว้
เพราะเมื่อเจ้าหญิงโมลินมาถึงอัคบาซาก็พบว่าองค์ฟาราชมี คนรักเดินทางมาจากอังกฤษด้วย เป็นผู้หญิงชาวต่างชาติที่ งดงามมาก มีเรือนผมสีทองและดวงตาสีฟ้าสดใสชื่อว่าโซเฟีย น่า ซึ่งก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงพระชายาในวันเดียวกับ เจ้าหญิงโมลินนั่นเอง
เจ้าหญิงโมลินโกรธและเสียใจมาก ที่ผู้หญิงสามัญชนชาวต่าง ชาติได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงพระชายาเทียบเท่าตนเอง และเรื่องที่ทำให้เจ้าหญิงโมลินเจ็บช้ำใจมากที่สุด ก็คือเรื่องที่ องค์ฟาราชไม่เคยรักพระนางเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้องค์ฟา ราชจะแวะเวียนมาค้างด้วยที่ตำหนัก แต่ก็เป็นไปตามหน้าที่ เท่านั้น
จนกระทั่งองค์ฟาราชได้ขึ้นปกครองอัคบาซา เจ้าหญิงโมลินก็ ต้องเสียใจซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อองค์ฟาราชได้แต่งตั้งโซเฟีย น่าขึ้นเป็นราชินี ซึ่งเจ้าหญิงโมลินถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติตนเองเป็นอัน มาก ความผิดหวังครั้งที่สองทำให้เจ้าหญิงโมลินเคียดแค้นราชินี โซเฟียน่ามาก
แล้วหลังจากนั้นไม่นานราชินีโซเฟียน่ากับเจ้าหญิงโมลินก็ตั้ง ครรภ์พร้อมๆ กัน ซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลของอัคบาชา ทายาท คนแรกที่เป็นซายจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท เพื่อ สืบทอดตำแหน่งประมุขคนต่อไปของอัคบาชา ไม่ว่าจะเกิดจาก มารดาคนไหนก็ตาม จึงทำให้เจ้าหญิงโมลินเริ่มมีความหวังอีก ครั้งว่า หากลูกในครรภ์เป็นชายและคลอดก่อนราชินีโซเฟียน่า คงจะได้รับตำาแหน่งรัชทายาท
แต่เจ้าหญิงโมลินก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สาม เมื่อราชินีโซเฟียน่าให้กำเนิดลูกชายก่อนตนเองเพียงวันเดียว ทั้งที่เริ่มปวดครรภ์พร้อมกัน ความผิดหวังครั้งนี้ทำให้เจ้าหญิงโม ลินเคียดแค้นชิงชังราชินีโซเฟียน่ามากยิ่งขึ้น ถึงกับเผลอบอกกับ นางกำนัลคนสนิทว่าราชินีโซเฟียน่าเป็นเสี้ยนหนามของตนที่ ต้องหาทางกำจัดให้ได้
เมื่อฟังมิราเล่ามาถึงตอนนี้ วิวาห์ก็พอจะนึกถึงความอิจฉา ริษยามากมายของผู้หญิงคนหนึ่งได้ไม่ยากเลย เธอได้แต่บอกตัวเองว่า ไม่ว่าที่ไหนๆ จะเป็นคน ชนชั้นไหนก็ไม่พ้นการแก่งแย่งชิงดีกันอยู่นั่นเอง
ขณะที่มีรายังคงเล่าต่อไปอีกว่าหลังจากให้กำเนิดลูกชายได้ เพียงแค่เดือนเดียว ราชินีโซเฟียน่าก็ต้องเสียชีวิตลงโดยไม่ ทราบสาเหตุ โดยทางวังหลวงออกประกาศเพียงแค่ว่าราชินี โซเฟียน่ามีสุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์แล้ว มีหลายคน ลือกันว่าเป็นฝีมือของเจ้าหญิงโมลิน แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรให้ พิสูจน์ได้
หลังจากราชินีโซเฟียน่าเสียชีวิต ทุกคนต่างก็คิดว่าองค์ฟา ราชจะแต่งตั้งเจ้าหญิงโมลินขึ้นเป็นราชินี แต่องค์ฟาราชก็ไม่ทำ อย่างนั้น ซึ่งทำให้เจ้าหญิงโมลินโกรธมาก จึงเลี้ยงดูลูกชายมา ด้วยความโกรธแค้นในตัวองค์ฟาราช ทำให้อานมเป็นชายหนุ่ม ที่นิสัยร้ายกาจไม่แพ้มารดา อีกทั้งเย่อหยิ่ง เอาแต่ใจตัวเอง นึก อยากจะทําอะไรใคร ไม่พอใจใครก็จะลงโทษตามใจ แล้วที่ สำคัญก็คือเจ้าชู้เป็นที่สุด
“แล้วเจ้าหญิง โมลินชอบพระสนมเอกรึเปล่าจ๊ะมิรา” วิวาห์ ถามขึ้น มิราส่ายหน้าก่อนตอบ
“เจ้าหญิงโมลินไม่ชอบท่านอา เพราะรู้ว่านอกจากราชินี โซเฟียน่าแล้ว คนที่องค์ฟาราชรักรองลงมาก็คือท่านอา แต่เพราะว่าท่านอาอยู่ในตำแหน่งที่ด้อยกว่า เจ้าหญิง โมลินจึงไม่ใส่ใจนัก แต่ตอนที่องค์ฟาราชแต่งตั้งท่านอาของฉัน ขึ้นเป็นพระสนมเอก แล้วมอบท่านพี่ชานั้นให้ท่านอาดูแล เจ้า หญิงโมลินก็เคยพูดจาให้ร้าย ว่าสักวันท่านอาคงต้องหาทาง กำจัดท่านพี่ชานั้น เพื่อให้ลูกชายของตนได้ขึ้นเป็นรัชทายาท
“ตายจริง! ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนั้น พระสนมเอก ใจดีออก มีเมตตาด้วย แล้วการกำจัดองค์รัชทายาทเพื่อให้ลูกชายของตัว เองขึ้นเป็นรัชทายาทก็ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วย” วิวาห์พูด
“นั่นแหละคือเจ้าหญิง โมลิน” มิราบอก
“แล้วพระสนมเอกว่ายังไงบ้างล่ะจ๊ะ” วิวาห์ถามต่อ
“ท่านอาเป็นคนเฉยๆ ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นอยู่แล้ว ท่านจึงดูแลท่านพี่ซานั้นด้วยความรักราวกับเป็นลูกชายของตัว เอง และคอยสั่งสอนให้ท่านพี่นานจงรักภักดีต่อท่านพี่ชานั้น เสมอจ๊ะ”
มิราตอบคําถามวิวาห์ ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ หลังจากที่อยู่พูดคุยอีกครู่หนึ่งมิราก็ขอตัวกลับห้องพักของตน เพื่อให้ไกด์สาวได้พักผ่อนเนื่องจากเป็นเวลาดึกมากแล้ว
วิวาห์เดินตามไปส่งหญิงสาวเจ้าของบ้านที่หน้าประตู หลังจากปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงเดินเข้าไป ทำธุระในห้องน้ำ ก่อนเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แต่เรื่อง ราวที่ได้รับรู้จากเจ้าของบ้านสาว ก็ทำให้หญิงสาวต้องนอน ครุ่นคิดอยู่จนดึกดื่น เมื่อคิดว่าชีวิตของผู้หญิงที่อยู่ในพระราชวัง ใช่ว่าจะมีแต่ความสุขสบาย ถึงจะสุขกายแต่ก็ไม่สุขใจเหมือน อย่างเจ้าหญิงโมลินที่ต้องเป็นทุกข์ เพราะความอิจฉาริษยา ต้องการเป็นใหญ่เหนือใคร เมื่อไม่ได้สมใจก็โกรธแค้นชิงชังคน อื่นจนทำให้ตัวเองไม่มีความสุข
“ถ้าเป็นเจ้าหญิงแล้วชีวิตไม่มีความสุขแบบนี้ ขอเป็นคน ธรรมดาแบบเรายังสบายกว่าตั้งเยอะ”
วิวาห์พึมพำพูดบอกตัวเองเบาๆ ก่อนจะเคลิ้มหลับไปในที่สุด
เช้าวันต่อมามิราก็ต้องออกไปธุระกับท่านผู้หญิงจาน่าแต่เช้า เกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงาน เจ้าของบ้านสาวชวนวิวาห์ไปด้วย แต่ ไกด์สาวขออยู่ที่บ้าน โดยให้เหตุผลว่า จะอยู่เรียนภาษาอัคบาชา กับเซน่า ทําเอามิราถึงกับทำตาโตก่อนจะหันไปกำชับกำชาสาว ใช้ว่าห้ามสอนอะไรแปลกๆ กับเธอโดยเด็ดขาด
หลังจากมิราออกไปข้างนอกกับท่านผู้หญิงจาน่าแล้ว หญิง สาวก็หัดเรียนภาษาพื้นเมืองกับเซน่าจนบ่ายคล้อย จึงได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาภายในบ้าน ตอน แรกเธอก็นึกว่ามีราและท่านผู้หญิงจาน่ากลับมาแล้ว แต่มีนาสาว ใช้อีกคนวิ่งเข้ามาบอกกับเซน่าว่า มีทหารจากในวังมาขอพบ วิวาห์
“เค้าบอกว่าต้องการพบฉันหรือเซน่า” หญิงสาวทวนถามอีก ครั้ง
“ค่ะ มีนาบอกว่านายทหารคนนั้นต้องการพบมีสค่ะ”
วิวาห์ขมวดคิ้วโก่งเรียวรุ่น พลางครุ่นคิดอย่างประหลาดใจว่า ทําไมทหารจากวังหลวงถึงได้มาขอพบเธอ
“หรือว่าจะเป็นทหารของพระสนมเอกคะมีส” เซน่าออกความ เห็น
“จริงด้วยเซน่า พระสนมเอกอาจจะมีธุระฝากถึงมิราก็ได้ เรา รีบออกไปพบเขากันเถอะ” พูดจบหญิงสาวก็ก้าวตรงไปที่ห้อง โถงใหญ่ทันที โดยเซน่ากับมีนาเดินตามไปด้วย นายทหารร่าง สูงใหญ่หน้าตาดุดันลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อหญิงสาวก้าวเข้าไป วิวาห์ ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพยายามนึกทบทวนว่าเธอเคยเห็นหน้า นายทหารคนนี้ที่ไหน เพราะหญิงสาวรู้สึกคุ้นหน้าเขาอยู่บ้าง
“สวัสดีครับมีสวิวาห์ ผมร้อยเอกยานเป็นทหารคนสนิทของ เจ้าชายอานัมครับ”
ว่าแล้วเชียวว่าเคยเห็นหน้าที่ไหนหญิงสาวบอกตัวเองอยู่ใน ใจ เมื่อร้อยเอกยานกล่าวคำทักทายและแนะนำตัวเองด้วยภาษา อังกฤษ เขาคือนายทหารที่ติดตามเจ้าชายอานมนั่นเอง
“สวัสดีค่ะ คุณยานต้องการพบดิฉัน มีธุระอะไรหรือคะ” หญิง สาวถาม
“เจ้าชายอานมให้ผมมาเชิญมีสวิวาห์ ไปร่วมรับประทาน
อาหารค่ำที่ตำหนักคืนนี้ครับ”
คำตอบของร้อยเอกยานทำเอาวิวาห์ถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง หญิง สาวได้ยินเซน่าอุทานอย่างตกใจเช่นกัน เมื่อเธอหันไปมองก็เห็น เด็กสาวแสดงสีหน้าและแววตาให้รู้ว่าเธอไม่ควรไปอย่างยิ่ง ขณะที่มีนายังคงยืนอยู่นิ่งเงียบเพราะฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง
“ดิฉันคงไปไม่ได้หรอกค่ะคุณยาน เพราะว่าท่านเจ้าของบ้าน ไม่อยู่ ดิฉันเกรงว่า….
“ผมเกรงว่าถ้ามีสไม่ไป จะทำให้เจ้าชายรู้สึกเสียใจนะครับ มี สไม่ควรปฏิเสธคำเชิญของเจ้าชายนะครับ”
นี่หรือค่าเชิญนี่มันบังคับกันชัดๆ หญิงสาวนึกอยู่ในใจ ถึงร้อย เอกยานจะพูดจาอย่างสุภาพ แต่ท่าทางของเขาก็แสดงให้เห็นว่า เธอปฏิเสธเขาไม่ได้อย่างแน่นอน
“ท่านกำลังบังคับมีสนะ” เซน่าพูดขึ้นมาโดยที่วิวาห์ไม่ทันได้
คาดคิต “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้าเป็นแค่สาวใช้ หุบปากของเจ้าซะ!” ร้อยเอกยานิหันไปตะคอกเซน่าด้วยท่าทางข่มขู่ เด็กสาวทำท่าจะ
โต้เถียงอีก แต่หญิงสาวรีบแตะแขนเอาไว้เสียก่อนพลางมอง
สบตาเด็กสาวเป็นเชิงห้าม ก่อนจะหันไปพูดกับร้อยเอกยานิ
“ดิฉันจะไปค่ะ กรุณารอสักครู่ ขอดิฉันขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน นะคะ มาเถอะเซน่ามาช่วยฉันแต่งตัวที
พูดจบหญิงสาวก็จูงมือเด็กสาวให้เดินตามขึ้นไปบนห้องพัก ทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ