อ้อมกอดแห่งขุนเขา กรุ่นไอรักใต้ดวงดาว

8 เถาวัลย์ร้อยรัดดวงใจ



8 เถาวัลย์ร้อยรัดดวงใจ

หลังจากอาหารมื้อเช้าผ่านพ้นไปคีรีมันต์ก็จูงมือละอองดาว เดินออกมาที่หน้าบ้าน โดยมีติลลากับจีวาหิ้วตะกร้าใส่อาหาร กลางวันที่ชายหนุ่มสั่งให้จัดเตรียมเอาไว้ตามออกมาด้วย ละออง ดาวพบว่าฮาซาลยืนรออยู่ที่หน้าบ้านพร้อมด้วยผ้าสองตัวสีดำ สนิทตัวหนึ่งและสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่ง หลังจากที่ฮาซาลก้มศีรษะ และกล่าวคำทักทายคีรีมันต์กับละอองดาวแล้ว คีรีมันต์ก็ถามขึ้น

“เราพร้อมจะออกเดินทางกันแล้วใช้มั้ยฮาซาล”

“ครับ เชิญคานันซากับคานันยาขึ้นมาได้เลยครับ

ฮาซาลตอบก่อนก้าวไปรับตะกร้าอาหารกลางวันมาจากมือ ของจีวา ส่วนคีรีมันต์จูงมือละอองดาวเดินไปที่ม้าตัวสีดำพลางกาม

“คุณไม่กลัวใช่มั้ยถ้าต้องขี่ม้าไป

“ตอนอยู่ที่อเมริกาไอยรายาพาฉันไปหัดขี่ม้าบ่อยๆ เรื่องขี่ม้า แค่นี้สบายมากสําหรับฉัน

ละอองดาวตอบด้วยท่าทางภาคภูมิใจในตัวเอง พลางเหวี่ยง ตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอย่างคล่องแคล่วหญิงสาวนึกดีใจที่วันนี้เธอมีกางเกงยีนสวมใส่ เพราะมันทำให้ รู้สึกคล่องตัวมากกว่าการใส่ชุดกระโปรงยาวของชาวเผ่าคานั้น

คีรีมันต์หัวเราะอย่างขบขันปนเอ็นดู เมื่อเห็นว่าละอองดาวนั่ง เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงเหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งซ้อนทางด้านหลัง หญิงสาวบนหลังม้าตัวเดียวกันทันที

“เอ๊ะ! คุณขึ้นมานั่งกับฉันทำไม” ละอองดาวหันกลับมาถาม เสียงเขียวนัยน์ตาขุนทันที เพราะคีรีมันต์เหวี่ยงตัวขึ้นมานั่งซ้อน ทางด้านหลังของเธออย่างใกล้ชิด ชนิดที่แผ่นหลังของเธอแนบ สนิทติดอยู่กับแผ่นอกกว้าง จนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้น ของหัวใจเขาและกลิ่นอาฟเตอร์เชฟหอมอ่อนๆ จากร่างของคนที่ อยู่ทางด้านหลัง ซึ่งโชยมาแตะจมูกจนก่อให้เกิดความรู้สึก แปลกๆ กับหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก

“อ้าว! ผมก็จะขี่ม้าพาคุณไปน่ะสิครับ” คีรีมันต์ตอบยิ้มๆ แต่ละ อองดาวไม่มีอารมณ์จะยิ้มด้วย หญิงสาวถลึงตาใส่เขาพลางบอก เสียงเรียบ

“ฉันขี่ม้าไปเองได้ คุณก็ไปขี่ม้าตัวสีน้ำตาลนั่นสิ จะมานั่งเบียด กับฉันบนหลังม้าตัวเดียวกันทำไม
“ม้าตัวนั่นมันของฮาซาลส่วนตัวของผมกับคุณ เอาล่ะเรา ต้องรีบออกเดินทางแล้ว นายรีบตามมานะฮาซาล

คีรีมันต์พูดกับหญิงสาวจบก็หันไปบอกกับฮาซาล ซึ่งกำลัง จัดการผูกตะกร้าอาหารติดกับหลังม้าอยู่ เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า รับเขาก็บังคับม้าให้ออกวิ่งทันทีโดยไม่น่าพากับเสียงโวยวาย ของละอองดาวเลยสักนิด

หลังจากที่คีรีมันต์ขี่ม้าผ่านเขตแนวป่าทึบเขียวขจีมาได้เกือบ ชั่วโมง โดยมีฮาซาลขี่ม้าตามหลังมาไม่ห่าง ละอองดาวก็ได้เห็น เหมืองแร่ทองคำขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ภายในเขตเทือกเขาคีรีมัน ตราอันสลับซับซ้อน ชายหนุ่มขี่ม้าตรงเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งมี ขนาดใหญ่โดดเด่นกว่าบ้านหลังอื่น

ขณะนี้ที่หน้าบ้านหลังนั้นมีผู้ชายสองคนกำลังยืนอยู่ คนหนึ่ง เป็นบุรุษสูงวัยซึ่งละอองดาวประมาณว่าอายุของเขาน่าจะไล่เลี่ย หรือมากกว่าจาเมียร์บิดาของไอยรายาเล็กน้อย ส่วนอีกคนเป็น ชายหนุ่มร่างใหญ่อายุน่าจะมากกว่าคีรีมันต์และฮาซาลเช่นกัน

“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับคานันซาและคานันยา
ผู้ชายทั้งสองคนเอ่ยทักทายพร้อมทั้งก้มศีรษะให้คีรีมันต์กับ ละอองดาว ทันทีที่ทั้งสองคนลงมาจากหลังม้าเรียบร้อย คีรีมันต์ ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการตอบรับทั้งสองคน ก่อนแนะนำให้ ละอองดาวรู้จักกับพวกเขา

“ละอองดาว วาคินท่านพ่อของฮาซาลเป็นผู้จัดการเหมืองแร่ แล้วก็เปมัสเป็นหัวหน้าคนงานครับ”

“สวัสดีค่ะลุงวาคิน สวัสดีค่ะคุณเปมัส”

ละอองดาวพนมมือไหว้และกล่าวคำทั้งทายทั้งสองคนด้วย ใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นฮาซาลก็เข้ามาโอบกอดทักทายบิดาของ เขารวมทั้งเปมัสด้วย

หลังจากพูดคุยถามเรื่องงานกับว่าคนและเปมัสอยู่ครู่ใหญ่ คีรี มันต์ก็พาละอองดาวเดินออกไปเยี่ยมเยียน ทักทาย พูดคุยกับ พวกคนงานภายในเหมืองอย่างเป็นกันเอง ทําให้คนงานทุกคน ต่างก็ยิ้มแย้มอย่างยินดี และพากันมองคานันซากับคานยาของ พวกเขาด้วยแววตาชื่นชม พร้อมทั้งพูดคุยกันว่าทั้งสองเหมาะสม กันมาก ทำให้คีรีมันต์ถึงกับยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริด้วยความ ยินดีที่ผู้คนของเขาชื่นชอบหญิงสาว ส่วนละอองดาวทำหน้าไม่ ถูก เพราะรู้ดีว่าทุกคนกำลังเข้าใจผิด
“ทําไมคุณไม่ชวนลุงวาคิน คุณฮาซาล แล้วก็คุณเปมัสมาทาน มื้อเที่ยงด้วยกัน” ละอองดาวถามขึ้นในระหว่างที่เธอกับคีรีมันต์ กำลังนั่งรับประทานอาหารมื้อกลางวัน อยู่ที่ริมทะเลสาบขนาด ใหญ่ใจกลางเทือกเขาคีรีมันตรา ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงามร่มรื่น ไปด้วยต้นไม้เขียวขจีที่รายล้อมอยู่โดยรอบและบรรยากาศเงียบ สงบ

“ผมจะพาคุณมาปิกนิกเราก็ต้องมากันสองคนสิครับ คุณจะให้ ผมชวนคนอื่นมาเป็นก้างขวางคอผมทำไม แล้วถึงผมชวนสาม คนนั้นก็ไม่มาด้วยหรอก ใครจะอยากมานั่งดูสามีภรรยาเค้าสวี ทกันล่ะครับคุณผู้หญิง”

คีรีมันต์ตอบยิ้มๆ เลยได้รับค้อนวงใหญ่ด้วยความหมั่นไส้จาก ละอองดาว พร้อมทั้งคำถามเสียงขุ่น

“ใครจะไปสวีทกับคุณ

“จะมีใครล่ะครับถ้าไม่ใช่คนันยาละอองดาว” คีรีมันต์ล้อ เลียนหญิงสาว

“นี่คุณ! เลิกพูดแบบนี้ซะที่คุณก็รู้ว่า…” ละอองดาวโวยวายตา ขุ่นเสียงเขียวยังไม่ทันจบประโยคดี คีรีมันต์ก็รีบพูดแทรกขึ้น ก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเอาใจ
“อย่าเพิ่งโมโหสิครับ ผมอุตส่าห์พาคุณมาปิกนิกท่ามกลาง บรรยากาศที่สวยงามเพื่อให้คุณอารมณ์ดี คุณอย่าอารมณ์เสีย เลยนะทานอาหารให้อร่อยดีกว่า เสร็จแล้วผมจะพาคุณไปเดิน สำรวจป่าแถวนี้ แล้วก็เก็บดอกไม้ป่าสวยๆ ไปฝากติลลากับจีวา กันดีไหมครับ”

ละอองดาวมองหน้าชายหนุ่มนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ เบาๆ แล้วพูดสั้นๆ

“ก็ได้”

จากนั้นหญิงสาวก็ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารต่อ ขณะที่ ชายหนุ่มแอบอมยิ้มอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข ที่วันนี้เขา สามารถพาละอองดาวมาออกเดทได้ หลังจากที่เคยพยายามมา หลายครั้งหลายหนเมื่อครั้งที่อยู่อเมริกา แต่ก็ถูกหญิงสาวตอบ ปฏิเสธและเมินเฉยใส่มาโดยตลอด

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย คีรีมันต์ก็ พาละอองดาวเดินเลียบไปตามริมทะเลสาบอย่างช้าๆ ก่อนพา หญิงสาวเดินเข้าไปในแนวป่า

“คุณจะพาฉันเดินไปไหน เราเก็บดอกไม้ป่าได้เยอะแล้วนะฉัน ว่าเราน่าจะกลับออกไปได้แล้ว” ละอองดาวพูดขึ้นเมื่อเดินตาม หลังคีรีมันต์เข้ามาในป่าได้พักใหญ่ ซึ่งเธอก็เก็บดอกไม้ป่าสีสวย มาได้จํานวนหนึ่งแล้ว แต่คนที่เดินนำหน้ากลับกำลังทำท่าเหมือนเดินมองหา อะไรสักอย่างอยู่

“เดี๋ยวนะครับ ลองเดินเข้าไปอีกสักหน่อยผมคิดว่ามันน่าจะอยู่ แถวนี้นะ” ครีมันต์บอกขณะที่สายตายังคงมองไปรอบบริเวณ อย่างพิจารณา ละอองดาวขมวดคิ้วโก่งเรียวด้วยความสงสัยใน ท่าทางของเขาก่อนจะถามขึ้น

“คุณกำลังหาอะ…” หญิงสาวยังถามไม่ทันจบประโยคดี คีรีมัน ก็ร้องแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและสีหน้ายินดีว่า

“อ๊ะ! เจอแล้วอยู่นี่เอง

จากนั้นร่างสูงก็ก้าวยาวๆ ตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ละออง

ดาวจึงรีบก้าวตามไปติดๆ แล้วก็เห็นคีรีมันต์เอื้อมมือไปถึง

เถาวัลย์เส้นเล็กๆ ที่มีดอกสีขาวแซมชมพูขนาดกระจุ๋มกระจิ๋มแล

ดูน่ารัก ซึ่งพันโอบรอบต้นไม้ใหญ่อยู่ขึ้นมา ก่อนจะดึงมีดพก

ขนาดเล็กที่พกติดตัวออกมา แล้วตัดเถาวัลย์ด้วยความยาวมาก

พอสมควร จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับเธอว่า

“เรากลับไปที่ริมทะเลสาบกันได้แล้วครับ”

จากนั้นคีรีมันต์ก็เดินละอองดาวกลับมานั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบ ตามเดิม
“คุณจะเอาเถาวัลย์เส้นนี้มาทำอะไร” ละอองดาวถามด้วย ความประหลาดใจเมื่อทรุดตัวลงนั่งเรียบร้อย คีรีมันต์มองสบตา หญิงสาวด้วยแววตาซุกซนเหมือนเด็กก่อนตอบยิ้มๆ

“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”

“หือ” ละอองดาวเลิกคิ้วโก่งเรียวด้วยความประหลาดใจใน ท่าทางและคำตอบของชายหนุ่ม แต่ก็นั่งมองดูว่าคีรีมันต์กำลัง คิดจะทําอะไรกับเถาวัลย์ที่เขาตัดมา เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็เดา ได้ว่าชายหนุ่มกำลังใช้เถาวัลย์เส้นเล็กๆ เส้นนี้สานเป็นอะไรบาง อย่างด้วยทีท่าตั้งใจมากเป็นพิเศษ ละอองดาวรู้สึกคาดไม่ถึง อย่างมาก เมื่อเห็นเขาค่อยๆ ใช้เถาวัลย์สอดไขว้สลับกันไปมา ด้วยท่าทางทะนุถนอม พิถีพิถัน ระมัดระวังไม่ให้ดอกเล็กๆ และ ใบของมันหลุดร่วงด้วยความชำนาญและรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ใครจะไปคิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะทำงานประณีตแบบนี้ได้ เพราะ หญิงสาวคิดว่าถ้าหากให้เธอทำมีหวังทั้งดอกและใบของมันต้อง โกรันหมดแน่นอน

แล้วละอองดาวก็อดที่จะอมยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ เมื่อเห็น ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้า ที่กำลังตั้งอกตั้งใจ สานเถาวัลย์ ราวกับเด็กผู้ชายเล็กๆ ที่คิดว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่

“อย่าจ้องผมแล้วอมยิ้มแบบนั้นสิครับ ผมก็เขินเป็นนะ” เสียง ทุ้มของคีรีมันต์ดังขึ้นพร้อมๆ กับที่เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ ยิ้มๆ ทําเอาละอองดาวหุบยิ้มแทบไม่ทันก่อนจะปฏิเสธหน้าตา เฉย

“ฉันเปล่ามองคุณแล้วอมยิ้มซะหน่อย

“คุณ โกหกไม่เก่งเลยนะครับละอองดาว เอาล่ะเสร็จแล้วผล งานของผมสวยไหมครับ” คีรีมันต์พูดพร้อมทั้งส่งเถาวัลย์ที่เขา สานเสร็จเรียบร้อยแล้วให้หญิงสาว

ละอองดาวถึงกับเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อมอง ดูเถาวัลย์เส้นเล็กๆ ซึ่งถูกสานอย่างสวยงามกลายเป็นสายรัดข้อ มือที่มีดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักติดอยู่ด้วยที่วางอยู่ในมือของ ชายหนุ่ม

“สวยค่ะ น่ารักมากด้วยคุณทำได้ยังไงกันเหลือเชื่อชะมัดเลย” หญิงสาวพูด

“คุณชอบรึเปล่า” คีรีมันต์ถามหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม ประหลาด แต่ละอองดาวไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่สนใจสายรัด ข้อมืออยู่พลางตอบ

“ชอบค่ะ”
“ถ้างั้นผมยกให้คุณ” คีรีมันต์บอกยิ้มๆ

“คุณยกให้ฉันจริงๆ เหรอคะ” ละอองดาวถาม

“จริงสิครับ ส่งข้อมือของคุณมาสเดี๋ยวผมจะใส่ให้ แล้วก็ผูก ปมให้เรียบร้อยด้วยมันจะได้ไม่หล่นหาย

ละอองดาวจึงส่งข้อมือข้างขวาของตัวเองไปให้เขา แต่ชาย หนุ่มส่ายหน้าพร้อมทั้งพูดว่า

“ต้องข้อมือข้างซ้ายครับ เพราะชาวคานั้นมีความเชื่อกันว่า สายรัดข้อมือที่ถูกถักจากเถาวัลย์ชนิดนี้เป็นเครื่องรางที่สามารถ ช่วยปกป้องคุ้มครองอันตรายให้คนที่สวมใส่ได้ แต่ต้องผูกไว้ที่ ข้อมือข้างซ้ายเท่านั้น”

ละอองดาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนส่งข้อมือข้างซ้ายให้ ชายหนุ่มด้วยความเต็มใจ คีรีมันต์อมยิ้มนิดๆ แอบซ่อนแววตา พราวระยับของเขาเอาไว้อย่างมิดชิด เมื่อผูกสายรัดข้อมือแสน สวยที่ถักจากเถาวัลย์ลงบนข้อมือข้างซ้ายของหญิงสาว

เขาจะยังไม่บอกเธอหรอกว่าสายรัดข้อมือที่ทำจากเถาวัลย์ เส้นนี้ นอกจากชาวคานั้นจะเชื่อว่าช่วยปกป้องคุ้มครองอันตราย ให้กับคนที่สวมใส่แล้ว ยังมีความเชื่ออีกอย่างหนึ่งก็คือ มันคือ เถาวัลย์ที่สามารถร้อยรัดดวงใจของชายหนุ่มและหญิงสาวให้รักกันตลอดไปได้ เหมือนดั่งความเหนียวแน่นของ เถาวัลย์

ซึ่งชายหนุ่มชาวคานั้นจะต้องถูกสายรัดข้อมือจากเถาวัลย์ด้วย ตัวเอง มอบให้กับหญิงสาวที่หลงรัก เพื่อประกาศความเป็น เจ้าของในตัวหญิงสาวคนนั้น ความจริงคีรีมันต์ก็ไม่ได้ยึดถือกับ ความเชื่อนี้มากนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรถ้าหากเขาจะ ลองดู เพราะถ้าหากว่าความเชื่อนี้เป็นจริงขึ้นมา มันก็เป็นเรื่องที่ มากสําหรับเขา

“ขอบคุณค่ะ ชาวคานันถกเถาวัลย์เป็นสายรัดข้อมือได้ทุกคน เปล่าคะ” ละอองดาวถามขึ้น เมื่อเขาผูกสายรัดข้อมือให้เธอเสร็จ เรียบร้อยแล้ว นัยน์ตาสีน้ำเงินสดยังคงจับจ้องอยู่ที่สายรัดข้อมือ ด้วยแววตา มชม

“ผู้ชายชาวคานั้นต้องถักเถาวัลย์เป็นสายรัดข้อมือ ให้ได้ทุก คนครับ เราจะถูกฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก แล้วแต่ว่าใครจะคิด ลวดลายยังไงให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง” คีรีมันต์ตอบ

ละอองดาวพยักหน้าอย่างเข้าใจว่าสาเหตุที่คีรีมันต์สามารถ ถักสายรัดข้อมือจากเถาวัลย์ได้คล่องแคล่วรวดเร็วขนาดนี้ ก็เป็น เพราะว่าเขาถูกฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กนั่นเอง ก่อนจะถามชายหนุ่ม อีกว่า
“แล้วทําไมชาวคานถึง ให้แต่ผู้ชายถักเถาวัลย์เป็นสายรัดข้อ มือล่ะคะ ฉันคิดว่างานฝีมือแบบนี้น่าจะสอนให้ผู้หญิงทำบ้าง ผู้ หญิงจะได้ถักสายรัดข้อมือสวยๆ มาใส่เป็นเครื่องประดับได้ ด้วย”

คีรีมันต์อึ้งไปครู่หนึ่งกับคำถามของหญิงสาวก่อนตอบว่า

“ผู้หญิงชาวคานั้นไม่จำเป็นต้องถักสายรัดข้อมือเองหรอกครับ เพราะเมื่อถึงเวลาผู้ชายของเราก็จะถูกให้เธอเอง

“ถึงเวลาอะไรคะ” ละอองดาวถามอย่างไม่เข้าใจ แต่คีรีมันต์ ยังไม่อยากจะให้หญิงสาวรู้ตอนนี้ดังนั้นเขาจึงรีบตัดบท

“ถึงเวลาที่เราต้องกลับบ้านแล้วครับเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาอาหาร เย็น ผมคิดว่าป่านนี้ติลลาคงเตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้รอเราสอง คนแล้วล่ะ กลับกันเถอะครับ ฮาซาลคงจะกำลังรอเราอยู่” พูดจบ คีรีมันต์ก็ขยับลุกขึ้นยืนทันที

ละอองดาวจึงต้องขยับลุกขึ้นยืนตามเขา ชายหนุ่มหิ้วตะกร้า อาหารที่ว่างเปล่าขึ้นมาถือเอาไว้ก่อนบอกกับหญิงสาวด้วย ใบหน้ายิ้มแย้ม

“รักษาสายรัดข้อมืออันนั้นเอาไว้ให้ดีนะครับ ผมไม่เคยถูกให้ ใครเลยนะ”
ละอองดาวหัวเราะเบาๆ ก่อนถามอย่างขบขันว่า

“แน่ใจเหรอว่าคุณไม่เคยถูกให้พวกสาวๆ ของคุณ

“แน่ใจสิครับ ผมถักให้เป็นคุณคนแรกและคนเดียวเท่านั้น ละอองดาว” คีรีมันต์ตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม อ่อนโยน ทว่าหนัก แน่น ละอองดาวส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนพูด

“ฉันเชื่อว่าคุณไม่เคยถักให้สาวคนไหนในอเมริกาจริง แต่ที่ ฉันเชื่อก็เพราะว่าเถาวัลย์ชนิดนี้ไม่น่าจะมีอยู่ในอเมริกาต่างหาก ไม่อย่างนั้นคุณก็คงจะถูกเถาวัลย์เป็นสายรัดข้อมือ แจกให้พวก สาวๆ ของคุณไปแล้วคานันซาคีรีมันต์”

พูดจบละอองดาวก็ก้าวนำหน้าชายหนุ่มไปทันที คีรีมันต์มอง ตามร่างระหงพลางส่ายหน้ายิ้มๆ ด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนพึมพำ พูดตามหลังหญิงสาวว่า

“คุณเหมาะสมกับตำแหน่งคานยาของผมมากที่สุดเลย ละอองดาว”

ในตอนสายของวันรุ่งขึ้นไอยรายาก็โทรศัพท์มาหาละอองดาว ซึ่งอยู่บ้านตามลำพังกับติลลาและจีวาเนื่องจากคีรีมันต์เข้าเมือง ไปพร้อมกับฮาซาลตั้งแต่เช้าแล้ว
“เธอสบายดีใช่ไหมดาว

“ฉันสบายดีจ้ะไอย์ แต่ฉันคิดถึงเธอฉันอยากให้เธอมาหาฉันที่ นี้จังเลย” ละอองดาวบอกเพื่อนรักที่อยู่ทางปลายสาย ทําเอาไอ รายาถึงกับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับมาว่า

“ฉันขอโทษนะดาวแต่ว่าช่วงนี้ฉันยังไปหาเธอไม่ได้จริงๆ จะ

“อืม ฉันเข้าใจจ้ะ พี่ชายเธอเค้าบอกฉันแล้วว่าหลังจากฉัน เกือบถูกลักพาตัวไป เธอก็ต้องระวังตัวมากเหมือนกัน” ละออง ดาวพูดอย่างเข้าใจ

“ขอบใจที่เธอเข้าใจฉันนะดาว ว่าแต่อยู่ที่โน่นทุกคนดูแลเธอ ดีหรือเปล่า” ไอยรายาถามมา

“จ้ะ ทุกคนดีกับฉันมาก ทั้งป้าติลลา จีวา ซาอิด แล้วก็คุณฮา ซาล” ละอองดาวตอบคำถามของเพื่อนรักกลับไปโดยเอ่ยชื่อทุก คนยกเว้นคีรีมันต์ ทำให้ไอยรายาซึ่งอยู่ทางปลายสายต้องถาม มาอีก

“แล้ว คีรีมันต่ละดาว”

หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ความจริงแล้วก็ถือว่าคีรีมันต์ดีกับ เธอมากพอควร ยกเว้นก็แต่เรื่องที่เขามักจะฉวยโอกาสหอมแก้ม หรือจูบเธอ เวลาที่ละอองดาวเผลอหรือไม่ก็ทุกครั้งที่เขามีโอกาส แต่ก็ยังดีที่เขายังรักษาสัญญาเรื่องที่บอกว่าจะไม่ล่วงเกินเธออยู่ จึงทำให้หญิงสาวรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาบ้าง

“พี่ชายเธอเค้าก็ดีกับฉันนะไอย์ เมื่อวานเค้าพาฉันไปที่เหมือง แร่ทองคําด้วย แล้วก็พาฉันไปปิกนิกที่ริมทะเลสาบ ก่อนจะพาฉัน เข้าไปเดินเที่ยวในป่าเก็บดอกไม้ป่าสวยๆ มาฝากป้าติลลากับจี วาที่บ้าน อ้อ แล้วเขาก็ตัดเถาวัลย์ในป่ามาถักเป็นสายรัดข้อมือ ด้วยนะ พอฉันบอกว่าสวยเค้าก็ยกสายรัดข้อมือเส้นนั้นให้ฉัน เลย”

“พี่คีรีมันต์ถักเถาวัลย์เป็นสายรัดข้อมือ ให้เธอด้วยเหรอดาว”

ไอยรายาทวนถามมาจากปลายสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จน ละอองดาวอดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เพราะเมื่อวานตอนที่ เธอกับคีรีมันต์เดินจากริมทะเลสาบกลับไปถึงแคมป์คนงาน ภายในเหมือง ฮาซาลก็ทำตาโตทันทีเมื่อเห็นสายรัดข้อมือที่ข้อ มือของเธอ เขาหันไปสบตากับว่าคนและเปมัสยิ้มๆ พอเดินทาง กลับมาถึงบ้านติลลากับจีวาก็พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วซุบซิบ กันไปมาเมื่อมองสายรัดข้อมือที่เธอสวมอยู่ แล้ววันนี้ไอยรายาก เป็นอีกคนที่ทําท่าทางตื่นเต้นกับเรื่องสายรัดข้อมือเส้นนี้

“พี่ชายเธอเค้าไม่ได้ตั้งใจจะถักสายรัดข้อมือเส้นนี้ให้ฉันนะ ไอย์ แต่ที่เค้าให้ฉันก็เพราะฉันชมว่ามันสวย ฉันไม่เข้าใจว่าทําไมเธอกับทุกคนถึงได้ตื่นเต้นกับ สายรัดข้อมือเส้นนี้กันจังเลย มีอะไรรึเปล่าไอย์” ละอองดาวตอบ คําถามของเพื่อนรัก แล้วถามต่อในประโยคเดียวกัน

“พี่คีรีมันต์ไม่ได้บอกเธอเรื่องความเชื่อของชาวคานั้นเกี่ยวกับ สายรัดข้อมือที่ถักจากเถาวัลย์เหรอดาว”

ไอยรายาไม่ตอบคำถามของละอองดาวแต่ย้อนถามกลับมา แทน

“พี่ชายเธอเค้าบอกกับฉันว่า ชาวคานั้นเชื่อว่าสายรัดข้อมือที่ ถักจากเถาวัลย์จะช่วยปกป้องคุ้มครองอันตรายให้กับคนที่สวม ใส่ได้” ละอองดาวตอบ

“พี่คีรีมันต์บอกแค่นั้นเองเหรอ” ไอยรายาเผลอพิมพ์ออกมา เบาๆ เหมือนรำพึงรำพันกับตัวเองมากกว่า แต่ละอองดาว ได้ยินอย่างชัดเจน

“เธอหมายความว่ายังไงกันไอย์ ที่ว่าพี่ชายเธอบอกฉันแค่นั้น มีอะไรมากกว่านี้เหรอ” ละอองดาวถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย

“อ๋อ เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร” ไอยรายารีบปฏิเสธมาทันที “ไอย์” ละอองดาวเรียกชื่อไอยรายาเสียงเรียบ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนรักพูด ไอยรายาจึงได้แต่ถอน หายใจเบาๆ ก่อนพูดว่า

“ผู้ชายชาวคานั้นจะถูกเถาวัลย์เป็นสายรัดข้อมือมอบให้ผู้ หญิงที่ตัวเองรักเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะชาวตา

นั้นเชื่อกันว่ามันคือเถาวัลย์ที่สามารถร้อยรัดดวงใจของชาย หนุ่มกับหญิงสาวให้รักกันตลอดไปได้ เหมือนดั่งความเหนียว แน่นของเถาวัลย์จ้ะ”

“เธอว่าอะไรนะไอยรายา สายรัดข้อมือผู้ชายชาวคานั้นจะ มอบให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักงั้นเหรอ”

ละอองดาวถามเสียงหลง ไอยรายาหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบมา

ว่า

“ใช่จ้ะ แล้วฉันก็ดีใจมากด้วยที่พี่คีรีมันต์มอบมันให้กับเธอ เห็นพี่คีรีมันต์ดีกับเธออย่างนี้ฉันก็สบายใจแล้วล่ะ ฉันต้องวาง สายก่อนนะมีงานต้องทำจ้ะ แล้วฉันจะโทรไปหาเธอวันหลัง บาย จะเพื่อนรัก” พูดจบไอยรายาก็รีบวางสายทันทีโดยไม่ฟังเสียง เรียกของละอองดาวเลยสักนิด

“เฮ้ เดี๋ยวสิไอย์ อ้าว! วางสายไปซะแล้ว” ละอองดาวได้แต่ ถอนหายใจเบาๆ แล้ววางโทรศัพท์ลงบนแป้น ก่อนจะยกข้อมือ ตัวเองขึ้นมาดูสายรัดข้อมือที่คีรีมันต์มอบให้เธอ พลางพึมพำว่า ชายหนุ่มเสียง
“ร้ายนักนะคานันชาคีรีมันต์ มิน่าล่ะเมื่อวานทุกคนถึงได้มอง เราแปลกๆ เดี๋ยวกลับมาจะเล่นงานให้หนักเลย คอยดูเถอะคน จอมเจ้าเล่ห์”

หญิงสาวคาดโทษชายหนุ่มเอาไว้ด้วยแววตาหมายมาด

“ตอนนี้ข่าวลือเรื่องที่หญิงสาวในคำทำนาย ไปอยู่กับนายใน ฐานะคานันยากระจายไปทั่วทั้งศิขรัฐตามที่นายต้องการแล้วนะค รีมันต์ ซึ่งผลก็คือหัวหน้าเผ่าต่างๆ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร แต่ผู้หญิงของนายแทบทั้งศิขรัฐกำลังเศร้าโศกเสียใจร้องไห้ ระงมเลยล่ะ”

รามิลบอกกับคีรีมันต์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในระหว่างที่กำลัง ประชุมกันอยู่ภายในบ้านพักของยาราล โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม เพียงแค่สี่คนคือ รามิล ยาราล ฮาซาลและคีรีมันต์

“นายบอกฉันเฉพาะเรื่องงานก็พอรามิลไม่ต้องแถม คีรีมันต์ ว่าเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้ ขณะที่ทุกคนพากันหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนที่รามิลจะพูดขึ้นว่า

“อ้าว! ก็ฉันบอกให้นายรู้ไว้ เผื่อว่านายอยากจะแวะไปปลอบ ใจพวกสาวๆ ของนายไง

“ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกน่า ตอนนี้แค่เรื่องงานก็ยังพอแล้ว” คีรีมันต์พูด แต่รามิลหันไปสบตากับยา ราล และฮาซาลยิ้มๆ ก่อนถามว่า

“แล้วก็ยุ่งเรื่องคานันยาละอองดาวคนสวยด้วยใช่มั้ยไอ้คานั้น ชารูปหล่อ”

“นายนพูดมากจริงว่าเรื่องงานต่อเถอะน่า” คีรีมันต์ว่าเพื่อนรัก ก่อนตัดบทแล้ววกกลับเข้าไปเรื่องงาน ซึ่งก่อนหน้านี้กำลัง ประชุมวางแผนเพื่อรับมือฝ่ายกาซิมกันอยู่ รามิลจึงยอมกลับ เข้าไปพูดคุยเรื่องงานต่อจนเสร็จสิ้น

“ผมขอตัวกลับเลยนะครับท่านลุง” คีรีมันต์พูดพลางขยับลุก ขึ้นยืน ยาราลจึงถามเขาขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เป็นห่วงคานันยารึไงคีรีมันต์”

“เธออยู่คนเดียวอาจจะเบื่อครับท่านลุง” คีรีมันต์ตอบด้วย

ท่าทางเก้อเขินเล็กน้อย

“ละอองดาวมีติลลากับจีวาอยู่เป็นเพื่อน นายไม่เห็นจะต้อง กลัวเค้าเหงาเลยนะคีรีมันต์ ฉันว่านายต่างหากที่คิดถึงเค้า แล้ว นายรู้อะไรมั้ยเพื่อนรัก ฉันว่าตอนนี้นายเหมือนผู้ชายที่เพิ่งจะ แต่งงานใหม่เลยล่ะคีรีมันต์ คือต้องรีบกลับบ้านไปหาภรรยา ทันทีที่เลิกงาน”

รามิลพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าล้อเลียน ก่อนจะหัวเราะปิดท้ายด้วยความขบขัน คีรีมันต์มองเพื่อนรักอย่าง หมั่นไส้ก่อนจะหันไปถามยาราลว่า

“ถ้าผมขออนุญาตอัดลูกชายท่านลุงสักหมัด ท่านลุงจะว่าอะไร มั้ยครับ

“ตามสบายเลยคีรีมันต์ ถ้าหากรามิลยอมอยู่นิ่งๆ ให้หลานอัด นะ” ยาราลตอบพลางยิ้มอย่างขบขัน ก่อนขยับลุกขึ้นยืนแล้วก้าว ออกไปจากห้อง ทิ้งให้สามหนุ่มเพื่อนรักอยู่ด้วยกันตามลำพัง คีรี มันต์หันไปเตรียมจะเล่นงานรามิล แต่อีกฝ่ายไวกว่ารีบก้าว เข้าไปหลบด้านหลังฮาซาล เพื่อยึดอีกฝ่ายเป็นเกราะกำบังทันที พร้อมทั้งพูดล้อเลียนคีรีมันต์กับฮาซาลอีก

“ใครกันนะฮาซาลที่ไม่เชื่อถือเรื่องถักเถาวัลย์เป็นสายรัดข้อ มือมอบให้ผู้หญิงที่ตัวเองรัก”

“คานันซาคีรีมันต์ครับคุณรามิล” ฮาซาลตอบยิ้มๆ

“แล้วเมื่อวาน ใครกันนะที่ถักสายรัดข้อมือให้ละอองดาว” รา มิลแกล้งถามอีก ซึ่งฮาซาลก็รับลูกตอบยิ้มๆ อีกว่า

“ก็คานันซาคีรีมันต์อีกนั่นแหละครับคุณรามิล

“เฮ้ พวกนายเลิกล้อฉันซะทีได้มั้ย ไม่งั้นฉันจะอัดพวกนายให้ เละทั้งสองคนเลยนะ ไอ้เพื่อนบ้า
คีรีมันต์โวยวายด้วยใบหน้าเป็นสีเข้มเพราะความเย็น เพราะ รามิลกับฮาซาลพูดล้อเลียน ใจเขาพอดี

“นายเขินจนหน้าแดงเลยคีรีมันต์ เหลือเชื่อชะมัดที่คานันซา จอมเพลย์บอยเขินเป็นด้วยนายว่ามั้ยฮาซาล

รามิลยังคงไม่เลิกล้อเลียนคีรีมันต์อยู่ดี แล้วฮาซาลก็ให้ร่วม

มือกับเขาเสียด้วย

“ใช่ครับคุณรามิล”

“เออ เข้ากันดีนักนะ ถ้างั้นฉันขอเตะพวกนายรวบยอดทั้งสอง คนพร้อมกันเลยดีกว่า” พูดจบคีรีมันต์ก็วิ่งไล่เตะสองหนุ่มเพื่อน รักไปรอบๆ ห้องทันที

“คุณตามฉันมานี่เลยนะ” ละอองดาวพูดพลางดึงแขนคีรีมันต์ ให้เดินตามเข้าไปภายในห้องพัก ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวลงมาจาก รถที่หน้าบ้าน ท่ามกลางความงุนงงของติลลา จีวา ฮาซาลและคีรี มันต์ ถึงแม้ว่าเขาจะสุดแสนดีใจที่ละอองดาวเป็นฝ่ายเข้ามาจับ แขนเขาก่อนก็ตาม

“คุณลากผมเข้ามาในห้องทำไมกัน คิดถึงผมมากรึไงครับ” คีรี มันต์ถามขึ้นด้วยสีหน้าและแววตายิ้มๆ เมื่ออยู่กับหญิงสาวตาม ลำพังภายในห้องพัก เลยได้รับค้อนวงใหญ่พร้อมทั้งเสียง ค่อนขอด
“จะหลงตัวเองเกินไปแล้วนะคุณ ฉันจะไปคิดถึงคุณทำไม กล้า พูดนะ”

“อ้าว! ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับคุณผู้หญิง เพราะพอผมลงจาก รถ คุณก็ลากผมเข้ามาในห้องเลย ผมก็ต้องนึกว่าคุณคิดถึงผม มากสิครับ” คีรีมันต์พูดยิ้มๆ

“ถ้าฉันคิดถึงคุณรับรองได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” ละออง ดาวพูดเสียงเข้ม

“แล้วตกลงคานันยามีอะไรเรื่องอะไรกับคานันซาล่ะครับ” คีรี มันต์ยังคงถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ละอองดาวยกข้อมือข้างซ้ายของตัวเองขึ้นมาก่อนจะพูดกับ เขาว่า

“ก็เรื่องความเชื่อเกี่ยวกับสายรัดข้อมือเส้นนี้น่ะสิ ทำไมคุณไม่ บอกฉันให้หมดว่าสายรัดข้อมือผู้ชายชาวคานั้นเอาไว้มอบให้ กับผู้หญิงที่ตัวเองรัก ปล่อยให้ฉันใส่อยู่ได้ มิน่าใครๆ ถึงพากัน มองฉันแปลกๆ”

“อ้าว! ก็ผมเห็นคุณชมว่ามันสวย แล้วท่าทางคุณก็ชอบมัน ด้วยผมถึงได้ยกให้คุณไง” คีรีมันต์ตอบ

“แต่ถ้าฉันรู้ความหมายของมันฉันจะไม่ใส่เด็ดขาด เพราะมัน ทำให้ทุกคนเข้าใจฉันผิดหมดแล้ว”
ละอองดาวบน คีรีมันต์ส่ายหน้ายิ้มๆ พลางบอก “ถึงยังไงตอนนี้ทุกคนก็เข้าใจผิดอยู่แล้ว”

“แต่ยังไงฉันก็ต้องถอดมันออก คุณถอดออกให้ฉันทีสิ ฉันไม่ กล้าถอดเองกลัวว่ามันขาด ฉันเสียดาย” ละอองดาวพูดพลางยื่น ข้อมือไปให้ชายหนุ่ม แต่คีรีมันต์ส่ายหน้า

“คุณอย่าเพิ่งให้ผมถอดสายรัดข้อมือเส้นนี้ออกเลยนะละออง ดาว คุณควรจะใส่มันเอาไว้ก่อน

“ทำไม” ละอองดาวถามด้วยความสงสัย

“เพราะว่าพรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปพบกับวาตารี หัวหน้าเผ่าไมยา ที่เทือกเขายเซนัมซา ในฐานะคานยาแห่งเทือกเขาคีรีมันตรา แล้วก็…” ชายหนุ่มเว้นช่วงนิดหนึ่งมองสบตาหญิงสาวนิ่ง ก่อน เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ผมอยากให้คุณสวมมันติดตัวเอาไว้ เพราะความหมายของ มันซึ่งเป็นความจริงในใจของผม ที่อยากจะบอกกับคุณ แล้วก็ เพราะว่าคุณคือคานันยาของผมด้วย

“เอ่อ…” ละอองดาวยืนอึ้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าเธอกำลัง รู้สึกยังไงกันแน่กับประโยคแสนอ่อนโยนที่คีรีมันต์พูดเมื่อครู่ รู้ แต่ว่าใจของเธอกำลังเต้นแรงอีกแล้วเมื่อสบกับแววตาหวานคมซึ่งของเขา

“นะครับละอองดาว” คีรีมันต์ขอร้องหญิงสาวเสียงนุ่ม พร้อม ทั้งค่อยๆ ก้มใบหน้าคมเข้มลงมาใกล้ใบหน้าสวยหวานอย่าง ช้าๆ จมูกโด่งเป็นสันกำลังจะได้สัมผัสกับแก้มนวลเนียนหอมกรุ่น อยู่แล้ว แต่แล้วเขาก็ต้องจุกจนตัวงอ เมื่อโดนกำปั้นเล็กๆ อัดเข้า เต็มแรงที่กลางลำตัว

“อุ๊บ! คุณชกผมทำไม” ชายหนุ่มโอดครวญ หญิงสาวมอง เขาอย่างหมั่นไส้

“ฉันเคยบอกแล้วไงว่าห้ามฉวยโอกาสกับฉันอีก คนบ้า! พูด จบหญิงสาวก็หมุนตัวก้าวฉับๆ ออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้คีรีมัน มองตามร่างระหงไปด้วยแววตาเอ็นดูปนขบขัน พลางพิมพ์ ยิ้มๆ

“สมแล้วที่เป็นคานันยาของผม ต้องเก่งอย่างนี้สิ

จากนั้นชายหนุ่มจึงรีบก้าวยาวๆ ตามหญิงสาวไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ