อ้อมกอดแห่งขุนเขา กรุ่นไอรักใต้ดวงดาว

9 ไออุ่น



9 ไออุ่น

รุ่งเช้าวันต่อมาคีรีมันต์พาละอองดาวออกเดินทางจากเทือก เขาคีรีมันตราไปยังเทือกเขายเซนัมซา ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ ศีขรัฐตั้งแต่เช้า โดยมีฮาซาลเป็นคนขับรถให้

คีรีมันต์ขอร้องให้ละอองดาวสวมชุดกระโปรงยาวซึ่งเป็นชุด ประจําเผ่าคานัน ตอนแรกหญิงสาวไม่เห็นด้วยนักเพราะเธอคิด ว่าการสวมกางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสะดวกสบายคล่องตัว ในการเดินทางมากกว่า แต่เมื่อชายหนุ่มให้เหตุผลว่าเพื่อความ เหมาะสมและสมจริงกับตำแหน่งคานยาแห่งเทือกเขาคีรีมัน ตรา หญิงสาวจึงจำต้องสวมชุดประจำเผ่าคานันตามที่เขา ต้องการ

หลังจากการเดินทางราวสองชั่วโมงเศษเทือกเขายเซนัมซาก ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ฮาซาลขับรถผ่านเข้าไปภายในหุบเขา ท่ามกลางสายตาของชาวเผ่าไมยา ที่ต่างก็มองดูผู้มาเยือนด้วย ความสนใจ ละอองดาวพบว่าชาวเผ่าไมยาไม่ได้อาศัยอยู่ภายใน บ้านเหมือนชาวเผ่าคานั้น แต่พวกเขาอาศัยอยู่ภายในกระโจม เล็กๆ ซึ่งปลูกกระจายกันอยู่ภายในบริเวณหุบเขา
ชาวไมยาปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก เนื่องจากเทือกเขาย เซนัมซาไม่มีแร่ทองคำมากมายเหมือนเทือกเขาคีรีมันตรา พวก เขาจึงไม่ได้มีเหมืองแร่ขนาดใหญ่และไม่มั่งคั่งเหมือนชาวคานั้น

ฮาซาลขับรถผ่านกระโจมเล็กๆ ของชาวไมยาเข้าไปเรื่อยๆ ก่อนไปหยุดที่ด้านหน้ากระโจมขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับเชิง เขา เมื่อจอดรถเรียบร้อยเขาก็รีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ละออง ดาวทันที ขณะที่คีรีมันต์เปิดประตูรถก้าวลงไปเอง จากนั้นเขาก็ เดินอ้อมรถมาโอบเอวละอองดาวเอาไว้หน้าตาเฉย

“คุณมาโอบเอวฉันทำไม ปล่อยนะ!” หญิงสาวสั่งเสียงขุ่นพอ กับแววตา พร้อมทั้งพยายามเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนชายหนุ่ม แต่คีรีมันต์ก็ไม่ยอมปล่อยพร้อมทั้งก้มลงกระซิบบอกเบาๆ

“คุณอย่าลืมสิครับว่าคุณเป็นคานันยาของผม เพราะฉะนั้นเรา สองคนต้องสวีทให้สมบทบาทหน่อย นั่นไงวาตารีหัวหน้าเผ่าไม ยาออกมาจากกระโจมแล้ว เราต้องเข้าไปทักทายแล้วก็ก้มศีรษะ แสดงความเคารพเขาครับ”

ท้ายประโยคเขาพยักหน้าให้เธอมองไปที่ประตูกระโจมซึ่งถูก เปิดออก ก่อนที่บุรุษสูงวัยอายุประมาณหกสิบเศษ รูปร่างสันทัด ใบหน้าเคร่งครึม ท่าทางภูมิฐานจะก้าวออกมา โดยมีชายหนุ่ม รูปร่างสันทัดอายุประมาณยี่สิบเศษและสตรีสูงวัยอายุประมาณห้าสิบ เศษอีกคนก้าวตามออกมาด้วย คีรีมันต์โอบเอวละอองดาวเดิน ตรงเข้าไปหาหัวหน้าเผ่าไมยาทันที

“สวัสดีครับท่านวาตารี” ชายหนุ่มกล่าวคำทักทายพร้อมทั้ง ก้มศีรษะให้หัวหน้าเผ่าไม่ยา

“สวัสดีค่ะท่านวาตารี” ละอองดาวพูดพร้อมทั้งก้มศีรษะให้ บุรุษสูงวัยตามที่คีรีมันต์บอก แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าวาตา กำลังจ้องมองใบหน้าของเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยแววตาเฉียบ คมและเพ่งพิศมากเป็นพิเศษ จนหญิงสาวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ยินดีต้อนรับคานันซาและคานยาแห่งเทือกเขาคีรีมันตรา นี่ คือเนจิน่าภรรยาของเราและวาฮาซินลูกชายของเรา” ท้าย ประโยคหัวหน้าเผ่าไมยาแนะนำบุคคลอีกสองคนที่ยืนอยู่ทาง ด้านหลังให้สองหนุ่มสาวได้รู้จัก หลังจากที่ทั้งหมดกล่าวคำ ทักทายกันเสร็จเรียบร้อย หัวหน้าเผ่าไมยากเชิญให้คีรีมันต์ ละอองดาวและฮาซาลเข้าไปนั่งพูดคุยภายในกระโจมของเขา

“ไม่เกินความคาดหมายของเราเลย ที่คานันชาคีรีมันต์จะเดิน ทางมาที่ยเซนัมซา และข่าวลือที่ได้ยินหนาหูมาหลายวันว่าคานั้น ชาแห่งเทือกเขาคีรีมันตรา ได้หญิงสาวในคำทำนายเอาไว้ในครอบครองก็เป็น ความจริงด้วย

วาตารีพูดขึ้นเมื่อทุกคนนั่งล้อมวงกันบนพื้นกระโจมเรียบร้อย แล้ว นัยน์ตาคมกริบของบุรุษสูงวัยยังคงจับจ้องมองใบหน้าของ ละอองดาวอย่างเพ่งพิศไม่วางตา

“ท่านเชื่อว่าเธอคือหญิงสาวในคำทำนายหรือครับท่านวาดา รี” คีรีมันต์ถามหัวหน้าเผ่าไมยา ละอองดาวได้ยินบุรุษสูงวัยหัว เราะเบาๆ ก่อนพูดว่า

“คุณก็ต้องเชื่อเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคุณจะลงทุนซึ่งตัวเธอมา จากคนของการมหัวหน้าเผ่าชายทำไมกันล่ะคานันซาคีรีมันต์

“ท่านรู้” คีรีมันต์พูดยิ้มๆ แต่ความจริงแล้วเขาอยากจะบอกกับ

วาตารี ว่าเขาไม่มีวันยอมยกละอองดาวให้ผู้ชายคนไหนเป็นอัน

ขาด ไม่ว่าเธอจะใช่หรือไม่ใช่ผู้หญิงในคำทำนายก็ตาม

“ในเมื่อทุกเผ่าต่างก็เคลื่อนไหวเผ่าไมยากอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ เหมือนกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ต้องการแย่งชิงตำแหน่งกับใคร แต่ เราก็จำเป็นต้องรู้ความเคลื่อนไหวของทุกฝ่ายด้วย เพราะทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อศิขรัฐในอนาคต” วาตารีพูดด้วยน้ำ เสียงราบเรียบ แต่ละอองดาวดูออกว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดมากเลยทีเดียว

“ในเมื่อท่านเชื่อว่าเธอคือหญิงสาวในคำทำนาย ถ้าหากผมจะ ขอร้องให้ท่านช่วยฝ่ายผมในการลงมติเลือกผู้ปกครองศิขรัฐคน ต่อไป ท่านจะตกลงรึเปล่าครับท่านวาตารี” คีรีมันต์เข้าเรื่องจุด ประสงค์ที่เขาเดินทางมาทันที วาตารีหัวเราะอีกครั้งก่อนพูด อย่างขบขัน

“ไม่ยอมเสียเวลาเจรจาเลยนะคานันซาคีรีมันต์”

“ผมคิดว่าท่านก็คงไม่เห็นด้วยนัก ถ้าหากท่านกาซิมจะขึ้นมา เป็นใหญ่ในศิขรัฐ ท่านก็รู้นิสัยของหัวหน้าเผ่าซาฮีดีนี่ครับ ว่าเขา เจ้าเล่ห์และร้ายกาจขนาดไหน” คีรีมันต์พูด

“กาซิมอาจจะเจ้าเล่ห์และร้ายกาจ แต่ยังไงก็คงไม่ฉลาดไป กว่าคานันซาคีรีมันต์หรอกจริงไหม” วาตารีพูดพลางมองสบตา ชายหนุ่มยิ้มๆ คีรีมันต์หัวเราะเบาๆ ก่อนก้มศีรษะให้บุรุษสูงวัย พลางพูด

“ขอบคุณในคําชมครับท่านวาตารี

“ชาวเผ่าไมยาเชื่อถือในคำทำนายของแม่เฒ่าอาวาตีเสมอมา ในเมื่อแม่เฒ่าทำนายว่าหญิงสาวชาวต่างชาติที่มีสีนัยน์ตา ราวกับท้องทะเลลึก จะสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับชายที่ ได้นางมาเคียงคู่ เราก็เชื่อว่ามันจะเป็นจริงอย่างนั้น
วาตารีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซึ่งคำพูดของเขาก็ทําให้คีรี มันต์ยิ้มออกมาได้ เพราะเท่ากับว่าหัวหน้าเผ่าไมยาไม่ปฏิเสธที่ จะให้ความร่วมมือกับเขา

“แต่ว่า…” วาตารีพูดแล้วเว้นช่วงนิดหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไปอีก “เราจําเป็นต้องพาคานั้นยาของคุณไปพบกับแม่เฒ่าอาวาติก่อน ถ้าหากแม่เฒ่ายืนยันว่าเธอคือหญิงสาวในคำทำนายจริง เรา และชาวเผ่าไมยาทุกคนก็เต็มใจจะสนับสนุนคุณ หวังว่าคุณคงจะ เข้าใจนะคานันซาคีรีมันต์”

“ด้วยความยินดีเลยครับท่านวาตารี” คีรีมันต์ตอบตกลงทันที เพราะเขาคาดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าวาตารีต้องพาละอองดาวไป พบกับแม่เฒ่านักทำนายแห่งเผ่าไมยาอย่างแน่นอน

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญตามเราไปพบแม่เฒ่าเดี๋ยวนี้เลย” วาตารี พูดพลางขยับลุกขึ้นยืน ทุกคนทำท่าจะขยับลุกขึ้นตามหัวหน้า เผ่าไมยา แต่วาตารีเอ่ยขึ้นว่า

ให้เฉพาะคานันซากับคานยาแห่งคีรีมันตราตามเราไป เท่านั้น คนอื่นๆ รออยู่ที่นี่”

ดังนั้นจึงมีเพียงคีรีมันต์กับละอองดาวเท่านั้นที่เดินตามบุรุษสูงวัยออกไปจากกระโจมหลังใหญ่

“นี่คุณ” ละอองดาวกระซิบเรียกคีรีมันต์เบาๆ ในระหว่างที่เขา จูงมือเธอเดินตามหัวหน้าเผ่าไมยาไปตามทางเดินเล็กๆ ซึ่งทอด ขึ้นสู่ยอดเขาด้านบน

“ว่าไงครับ” คีรีมันต์ถามหญิงสาว

“เราเดินตามเค้ามาตามลำพังแบบนี้ คุณไม่กลัวถูกใครลอบ ทำร้ายบ้างเหรอ” ละอองดาวถาม คีรีมันต์ส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อน ตอบ

“ไม่ครับ ผมเชื่อในเกียรติของท่านวาตารี แต่ถ้าเป็นกาซิมผม จะไม่ไว้ใจเขาแน่นอน ว่าแต่คุณเป็นห่วงผมด้วยเหรอครับ ดีใจ จัง” ท้ายประโยคคีรีมันต์มองสบตาหญิงสาวด้วยแววตาล้อเลียน เลยได้รับค้อนวงใหญ่จากหญิงสาวพร้อมทั้งคำตอบแสนกวน

“ฉันเป็นห่วงชีวิตฉันต่างหาก เพราะว่าถ้าคุณเป็นอะไรไปฉันก็ อดกลับบ้านน่ะสิ”

“ผมนึกว่าคุณกลัวเป็นหม้ายซะอีก” คีรีมันต์แกล้งพูด

“เลิกพูดบ้าๆ นะ อยากให้ฉันฆ่าคุณเองรึไง” ละอองดาวโวย วายเบาๆ คีรีมันต์เลยได้แต่หัวเราะอย่างขบขัน

“ถึงแล้ว” วาตารีหันมาบอกสองหนุ่มสาว เมื่อเดินขึ้นมาถึงยอดเขาและหยุดอยู่ที่หน้ากระโจมขนาดเล็กหลังหนึ่ง จากนั้นบุรุษสูงวัยจึงหันกลับไปส่งเสียงบอกคนที่อยู่ภายใน กระโจม

“ท่านแม่เฒ่าอาวาตีเราจะขอเข้าพบท่านได้รึเปล่า

“เชิญเลยท่านหัวหน้าเรารอพวกท่านอยู่แล้ว” เสียงแผ่วเบา ตอบออกมาจากภายใน วาตารีจึงหันมาบอกกับสองหนุ่มสาว

“เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”

บุรุษสูงวัยเดินนำคีรีมันต์กับละอองดาวเข้าไปภายในกระโจม ทันที เมื่อก้าวเข้าไปภายในละอองดาวก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำมัน หอมอบอวลที่โชยมาจากตะเกียงดินเผา บรรยากาศภายใน กระโจมแลดูลึกลับ เพราะมีเพียงแสงสว่างจากแสงเทียนเท่านั้น

ภาพหญิงชราร่างเล็กเรือนผมยาวขาวโพลน ที่กำลังนั่งขัด สมาธิหลับตาอยู่เบื้องหน้าแท่นบูชารูปปั้นสักการะอะไรสักอย่าง ยิ่งช่วยส่งเสริมให้บรรยากาศแลดูลึกลับซับซ้อนและน่ากลัวมาก ขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวในความรู้สึกของหญิงสาว จนเธอถึงกับ เผลอจับมือของคีรีมันต์เอาไว้แน่น ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจ ความรู้สึกของเธอดี เพราะชายหนุ่มบีบมือเธอเบาๆ เหมือน เป็นการปลอบใจ
“เรารออยู่หลายวันแล้ว ในที่สุดก็มากันเสียทีนะคานันชาและ คานันยาแห่งคีรีมันตรา

เสียงแผ่วเบาของแม่เฒ่าอาวาตีพูดพร้อมกับที่นางลืมตาขึ้น แล้วมองตรงมาที่สองหนุ่มสาว ซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังหัวหน้าเผ่า ไมยา ทำให้คีรีมันต์และละอองดาวถึงกับหันมาสบตากันด้วย ความประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ก่อนที่วาตารีจะก้ม ศีรษะแสดงความเคารพนาง สองหนุ่มสาวจึงรีบทำตามหัวหน้า เผ่าไมยา

“ทุกคนนั่งลงตามสบายเถอะแล้วขยับเข้ามาใกล้ๆ เราหน่อย คานันยาแห่งคีรีมันตรา” แม่เฒ่าอาวาตีบอกกับคนทั้งสาม ก่อน จะเน้นทีละอองดาวในตอนท้ายประโยค หญิงสาวทรุดตัวลงนั่ง บนพื้นกระโจมตามคีรีมันต์และวาตารี ก่อนจะหันมองสบตากับ รีมันต์แวบหนึ่งเป็นเชิงขอความเห็น เมื่อเขาพยักหน้าให้เธอจึง ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้แม่เฒ่าแห่งเผ่าไมยา

“งดงามยิ่งกว่าในนิมิตที่เราเห็น” แม่เฒ่าอาวาตีเอ่ยปากชม เมื่อมองเห็นใบหน้าของละอองดาวได้ชัดเจนในระยะใกล้ ก่อน จะบอกหญิงสาวว่า “หงายฝ่ามือขึ้น แล้วยื่นมือทั้งสองข้างของ เจ้ามาให้เราคานันยา

ละอองดาวรีบทำตามที่แม่เฒ่าอาวาตีบอกทันที ซึ่งหญิงสาวก็ ไม่รู้ว่าเพราะกลัวหรือเพราะอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือละอองดาวรู้สึกได้ว่าหญิงชราคนนี้เหมือนมี พลังพิเศษบางอย่างอยู่ในตัว ที่สามารถบอกให้คนทำตามได้ไม่ ยาก

แม่เฒ่าอาวาติยื่นมือทั้งสองของตัวเองมาวางประกบลงบนมือ ทั้งสองข้างของละอองดาว ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ แล้วเพียง ครู่เดียวหญิงสาวก็รู้สึกเยือกเย็นและเบาหวิวไปทั้งร่าง อึดใจต่อ มาหญิงชราก็ลืมตาขึ้นก่อนพูดกับหัวหน้าเผ่าไมยาว่า

“เราขอยืนยันว่านางคือหญิงสาวในคำทำนายของเราจริงๆ ท่านหัวหน้า นางจะสามารถช่วยสนับสนุนให้ศิขรัฐเจริญรุ่งเรือง ได้อย่างแน่นอน จากนั้นนางก็หันไปพูดกับคีรีมันต์

“นางจะช่วยส่งเสริมให้ท่านยิ่งใหญ่ในดินแดนแห่งขุนเขาคานั นซาคีรีมันต์ และนางจะมีบุตรชายหญิงที่ฉลาด รูปงามให้กับ ท่าน”

คีรีมันต์เลิกคิ้วเข้มขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อฟังแม่เฒ่า อาวาตีพูดจบประโยค ก่อนจะหันมามองใบหน้าสวยหวานของ ละอองดาวแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อในสิ่งที่นางพูด เพราะมันเป็นเหมือนคำทำนายอนาคตของเขากับเธอ ถ้าหากว่า เป็นความจริงอย่างที่แม่เฒ่าแห่งเผ่าไมยาพูด ก็หมายความว่า เขาจะได้หญิงสาวมาเป็นของเขาอย่างแท้จริงนั่นเอง

“ท่านทั้งสองถูกผูกพันกันเอาไว้ด้วยเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งชน เผ่าคานั้นแล้ว หญิงสาวคนนี้จะเป็นของท่านทั้งกายและใจคานั้น ซาคีรีมันต์” แม่เฒ่าอาวา กล่าวต่อไปอีก

ขณะที่ละอองดาวกำลังนั่งเบิกตากว้างตกตะลึงกับคำพูดของ

นาง แต่คีรีมันต์กลับรีบทวนถามหญิงชราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“จริงหรือครับท่านแม่เฒ่า

“ท่านไม่เคยเชื่อถือในคำทำนายของเรา และนี่คือข้อพิสูจน์ว่า คำทํานายของเราจะเป็นจริงในไม่ช้า” แม่เฒ่าอาวาตีพูดพลาง มองสบตาชายหนุ่มนิ่ง คีรีมันต์ยิ้มก่อนก้มศีรษะให้นางพลางพูด

“ผมจะดีใจมาก ถ้าหากทุกอย่างเป็นจริงตามคำทำนายของ ท่านแม่เฒ่า”

“อีกไม่นานหรอกคานันซาแห่งคีรีมันตรา” แม่เฒ่าอาวาตีบอก ก่อนจะหันไปพูดกับหัวหน้าเผ่าไมยา “ท่านหัวหน้าจงให้ความ สนับสนุนคานันซาคีรีมันต์ทุกอย่าง แล้วศิขรัฐจะเจริญรุ่งเรือง

“เราจะปฏิบัติตามที่ท่านแม่เฒ่าบอกอย่างเคร่งครัด” วาตารี รับค่า
“สิ่งที่เราจะบอกมีเท่านี้ เชิญพวกท่านกลับไปได้แล้ว อ้อ เมื่อ ลงไปถึงเชิงเขาแล้ว ท่านหัวหน้าควรจะรีบสั่งให้คนจัดเตรียม กระโจมที่พักเพิ่มอีกสองกระโจมด้วย เพราะคืนนี้ผู้มาเยือนจาก คีรีมันตราจะต้องค้างคืนที่ยเซนัมซา” แม่เฒ่าอาวาตีบอกหัวหน้า เผ่าไมยายาวเหยียด แต่คีรีมันต์ก็รีบพูดขัดขึ้น

“ไม่ต้องลำบากจัดเตรียมกระโจมที่พักให้พวกหรอกครับ เดี๋ยวพูดคุยกับท่านวาตารีต่ออีกสักครู่ พวกเราก็จะรีบกลับทันที จะได้ไม่เดินทางถึงคีรีมันตรา มืดมากครับ”

“ท่านกลับคีรีมันตราคืนนี้ไม่ได้หรอกคานันซาคีรีมันต์” แม่ เฒ่าอาวาเอ่ย ทำให้คีรีมันต์กับละอองดาวต้องพากันมอง ใบหน้าของนางด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่คีรีมันต์จะถามขึ้น ว่า

“ทำไมล่ะครับท่านแม่เฒ่า

“เมื่อออกไปนอกกระโจมของเราท่านก็จะรู้ได้เอง” แม่เฒ่าอา วาตีตอบสั้นๆ ก่อนจะหลับตาลง เป็นการบอกว่านางต้องการจบ บทสนทนาเพียงเท่านี้ ดังนั้นทั้งสามคนจึงพากันขยับลุกขึ้นยืน แล้ววาตารีก็ก้าวหน้าสองหนุ่มสาวออกไปภายนอกกระโจม ทันที

เมื่อละอองดาวกับคีรีมันต์ก้าวตามวาตาออกมาด้านนอกกระโจมของแม่เฒ่าอาวาตี ทั้งสองก็พบว่าบรรยากาศ ภายนอกเริ่มมืดครึ้มและมีลมพัดแรง อันเนื่องมาจากเมฆฝนที่ กําลังตั้งเค้ามาแต่ไกลจากภายนอกหุบเขา

“ท่าทางกำลังจะมีพายุฝน เราคิดว่าพวกคุณคงจะต้องค้างที่ย เซนัมซาอย่างที่ท่านแม่เฒ่าบอกแล้วล่ะ”

หัวหน้าเผ่าไมยาหันมาพูดกับสองหนุ่มสาว

“ผมคิดว่าฝนคงไม่ตกนานมากหรอกครับท่านวาตารี รอให้ ฝนหยุดแล้วพวกเราค่อยกลับก็ได้ครับ”

คีรีมันต์บอกกับบุรุษสูงวัย วาตารีส่ายหน้าช้าๆ ก่อนพูด

“ถ้าหากแม่เฒ่าบอกว่าคุณต้องค้างที่นี่ คุณก็จะต้องค้างที่นี่ อย่างแน่นอน และตอนนี้เราก็ควรจะรีบเดินลงไปให้ถึงเชิงเขา โดยเร็วด้วย ก่อนที่พายุฝนจะผ่านเข้ามาภายในเขตหุบเขา”

พูดจบหัวหน้าเผ่าไมยากก้าวยาวๆ นำหน้าสองหนุ่มสาวเดิน ลงเขาไปทันที คีรีมันต์กับละอองดาวจึงต้องรีบก้าวตามบุรุษสูง วัยไป เมื่อลงไปถึงกระโจมของวาตารี หัวหน้าเผ่าไมยาก็ออกคำ สั่งให้คนของเขาไปจัดเตรียมกระโจมที่พักเพิ่มอีกสองกระโจม ทันที
ถึงแม้ว่าคีรีมันต์จะยืนยันว่าไม่ต้องการกระโจมเพิ่ม เพราะทั้ง สามจะรีบเดินทางกลับทันทีที่พายุฝนสงบก็ตาม แต่หัวหน้าเผ่า ไม่ยาก็ยังคงสั่งให้คนของตนเองจัดเตรียมกระโจมเพิ่ม ท่ามกลางกระแสลมที่พัดกระหน่ำรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากที่คนของวาตารีจัดเตรียมกระโจมเสร็จเรียบร้อยได้ เพียงครู่เดียว สายฝนก็เทลงมาราวกับฟ้ารั่ว อีกทั้งลมพายุที่พัด กระหน่ำรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ละอองดาวซึ่งยังคงนั่งอยู่ ภายในกระโจมหลังใหญ่ของหัวหน้าเผ่าไมยา นึกวิตกกังวลกลัว ว่ากระโจมจะถูกลมพายุพัดพังหรือเปล่า แต่ก็โชคดีที่ไม่ได้เกิด เหตุการณ์อย่างที่เธอวิตกกังวลขึ้น

จนกระทั่งเริ่มมืดค่า หลังจากที่คีรีมันต์กับละอองดาวร่วมรับ ประทานอาหารมื้อค่ำกับครอบครัวของหัวหน้าเผ่าไมยาแล้ว พายุฝนก็ยังคงเทกระหน่ำไม่ขาดสายและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ง่ายๆ

“เราคิดว่าพวกคุณควรจะค้างคืนที่นี่ เราไม่เห็นด้วยที่คุณจะ เดินทางออกไปจากยเซนัมซา ในขณะที่มีพายุฝนพัดกระหน่ำ รุนแรงอย่างนี้เพราะมันอันตรายมาก อยู่ภายในหุบเขาลมพายุ ยังรุนแรงมากขนาดนี้ ถ้าออกไปนอกหุบเขามันจะรุนแรง มากกว่าอีกหลายเท่า ชาวเผ่าไมยาทุกคนจะไม่ออกเดินทางท่ามกลางพายุฝนในยามค่ำคืนแบบนี้หรอกนะคานันชาคีรีมันต์” หัวหน้าเผ่าไมยาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามีดมากแล้ว คีรีมันต์หัน มาสบตาละอองดาวกับฮาซาลแวบหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า

“ถ้าอย่างนั้นเราสามคนคงต้องขอรบกวนท่านวาตารีสักคืน

แล้วล่ะครับ”

“ด้วยความยินดี ถ้าอย่างนั้นเราจะให้คนของเราพาพวกคุณ ไปที่กระโจมก่อน แล้วอีกสักครู่คนของเรานำน้ำอุ่นไปให้พวก คุณเช็ดตัว รวมทั้งเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนด้วย

วาตารีบอก จากนั้นบุรุษสูงวัยก็เรียกคนของตนเองให้มาพา ทั้งสามคนไปยังกระโจมที่พักทันที

“คุณจะมานั่งทำอะไรอยู่ในนี้ ทำไมไม่เดินไปที่กระโจมกับคุณ

ฮาซาลล่ะ”

ละอองดาวถามขึ้นทันที เมื่อปิดผ้าม่านซึ่งใช้เป็นฉากกั้นส่วน ของที่นอนเอาไว้ลง แล้วหันมาเห็นคีรีมันต์นั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น กระโจม โดยไม่ได้เดินตามคนของหัวหน้าเผ่าไมยาที่เดินนำฮา ซาลไปยังกระโจมอีกหลังหนึ่ง คีรีมันต์เลยใบหน้าคมเข้มขึ้นมอง ใบหน้าสวยของหญิงสาวก่อนถามว่า

“คุณจะให้ผมเดินไปที่กระโจมกับฮาซาลทำไมกัน
“อ้าว! ที่คุณต้องไปพักกับคุณฮาซาลสิ นี่มันกระโจมของฉัน นะ” ละอองดาวตอบ ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนพูดด้วยน้ำ เสียงขบขัน

“คุณกำลังเข้าใจผิดแล้วนะ กระโจมนี้เป็นของคุณกับผม ส่วน กระโจมอีกหลังนั่นของฮาซาล เขาต้องพักคนเดียว ใครจะแยก สามีภรรยาไปนอนกันคนละกระโจมล่ะคุณ

“หมายความว่าคุณจะนอนในกระโจมหลังนี้กับฉันด้วยเหรอ” หญิงสาวถามเสียงหลง ขณะที่ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ ละออง ดาวเลยโวยวายว่า

“จะบ้าเหรอ! คุณจะมานอนกับฉันในกระโจมนี้ได้ยังไง แล้ว ฟูกที่เค้าเอาไว้ให้นอนก็แคบออก นอนสองคนได้ที่ไหนกัน เบียดกันตายเลย มันไม่ได้กว้างเหมือนเตียงที่ห้องนอนคุณนะ”

“แต่ผมว่าขนาดของมันน่าจะพอเหมาะสำหรับคนสองคนนอน ได้สบายๆ เลยนะคุณ เบียดกันนิดหน่อยอบอุ่นดีออกนะครับ” คีรี มันต์พูดพลางมองสบตาหญิงสาวด้วยนัยน์ตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม พราวระยับ แต่ละอองดาวกลับมองจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยแววตา ขุ่นเคืองก่อนปฏิเสธเสียงเขียว

“ฉันไม่ให้คุณมานอนเบียดกับฉันเด็ดขาด คุณรีบย้ายตัวเอง ออกไปจากกระโจมของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะไปนอนกับคุณฮาซาลเลย”

“ไม่เอา! เรื่องอะไรคุณจะมาไล่ให้ผมไปนอนกับฮาซาล ผมยัง ไม่อยากถูกฟ้าผ่าตายนะครับ แล้วผมก็ไม่ได้มีรสนิยมชอบไม้ป่า เดียวกันด้วย ผมชอบแต่สาวๆ” คีรีมันต์ปฏิเสธหน้าตาเฉย แต่ ทําเอาละอองดาวถึงกับหน้าแดงเพราะคำพูดมีความหมายลึกซึ้ง ของเขา

“บ้า! คุณนี่พูดจาทุเรศที่สุดเลยฉันให้คุณไปนอนพักกับคุณฮา ซาลเฉยๆ ไม่ได้ให้คุณไปทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นซะหน่อย” หญิง สาวว่าพลางมองค้อนเขา

“ท่านวาตารีแล้วก็ชาวเผ่าไมยาทุกคนจะคิดยังไง ถ้าคืนนี้ผม ไม่นอนกระโจมเดียวกับคุณ คุณไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่แปลก ประหลาดมากเกินไปหน่อยเหรอ อย่าลืมสิครับว่าเราสองคน กำลังอยู่ในฐานะอะไรกัน”

คีรีมันต์ท้วงหญิงสาวด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่มีแววพูดเล่น เหมือนเมื่อครู่ ละอองดาวจึงได้แต่นิ่งอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะหาเหตุ ผลอะไรมาขัดแย้งชายหนุ่มได้ ในที่สุดเธอก็ได้แต่ถอนหายใจ เบาๆ ก่อนจะพูดอย่างยอมรับ

“ก็ได้ ฉันไม่มีทางเลือก ”

หลังจากที่เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คนของหัวหน้าเผ่าไมยานำมาให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ละอองดาวก็เดินเข้า มาล้มตัวลงนอนบนฟูกด้านหลังผ้าม่านก่อน พลางขยับตัวเข้าไป นอนจนชิดริมฟูกด้านใน แล้วพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันหน้า เข้าหากระโจมทันที

ส่วนคีรีมันต์เดินถือตะเกียงตามมาตั้งไว้ที่ด้านหน้าผ้าม่าน ก่อนจะดับตะเกียงแล้วเปิดผ้าม่านเข้าไป แล้วค่อยๆ ล้มตัวลง นอนเคียงข้างหญิงสาวอย่างแผ่วเบา

ละอองดาวรู้สึกใจเต้นรัวแรงขึ้นมาทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่น จากร่างของชายหนุ่มที่นอนอยู่ทางด้านหลังอย่างใกล้ชิด หญิง สาวพยายามขยับตัวไปชิดกับกระโจม เพื่อสร้างระยะห่าง ระหว่างตัวเองกับชายหนุ่มให้ได้มากที่สุด

ตอนอยู่ที่คีรีมันตราถึงจะนอนอยู่บนเตียงเดียวกับเขา แต่ อย่างน้อยเธอก็ยังมีหมอนข้างกั้นกลางเอาไว้ แถมเตียงก็กว้าง ขวางทำให้เธอไม่ต้องนอนใกล้ชิดกับคีรีมันต์มากมายขนาดนี้ แต่ที่นี่นอกจากจะไม่มีหมอนข้างแล้วฟูกที่ปูนอนนี่ก็คับแคบเหลือ เกินในความรู้สึกของหญิงสาว

คีรีมันต์เหลือบไปมองร่างระหงที่กำลังนอนขยับตัวไปมา พลางพยายามจะกระเถิบร่างออกห่างจากเขาด้วยความรู้สึก ขบขันปนเอ็นดูกับท่าทางระแวดระวังของหญิงสาว เขาอยากจะรู้นักว่าละอองดาวจะทำอย่างไร ถ้า หากเขารวบตัวเธอเข้ามากอดเอาไว้แนบอก ทั้งที่เธอพยายามจะ อยู่ห่างจากเขา ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ

“ความจริงแม่เฒ่าอาวานี่ก็ทำนายแม่นนะคุณว่ามั้ย” คีรีมัน พูดขึ้นเบาๆ ละอองดาวเลยเอียงหน้าหันกลับมามองเขาใน ความมืดนิดหนึ่งก่อนถามว่า

“คุณหมายถึงเรื่องอะไรที่ว่าแม่เฒ่าทำนายแม่น

“ก็เรื่องที่แกบอกว่าเราจะต้องนอนค้างคืนที่นี่ไงครับ” ชาย หนุ่มตอบ

“อ๋อ” หญิงสาวทำเสียงเป็นเชิงว่าเข้าใจ ก่อนที่คีรีมันต์เอ่ยต่อ “แล้วผมก็เชื่อว่าคุณคือหญิงสาวในคำทำนายของแม่เฒ่า จริงๆ นะละอองดาว

คําพูดของเขาทําให้หญิงสาวถึงกับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะพลิกตัวหันกลับมาทางชายหนุ่มด้วยความลืมตัวพลาง กาม

“พอแม่เฒ่าสามารถบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ คุณถึงกับเชื่อ เรื่องที่ว่าฉันเป็นผู้หญิงในคำทำนายเลยเหรอ”
“ใช่ ผมเชื่อที่แม่เฒ่าพูดแล้วก็อยากจะให้ทุกอย่างเป็นจริง อย่างที่แกพูดเร็วๆ ด้วย

คีรีมันต์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางมองสบตากับหญิงสาว ในความมืดเลือนราง ละอองดาวชะงักพลางขมวดคิ้วมันด้วย ความงุนงง ก่อนถามว่า

“คุณอยากจะให้เรื่องอะไรเป็นจริงเร็วๆ

“ก็เรื่องที่แม่เฒ่าบอกว่าคุณจะเป็นของผมทั้งกายและใจ แล้วก็ เรื่องที่คุณจะมีลูกชายลูกสาวให้ผมยังไงล่ะครับละอองดาว” คีรี มันต์ตอบเสียงนุ่ม

แต่ทําเอาละอองดาวถึงกับเบิกตากว้างก่อนจะรีบขยับตัวถอย ห่างออกจากชายหนุ่มอีกครั้ง เพราะเพิ่งจะรู้สึกว่าตนเองกำลังอยู่ ใกล้ชิดกับเขามากเกินไปแล้ว ใกล้เสียจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจ อุ่นๆ ของกันและกัน อีกทั้งไออุ่นที่แผ่ซ่านมาจากร่างของเขาซึ่ง กำลังทำให้ใบหน้าของเธอร้อนวูบวาบพอกับใจที่เต้นแรง

“บ้า! คุณอย่ามาพูดบ้าๆ แบบนี้กับฉันนะ ฉันจะไปมีลูกกับคุณ ได้ยังไงมันเป็นไปไม่ได้หรอก”

ละอองดาวโวยวายพลางรีบพลิกตัวหันหลังให้ชายหนุ่มทันที แต่คีรีมันต์กลับขยับตัวตามเข้ามาแนบชิดกับร่างหญิงสาวพร้อม ทั้งกระซิบบอกกับเธอเบาๆ ที่ข้างหู
“เป็นไปได้ครับถ้าคุณยอมรับรักผม”

“ไม่! คุณรีบถอยออกไปห่างๆ จากนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ

ละอองดาวปฏิเสธเสียงแข็ง พลางพลิกตัวหันกลับมายกมือดัน แผ่นอกกว้างของชายหนุ่มเต็มแรง แต่นอกจากคีรีมันต์จะไม่ สะดุ้งสะเทือนแล้ว มือทั้งสองข้างของเธอยังถูกรวบเอาไว้ด้วยมือ เพียงข้างเดียวของเขาอีกด้วย

ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปใกล้กับใบหน้าสวยของหญิงสาว จน จมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียอยู่กับแก้มเนียนนุ่มหอมกรุ่นพร้อมทั้ง ถามเสียงนุ่มอย่างออดอ้อน

“คุณจะปฏิเสธผมไปถึงเมื่อไหร่กัน อนุญาตให้ผมรักคุณไม่ได้ เหรอครับละอองดาว”

“คุณจะบ้ารึไงคีรีมันต์ปล่อยมือฉัน แล้วก็ถอยออกไปนะ ถ้าไม่

อย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ”

ละอองดาวออกคำสั่งชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เข้ม แข็งที่สุด ทั้งที่ใจของเธอกำลังสั่นไหวและหวาดหวั่น

“ถ้าผมไม่ปล่อยคุณ คุณจะทำอะไรผมเหรอครับ” คีรีมันต์ถาม ด้วยน้ำเสียงขบขันนัยน์ตาสีดำสนิทคู่คมเป็นประกายพราวระยับ ในความมืด ละอองดาวมองเขาด้วยดวงตาวาวโรจน์ก่อนตอบว่า

“ถ้าคุณไม่ปล่อยฉัน ฉันก็จะทำอย่างนี้น่ะสิ”

พูดจบหญิงสาวก็อ้าปากงับปลายจมูกโด่งของชายหนุ่มเต็ม แรงทันที

“โอ๊ย!”

คีรีมันต์ร้องอุทานออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด โชคดี ที่ฝนตกหนักอยู่ ไม่อย่างนั้นใครต่อใครคงได้ยินเสียงร้องของ เขาเป็นแน่ ชายหนุ่มยกมืออีกข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาลูบคลำปลาย จมูกตัวเองเบาๆ โดยที่มืออีกข้างยังคงจับมือทั้งสองของหญิง สาวเอาไว้แน่น

ละอองดาวจึงได้รู้ว่าเธอคาดผิดไปจริงๆ ที่คิดว่าตนเองจะได้ รับอิสระจากชายหนุ่ม คีรีมันต์ส่ายหน้ายิ้มๆ มองสบตาหญิงสาว ด้วยแววตามีความหมายพลางพูด

“คุณคิดผิดจริงๆ ที่ทำร้ายร่างกายผมแบบนี้ เพราะฉะนั้นคุณ จะต้องถูกลงโทษครับที่รัก”

พูดจบประโยคใบหน้าคมเข้มก็ก้มลงมาหาใบหน้าสวยหวาน ทันที และยังไม่ทันทีละอองดาวจะได้ร้องโวยวายอะไรออกมา ริม ฝีปากเรียวบางก็ต้องไร้อิสระเพราะริมฝีปากได้รูปสวยของชาย หนุ่มที่ประทับลงมาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
คีรีมันต์จูบหญิงสาวอย่างนุ่มนวลแผ่วเบาในตอนแรก ก่อนจะ เริ่มเรียกร้องมากขึ้นตามลำดับ ขณะที่ละอองดาวพยายามเบี่ยง ใบหน้าหนีจากริมฝีปากร้อนๆ ของเขา พร้อมทั้งพยายามผลักไส ชายหนุ่มแต่ก็ไม่สำเร็จ ใจของหญิงสาวเริ่มเต้นรั่วแรงมากขึ้น เรื่อยๆ พร้อมกับความรู้สึกวาบหวิวและล่องลอยไปกับรสจูบแสน หวานเนิ่นนาน จนเหมือนใจเธอจะขาด มือที่พยายามผลักไสชาย หนุ่มในตอนแรกเริ่มหยุดนิ่ง ร่างโปร่งระหงถูกโอบกอดเข้าแนบ ชิดกับแผ่นอกกว้างจนสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจสอง ดวงที่กำลังเต้นรัวแรงไม่แพ้กัน

“ละอองดาว”

คีรีมันต์กระซิบเรียกชื่อหญิงสาวแผ่วเบา เมื่อถอนริมฝีปาก ออกจากริมฝีปากเรียวบาง นัยน์ตาคู่คมมองใบหน้าสวยหวาน ด้วยแววตาหวานซึ้ง ก่อนจะลากไล้จมูกไปตามผิวแก้มหอมเนียน แล้วไปหยุดอยู่ที่ซอกคอหอมกรุ่นเพื่อสูดกลิ่นหอมอย่างที่ใจเขา ปรารถนามาเนิ่นนาน ฝ่ามือร้อนๆ เริ่มปลดกระดุมเสื้อเม็ดบน ของหญิงสาวออกอย่างไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้

ทั้งที่ตอนแรกเขาเพียงแค่คิดจะแกล้งหญิงสาวเล่นเท่านั้น ละอองดาวสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อริมฝีปากร้อนๆ ของชายหนุ่มแตะ แต้มลงบริเวณเนินอกของเธอทันทีที่กระดุมเม็ดแรกถูกปลดออก

“อย่า! ได้โปรดคีรีมันต์ คุณสัญญากับฉันแล้วว่าจะไม่ทํากับ ฉันแบบนี้”

เสียงร้องห้ามแผ่วเบาสั่นพลิ้วดังขึ้นทันที เมื่อสติสัมปะชัญญะ ทั้งหมดทั้งมวลของหญิงสาวกลับคืนมา คีรีมันต์ก็ได้สติและหยุด การกระทำของตัวเองทันทีเช่นกัน นัยน์ตาสีดำสนิทมองสบกับ นัยน์ตาสีน้ำเงินสดที่เริ่มมีน้ำใสๆ ไหลออกมาคลอเบ้านั่งอยู่ครู หนึ่ง ก่อนที่เขาจะถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นซับน้ำตาให้เธออย่าง อ่อนโยนพลางพึมพำพูด

“ผมขอโทษครับ ยกโทษให้ผมนะละอองดาวผมไม่ได้ตั้งใจจะ รังแกคุณแบบนี้นะครับ”

“คุณก็ปล่อยฉันสิ” หญิงสาวออกคำสั่งเสียงเบา พลางเดือน หน้าหลบสายตาชายหนุ่มด้วยความรู้สึกอับอาย ที่เมื่อครู่เธอ เผลอตัวเผลอใจปล่อยให้เขาล่วงเกินมากมายขนาดนั้น

“ผมไม่ปล่อย ถ้าคุณไม่บอกว่ายกโทษให้ผมแล้ว” คีรีมันต์พูด

เสียงนุ่ม

“คุณทำแบบนี้กับฉัน ยังคิดว่าฉันจะยกโทษให้คุณอีกเหรอ” ละอองดาวพึมพำถามทั้งโกรธทั้งอาย จนไม่รู้ว่าความรู้สึกอัน ไหนมากกว่ากัน โกรธที่เขาทําแบบนี้กับเธอและอายที่ตัวเองเผลอตัวเผลอใจไปกับเขา รีมันต์มองอาการของหญิงสาวยิ้มๆ ก่อนจะพูดว่า

“ถ้าคุณไม่ยกโทษให้ผม ผมก็จะกอดคุณแบบนี้ทั้งคืนเลย

“ปล่อยฉันนะคนบ้า ฉวยโอกาส

ละอองดาวโวยวายพลางพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อม กอดของชายหนุ่ม คีรีมันต์ถึงกับถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะพูดด้วยนัยน์ตาพราวระยับว่า

“คุณรู้รึเปล่า ว่ายิ่งคุณดิ้นหนีผมแบบนี้เราก็ยิ่งใกล้ชิดกัน แล้ว ก็ยิ่งทำให้ผมไม่อยากปล่อยคุณเลยนะ”

หญิงสาวเบิกตากว้างทันทีเมื่อฟังชายหนุ่มพูดจบประโยค พร้อมทั้งหยุดดิ้นทันควัน เมื่อสำนึกได้ว่าคีรีมันต์พูดถูก เพราะยิ่ง เธอดิ้นรนเท่าไหร่ร่างกายของเธอก็ยิ่งเบียดชิดกับเขามากขึ้น เท่านั้น

“ฉันหยุดดิ้นแล้ว คุณก็ปล่อยฉันซะทีสิ” ละอองดาวพูดเสียง ขุ่นโดยไม่ยอมสบตากับเขา คีรีมันต์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ชาย หนุ่มถอนหายใจอีกเฮือกอย่างพยายามระงับอารมณ์ปรารถนาที่ คุกรุ่นอยู่ภายในใจ ก่อนจะคลายวงแขนที่โอบกอดร่างระหงออก แล้วทิ้ง ตัวลงนอนบนฟูกตามเดิม ส่วนละอองดาวรีบขยับตัวออกห่าง แล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้ชายหนุ่มทันที

คีรีมันต์หันไปมองคนที่นอนหันหลังให้เขานั่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อน จะค่อยๆ ขยับเข้าไปชิดร่างระหง แล้วยกแขนขึ้นวางพาดบนเอว หญิงสาว ละอองดาวสะดุ้งเฮือกทันทีพลางหันมาถามเสียงขุ่น

“คุณคิดจะทําบ้าอะไรอีก

“นอนเถอะครับผมไม่ทำอะไรคุณหรอก อากาศมันหนาวขอแค่ นอนกอดคุณเฉยๆ ให้ผมได้ไออุ่นจากคุณนะครับ” คีรีมันต์ท่า เสียงอ้อน

“ไม่! ถอยไปนะ” ละอองดาวปฏิเสธ

“อย่ารังเกียจผมเลยนะครับ อนุญาตผมเถอะนะผมขอแค่นี้ จริงๆ ฝันดีนะครับ จุ๊บ” พูดจบคีรีมันต์ก็จูบแก้มหญิงสาวเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงทันทีโดยที่แขนของเขายังคงโอบกอด หญิงสาวเอาไว้

“ปล่อยฉันนะคีรีมันต์” หญิงสาวโวยวายและพยายามดึงแขน ชายหนุ่มออกแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะเขากอดเธอได้แน่นเหนียว จริงๆ ถึงแม้ลมหายใจของเขาจะสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าหลับ สนิทไปแล้วก็ตาม หลังจากพยายามดึงแขนเขาออกอยู่พักใหญ่ เธอก็ต้องยอมแพ้อย่างอ่อนใจ

ละอองดาวไม่รู้เหมือนกัน ว่าเพราะว่ามันเป็นเวลาดึกมากแล้ว จนเธอรู้สึกง่วงงุน หรือเพราะว่าอากาศเย็นกันแน่จึงทำให้เธอ เผลอหลับใหลไปในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของผู้ชายที่เธอนึก รังเกียจ และไม่อยากอยู่ใกล้เขามากที่สุดมาตลอดเวลาได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ