ตอนที่ 11 คุณบอกว่าคุณจะไม่แตะต้องฉัน
ในคฤหาสน์ตระกูลหลิน
“จื่อซี เครื่องประดับเหล่านั้นจะถูกเก็บรักษาเป็น อย่างดีค่ะ ฉันให้เสี่ยวจื่อลงบันทึกไว้ในนามของคุณ แล้วนะคะ” ป่ายปิงเวยเข้าใจดีว่าเครื่องประดับและ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่เป็นของครอบครัวที่ร่ำรวยอย่าง ตระกูลหลิน ล้วนแล้วแต่เป็นของหรูหราราคาแพง เป็น สมบัติของครอบครัวที่จำเป็นต้องลงบันทึกไว้
เธอคงไม่โง่พอที่จะคิดว่าเครื่องประดับที่หลินจื่อซีซื้อ มาเหล่านั้นจะเป็นของเธอ ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ป้ายปิงเวยเองเธอก็ไม่ได้สนใจ
“เป็นอะไรไปหละ เธอไม่ชอบหรอ” หลินจื่อซีนั่งลงบน โซฟาตรงหน้าเตียง เขาเริ่มจุดบุหรี่ขึ้นแล้วสูบมัน
“เนื่องจากเราเป็นสามีภรรยากันในนาม ฉันจึงจำเป็น ต้องให้ความร่วมมือกับคุณอยู่บ่อยครั้งอย่างแน่นอน ค่ะ คุณช่วยรักษาอาการให้กับคุณแม่ของฉัน แค่นี้ฉันก็ รู้สึกซาบซึ้งพออยู่แล้ว และแน่นอนว่าฉันจะไม่ขออะไร จากคุณเพิ่มอีก”
“ก็แล้วแต่เธอก็แล้วกัน ฉันจะกลับบริษัทแล้ว” หลินจื่อ
ซีดับบุหรี่ลง เขาลุกขึ้นแล้วเดินจากไป พร้อมกับรถโร สลอยด์สีเทาที่เร่งสปีดออกตัวไปด้วยความรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าป่ายปิงเวยมักจะอยู่ในความคิดของหลินจื่อซีเสมอ ตั้งแต่เริ่มรู้จักกับเธอมาจนถึงตอนนี้ ผู้ หญิงคนนี้มักจะทำให้เขารู้สึกคลายกังวลใจได้มากขึ้น โดนเฉพาะอาการที่ดูค่อนข้างดื้อรั้นของเธอเมื่อครู่นั้น ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลกไปจากเดิม
“เฉียง นายว่าคุณป้ายเป็นคนยังไงหรือ” หลินจื่อซี เหม่อมองทิวทัศน์ไปนอกหน้าต่าง พร้อมกับถามเฉียง ขึ้นมาลอย ๆ “คุณป้ายเธอเป็นคนที่มีมารยาท ปฏิบัติ ต่อทุกคนด้วยความอ่อนโยนและสุภาพครับ”
“อ่อนโยนและสุภาพอย่างงั้นหรือ” หลินจื่อซีบ่นพึมพำ ราวกับว่ากำลังพูดอยู่กับตัวเอง ในขณะที่ถามเฉียง อยู่นั้น จิตใจของเขาก็ล่องลอยไปไม่อยู่กับเนื้อกับ ตัว แน่หละ เมื่อตอนที่เธอยังเด็ก ครอบครัวของเธอ สูญเสียคุณพ่อไปอย่างน่าเศร้าสลดใจและต้องใช้ชีวิต เพียงลำพังกับแม่ของเธอ เธอต้องทุกข์ทรมานใจเป็น อย่างมากแน่ๆ คงเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงจากการ ระมัดระวังและใช้ชีวิตอย่างรอบครอบ ในขณะที่ตัวเธอ เองนั้นก็ต้องประพฤติตัวให้ดีในสังคมอีกด้วย
นึกถึงท่าทีที่ดูดื้อรั้นของป่ายปิงเวยแล้ว ยิ่งทำให้ใน ใจของหลินจื่อซีนั้นรู้สึกสงสารเธอมากขึ้นอย่างบอกไม่ ถูก
“คุณผู้หญิงคะ ลงมาทานอาหารกลางวันด้านล่างได้ แล้วค่ะ” แม่บ้านเสี่ยวชุ่ย ร้องเรียกป้ายปิงเวยด้วยความ นอบน้อมจากด้านนอกของประตู
“อืม ฉันรู้แล้วจ่ะ” หลังจากที่หลินจื่อซีกลับออกไป ป่ายปิงเวยเธอนั่งเล่นอยู่เป็นเวลานานจนเผลอหลับไปบน เตียง ในขณะที่ตายังสะลึมสะลืออยู่นั้น เธอลุกขึ้นใส่ เสื้อคลุมเพิ่มอีกหนึ่งตัวแล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง
ภายในห้องรับประทานอาหาร แม่หลินและปู่หลินนั่ง รอป้ายปิงเวยอยู่ก่อนแล้ว “คุณปู่คะ คุณแม่คะ ขอโทษ ที่ให้พวกคุณต้องรอนานเลย” ป่ายปิงเวยยิ้มอย่าง สุภาพ เธอเข้าไปนั่งแล้วจึงตักน้ำซุปให้แก่คุณปู่และคุณ แม่
ปู่หลินยิ้มอย่างเบิกบานใจ “ปิงเวย ตรงนี้ให้อาซุ่ยเขา ทำเถอะ เป็นเด็กดีจริง ๆนะเรา”
ป้ายปิงเวยตักซุปให้กับตัวเองเสร็จก็ก้มลงกินน้ำซุป ต่อไปโดยไม่พูดอะไร พ่อครัวของตระกูลหลินล้วนแล้ว แต่เป็นพ่อครัวที่มีฝีมือชั้นเลิศทั้งนั้น ช่างเป็นมื้ออาหาร ที่อร่อยเสียจริง ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่น้ำซุปหนึ่งถ้วย ก็ตาม เพราะอย่างนั้นป่ายปิงเวยจึงดื่มฉ่ำกับมืออาหาร มื้อนี้เป็นอย่างมาก
“ปิงเวยจ๊ะ เธอกับจื่อซีเป็นยังไงกันบ้างหละช่วงนี้” แม่ หลินดื่มน้ำซุปไปพลางถามไปพลาง “คุณแม่คะ หนูกับ จื่อซีช่วงนี้ก็ค่อนข้างดีค่ะ”
ปู่หลินหัวเราะอย่างเมตตา “งั้นก็ดีแล้ว พวกเธอเมื่อ ไหร่จะมีลูกกันหละ ปิงเวยเอ้ย พวกเธอต้องมีหลานชาย มาให้ปู่ได้อุ้มสักทีนะ”
ปู่หลินกับแม่หลินดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำให้ป่ายปิงเวยรู้ได้ว่า สิ่งที่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านต้องการก็คือ เร่งให้เธอมีลูกนั่นเอง
“อืม หนูกับจื่อซีจะพยายามค่ะ” ป่ายปิงเวยตักอาหาร เพิ่มใส่จานให้กับสองผู้อาวุโส ทั้งสองรับประทานอาหาร อย่างมีความสุข พวกเขาพึงพอใจในตัวสะใภ้คนนี้เป็น อย่างมาก เพราะเธอไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่มีจิตใจดีและ มีมารยาทเท่านั้น แต่เธอยังเป็นคนที่มีทั้งความคิดและ ความกตัญญูอีกด้วย เธอรู้เรื่องรู้ราวกว่าคุณหนูผู้มั่งคั่ง โดยทั่วไปอยู่มาก ทั้งยังมีจิตใจที่โอบอ้อมอารีมากกว่า เด็กสาวที่มาจากครอบครัวธรรมดาอีกด้วย ปู่หลินชื่น ชอบเธอในทุก ๆด้าน ปู่หลินหันไปสบตากับแม่หลิน สายตาเขานั้นแฝงไปด้วยคำถามเป็นนัยๆว่า “คิดเหมือน กันใช่ไหม” แม่หลินพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ
ภายในห้องทำงาน
ในขณะที่หลินจื่อซีนั่งตรวจเอกสารอย่างจริงจังอยู่ นั้น จู่ ๆ เขาก็เกิดจามขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง เขามอง ดูเวลาก็พบว่าเวลาล่วงเลยไปจนมืดค่ำแล้ว เดิมทีคืนนี้ เขามีนัดทานข้าวกับติงมั่นลี่ แต่นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านก็ยังมี สาวงามอย่างป้ายปิงเวยรอเขาอยู่
จู่ ๆก็ทำให้เขาอยากกลับบ้านไวขึ้นมา ถือโอกาส ทำให้ความเย่อหยิ่งของติงมั่นลี่อ่อนลงด้วยก็ดี สำหรับ หลินจื่อซีแล้ว ติงมั่นลี่เป็นเพียงแค่หน้ากากที่ทำให้ผู้คน สับสนก็เพียงเท่านั้น บางครั้งเขาก็ขี้เกียจที่จะรับมือกับ ปัญหาต่าง ๆ
“เลขาหลี่ รบกวนแจ้งคุณติงให้ผมหน่อยว่าวันนี้ผมติด ธุระไม่สามารถไปร่วมทานอาหารกับเธอได้” ในขณะ ที่หลินจื่อซีกำลังจะออกไปนั้น เขาก็ได้นําชับเลขาหลี่ ไว้ เขาไม่ต้องการให้ติงมั่นลี่โทรมาระเบิดใส่เขา ผู้หญิง คนนั้นเธอเซ็กซี่จริง ๆนั่นแหละ แต่เธอก็จู้จี้จุกจิกไม่เบา แถมยังทำให้เขาลำบากด้วยเหมือนกัน บางครั้งหลินจื่อ ซีเองก็ขี้เกียจที่จะรับมือกับเธอ
หลังจากผ่านเวลาอาหารค่ำ ป้ายปิงเวยกลับห้อง เตรียมตัวพักผ่อน ทันใดนั้นแม่หลินก็เปิดประตูเข้ามา ในมือถือของเธอเสื้อมาด้วยหนึ่งตัว “ปิงเวยจ๊ะ ยังไม่ นอนใช่ไหม แม่ซื้อชุดนอนมาให้หนูหนึ่งชุด คืนนี้ก็ใส่ชุด นี้นอนแล้วกันนะจ๊ะ” แม่หลินกุมมือป้ายปิงเวยไว้แล้วยิ้ม อย่างหน้าชื่นตาบาน
“ถึงแม้ว่าหนูกับจื่อซีจะรักกันมาก แต่ผู้ชายหนะนะ บางครั้งก็ต้องการอะไรที่ดูเร้าใจบ้าง” หลังจากที่ป่า ยปิงเวยกำลังฟังแม่หลินพูดแบบมีเลศนัยเสร็จนั้น ป๋า ยปิงเวยก็รู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที “คุณแม่คะ หนู…”
“ปิงเวย หนูรีบไปเปลี่ยนเร็วเข้าสิจ๊ะ” แม่หลินพูดเสร็จ ก็จัดการดันตัวป้ายปิงเวยเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ทันที หลังจากเธอเปิดดูเสื้อแล้ว ป้ายปิงเวยถึงกับพูดไม่ ออกเลยทีเดียว เสื้อตัวนี้ช่างน้อยชิ้นเสียจนเธอรู้สึกว่า มันคงน้อยไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ในใจถึงแม้จะรู้สึกแทบ คลั่ง แต่ก็ยังเปลี่ยนใส่เสื้อตัวนั้นอย่างเชื่อฟัง ไม่อย่าง นั้นแม่หลินคงต้องทำให้เธอเสียเวลานานเป็นแน่
หลังจากที่ป้ายปิงเวยเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อ ในตาของแม่หลินนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ดูดีมาก เลยปิงเวย นี่คือสิ่งที่แม่ซื้อให้หนูเป็นพิเศษเลยนะจ๊ะ ใส่ เสื้อตัวนี้นอนก็แล้วกัน เอาหละ นี่มันก็ดึกมากแล้ว จื่อซี เองเขายังอยู่ด้านนอกประตู แม่ก็ไม่อยากรบกวนพวก เธอพักผ่อนกันแล้วหละ”
ตอนที่แม่หลินเดินออกไปนั้นเธอก็เจอเข้ากับหลินจื่อซี ที่กำลังจะเข้ามาพอดี “ลูกจ๊ะ สู้ๆนะ แม่เชื่อมั่นใจตัวลูก”
หลินจื่อซีค่อนข้างงุนงงเล็กน้อย จู่ ๆคุณแม่ทำไมถึง พูดแบบนี้กันนะ เดินเข้าห้องมาเห็นป้ายปิงเวยถึงได้ เข้าใจ จริงๆแล้วป้ายปิงเวยวันนี้เธอช่างดูเร่าร้อนเลย เชียวหละ
เรือนร่างของหญิงสาวนั้นถูกห่อหุ้มด้วยชุดนอน แบบบางเบาสีแอพพริคอตที่ผ่านการตัดเย็บอย่าง ประณีต ช่วงอกของชุดนอนตัวนั้นประดับตกแต่งด้วย ลูกไม้อย่างสวยงามละเอียดละออ
ภายใต้แสงตกกระทบจากโคมไฟคริสทัลในห้องนอน ทำให้มองเห็นผิวขาวอันเย้ายวนและมีเสน่ห์ของป่า ยปิงเวย เธอช่างดูน่าหลงใหล และบริสุทธิ์ผุดผ่องเสีย จริง
หลินจื่อซีปิดประตูห้องลง เขายิ้มและมองไปที่ป่า ยปิงเวย “วันนี้เธอดูดีนะ” ป่ายปิงเวยเหลือบตามองหลิน จื่อซี “ดารานางแบบรอบตัวประธานหลินไม่สามารถ ทำให้คุณพึงพอใจได้หรือไง” พูดเสร็จป่ายปิงเวยก็เตรียมตัวกลับไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนเสื้อ กลับเป็นชุดนอนของตัวเอง
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าข้อมือของตนถูกดึงเข้าไปยัง อ้อมกอดอันอบอุ่นของหลินจื่อซี “ในเมื่อแม่อุตส่าห์ เตรียมไว้ให้ก็ไม่ต้องเปลี่ยนแล้วหละ”
“คุณ…คุณคงจะไม่” ป่ายปิงเวยซ่อนอาการหน้าแดง ไว้ในอ้อมกอดของหลินจื่อซี เธอสูดดมกลิ่นน้ำหอมจาก เสื้อของเขา ภายในใจก็รู้สึกเสียใจ กลางวันหยอกล้อ กับผู้หญิงคนอื่น กลางคืนก็อยู่กับคู่แต่งงานของตัวเอง
“เมื่อกี้ยังดูพูดเก่งอยู่เลย ตอนนี้กลับอ่อนข้อลงแล้ว หรือไง” หลินจื่อซีอุ้มป้ายปิงเวยขึ้นมาวางลงบนเตียง เขากอดเธอไว้ในอ้อมอกของตัวเอง จ้องมองดูป่า ยปิงเวยราวกับตัวเขาเองถูกมนต์สะกด คืนนี้เธอทำให้ เขาใจเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ
“หลินจื่อซี คุณบอกว่าคุณจะไม่แตะต้องฉันไง จะมา ผิดคำพูดไม่ได้นะ” ป้ายปิงเวยจ้องหลินจื่อซีตาเขม็ง เธอพยายามที่จะสลัดตัวเองให้หลุดออกจากแขนของ ผู้ชายคนนี้ “คุณป้ายครับ ก็แค่คำพูดของผู้ชายคุณ ก็เชื่อด้วยอย่างงั้นหรือ” หลินจื่อซีหลี่ตามองเธอแล้ว หัวเราะขึ้นมา
“ประธานหลินผู้สูงส่งอย่างคุณคงจะไม่รังแกเด็กผู้ หญิงตัวเล็ก ๆคนนึงได้หรอกใช่ไหม” ป้ายปิงเวยพูดไป ด้วย ดิ้นไปด้วยอย่างสุดกำลัง จนไม่ทันรู้ตัวเลยว่า สาย ของชุดนอนไหลตกลงไปอยู่ที่ข้อศอกของเธอ ฉากอันสวยงามที่ดูเลือนรางนี้ ทำให้ดวงตาของหลินจื่อซีเกิด อาการพร่ามัวในขณะที่เขาจ้องมองเธอ
“ถึงจะเป็นประธาน แต่ก็เป็นผู้ชายนะ” หลินจื่อซีเอง ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ต้องการหยอกล้อกับลูกแมว ตัวนี้นัก ดูเหมือนว่าการมองดูเธอไม่มีทางสู้นั้นช่างเป็น ท่าทางที่ดูน่ารักน่าชังอะไรอย่างนี้
ความเหนื่อยล้าของตัวเองได้จางหายไปในทันที อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน “ไม่งั้น หาก ฉันต้องการเธอ ค่อยให้เธอสักหนึ่งล้านดีไหม”
พูดจบ หลินจื่อซีก็ขยับเข้าไปประชิดตัว และจูบลงบน ริมฝีปากอันเรียวเล็กและงดงามของป่ายปิงเวย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ