บอกรักฉันที ยัยปากแข็ง

ตอนที่ 10 ความวุ่นวายสร้อยคอล้ำค่า



ตอนที่ 10 ความวุ่นวายสร้อยคอล้ำค่า

ในวันรุ่งขึ้น เมื่อป้ายบิงเวยตื่นขึ้นมา หลินจื่อซีก็ไป ทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว คนใช้ชุ่ยชุ่ยเคาะประตูห้อง คุณนาย ถึงเวลาลงไปทานอาหารเช้าแล้ว” “โอเค ฉันรู้ แล้ว” ป๋ายบิงเวยรับค่า ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ใส่ชุดสี ขาวเมื่อวาน แล้วลงไปกินข้าวเลย

ในห้องอาหารขนาดใหญ่ คุณปู่หลินกับคุณแม่หลิน ทานแซนด์วิชพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย “ คุณ ปู่อรุณสวัสดิ์ คุณแม่อรุณสวัสดิ์” ป่ายบิงเวยนั่งลงในที่ ของตัวเอง กินแซนวิชและผลไม้ที่คนรับใช้เตรียมให้ อย่างพิถีพิถัน หยิบนิตยสารแฟชั่นข้างๆขึ้นมาเปิดดู ลอยๆ

“บิงเวย ชุดนี้เธอใส่เมื่อวานแล้วไม่ใช่หรือ?” หลังจาก แม่หลินอ่านหนังสือพิมพ์เสร็จ ก็สังเกตเห็นทันที ที่ป้าย บิงเวยยังใส่ชุดเมื่อวานอยู่ “ ตอนนี้เธอคือลูกสะใภ้ของ ตระกูลหลินแล้ว ทุกการกระทำก็ล้วนเป็นหน้าตาของ ตระกูลหลินเรา”

คุณปู่ตระกูลหลินมองสังเกตป้ายบิงเวยที่ขาวบริสุทธิ์ ทั้งตัว อย่างละเอียดหนึ่งรอบ “หลานสะใภ้ แม่สามีเธอ พูดถูก”

คือว่าฉันพึ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างยังไม่ได้จัดเรียง เรียบร้อย” ป้ายบิงเวยวางนิตยสารในมือลง ยิ้มตอบ คำถามผู้ใหญ่สองคน
“ เป็นเพราะเราคิดไม่รอบคอบเอง เสี่ยวจื่อ! เสี่ยว

แม่หลินเรียกตะโกนไปที่ห้องนั่งเล่น “คุณหญิง มีเรื่อง อะไรคะ” เสี่ยวจื่อรีบวิ่งไปตรงหน้าแม่หลิน ระบายยิ้ม มองดูแม่หลิน รอรับคำสั่ง

“ เดี๋ยวเธอไปรีเบคก้ามอลล์ซื้อเสื้อผ้าและเครื่อง ประดับกับคุณนายน้อย” แม่หลินจับมือของป้ายบิงเวย ไว้ “บิงเวย เลือกของที่ตัวเองชอบเยอะๆเลยนะ”

ป้ายบิงเวยเข้าใจชัดเจน รีเบคก้ามอลล์เป็นห้างสรรพ สินค้าที่มุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าระดับสูง แบรนด์ข้าง ในล้วนเป็นแบรนด์ระดับโลก และฝีมือของช่างชื่อดังทั้ง นั้น

กล่าวขอบคุณแม่หลิน หลังทานอาหารเช้าเสร็จ คน ขับรถก็ได้ส่งเธอกับเสี่ยวจื่อมาที่รีเบคก้ามอลล์

ป้ายคริสทัลสีทองอร่ามหรูหรา พนักงานรักษาความ ปลอดภัยรอบข้าง ที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี หรูหรา อลังการเหนือระดับ เลิศหรูไร้ที่ติ หลังจากที่เสี่ยวจื่อ พยุงป้ายบิงเวยเข้าไปในห้าง ป้ายบิงเวยตกตะลึงกับ ความหรูหราภายในห้างจนอึ้ง

ทั้งห้างเสมือนถูกเนรมิตขึ้นจากคริสทัล เคาน์เตอร์ และเก้าอี้นั่งล้วนทำจากคริสทัลหมด กระเบื้องยังเป็นคริ สทัลออสเตรียสีชมพูฟ้า
พนักงานแนะนําสินค้าที่แต่งหน้าสวยละเอียด แต่ตัว เรียบร้อยดูดี เดินเข้ามายิ้มต้อนรับป้ายบิงเวยทันที “ไม่ ทราบว่าคุณผู้หญิงต้องการอะไรคะ?”

เสี่ยวจื่อพูดอย่างราบเรียบและสุภาพ “เลือกเสื้อผ้า และเครื่องประดับให้คุณนายน้อยของเราหน่อย” พนักงานแนะนําสินค้ามองป้ายบิงเวยหนึ่งรอบ “ได้ค่ะ กรุณาตามฉันมา” ป้ายบิงเวยกับเสี่ยวจื่อตามพนักงาน แนะนําสินค้าไปที่ชั้นสอง เสื้อผ้างดงานประณีตกับ เครื่องประดับเพชรนิลจินดาวางเรียงรายนับไม่ถ้วน มี หมดทุกสิ่งอย่างที่ต้องการ

ป้ายบิงเวยกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าของเยอะขนาดนี้จะ เลือกยังไง เสี่ยวจื่อพาป้ายบิงเวยเดินไปหน้าเคาน์เตอร์ วิกตอเรียส์ซีเคร็ต พูดอย่างมีมารยาทไม่เกรงกลัว”

เอาคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิของต้นปีนี้ทุกสีทุก แบบ ตามขนาดไซส์ของคุณนายน้อยเรา จัดใส่ถุงให้ เรียบร้อย” จากนั้นเสี่ยวจื่อก็ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ พนักงาน

ป้ายบิงเวยรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แค่เพียงคนใช้ของ ตระกูลหลิน ยังซื้อของใจกล้าเช่นนี้เลยหรือ “เสี่ยวจื่อ เธอมีขนาดไซส์ ของฉันได้ยังไง?”

เสี่ยวจื่อพูดย่างซุกซน “ฉันวัดด้วยสายตา คุณนาย อย่าดูเสี่ยวจื่อว่าเป็นเพียงแค่คนใช้นะ ด้านแต่งหน้า ประดับตัวฉันรู้ดีมาก เดินช็อปปิ้งกับคุณหญิงเป็น ประจำ”
เห็นท่าทีคุ้นเคยชำนาญของเสี่ยวจื่อ ที่มีต่อรีเบคก้าม อลล์ ป้ายบิงเวยค่อนข้างเข้าใจแล้วว่า ทำไมแม่หลิน ถึงให้เสี่ยวจื่อมาเดินช็อปปิ้งกับตัวเอง รู้สึกโล่งอกไม่ น้อย ก็ดีเหมือนกัน ตัวเองจะได้ประหยัดหลายขั้นตอน ภายใต้การนำพาของเสี่ยวจื่อ ก็ซื้อเสื้อผ้ารองเท้าและ กระเป๋าจํานวนมากได้อย่างรวดเร็ว

ป่ายบิงเวยแต่เดิมก็ไม่ค่อยไปเดินช็อปปิ้งตามห้าง ซื้อของมากมายขนาดนี้พร้อมกัน ก็รู้สึกเหนื่อยจริงๆ นะ “เสี่ยวจื่อ น่าจะพอแล้ว เรากลับบ้านเถอะ ฉันรู้สึก เหนื่อยแล้ว” เสี่ยวจื่อยิ้มมองป้ายบิงเวย “ คุณนายน้อย ยังมีเครื่องประดับที่ไม่ได้ซื้อ ซื้อเสร็จเราค่อยกลับเถอะ คุณจะได้ไม่ต้องมาอีกรอบหนึ่ง”

ตระกูลหลินยังไงก็เป็นตระกูลใหญ่โต ไม่มีเครื่อง ประดับคงไม่ได้แน่นอน ป้ายบิงเวยพยายามเติมพลัง สู้ต่อเรื่อยๆ เดินตามเสี่ยวจื่อกวาดซื้อสินค้าต่อไป มา ถึงเคาน์เตอร์เครื่องประดับ Lyar ประกายแวววาวเต็มตู้ เต็มไปด้วยเพชรและอัญมณีสีต่างๆ

เครื่องประดับ Lyar ก็เป็นหนึ่งในเครื่องประดับชั้นนำ ระดับโลก เครื่องประดับทุกชิ้นล้วนเป็นงานฝีมือช่าง โด่งดัง มีเพียงหนึ่งเดียวไม่ซ้ำกัน ราคาก็ต้องแพงหูฉี่ เป็นธรรมดา

คุณนายน้อย คุณมาดูว่าคุณชอบแบบอะไร” เสี่ยว จื่อเดินไปหน้าเคาน์เตอร์ ดูเครื่องประดับต่างๆใน เคาน์เตอร์แล้วพูดอย่างมีตื่นเต้น “เสี่ยวจื่อ เธอตัดสินใจ เลย ซื้อเสร็จก็รีบกลับบ้านเถอะ” ป๋ายบิงเวยนั่งอยู่บนโซฟา ตอบกลับเสี่ยว ออย่างหมดแรง

“จื่อซีคะ ครั้งที่แล้วคุณสัญญาว่าจะให้สร้อยฉันนะ วัน นี้ต้องอยู่จนฉันเลือกซื้อได้นะ” ติงมั่นลี่จับมือของหลิน จื่อซีเหมือนปลาหมึก แล้วเดินมาทางเครื่องประดับ Lyar ป้ายบิงเวยเห็นทั้งสองท่าทีสนิทสนม เดินเข้ามา

รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทีแรกคิดว่าหลินจื่อซีจะยุ่ง มาก ที่แท้ยังมีเวลาเดินช็อปปิ้งกับติงมั่นลี่จนมาถึงที่นี่ ติงมั่น ก็ได้มองเห็นป้ายบิงเวยแล้ว จับมือของหลินจื่อ ซีอย่างเปิดเผยมากขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงหวานหยด “จื่อ ซี คุณยุ่งขนาดนี้ยังมาเดินช็อปปิ้งกับฉัน คุณดีกับฉันจัง เลย”

ป้ายบิงเวยดื่มน้ำที่รับมาจากพนักงาน แกล้งทำ เหมือนว่าไม่ได้เห็นอะไร “

“มั่นลี่ มาซื้อวันหลังเถอะ” หางตาของหลินจื่อซีสังเกต เห็นป้ายบิงเวยที่นั่งอยู่บนโซฟา กับเสี่ยวจื่อที่กำลัง เลือกเครื่องประดับอยู่ กำลังจะหันหลังก็ถูกติงมั่นสี่ดึง ไว้ “ ไม่ได้ ฉันจะต้องซื้อวันนี้”

หลินจื่อซีมองติงมั่นลี่ ยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย “ เธอไป เลือกสิ” เดินตรงไปยังพื้นที่พักผ่อนและนั่งลงข้างป่า ยบิงเวย “ เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” หลินจื่อซีถามขึ้น เสียงอ่อน

“คุณแม่บอกให้ฉันมาซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับ จำนวนหนึ่ง” ป๋ายบิงเวยตอบหลินจื่อซีด้วยเสียงแผ่วเบาโซฟา ตอบกลับเสี่ยว ออย่างหมดแรง

“จื่อซีคะ ครั้งที่แล้วคุณสัญญาว่าจะให้สร้อยฉันนะ วัน นี้ต้องอยู่จนฉันเลือกซื้อได้นะ” ติงมั่นลี่จับมือของหลิน จื่อซีเหมือนปลาหมึก แล้วเดินมาทางเครื่องประดับ Lyar ป้ายบิงเวยเห็นทั้งสองท่าทีสนิทสนม เดินเข้ามา

รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทีแรกคิดว่าหลินจื่อซีจะยุ่ง มาก ที่แท้ยังมีเวลาเดินช็อปปิ้งกับติงมั่นลี่จนมาถึงที่นี่ ติงมั่น ก็ได้มองเห็นป้ายบิงเวยแล้ว จับมือของหลินจื่อ ซีอย่างเปิดเผยมากขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงหวานหยด “จื่อ ซี คุณยุ่งขนาดนี้ยังมาเดินช็อปปิ้งกับฉัน คุณดีกับฉันจัง เลย”

ป้ายบิงเวยดื่มน้ำที่รับมาจากพนักงาน แกล้งทำ เหมือนว่าไม่ได้เห็นอะไร “

“มั่นลี่ มาซื้อวันหลังเถอะ” หางตาของหลินจื่อซีสังเกต เห็นป้ายบิงเวยที่นั่งอยู่บนโซฟา กับเสี่ยวจื่อที่กำลัง เลือกเครื่องประดับอยู่ กำลังจะหันหลังก็ถูกติงมั่นสี่ดึง ไว้ “ ไม่ได้ ฉันจะต้องซื้อวันนี้”

หลินจื่อซีมองติงมั่นลี่ ยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย “ เธอไป เลือกสิ” เดินตรงไปยังพื้นที่พักผ่อนและนั่งลงข้างป่า ยบิงเวย “ เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” หลินจื่อซีถามขึ้น เสียงอ่อน

“คุณแม่บอกให้ฉันมาซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับ จำนวนหนึ่ง” ป๋ายบิงเวยตอบหลินจื่อซีด้วยเสียงแผ่วเบา
และสร้อยเส้นนี้ สามารถซื้อได้โดยผู้ชายที่มีการลง ทะเบียนด้วยบัตรประชาชนเท่านั้น มีความหมายว่า เพียงคนเดียวในชีวิต และ Lyar จะเก็บข้อมูลความรัก ของคู่นี้ไว้ตลอดไป”

“ราคาขายของรักหวานใจก็แพงมากเช่นกัน หนึ่งร้อย ล้านหยวน มีความหมายว่า ความรักที่เนิ่นนานตลอด

หลังจากติงมั่นลี่ได้เข้าใจความหมายและคุณค่าของ สร้อยคอ ยิ่งต้องการให้หลินจื่อซีซื้อสร้อยคอเส้นนี้มอบ ให้ตัวเอง ในโลกนี้มีเพียงเธอ ติงมั่นลี่เท่านั้น ที่คู่ควรรัก หวานใจของหลินจื่อซี

“จื่อซี คุณเคยสัญญากับเค้านะ เค้าอยากได้เพียง สร้อยเส้นนี้เท่านั้น คุณซื้อให้เค้านะ” ติงมั่นลี่มองออด อ้อนกับหลินจื่อซี”สร้อยเส้นนี้ใส่กล่องได้เลย” หลินจื่อซี กล่าว ได้ยินว่าหลินจื่อซีซื้อสร้อยเส้นนี้ ติงมั่นลี่ดีใจจน กลั้นไม่อยู่ รีบโพล่เข้ากอดหลินจื่อซี ที่นั่งอยู่บนโซฟา “ขอบคุณนะจื่อซี คุณดีที่สุดเลย”

ป้ายบิงเวยดื่มน้ำอีกคำหนึ่งอย่างอึดอัด หลินจื่อซีนี่ก็ จริงๆเลยนะ อย่างไรก็ตามฉันก็เป็นภรรยาของเขา อยู่ ต่อหน้าเสี่ยวจื่อ ก็ควรที่จะไว้หน้าให้ตัวเองบ้าง

ป้ายบิงเวยเห็นติงมั่นลี่ที่เป็นเหมือนปลาหมึกเกาะติด อยู่บนตัวหลินจื่อซี สองคนนี้หวานจนเลี่ยนเสียจริง เห็น ภรรยาที่ถูกต้องอย่างเธอล่องหนอยู่หรือไงกัน ตัวเองก็ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอของพวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว ลุกขึ้นเรียกเสี่ยวจื่อเตรียมตัวออกไป

แต่กลับถูกหลินจื่อซีดึงไว้ “บิงเวย เมื่อกี้ฉันแค่ได้ซื้อ สร้อยให้เธอไปเส้นเดียว เธอไม่เลือกเพิ่มหน่อยหรือ?”

ป่ายบิงเวยหันกลับไปมองหลินจื่อซีที่หล่อสุขุมยิ้ม อย่างอ่อนโยน สายตาตวัดลง ในเมื่อเขาจะเล่นละครต่อ หน้าเสี่ยวจื่อ ตัวเองก็เล่นเป็นเพื่อนเขาแล้วกัน

“ของที่จื่อซีให้ ฉันก็ชอบหมด แม้ว่าเป็นเพียงชิ้นเดียว ก็คือรักหวานใจ ขอบคุณนะจื่อซี”

หลินจื่อซีเดินไปข้างกายป้ายบิงเวย จับมือป้ายบิงเวย ขึ้นแล้วยิ้มอ่อนๆ “ภรรยาของฉัน คู่ควรกับของที่ดีที่สุด” ดวงตาที่งดงามดั่งหงส์นั้น มองป้ายบิงเวยหวานซึ้งด้วย ความรัก

คนนอกดูแล้วเต็มไปด้วยอารมณ์ความรัก มีผู้ชาย ที่หล่อรวยและรักภรรยาเช่นนี้ ต้องมีความสุขขนาด ไหนเนี่ย พวกพนักงานสาวที่แนะนำสินค้า จ้องมองป้าย บิงเวย ด้วยสายตาอิจฉายินดีอย่างนับไม่ถ้วน

“จื่อซี คุณมอบให้เธอได้อย่างไรกัน?” ติงมั่นลี่มองไป อย่างหงุดหงิด

หลินจื่อซีไม่แม้แต่จะสนใจติงมั่นลี่ มองข้ามติงมั่นลี่ อย่างไม่สนใจใยดี กอดเอวป่ายบิงเวยแล้วพูดขึ้นเสียง เบา “บิงเวย ไปเถอะ ฉันส่งเธอกลับไป
“จื่อซี…” ติงมั่นลี่ดูภาพด้านหลังของหลินจื่อซีกับป้าย บิงเวยอย่างไม่น่าเชื่อ ติงมั่นลี่โกรธจนหน้าเขียวชา

ที่จริงแล้ววันนี้พยายามตื้อหลินจื่อซีมาซื้อของที่ห้าง สรรพสินค้า หลังจากเจอผู้หญิงคนนี้ หลินจื่อซีไม่สนใจ ใยดีอีกเลย

ยัยสารเลว เป็นเพราะเธอคนเดียว จื่อซีถึงได้เย็นชา ใส่ฉัน

เธอรอไว้เลยนะ…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ