สามีร้อนเสน่หา ซีรีส์ชุด วิวาห์อ่อนร้กล่าดับที่ต

๑.๓ แมทธิว ไครซ์ตัน นักรักเลือดร้อน



๑.๓ แมทธิว ไครซ์ตัน นักรักเลือดร้อน

“ยัยเด็กแสบ!” ดวงตาคู่คมวาวโรจน์

“ไอ้ผู้ชายแก่บ้าตัณหา”

“นรกฉิบ!”

แมทธิวได้แต่สบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินไปหยิบเอาขวด ไวน์ ที่วางอยู่ในตู้ แล้วก้าวนุ่มๆ ออกจากห้องที่แสนสบายไปอยู่ รวมกับลูกน้องของตนในอีกห้อง

หลังจากถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ชญาดาก็ลุกขึ้นเพื่อเดินสำรวจ ห้อง อาการเจ็บแปลบๆ บริเวณข้อเท้าทำให้ร่างบางต้องทรุดตัว นั่งลงบนเบาะนุ่มนั้นอีกครั้ง นั่นเป็นครั้งแรกที่สาวน้อยรู้สึกว่าตัว เองได้รับบาดเจ็บจริงๆ ตั้งแต่ที่เกือบถูกรถชน เธอก็ยังไม่มี โอกาสได้ยืนเลย เพราะถูกเศรษฐีจอมเบ่งอุ้มมาตลอด

ร่างแน่งน้อยเดินกะเผลกๆ สำรวจห้องไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่ามี ห้องน้ำอยู่อีกมุมหนึ่ง มือเรียวบางก็ผลักเข้าไปจัดการล้างหน้า และล้างเนื้อตัวที่สกปรกมอมแมมจากการคลุกฝุ่นบนพื้นถนน ออกจนสะอาดสะอ้านจึงค่อยสดชื่นขึ้นมาบ้าง

ดวงตาเรียวหวานมองใบหน้าใสๆ ที่ปราศจากเครื่องสำอาง ของตัวเองผ่านกระจก แล้วก็มันคิ้วเข้าหากันอย่างเป็นกังวล เวลาบนนาฬิกาข้อมือบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ แล้ว หากเป็นยามปกติป่านนี้เธอคงกำลังนั่งทำงานพาร์ทไทม์อยู่ในห้องฝ่ายธุรการการเงินของโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าทางนั้นจะว่า อย่างไรที่จู่ๆ เธอก็ขาดงานโดยไม่บอกไม่กล่าว อีกทั้งยังเกรงว่า จะทำให้คนที่อุตส่าห์ฝากงานให้เสียหายไปด้วย ทั้งหมดนี้เป็น เพราะไอ้เศรษฐีแก่บ้าตัณหา โมโหร้าย ใจแคบ และปากจัดคน นั้นคนเดียว ถ้าเขาขับรถอย่างระมัดระวังและมีน้ำใจกว่านี้สักนิด เธอก็คงไม่ถูกลากตัวมาเคลียร์บนเครื่องบินแบบนี้หรอก

ชญาดาค่อยๆ เดินกะเผลกๆ ออกจากห้องน้ำ พาตัวเองกลับ ไปนั่งที่เบาะในห้องวีไอพีดังเดิม เครื่องบินเจ็ทลำนี้คงจะราคา แพงและนักบินคงมีชั่วโมงบินสูงน่าดู เธอถึงแทบจะไม่รู้สึกเลยว่า เครื่องเงินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและปรับระดับเพดานบินตอนไหน

อากาศที่เย็นสบายบวกกับความเงียบเชียบของห้องรวมถึง ร่างกายที่อ่อนเพลียทำให้สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดเผลอหลับไปบน เบาะนุ่มนั้นโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน

เปลือกตาบางทีประดับด้วยแพขนตางอนยาวขยับยุกยิกอย่าง เป็นอัตโนมัติ เมื่อการนอนอันแสนสบายถูกรบกวนด้วยเสียงของ ใครบางคน ชญาดาจำได้ดีว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของเศรษฐีจอม เบ่ง จึงรีบลืมตาขึ้นมองเต็มตาด้วยสัญชาตญาณของการระวังตัว แต่ปรากฏว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ในรัศมีที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ตอนนี้ร่างสูงยืนหันหลังให้เธอ และคุยโทรศัพท์กับใครบางคน สาวน้อยจึงเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ จะว่าเสียมารยาทก็ใช่ แต่ใครใช้ ให้เขาเข้ามาคุยในนี้กันล่ะ

“ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนครับท่าน ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบิน กับคู่หมั้นของผม พอดีก่อนมารัสเซียเธอเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ ผมเป็นห่วงก็เลยพามาด้วย แต่ติดปัญหาที่ว่าเธอไม่มีพาส ปอร์ตเข้ารัสเซีย”

เสียงที่ดังเข้ามากระทบโสตประสาทนั้น ทำให้คนแอบฟังนึก ทวน พลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย

‘คู่หมั้น?

รัสเซีย?

บนเครื่องบินลำนี้มีผู้หญิงคนอื่นโดยสารมาด้วยอีกอย่างนั้น หรือ แล้วผู้หญิงที่เศรษฐีจอมเบ่งบอกว่าเป็นคู่หมั้นของเขาอยู่ ที่ไหน ที่เขาพูดถึงรัสเซียหมายความว่ายังไง หรือว่าเขากำลังจะ ไปรัสเซีย ไปทำไมกัน…

คําถามมากมายผุดพรายขึ้นมาในสมอง ขณะแอบจับจ้องมอง คนพูด ลักษณะของเขาเหมือนพวกเจ้าพ่อมาเฟียที่ต้องมีเหล่า บรรดาลูกน้องคอยติดตามเป็นสิบๆ ในยามที่เดินทางไปไหนมา ไหน ซึ่งจากประสบการณ์การดูหนังแอ็คชั่นมามากพอสมควร ทำให้สาวน้อยรู้ดีว่าคนพวกนั้นล้วนแต่มีปืนเป็นอาวุธและพร้อม จะตายแทนเจ้านายได้เสมอ

“ครับขอบคุณครับท่าน

ชญาดามัวแต่ครุ่นคิดจนลืมระวังตัว เมื่อแมทธิวพูดประโยค สุดท้ายจบและหันขวับมายังเธอ สาวน้อยจึงแสร้งทำเป็นหลับ ไม่ทัน

“นี่เธอแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์เหรอ?” เสียงห้วนๆ ถามอย่างหงุดหงิด

“ไม่ได้แอบ แต่ตั้งใจฟัง ถ้าไม่อยากให้ได้ยินทำไมไม่ไปคุยที่ อื่นล่ะ”

“ตื่นมาก็ปากดีเลย ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอ เตรียมตัวลงจาก เครื่องซะ” คนแก่บ้าตัณหาของชญาดาออกคำสั่งกับเธอด้วย เสียงหัวนดุเช่นเดิม

“นี่เครื่องลงจอดแล้วเหรอ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน” สาวน้อยถาม กลับเสียงห้วนบ้างเช่นกัน

“มอสโก”

“มอสโก! รัสเซีย! นี่คุณลักพาตัวฉันมาไกลขนาดนี้เลยเหรอ”

เสียงหวานใสอุทานขึ้น ทั้งตกใจที่มาอยู่ต่างแผ่นดินซึ่งไกล จากสหรัฐอเมริกาคนละทวีป และตกใจว่าตัวเองหลับไปนาน ขนาดนั้นเชียวหรือ

“ใครจะอยากทําแบบนั้นกันล่ะ แต่เธอมันหาเรื่องใส่ตัวเองก็ ช่วยไม่ได้ ลุกขึ้นแล้วลงจากเครื่องซะ” แมทธิวสั่งเสียงหัวนอีก ครั้งด้วยความหงุดหงิดไม่สร่างซา

“ไม่ลงหรอก ขึ้นลงฉันก็ต้องถูกจับข้อหาลักลอบเข้าเมืองสิ

ชญาดาส่ายหน้าดิก ร่างอรชรยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ทำเอาชายหนุ่มต้องระบายลมหายใจออกมาพูดใหญ่

“เรื่องนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้ว…ฉันไม่ยอมให้เธอถูกจับง่ายๆ หรอก ถ้าตราบใดที่ฉันยังสั่งสอนเด็กแสบอย่างเธอให้เข็ด หลาบไม่ได้”

ชญาดาเพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เอกสารประจำตัวเธอที่เก็บไว้ใน กระเป๋าสะพายไปอยู่ในมือของเขาแล้ว แสดงว่าเขาแอบมาค้น ตอนที่เธอหลับอยู่เป็นแน่! นี่เธอหลับลึกจนไม่รู้ร้อนรู้หนาวขนาด นี้เลยหรือ

“นี่คุณแอบค้นกระเป๋าฉันเหรอ แล้วคุณทำอะไรฉันหรือเปล่า”

ถามเสร็จแก้มนวลกร้อนผ่าว เกรงว่าจะถูกทำมิดีมิร้ายในตอน ที่ตัวเองไม่ได้สติ

“พูดอะไรบ้าๆ สารรูปอย่างเธอ ใครจะทำลง

แมทธิวพูดหยุ่นๆ เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่า เขาเผลอจ้อง มองใบหน้าเนียนใสตอนที่ยัยเด็กแสบหลับอยู่นานสองนาน เหมือน กัน

“ก็ดี…เพราะฉันยังไม่อยากทำบุญล้างซวย “ปากอย่างนี้มันน่าเอาน้ำยาล้างห้องน้ำกลั้วนัก

“ลองดูสิ ฉันสู้แค่ตาย อย่าหวังว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ “ก็ให้มันรู้ไปว่าฉันจะทำอะไรเธอไม่ได้

วาจายอกย้อนแสบสันที่ต่อปากต่อคำอย่างไม่ลดละและอวดดี ของชญาดา ทำให้แมทธิวถึงกับฟิวส์ขาด ล่าขาแข็งแรงก้าว ยาวๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเด็กปากเก่ง
ท่าที่คุกคามนั้นทำให้ชญาดาลุกพรวดพราดขึ้น ไม่ใช่เพราะ กลัวแต่เพื่อตั้งรับ ทว่าดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเต็มประตู เพราะ ด้านหลังคือเบาะตัวใหญ่ที่กีดขวางการหลบหลีก

“อย่าเข้ามานะ ฉันสู้ตายจริงๆ ด้วย” ชญาดาตั้งการ์ดพลาง พ่อทั้งๆ ที่ตัวเองเสียเปรียบทั้งรูปร่างและทางหนีทีไม่อยู่แท้ๆ

“งั้นก็เตรียมตัวตายได้เลย

ว่าแล้วเขาก็จู่โจมอย่างรวดเร็ว ชญาดาสวนหมัดออกไป แต่ แมทธิวเอี้ยวตัวหลบได้สบายๆ ทำให้สาวน้อยเป็นฝ่ายเพลี่ยง พล้ำ จากนั้นวงแขนแข็งแรงก็ตวัดเอาร่างเล็กยกลอยขึ้น ก่อนจะ ทุ่มลงไปบนเบาะตัวยาวคล้ายโซฟา โดยมีร่างใหญ่ตามลงมา ทับและรวบแขนของชญาดาตรึงไว้เหนือศีรษะ ทำให้เธอถูก กักขังอยู่ภายใต้น้ำหนักตัวของเขาจนกระดิกตัวไม่ได้ แต่กระนั้น เรียวปากอิ่มก็ยังใช้งานได้อยู่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ