บทที่ 17 จดหมายแปลกประหลาด
ในขณะที่หลิวซือซือกำลังลองสวมชุดเจ้าสาวสีแดงงดงามด้วย ใบหน้าห่อเหี่ยว
แม้จะถูกฮูหยินใหญ่ชื่นชมในความงามของนางเพียงใดก็ไม่ ได้ทำให้ใบหน้าของหลิวซือซือมีรอยยิ้มแต่ประการใด
“ชุดพอดีใช่หรือไม่ แม่ใหญ่ให้คนแก้ให้เจ้าครั้งที่สามแล้ว ซื้อซื้อของเราผอมลงมากจริงๆ หากเป็นเช่นนี้อาจล้มป่วยได้”
“แม่ใหญ่ซือซือไม่อยากแต่งจริงๆ เจ้าค่ะ อ๋องผู้นั้นแม้แต่หน้า ก็ยังไม่เคยพบ นิสัยใจคอเป็นเช่นไรซือซือก็ไม่อาจคาดเดา”
“แม่ใหญ่รู้ มานี่มานั่งลงข้างๆแม่”
หลิวซือซื้อที่บัดนี้เปลี่ยนอาภรณ์เจ้าสาวออกแล้วเดินมานั่งลง ที่ตั้งข้างมารดาเลี้ยง นางซบลงบนอกเพื่อออดอ้อนอีกทั้งยังโอบ รอบเอวมารดาแนบแน่น
“เจ้านี่ไม่ว่าตอนไหนก็ยังไม่โตเสียที”
“แม่ใหญ่ซือซืออยากอยู่ปรนนิบัติท่านไปจนตายไม่ได้หรือเจ้า คะ”
“จะได้อย่างไร พี่สาวของเจ้าล้วนออกเรือนแต่งงานมีบุตรไป แล้ว เจ้าเป็นสตรีอย่างไรเสียสักวันต้องแต่ง วาสนาของเจ้าก็ดี กว่าผู้อื่น พี่ๆของเจ้าล้วนแต่งกับบุตรข้าราชการทั่วไปดูเจ้าสิมีวาสนาเป็นถึงพระชายา นำเกียรติยศมาสู่สกุลหลิวแทนที่จะยิ้ม แย้มเสียหน่อยกลับทำหน้าเหมือนกำลังจะถูกประหารเช่นนี้ “แม่ใหญ่พวกพี่ใหญ่อย่างน้อยก็ยังได้เห็นใบหน้าพี่เขยอีกทั้ง ยังมีใจให้กัน จึงแต่งออกอย่างมีความสุขแต่ซือซือของแม่ใหญ่
ประดุจคนตาบอด สามีในอนาคตมีใบหน้าเช่นไรยังไม่รู้เลยจะ
ให้มีความสุขได้อย่างไรเจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่ลูบศีรษะบุตรสาวคนเล็กอย่างถนอม แม้จะเป็น เพียงบุตรสาวของอนุแต่เพราะนางเลี้ยงเองมาตั้งแต่ยังแบเบาะ
ฮูหยินใหญ่สกุลหลิวความจริงเป็นคนมีเมตตาอีกทั้งยังใจ กว้างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ครั้นได้เลี้ยงดูเด็กที่งดงามอีกทั้งยังกตัญญูรู้ความเช่นหลิว ซื้อซื้อนางจึงรักใครไม่ต่างจากบุตรสาวที่คลอดออกมาจากใน ครรภ์ของนางจริง ๆ
“ซือซือความจริงท่านพ่อก็ไม่อยากบังคับเจ้า แต่เจ้าก็รู้ไม่ใช่ หรือว่าไม่อาจขัดราชโองการได้ แม้ว่าแม่จะไม่เคยเห็นหน้าของ ท่านอ๋องเช่นกัน แต่ชื่อเสียงว่าเขาเป็นผู้มีใบหน้าหล่อเหลาก็มีมา ไม่น้อย สตรีน้อยใหญ่เพียงได้ยินชื่อก็อยากถวายตัวแล้ว เจ้า อย่าได้คิดมากเลย อีกทั้งสมรสของเจ้าเป็นสมรสพระราชทานที่ ฝ่าบาทและไทโฮวทรงคัดเลือก อย่างไรเสียหากท่านอ๋องไม่ พอใจเจ้าก็ต้องไว้หน้าทั้งสองพระองค์บ้าง ซือซือของแม่ใหญ่ โชคดีแล้วอย่าได้คิดมากอีกเลยนะ”
“เจ้าค่ะ” หลิวซือซือได้แต่เก็บความทุกข์ของตนเองไว้ในใจจะทำเช่นไรได้ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว
กลางดึกคืนนั้น หลิวซือซื้อที่นอนไม่หลับกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ ภายในห้องกับฮุ่ยหลิน
หลังจากปรับทุกข์กันมาได้สักพักพลันมีเสียงหวีดอากาศ คล้ายมีวัตถุวิ่งด้วยความเร็วพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง
สตรีทั้งสองต่างมองหน้ากันก่อนจะหันไปยังทิศทางของเสียง ที่นั่นมีลูกธนูปักอยู่ที่เสาเตียงนอนของนาง
“ซุ่ยหลินอะไร”
ยหลินดึงลูกธนู ปักออกพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่ามีกระ ดาษเล็กๆ พันด้วยเชือกติดกลับลูกศรดอกนั้น นางแกะออกอย่าง รวดเร็วก่อนจะยื่นให้คุณหนู
หลิวซือซือทําท่าประหลาดใจพร้อมกับแกะจดหมายออกมา อ่าน ตัวอักษรที่อยู่ในนั้นทำให้นางถึงกับตาโต
“หากต้องการกลับไปยังบ้านของเจ้า โลกอนาคต ข้ามีวิธี คืน วันสมรสของเจ้าให้มาพบข้าที่วัดร้างนอกเมือง อย่าสงสัยในตัว ข้า เพราะขาก็มาจากอนาคตเช่นกัน”
“ซุ่ยหลินเรื่องของข้า เจ้าเคยเอ่ยกับผู้ใดหรือไม่”
หลังอ่านจดหมายจบ หลิวซือซื้อถามด้วยความตื่นเต้น นอกจากซุ่ยหลินแล้วนางไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังแม้แต่คน เดียว
คนที่ส่งจดหมายบอกนางว่ามาจากอนาคต หรือว่าไม่ใช่แค่ นางที่หลุดมายังโลกนี้เพียงลำพัง
นางมีหนทางออกแล้ว
“คุณหนู บ่าวสาบานว่าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผู้ใดเจ้าค่ะ
”
“แล้วคนผู้นี้รู้ว่าข้ามาจากอนาคตได้อย่างไร เรื่องนี้มีเพียงเจ้า กับข้าเท่านั้นที่รู้”
“บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ”
“ข้าอยู่ที่นี่แทบไม่เคยรู้จักผู้ใด นอกจากคนในจวนนี้ก็แทบไม่ เคยสนทนากับคนนอก หรือว่าเขาคนนั้นจะมาจากที่เดียวกันกับ ข้า เจ้าคิดว่าใช่หรือไม่ชุ่ยหลิน”
“คุณหนู บ่าวไม่แน่ใจเจ้าค่ะ” ความจริงชุ่ยหลินหาใช่บ่าวที่ ฉลาดสักเท่าใด ยิ่งให้คิดเรื่องราวที่ซับซ้อนเช่นนี้ชุ่ยหลินยิ่งคิด
ออก
“ต้องใช่แน่ ๆ ชุ่ยหลินข้ามีทางออกแล้ว
”
“ทางออกเรื่องอันใดเจ้าคะ”
“เรื่องกลับบ้านอย่างไรเล่า ดีจังคนลึกลับมาได้จังหวะเวลา พอดี ข้าไม่ต้องแต่งงานแล้วข้าจะได้พบท่านแม่ของข้าแล้ว”
“บ่าวไม่เข้าใจ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ