100 วัน รักฉันต้องมีเธอ NC25

บทที่ 11 ไม่อาจจากไปได้



บทที่ 11 ไม่อาจจากไปได้

โจวเจี๋ยหลุนตรวจร่างกายคนไข้เรียบร้อย สีหน้าของเขาตกใจ เป็นอย่างยิ่ง

เขาตะโกนหลายคำออกมาที่เจ้าอี้เฟยฟังไม่เข้าใจ นางไม่ได้ หลบหลีกเมื่อท่านหมอพวกนั้นวุ่นวาย นางเห็นโจวเจี๋ยหลุนก ดมือลงบนอกของสตรีผู้นั้น

กระทั่งเอาของบางอย่างนาบที่ร่างของนางผู้นั้นจนร่างนั้น

กระดูก

เจ้าอี้เฟยเดินไปดูใกล้ ๆ รู้สึกสงสารร่างกายผอมจนมีแต่หนัง หุ้มกระดูกของสตรีผู้นี้

สงสารจนต้องหลั่งน้ำตา ใบหน้านี้ช่างดูทุกข์ทรมานเป็นอย่าง

ยิ่ง นี่เป็นร่างกายที่ท่านเทพกาลเวลาบอกว่านางต้องใช้หรอก

หรือ

ทำไมช่างน่าสงสารเช่นนี้ หาได้มีความงดงามแล้วเช่นนี้นางจะ ใช้ยั่วยวนท่านที่ได้อย่างไร

เจ้าอี้เฟยรู้สึกหดหูเป็นอย่างยิ่ง แต่คิดไปคิดมาไม่ว่าคนผู้นี้จะ เป็นเช่นไร หากนางยอมสละร่างให้เจ้าอี้เฟยแล้ว เพราะฉะนั้นถือ เป็นผู้มีพระคุณ

เจ้าอี้เฟยจะคิดล่วงเกินไม่ได้เป็นอันขาด
แต่วันหน้านางต้องใช้ร่างกายนี้กับท่านพี่ เจ้าอี้เฟยจึงรู้สึก หน้าแดงและอับอายอยู่ไม่น้อย

นางจะทำลงหรือ ในเมื่อไม่ใช่ร่างของนางเอง

เจ้าอี้เฟยสัญญาว่าจะทะนุถนอมร่างนี้ให้ดีที่สุด และทำให้ร่าง นี้อ้วนท้วนแข็งแรงขึ้นมาในเร็ววัน

โจวเจี๋ยหลุนรวมทั้งท่านหมอหลายคนในชุดขาวยืนรายล้อม รอบร่างของนางพร้อมคุยกันในสิ่งที่เจ้าอี้เฟยไม่เข้าใจ

ชั่วครู่ต่อมาก็เกิดเสียงจากเครื่องๆ เล็ก ๆ ที่วางอยู่ข้างเตียง ดังขึ้นต่อเนื่อง ยมทูตขาวและยมทูตดำได้ไปยืนอยู่ที่ปลายเตียง ของสตรีผู้นั้นอย่างว่องไวและกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ดูน่า หวาดกลัวยิ่ง

“ผู้ตายนามเฉียนเฟยเฟย………

หลังจากกล่าวคำยืดยาว ยมทูตขาวเขียนบางอย่างลงใน บันทึกที่เขียนแล้วหมึกหายลับไป พวกเขาขานนามของหญิงผู้นั้น สามครั้งอย่างพร้อมเพรียงกัน

เมื่อจบการขานชื่อครั้งที่สาม วิญญาณของเฉียนเฟยเฟยลอยอ อกจากร่างอย่างล่องลอยคล้ายยังไม่รู้สึกตัว

เจ้าอี้เฟยมองเทพกาลเวลา คนผู้นั้นเพียงแต่ผายมือแล้วกระ ซิบกับนางเบา ๆ

“เจ้ารอให้ยมทูตทั้งสองสลับวิญญาณก่อน หากนางอนุญาต เจ้าก็สามารถใช้ร่างของนางได้ เป็นการช่วยวิญญาณยืมร่างกายหลังจากเข้าร่าง เจ้าอย่าได้คิดมาก ใช้ให้คุ้มอย่างไรร่างกายนี้ก็

กลายเป็นของเจ้าโดยสมบูรณ์แล้ว” วิญญาณที่เพิ่งตายลอยมาหยุดตรงหน้ายมทูตขาวดำ เขามอง

วิญญาณของเฉียนเฟยเฟยแล้วกล่าวต่อไปว่า

“เจ้าอี้เฟยมีวาสนาใช้ร่างกายของเฉียนเฟยเฟย โดยแลกกับ การไปเกิดใหม่ในชาติหน้ากับบุคคลที่มีวาสนาย่อมโชคดี ไม่ตก ทุกข์ลำบากเหมือนในชาตินี้เป็นแน่ แต่เจ้าต้องเอ่ยปากยินยอม เสียก่อนวิญญาณของเจ้าอี้เฟยจึงจะสามารถยืมร่างกายของเจ้า และใช้ชีวิตต่อไปได้

เฉียนเฟยเฟยหันมามองเจ้าอี้เฟย นางดูไม่ตกใจแม้แต่น้อย เรื่องความตายสําหรับคนที่เพิ่งตายนั้น เจ้าอี้เฟยรู้ดี หลังจากนาง ตายนางก็พลันเข้าใจทุกเรื่อง โดยไม่มีผู้ใดต้องบอกแม้แต่นิด เดียว

เฉียนเฟยเฟยก็คงเช่นกัน คงเป็นความสามารถพิเศษของ วิญญาณกระมัง วิญญาณทั้งสองดวงอันที่จริงตายในเวลา เดียวกันเพียงแต่คนละภาพชาติกัน และเทพกาลเวลาได้นำเจ้า เฟยมาพบเฉียนเฟยเฟย ในเวลาที่นางตายนั่นเอง

พวกนางต่างมองหน้ากันฉับพลันก็เกิดเรื่องน่าอัศจรรย์ขึ้น

พลันเกิดเส้นด้ายวาสนาสีแดงคล้องเกี่ยวเข้าที่มือของพวก นางทั้งสอง

“โอ้ วิญญาณของพวกเจ้ามีวาสนายิ่ง เฉียนเฟยเฟยรับรอง นางจะใช้ร่างกายของเจ้าอย่างดีเลยล่ะ ไม่ต้องกังวลไป
เทพกาลเวลาเอ่ยอย่างพึงใจ รู้สึกว่าตนเองเก่งกาจยิ่งที่ สามารถเลือกคนที่คู่ควรได้เพียงนี้

“ฉันยินยอม โดยมีข้อแลกเปลี่ยนสักหนึ่งข้อได้หรือเปล่าคะ

ในที่สุดเฉียนเฟยเฟยก็เอ่ยปาก นางในตอนนี้หาได้มีร่างกาย ซูบผอม กลับมีสัดส่วนที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าอิ่มเอิบ ดวงตากลมโต ริมฝีปากบางเฉียบ ผิวพรรณนวลผ่องคล้ายมีแสง ส่องประกายออกมา

ดูไปดูมาก็คล้ายเจ้าอี้เฟยอยู่หลายส่วน เกือบจะเป็นคู่แฝดกัน ก็ว่าได้

“เรื่องอันใดโปรดบอกข้าเถิด”

เจ้าอี้เฟยเอ่ยถาม

“ช่วยตามจับคนร้ายให้ฉันที ฉันยังไปไหนไม่ได้หรอกถ้าไม่รู้

ว่าใครเป็นคนฆ่าฉัน”

ยมทูตขาวเอ่ยขึ้น

“ยังมีห่วงอยู่หรือ”

“ค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ