แม่หมอและลูกน้อยที่น่ารักของเธอ

บทที่ 7 การเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์



บทที่ 7 การเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์

แสงในห้องมืดสลัว เกี่ยต้นน้อยซดน้ำแกงค่าสุดท้ายหมด สอง มือลูบท้อง ทั้งอิ่มท้องและอิ่มอกอิ่มใจอย่างหาที่สุดมิได้

ไก่ป่าตัวนี้มีเนื้อมาก หลังจากแบ่งให้ครอบครัวลุงใหญ่ไป แล้วครึ่งหนึ่ง ก็ยังเหลืออีกหนึ่งหม้อเล็ก

อหวั่นป้อนน้ำแกงไก่ให้นางเจียง ทั้งยังนำสมองไก่ไป รวนอีกด้วย

นางเจียงยังคงตื่นมาได้เพียงครู่เดียว หลังจากนั้นก็หมด สติไปดังเคย

“ท่านพี่ วันนี้พวกเราจะกินอะไรกันหรือ” เลี่ยนน้อยนั่ง แช่เท้าอยู่บนเก้าอี้เตี้ยข้างเตาไฟ เขาแช่เท้าพลางถามด้วย ความอยากรู้อยากเห็น

อหวั่นถือผ้าฝ้ายเนื้อหยาบเดินไปหา “เครื่องในไก่ยังไม่ ได้กิน พรุ่งนี้พี่จะผัดต้นกระเทียมกับเครื่องในไก่ให้เจ้า

เครื่องในไก่คืออะไรหรือ

“ก็คืออวัยวะภายในของไก่

“แล้วอวัยวะภายในคืออะไรหรือ

เจ้าเด็กคนนี้ พอได้พูดขึ้นมาเมื่อไร ก็จะเจื้อยแจ้วไม่หยุด
อหวั่นจึงตอบไปว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าเจ้าตื่นเต้นแล้วจะ นอนไม่หลับ”

อื้อ” เถียนน้อยตอบอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่ถึงหนึ่ง วินาทีก็ทำท่าจะพูดอีก

แต่ไม่ต้องรอให้เขาอ้าปากเอ่ยคำพูด อ.หวั่นก็หรี่ตามอง

เขา พร้อมกล่าวว่า “ตื่นเต้นก็คือสิ่งที่เจ้าเป็นในตอนนี้

เถียนน้อยเงียบลงด้วยความขุ่นเคือง

อหวั่นนั่งยองๆ นวดเท้าให้เลี่ยนน้อย

ส้นเท้าของเด็กคนนี้โดนความหนาวกัดจนแข็งและเจ็บไป

เมื่ออหวั่นหยิบรองเท้าของเถียนน้อยมา ก็พบว่าพื้น

รองเท้าขาดเป็นรู

เธอจึงไปดูรองเท้าที่เหลืออยู่ของเลี่ยนน้อย ปรากฏว่า รองเท้าทุกคู่ล้วนแต่ทั้งขาดทั้งเก่า

อหวั่นพาเลี่ยนน้อยเข้านอน “นอน ไม่ให้พูดแล้ว”

“ท่านพี่!” ทันใดนั้นเลี่ยนน้อยโพล่งขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“พี่บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าไม่ให้พูดแล้ว” เธอหันไปตอบ

เขาไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ตนล้มตัวลงนอนตรงที่ที่เธอเคยนอนเมื่อวาน
เธอมองไปทางน้องชาย เขาขยับตัวไปทางนางเจียง ดวงตาใสราวกับบ่อน้ำกะพริบน้อยๆ “ท่านพี่ ที่นอนของท่าน อุ่นแล้ว! ท่านรีบมานอนเร็ว!

อหวั่นไม่แสดงสีหน้าใด แต่ความขุ่นมัวในใจพลันสลาย ไปทันที เธอยิ้ม พร้อมกล่าวเสียงเบาว่า “ได้ พี่จะไปนอน

อีกด้านหนึ่ง นางจ้าวกลับนอนกระสับกระส่าย นางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน รู้สึกราวกับตนเอง

เจอผี

นางเด็กคนนี้ นางเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต ปกติแล้ว เมื่อ ใดที่นางมีโทสะ จะไม่เคยกล้าลุกขึ้นมาต่อล้อต่อเถียงเช่นนี้ คำว่า “ท่านป้า แต่ละคำที่เรียกนางนั้น เอ่ยออกมาบ่อยยิ่งกว่า เรียกมารดาตนเองเสียอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากกลับมาจากบ้านของท่าน ยาย ก็ปรนนิบัตินางเป็นอย่างดี มิหนำซ้ำยังนำเงินที่ได้จาก บ้านนั้นมาให้นางและลูกของนางด้วย

นางเด็กโง่งมผู้นี้เชื่อฟังนางมาตลอด เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดไม่เห็นกันเพียงไม่กี่วัน จึงเปลี่ยนไปมากเช่นนี้

นึกถึงว่าน้ำแกงไก่ก็ไม่ได้กิน ทั้งยังถูกอาหวั่นผลักเข้าไป ในเล้าหมู นางจ้าวกัดฟันกรอดอยู่ใต้ผ้าห่ม ทว่า ที่ทำให้นางโกรธที่สุดย่อมไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่บุตรสาวเพิ่งบอกกับนาง ว่านางเด็กอาหวั่นผู้นี้ได้นำน้ำแกง ไก่ที่แย่งจากนางไปให้กับบ้านเก่าสกุลอกินเสียแล้ว!

“นางเด็กเวร ทำให้ขาโมโหนัก…รอก่อนเถอะ! อาเหง ลับเมื่อไร ข้าจะให้เขาหย่ากับเจ้า

เกล็ดหิมะล่องลอยกลางราตรี หิมะตกไม่มาก มีเพียงชั้น บางๆ ปกคลุมพื้นดิน

อหวั่นตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ และมุ่งหน้าไปยังแปลงผัก แต่ราวกับว่าโชคของเธอนั้นไม่มีเหลืออยู่แล้ว เธอรออยู่ที่ แปลงผักประมาณหนึ่งชั่วยาม ก็ไม่พบไก่ป่าเลยสักตัว

ฟ้าสว่างแล้ว เดี๋ยนน้อยก็คงจะตื่นนอนแล้วเช่นกัน อ หวั่นทำได้เพียงยอมแพ้ เธอตัดผักกาดขาวต้นที่ถูกแทะจนยับ เยินกลับบ้านไป

ใบผักที่เน่าก็เด็ดทิ้งไป แกนกลางผักก็ยังนำไปทำอาหาร

ได้

อหวั่นเข้าไปในครัว หยิบน้ำแกงไก่ที่เหลืออยู่ชาม สุดท้ายออกมา นำผักกาดขาวใส่ลงไป แล้วนำน้ำมันไก่ที่สกัด ไว้เมื่อวานไปใช้ผัดต้นกระเทียม ทั้งยังนำหัวผัดกาดที่ยังไม่ได้ กิน ไปล้างและคลุกเครื่องปรุง

นี่คืออาหารมื้อสุดท้ายของพวกเขาแล้ว
ตู้เก็บชามกลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง

เมื่อครู่เธอคิดไว้แล้ว ไม่มีไก่กินก็ไม่เป็นไร หน่อไม้ก็นับว่า เป็นของดี แม้จะไม่รู้ว่าเงินในสมัยโบราณจะมีค่ามากมายหรือ ไม่ ทว่าขอเพียงมีผัก ก็สามารถนำไปขายได้อย่างแน่นอน

ที่นี่มีหน่อไม้ไม่มาก อหวั่นค่อยๆ ขุดหนึ่งด้าน สามารถ

ขุดหน่อไม้ออกมาได้เพียงหกหน่อ

ก็ยังน้อยเกินไป

สายตาของอวหวั่นก็ไปตกอยู่ที่ลาดเขาด้านหลังกอไผ่

หากมองไม่ผิด ถัดจากลาดเขาไปก็จะเป็นยอดของเขาลูก หนึ่ง ไม่แน่ว่าบริเวณนั้นอาจเป็นป่าไผ่อันเขียวชอุ่ม

“เถียน พี่จะออกไปข้างนอกสักพัก เจ้าอยู่บ้านดูแลท่าน

แม่นะ

หลังจากที่บอกน้องชายเรียบร้อยแล้ว อหวั่นก็สะพาย ตะกร้าขึ้นไปบนเขา

ยอดเขานั้นดูเหมือนจะอยู่ใกล้ แต่เมื่อเดินไปจริงๆ เธอ กลับพบว่าระยะทางนั้นไกลเหลือเกิน โชคดีที่ร่างนี้ผ่านการ

ตรากตรำทําไร่ไถนา สภาพร่างกายจึงนับว่าไม่เลว

หญ้าแห้งบนพื้นจับตัวเป็นน้ำแข็ง รองเท้าที่อหวั่นใส่อยู่ นั้นเป็นรองเท้าธรรมดา พื้นรองเท้าไม่กันลื่น จึงต้องเดินด้วย ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก
กว่าเธอจะเดินไปถึงป่าไผ่ ก็ใช้เวลาไปถึงครึ่งชั่วยาม

แต่ว่า ที่นี่มีต้นไผ่จำนวนมาก ทั้งต้นใหญ่ทั้งสีเขียวสด และยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไผ่ หอมกว่าหลังบ้านเธอ เสียอีก

อหวั่นหยิบพลั่วออกมา และเริ่มขุดหาหน่อไม้ทีละน้อย

หน่อไม้ในฤดูหนาวชุดยากกว่าหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิ

หน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิจะโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมา มองปราด เดียวก็หาพบ ขณะที่หน่อไม้ในฤดูหนาวจะฝังอยู่ใต้พื้นดิน ผู้ที่ ไม่มีประสบการณ์ย่อมหาพบได้ยากยิ่ง

ที่บ้านเกิดของเธอในอีกโลกหนึ่งนั้น ปลูกต้นไผ่เป็น จำนวนมาก ในฤดูที่ต้นไผ่งอกงาม สิ่งที่เธอชอบที่สุดคือการ ตามคุณยายไป คุณยายขุดออกมา เธอก็เก็บ เก็บจนหน่อไม้

เต็มตะกร้าสะพายหลังใบเล็กของเธอ แต่ว่าหน่อไม้ที่เธอเคยกินในอีกโลกหนึ่งนั้นไม่ใหญ่

เหมือนหน่อไม้ที่นี่

ผ่านไปไม่นาน อหวั่นก็ขุดหน่อไม้หน่อแรกออกมาได้ หน่อใหญ่กว่าหน่อไม้ที่หลังบ้านเธอสักสองเท่าได้

อหวั่นลงมือขุดต่อไป หน่อที่ขุดออกมาได้ใหญ่กว่าหน่อ เดิม ขุดไปเรื่อยๆ จนหน่อไม้เต็มตะกร้าสะพายหลัง จึงเดินลง เขาด้วยความพึงพอใจ

ใกล้กับลาดเขา อวี้หวั่นพบแม่น้ำสายหนึ่ง เธอจึงหยุดฝีเท้าลง

เธอมองผิวนอันเรียบสงบ และเลียริมฝีปากเบาๆ ช่างเป็นวันที่หนาวเหน็บ ไม่รู้ว่าในสายน้ำนี้จะมีปลาหรือ

ไม่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ