บทที่ 4 อาหารชุดใหญ่มื้อแรก
ไก่ป่ามีแรงมากกว่าไก่บ้าน มันดิ้นจนอหวั่นต้องหาอะไรมาผูก เสีย
ทว่า อหวั่นหาอยู่นาน กลับหาเครื่องมือในตะกร้าไม่เจอ เลยสักชิ้น ในที่สุด เธอก็คลำเจอเชือกสีแดงเส้นหนึ่งจากใน เสื้อ
“ในกระเป๋าเสื้อมีเชือกด้วยแฮะ” อหวั่นเลิกคิ้ว ไม่รีรอรีบ ผูกไก่ป่าตัวนั้นด้วยเชือกสีแดง
อหวั่นนำไก่ป่ากลับบ้าน พลางฮัมเพลงไปด้วย
แต่ว่า บริเวณเชิงเขาล้วนมีแต่กระท่อมมุงด้วยหญ้าแห้ง เมื่อนับรวมกันแล้วคงไม่เกินยี่สิบถึงสามสิบหลังคาเรือน อ หวั่นรู้สึกว่าหมู่บ้านนี้ยากจนเสียเหลือเกิน
หมู่บ้านตั้งอยู่ระหว่างภูเขาเขาสองลูก มีไร่นาน้อยใหญ่ หากไปทางตะวันตกจะยิ่งกันดารไร้ผู้คน และบ้านของพวกเขา ก็อยู่ด้านตะวันตกสุดของหมู่บ้าน ทางเข้าเป็นลานโล่งซึ่งพื้นไม่ เรียบเสมอกัน อหวั่นจำได้ว่าบ้านโบราณในอีกโลกก็มีลาน โล่งเช่นนี้ เรียกว่า “เต้าฉ่าง ไม่แน่ใจที่นี่เรียกว่าอย่างไร บางทีอาจไม่มีชื่อเรียกก็เป็นได้
เมื่อเข้าไปในบ้าน เกี่ยต้นน้อยก็ตื่นแล้ว และกำลังสวมเสื้อผ้าด้วยความงัวเงีย
สตรีที่นอนอยู่บนเตียงยังคงอยู่ในนิทรา ลมหายใจแผ่ว เบา ผิวขาวซีดดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กน้อย
อวีหวั่นวางตะกร้าลง และเดินเข้าไปในห้อง
เมื่อเลี่ยนน้อยเห็นเธอ ดวงตาใสก็เป็นประกายขึ้นทันที “ท่านพี่!”
อหวั่นเห็นเสื้อพองๆ บนร่างของเด็กน้อย จึงเอื้อมไปจัด ชายกางเกงของเขา พร้อมกับดึงชายเสื้อใส่กางเกงให้ เรียบร้อย ขณะที่กำลังจะถามเขาว่าหลับสบายดีหรือไม่ ก็ได้ ยินเสียงนกร้องดังแหลมมาจากห้องโถง
เลี่ยนน้อยตกใจ ในตอนแรก หลังจากนั้นก็วิ่งออกไป อย่างตื่นเต้น
เด็กเมื่อรู้สึกตื่นเต้น มักโหวกเหวกเช่นนี้เสมอ “พี่ไม่ได้เข้าไปในเมืองหรอก” อีกอย่างก็เพราะไม่มีเงิน
ด้วย
อหวั่นจัดผ้าห่มให้สตรีที่นอนหลับอยู่บนเตียง จากนั้นก็ หัวไก่ไปหลังบ้าน
หลังบ้านมีรั้วไม้ล้อมรอบ ด้านหน้าเชื่อมกับตัวบ้าน ส่วน ด้านหลังเชื่อมกับเล้าหมูและห้องครัว
และแน่นอนว่าเล้าหมูนั้นไม่ได้เลี้ยงหมู
“ไก่ตัวนี้ พี่จับมาจากบนภูเขา” อวหวั่นกล่าว
“จับมาจากภูเขาหรือ? ท่านพี่ ท่านเก่งมาก! เถียนน้อย เอ่ยชมด้วยความปลาบปลื้ม
อวีหวั่นหยิบชามเปล่าออกมา และลงมือเชือดไก่
เกี่ยต้นน้อยไม่ได้ตกใจกลัวภาพที่เห็น เขานั่นยองๆ ที่พื้น อย่างว่าง่าย จ้องมองตาไม่กะพริบ
“ทําให้พวกเรากินหรือ” เขาเอ่ยถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะทำให้ใครกิน?” อวหวั่น
เลี่ยนน้อยลังเล แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
อหวั่นรู้สึกว่าน้องชายแปลกไป เธอกำลังง่วนอยู่กับการ
ทำกับข้าว จึงไม่ได้นำมาใส่ใจ
เธอนำไก่แช่ในน้ำร้อน และนำมาถอนขน พลางคิดว่าทำ
กับแกล้มอะไรดี จะกินหัวผักกาดบ่อยๆ ก็คงไม่ได้ เพราะเธอ เองก็ไม่ชอบหัวผักกาดอยู่แล้ว
ทันใดนั้น เธอหันไป สายตาก็เหลือบเห็นกอไผ่เรียงราย
อยู่ด้านหลังห้องครัว
ต้นไผ่สีเขียวสด ลำไผ่มีแถบสีเทาจางๆ น่าจะเป็นต้นไผ่ที่ อายุสามถึงห้าปี ต้นไผ่อายุประมาณนี้ เหมาะกับการขุดหน่อไม้ เป็นที่สุด
“ท่านพี่ มองอะไรอยู่หรือ” เลี่ยนน้อยเอ่ยถามด้วยความ
งุนงง
อหวั่นไม่ได้ตอบ เธอวางไก่ที่ถอนขนเสร็จแล้วลง หยิบ พลั่วและเดินตรงไปยังกอไผ่
เกี่ยต้นน้อยไม่รู้ว่าเธอทำอะไร จึงเดินเตาะแตะตามไป
อหวั่นเดินไปเดินมาบริเวณกอไผ่ ทันใดนั้นก็ก้มลง ใช้ พลั่วขุดลงไปที่ไผ่ต้นหนึ่ง สิ่งที่เธอขุดขึ้นมามีขนาดเท่ามันเทศ และมีปลายแหลม
“มีจริงๆ ด้วย” อวหวั่นหัวเราะ
“นี่คืออะไรหรือ ท่านพี่ เลี่ยนน้อยถามด้วยความสงสัย อหวั่นกล่าวตอบอย่างมีความสุขว่า “หน่อไม้
“กินได้หรือไม่” เถียนน้อยถามต่อ
อวีหวั่นยิ้มพลางตอบว่า “กินได้สิ
ไม่เพียงกินได้เท่านั้น แต่ยังรสชาติดีมาก อีกทั้งคุณค่า ทางอาหารก็สูงเช่นกัน
หลังจากที่อหวั่นขุดหน่อไม่ขึ้นมา ก็นำดินกลบลงไป เพื่อ
ว่าหน่อไม้จะงอกขึ้นมาใหม่
หน่อไม้ที่นี่จะว่ามากก็ไม่มาก จะว่าน้อยก็ไม่น้อย แต่
ไม่ใช่ต้นไผ่ทุกต้นจะงอกหน่ออ่อนได้เช่นนี้
หลังจากที่อหวั่นขุดไปแล้วสองหน่อ เกี่ยต้นน้อยก็หิวจน ท้องร้องดังจ๊อกๆ ขึ้นมา
อหวั่นล้างหน่อไม้จนสะอาด หั่นเป็นแผ่น ทั้งยังนั่นเนื้อ ไก่ป่าเป็นก้อน เครื่องในแยกไว้อีกด้าน เธอนำเนื้อไก่และหน่อ ไม้ไปผัดด้วยไฟแรง แล้วจึงนำมาต้มด้วยไฟอ่อน
อหวั่นเข้าครัวไม่บ่อยนัก ทักษะด้านการทำอาหารก็ไม่ นับว่าดีมาก กระนั้นเธอก็ต้านทานวัตุดิบที่ดีเช่นนี้ไม่ไหว ผ่าน ไปไม่นาน กลิ่นหอมของเนื้อไก่ที่ผสมเข้ากับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหน่อไม้ก็ลอยไปในอากาศ หอมอบอวลไปทั่ว จนเด็กชาย ตัวน้อยแทบอดใจไม่ไหว
เลี่ยนน้อยหิวจนน้ำลายสอ
อหวั่นเปิดฝาหม้อ ตักไก่ขึ้นมาหนึ่งชิ้นให้เขา เขาส่ายหัว กลืนน้ำลายและพูดว่า “ข้าจะรอท่านแม่กับ ท่านพี่มากินพร้อมกัน
“ได้สิ” อวหวั่นไม่ได้ปฏิเสธ เธอปิดฝาหม้อ พลางพู ดกับเถียนน้อยว่า “ต้นกระเทียมมีไม่พอ พี่จะไปเก็บที่แปลง มาสักหน่อย
“เช่นนั้นข้าจะเฝ้าไก่ให้เอง! เถียนน้อยกล่าวด้วยสีหน้า จริงจัง
อหวั่นยิ้มน้อยๆ และกล่าวตอบไปว่า “ดีเลย เจ้าเฝ้าไก่ อย่าให้ใครมาแอบกินล่ะ
เธอเพียงแต่กล่าวเล่นๆ กับเถียนน้อยเท่านั้น หารู้ไม่ว่า ทันทีที่เธอย่างเท้าออกไปนอกบ้านนั้น ก็มีคนที่คิดจะขโมยไก่ ในหม้อของเธอเสียแล้ว
ผู้ที่มาถึงนั้นมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นนางจ้าว มารดาของ
จ้าวเหิง
หลังจากวันที่อาหวั่นตกน้ำ ข้าวเหิงก็รีบช่วยเธอขึ้นมา ทันที และบอกกับคนอื่นว่าเธอพลัดตกน้ำ แม้แต่นางจ้าว มารดาบังเกิดเกล้าก็ยังไม่รู้ความจริง
อาหวั่นหมดสติไปหลายวัน เดิมทีนางจ้าวคิดว่าเธอคงไม่ รอดแล้ว แต่ใครจะรู้ เมื่อครู่เพื่อนบ้านกลับบอกกับนางว่าเห็น อาหวั่น
“อาหวั่น ฟื้นแล้ว? เจ้านี่จริงๆ เลย ฟื้นแล้วก็ไม่บอกไม่ กล่าวกันบ้าง เจ้าเพิ่งต้องจ่ายค่าเรียนแล้ว รีบเอาเงิน… นางจ้าวเดินเข้ามาในบ้าน พูดอยู่เสียนาน สุดท้ายก็หยุด
ลง
กลิ่นหอมอะไร ? ทำไมหอมเช่นนี้?! นางจ้าวรีบร้อนมุ่งตรงไปยังห้องครัว เมื่อเลี่ยนน้อยเห็นนางจ้าวก็หน้าเสียทันที นางจ้าวไม่แม้แต่จะชายตามองเกี่ยต้นน้อย ไม่รีรอรีบเปิดฝาหม้อขึ้น
ทันทีที่นางเห็นไก่ตุ๋นสีเหลืองทองในหม้อนั้น แววตาก็ลุก เป็นประกาย!
นางจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้กินเนื้อคือเมื่อใด สิบ วันที่แล้ว? ครึ่งเดือนที่แล้ว? นางเด็กอาหวั่นไร้ความสามารถ หนึ่งเดือน ให้นางกินเนื้อเพียงครั้งสองครั้ง ยังรู้สึกว่าน้อยจน เวทนาตนเอง สวรรค์จะรู้หรือไม่ว่านางนั้นอยากกินเนื้อแทบ ขาดใจ
ที่นี่มีเนื้อหม้อใหญ่ หม้อใหญ่
นางวางฝาหม้อลงด้วยความตื่นเต้น เปิดตู้เก็บถ้วยชาม หยิบโถสะอาดออกมาหนึ่งใบ และตักเนื้อไก่ในหม้อขึ้นมา
เลี่ยนน้อยคว้ามือของนางเอาไว้ พร้อมกับกล่าวว่า “ท่านพี่บอกไว้ ว่าทำให้พวกเรากิน ไม่ให้คนอื่นกิน
นางจ้าวหัวเราะและตอบว่า “ท่านพี่ของเจ้าก็ลูกสะใภ้ข้า นางก็คือของของข้า จะให้เจ้ากินเมื่อไรกัน
นางเด็กบ้า! ท่าของดีเช่นนี้ยังไม่รู้จักนำไปให้นาง ที่แท้ก็ ต้มอยู่ในบ้าน โชคดียิ่งนักที่นางมา ไม่เช่นนั้นเนื้อไก่หม้อใหญ่ นี้คงถูกเจ้าเด็กขี้โรคกินหมดเป็นแน่
“หลีกไป!” นางจ้าวตะคอก
“ไม่! เถียนน้อยกอดนางข้าวไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ
นางจ้าวเริ่มมีโทสะ นางสะบัดมืออย่างแรง ดึงแขนตนเอง ขึ้นมาหยิกเข้าที่แก้มของเถียนน้อย พร้อมขู่ว่า “เจ้ามันเป็น อะไร กล้ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ ข้าจะตีให้หนัก!
แก้มข้างหนึ่งของเงี่ยนน้อยถูกหยิกจนแดง เขายืนเท้า เอว จ้องหน้านางและตอบกลับไปว่า “ท่านตีสิ! ตีเลย!
“เจ้า! เด็กนี่!” นางจ้าวเสื้อฝ่ามือ
ปกติแล้ว หากเป็นเช่นนี้ นางจ้าวคงจับเจ้าเด็กบ้าคนนี้ เสียหนักๆ ไปแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ เนื้อไก่ในหม้อช่างหอม ยั่วยวนเหลือเกิน นางอยากรีบนำกลับไปให้ลูกๆ ที่บ้านกินกัน แล้ว ดังนั้น นางจึงผลักเขาออก และหันไปตักไก่ในหม้อ
นางตักไก่ในหม้อจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือไว้แม้แต่คอไก่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ