แฟนเก่าวันนั้น ปัจจุบันเป็นสามี ครับผม

ตอนที่5 อุบัติเหตุ



ตอนที่5 อุบัติเหตุ

ขณะที่วินกำลังทำงานอยู่ก็เห็นข้อความในกลุ่มแชตของกลุ่ม เพื่อนมัธยม ที่เพิ่งตั้งขึ้นวันก่อน เขาอ่านข้อความที่เพื่อนๆ พูด คุยกันผ่านๆ และไม่ได้สนใจนัก เขายอมเข้าร่วมเพราะหวังว่า อาจจะได้ยินข่าวคราวของใครบางคนผ่านทางแชทบ้าง

“มีใครได้การ์ดแต่งงานจากทีมบ้างรึยัง? แต่งวันไหนมี ใครรู้บ้าง? ” เพื่อนคนหนึ่งถามถึงทีมขึ้น

หลังจากที่ก่อนหน้านี้คุยกันถึงงานวิวาห์ของเพื่อนอีกคนที่ เพิ่งผ่านพ้นไป

“ล่มแล้วจ้า…วิวาห์ล่มแล้ว…ไม่ต้องไปถามหาการ์ด

แต่งงานจากทีมอีกนะ” อาร์ทตอบ ข้อความ

วิน ที่มองข้อความอยู่ตาลุกวาว เขาหยุดทำงาน ขยับตัว นั่งตรงแล้ว หันไปให้ความสนใจข้อความอย่างเต็มที่

หลังจากประโยคของอาร์ท เพื่อนหลายๆ คนก็ส่งคำถาม เข้าไปมากมาย

“ทําไมหล่ะ? ”
“ได้ยินว่าซื้อเรือนหอแล้วไม่ใช่เหรอ? ”

“เลิกกันเหรอ … บ้าน่า? ”

“คนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ดีกว่าฝันแต่งไปแล้วมาเลิกกันทีหลัง เพื่อนโสดแล้วมีใครอยากแนะนำหนุ่มโสดให้เพื่อนมั้ย? ”

อาร์ทตอบกลับพร้อมส่งสติ๊กเกอร์ หน้ายิ้ม

ในตอนนี้ พิธา ส่งข้อความกลับไปว่า “อย่าล้อเล่นนะ แถว นี้มีหนุ่มโสดสนใจจริงๆ ”

“ใครบอกว่าล้อเล่น นี่จริงจังที่สุดแล้ว” อาร์ทตอบ

“เยี่ยม” พิธา ตอบกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมสติ๊กเกอร์ชนิ้ว

ในขณะที่เพื่อนๆ กำลังคุยกันต่ออย่างสนใจ วินกลับนั่ง

อ่าน ข้อความเงียบๆ

ทันใดนั้น ทีม ก็เข้าร่วมการสนทนา

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ แต่เรื่องแต่งงาน ตอนนี้คงจะ

ต้องล้มเลิกไปก่อนนะ

“โสด แล้วจีบได้เลยมั้ย? ” พิธา ถาม 11

ยังไม่ทันที่ทีมจะตอบอะไร อาร์ทก็แทรกว่า

“มาตอบข้อความได้ ไม่ทำงานเหรอ? ”
“วันนี้กลับเร็ว พรุ่งนี้ก็ลาไว้แล้ว” ทิมตอบ

“งั้นไปกินข้าวกันมั้ย เราเลี้ยงเอง” พิธา ถามทิม

“ไปไม่ได้ เราต้องไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล ทิมตอบ

วินอ่านข้อความนั้นแล้วขมวดคิ้ว แม่เหรอ แม่ทิมเป็น

อะไร?

“อาการแม่เป็นยังไงบ้าง” อาร์ทถาม

“ดีขึ้นแล้ว วันสองวันนี้คงได้กลับบ้านแล้ว” ทิม ตอบ

ทิมวางโทรศัพท์ลงแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะไปหาแม่ที่

โรงพยาบาล ในห้องแชทเพื่อนๆ ยังคงถามไถ่ถึงอาการป่วยของแม่ แต่

ทิมไม่ได้เข้าไปตอบข้อความแล้ว

มีเพียงอาร์ท ที่คอยตอบข้อความของเพื่อนๆ แทน ขณะที่ทิมอยู่บนรถเพื่อไปโรงพยาบาล พิธาก็ส่งข้อความ

มาหาเป็นการส่วนตัว

“ทิม…ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกเราได้นะ”

“ขอบคุณนะ ตอนนี้แม่เราดีขึ้นแล้ว
ทีมค่อนข้างประหลาดใจ ที่พิธาแสดงออกว่าต้องการช่วย เหลือ แม้จะรู้สึกขอบคุณแต่เขาคงไม่กล้าไปรบกวนเพราะจริงๆ แล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่เรียนจบ ไม่เหมือนอาร์ท เพื่อนสนิทที่ติดต่อกันมาโดยตลอด แต่ทีมก็ไม่อยากรบกวน อาร์ทมากไปกว่านี้เพราะรู้ดีว่าเพื่อนก็มีภาระ ต้องส่งเสียทาง บ้านเช่นกัน

“ทิม… เลิกกับแฟนแล้วจริงๆ เหรอ” พิธา ส่งข้อความส่วน ตัวมาถามอีก

“อืม เลิกกันแล้ว” ทิม ตรงไปตรงๆ

“แล้ว ถ้าเราจะขอโอกาส นายจะพิจารณาเรามั้ย? ”

“พอเหอะ…อย่ามาล้อเล่นแบบนี้” ทิมตอบกลับ เขารู้สึก เหมือนถูกเพื่อนล้อเลียนให้อาย

“เราไม่ได้ล้อเล่น เราชอบนายมานานแล้ว แต่ไม่เคยมี โอกาส ตอนเรียนนายก็เดทกับวิน พอแยกย้ายกันไป รู้อีกที นายก็มีคนใหม่แล้ว เราไม่เคยมีโอกาส ได้บอกนายเลย ว่า รู้สึกอย่างไร”

ทีมนิ่งไปหลังจากเห็นข้อความนั้น

“เอ่อ…นายมีแฟนแล้วนะ ไม่ใช่เหรอ” ทิม ถามด้วยความ สงสัย เพราะเคยได้ยินอาร์ทพูดถึงพิธากับแฟน
“ก็ไม่ได้จริงจังอะไร เขาก็แค่เดทกับเรา เพราะเห็นว่ามีเงิน พาไปกินไปเที่ยวเท่านั้นหล่ะ ถ้าไม่มีเงินก็คงไม่มีใครสนใจ

“แล้วรู้ได้ไงว่าเราไม่สนใจเงิน” ทิมถาม

“ทำไมจะไม่รู้…ก็ครอบครัววิน รวยแค่ไหน ใครๆ ก็รู้ถ้า นายเห็นแก่เงินจริงก็คงจับวินไว้แล้วหล่ะ

“เรารู้ว่านายไม่ใช่คนแบบนั้นทิม”

“ขอบใจนะ ที่บอกแบบนี้ แต่เรากับนายเป็นเพื่อนกันแบบ นี้ดีกว่า” ทิมปฏิเสธ อย่างสุภาพ

พิธา ยังคงส่งข้อความหาอีกแต่เขาไม่ได้เข้าไปอ่านอีก

อาร์ท โทรมา ทีมมอง โทรศัพท์พลางคิด ต้องโทรมาเม้าท์ เรื่องเพื่อนในกรุ๊ปแน่นอน

“ทิม พิธามันส่งข้อความมากวนแกมั้ย ในห้องแชทกลุ่มก็ พูดอยู่ได้ว่าจะจีบแก แล้วยังส่งข้อความส่วนตัวมาหาเราบอก ให้ช่วยเชียร์หน่อย ตื้อชะมัด” อาร์ทถามทันที ที่ทิมรับสาย

“ไม่มีอะไรหรอก เขาคงล้อเล่น ไม่ได้คิดจริงจังอะไรหรอก ทีมตอบกลับพร้อมหัวเราะเบาๆ

เขาพูดคุยกับอาร์ทต่อจนเดินทางไปถึงโรงพยาบาล

ที่โรงพยาบาลลานนา

“แม่ครับ หัวหน้าพยาบาลบอกว่า พรุ่งนี้หมออนุญาตให้

แม่ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะครับ

ทิมรีบบอกแม่เมื่อเดินไปถึงเตียง

“แม่หิวรึยัง ผมซื้อข้าวต้มมาให้

นางอารีย์ไม่ตอบคำถามทีม แต่มองหน้าเขานิ่งๆ แล้วถาม ขึ้นมาอย่างไม่มีที่ไม่มีขลุ่ยว่า

“เรื่องแต่งงานไปถึงไปแล้ว จะนัดครอบครัวฝั่งโน้นมาเจอ

กันวันไหน”

ที่ผ่านมาแม้จะรับรู้ว่าทิมและสิทธาคบหาดูใจ ถึงขั้นมีแผน จะแต่งงานกัน นางอารีย์ก็ไม่ได้ให้ความสนใจหรือขัดขวาง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เพราะถึงแม้เธอจะไม่ได้ชอบสิทธา มากมายนักแต่เขาก็ดูสุภาพและดูมั่นคงพอที่ทีมจะสร้าง ครอบครัวด้วย

“แม่ทานข้าวต้มเถอะ เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน” ทีมพยายาม เลี่ยงคำถามด้วยการบอกให้แม่ทานข้าวแทน แม่มองหน้าทีมอย่างสงสัย แล้วถามขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้น? ” แกตอบชั้นมาสิ

“คิดว่าจะเลื่อนไปก่อน ตอนนี้ยังไม่สะดวก” ทีมตอบไม่ เต็มเสียง เขาไม่อยากให้แม่รู้ว่าทั้งคู่มีปัญหากันเพราะอะไร และเพราะใคร…

แต่นางอารีย์รู้ทัน เธอยิ้มเยาะ แล้วพูดว่า “เพราะไอ้วน ใช่

“เพราะมันกลับมาใช่มั้ย? แกเลยมีปัญหากับสิทธา”

“แม่” ทิมเงยหน้าสบตาแม่แล้วหน้าเสีย

“ชั้นเคยบอกแกแล้วใช่มั้ย ว่าถึงชั้นไม่ได้พิศวาส นาย สิทธา มากมายแต่ที่ชั้นยอมให้แก่แต่งงานกับเค้าก็เพราะว่า มันจะทำให้ชีวิตแกมั่นคง ผ่านมาสิบปีแล้วชั้นนึกว่าแกจะคิดได้ แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น แกยังรักมันอยู่เหรอ? จำไม่ได้เหรอว่าพ่อ แกตายเพราะใคร? มันทำอะไรไว้กับครอบครัวเราบ้าง แก ไม่ได้ ใช่มั้ย? ”

“ไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะแม่” ทิม พยายามอธิบายเพื่อให้ แม่ใจเย็นลง

แต่เพราะแม่ตะคอกทิมด้วยเสียงที่ดังเรื่อยๆ ทำให้ พยาบาลวิ่งเข้ามาดู

“เกิดอะไรขึ้นคะ” ไม่ควรเสียงดังในโรงพยาบาลนะคะ

“ออกไปให้พ้นหน้าชั้น ไอ้ลูกไม่รักดี” แม่ไม่สนใจ ยังคง ตวาดใส่ทิม

“คุณออกไปก่อนนะคะ คนไข้ไม่ควรโมโห ไม่อย่างนั้น อาการอาจจะทรุดลงได้” พยาบาลหันมาพูดกับทิมเพื่อ คลี่คลายสถานการณ์

ทีมออกจากโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกเสียใจ

สิบปีแล้ว…แต่ความเจ็บปวดยังคงอยู่กับครอบครัวเขา เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

“พี่ทิม พรุ่งนี้เราจะเจอกันกี่โมง ไลลา น้องสาวโทรมาระ หว่างที่ทีมกำลังเดินทางกลับบ้าน

“ไลลา ไม่มีเรียนเหรอ? พี่ไปคนเดียวก็ได้นะ” ทิมกล่าว

“ไม่มีเรียนค่ะ ตอนเช้าจะไปหาแม่ เราเจอกันตอนเที่ยงดี มั้ย? ไปเจอกันที่ด้านหน้าสุสานแล้วกัน”

“โอเค เจอกันตอนเที่ยง

พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบสิบปีที่พ่อของทิม ประสบอุบัติเหตุ

เสียชีวิต

ทิมจำเรื่องราวในคืนนั้นได้ดี พ่อที่กำลังข้ามทางม้าลาย เพื่อมารับเธอหลังเลิกเรียนพิเศษถูกรถเก๋งคันใหญ่พุ่งชนจนเสียชีวิต

ถ้าไม่ต้องมารับทิม เขาก็คงไม่ตาย แม้ตำรวจจะยืนยันว่า เกิดจากการเมาแล้วขับ แต่สิ่งที่ทำให้แม่ของทิมปักใจเชื่อว่า ครอบครัวของวินมีส่วนเกี่ยวข้องคือ คนขับเป็นคนงานที่บ้าน ของวิน ทิมก็ตกใจที่ได้รู้เรื่องนี้แต่ก็ยังคงสงสัยว่าครอบครัว ของวินต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อแยกพวกเขาออกจากกันเลยหรือ

ผู้ชายคนนั้นต้องติดคุก พ่อของทีมต้องตาย ครอบครัว ของทีม ต้องขาดเสาหลัก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะครอบครัววินใช่ หรือไม่?

แม่ปักใจเชื่อไปแล้วว่าครอบครัววินเป็นผู้บงการเรื่อง ทั้งหมดและทิมก็เป็นหนึ่งในสาเหตุนั้นทำให้แม่ไม่เคยให้อภัย ทิมเลยตลอดสิบปีที่ผ่านมา

ทิมเองแม้จะไม่แน่ใจว่าครอบครัวทิมเป็นผู้บงการ แต่เขา ก็รู้ดีว่าทั้งคู่แตกต่างกันเกินไป และครอบครัวนักธุรกิจใหญ่ไม่มี วันยอมรับทิมเป็นคนรักของลูกชายคนเดียวของเขา อย่างที่แม่ ของวันแสดงออกอย่างชัดเจนมาตลอดในช่วงที่ทั้งคู่คบหากัน

ระดับชนชั้นที่ห่างกัน ทำให้ชีวิตของทั้งคู่เป็นเหมือนเส้นขนาน ไม่มีทางมาบรรจบกันได้

วันรุ่งขึ้น ทิมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขายาวสีเดียวกัน ใน มือมีช่อดอกไม้สีขาวที่แวะซื้อระหว่างทาง

เขาลงจากแท็กซี่และเดินไปที่ทางเข้าสุสาน ไลลาน้องสาว ยืนรออยู่แล้ว เธอ โบกมือทักทายเมื่อทิมเดินเข้าไปใกล้

“รอนานมั้ยไลลา” ทิมถามอย่างใจดี

“ไม่นานหนูเพิ่งมาถึงก่อนพี่แป๊บเดียว” ไลลา ตอบพร้อม รอยยิ้มกว้าง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้องสาวเป็นความสดในเดียวที่หล่อ เลี้ยงจิตใจของแม่และทิม แม้จะเสียพ่อไปตั้งแต่เธออยู่ชั้น ประถม แต่ไลลาก็ยังคงเติบโตมาอย่างสดใส

ทั้งคู่เดินเข้าไปวางดอกไม้เคารพหลุมฝังศพของพ่อ พร้อมๆ กัน

หลังจากยืนสงบนิ่งสักครู่ ทิมที่มองไปยังรูปถ่ายของพ่อ ก็ ถามทำลายความเงียบขึ้นว่า

“ไลลา…น้องโกรธพี่มั้ยสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น? ถ้าไม่เพราะ พี่พ่อคงไม่เสีย และเธอคงไม่ต้องล่ามากแบบนี้”

“พี่พูดอะไร มันเป็นอุบัติเหตุนะ แล้วหลายปีที่ผ่านมาก็ ไม่ใช่เหรอ ที่ทำงานส่งเสียครอบครัว พี่หยุดโทษตัวเองเสียที ถึงแม่เค้าจะปักใจเชื่อแบบนั้น ก็ไม่ได้ทำให้หนูคล้อยตามเลย นะ ทุกอย่างมันเป็นอดีตไปแล้ว พี่ควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ได้แล้วนะ”

ไลลาแตะไหล่พลางตอบพี่ชายอย่างจริงจัง เพราะรับรู้ทุก อย่างมาตลอด เธอจึงหวังจะให้เขาเลิกเศร้าโศกและมีความสุข เสียที

“แต่เพราะพี่ไม่เชื่อคำขู่ของแม่วิน และดึงดันที่จะคบกับ เค้า ทุกอย่างถึงได้เป็นแบบนี้” ทิมพูดอย่างเจ็บปวด

“พี่ทิม…ถึงหนูจะยังเด็ก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้อะไร นะ ที่แม่เข้าโรงพยาบาลรอบนี้เกี่ยวข้องกับครอบครัวพี่วินใช่ มั้ย? เขากลับมาแล้วใช่มั้ย? แม่ถึงได้ตะคอกพี่ ทำให้พี่ดูอม ทุกข์แบบนี้”

ไลลามองไปที่พี่ชายด้วยแววตาเห็นใจแล้วพูดต่อว่า

“ที่ผ่านมา…ที่พี่คบกับพี่สิทธา ก็เพื่อให้แม่สบายใจใช่มั้ย ว่าพี่ลืมพี่วินแล้ว แต่หนูดูออกนะว่าจริงๆ แล้วพี่ยังรักพี่วินอยู่ ความรักไม่ใช่ความ ผิด เลิกผูกตัวเองไว้กับความเจ็บปวดเถอะพี่

สิ้นประโยคจากน้องสาว ทิมก็น้ำตาคลอ เขารู้สึกเหมือน ได้รับการปลอบโยนจากถ้อยคำอันหวังดีของน้อง ไลลาที่แม้จะ เด็กกว่าทีมเกือบสิบปีแต่ก็เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี และเป็น เหมือนกำลังใจให้เขาสู้ต่อไป

“ขอบใจนะไลลา ขอบใจจริงๆ ตื้นตัน ทิมบอกน้องด้วยความ

หลังจากไปไหว้พ่อแล้ว ทั้งสองไปทานอาหารที่ร้านอาหาร ใกล้ๆ กาดหลวง เพราะอยู่ใกล้ท่ารถที่จะไปมหาวิทยาลัยที่ ไลลาเรียนอยู่

ไลลาเรียนอยู่ชั้นปีสองที่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เธอมีผลการเรียนอยู่ในระดับที่ดี เธอ พยายามที่จะรบกวนพี่ชายเรื่องค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด ด้วยการ กู้เงินเรียน และทำงานพาร์ทไทม์ เมื่อมีเวลาว่าง แต่ทีมอยาก ให้น้องตั้งใจเรียนมากกว่า จึงช่วยจ่ายค่าหอพักและค่าขนมให้ ทุกเดือน

“อีกหน่อยพอหนูเรียนจบแล้ว หนูจะเป็นคนเลี้ยงข้าวพี่เอง
ระหว่างที่ทานข้าวด้วยกันไลลา บอกความตั้งใจของตัว เองให้พี่ชายฟัง

“แล้วถ้าหนูรวยนะ พี่เลิกทำงานไปเลย” เธอพูดต่อพร้อม รอยยิ้มขี้เล่น

คำพูดและรอยยิ้มของน้องทำให้ทีม ยิ้มออกมา ไลลาเป็น

เด็กดีเสมอ เขาหวังว่าน้องจะเรียนจบและได้มีอนาคตที่สดใส

ช่วงค่ำ

ขณะที่ทิม กำลังจะเตรียมอาหารเย็นอยู่ที่บ้าน ก็มีสาย เรียกเข้าจากไลลา ทีมคิดว่าน้องจะโทรมาบอกว่าถึงหอพักแล้ว แต่มันก็ค่อนข้างแปลกที่ไลลา เพิ่งโทรมาเพราะทั้งคู่แยกจาก กันไปหลายชั่วโมงแล้ว

“ไม่ทราบเจ้าของหมายเลขนี้ เป็นพี่ชาย นางสาวไลลา ใช้ มั้ยครับ? ” ทันที ที่ทีมกดรับสายก็มีเสียงผู้ชายแปลกหน้าถาม มาตามสาย

“ครับ ไม่ทราบคุณเป็นใครครับ? นี่มันโทรศัพท์น้องสาว ผมไม่ใช่เหรอครับ? ” ทิมถามกลับด้วยความตกใจ ทำไมมี คนใช้โทรศัพท์ไลลา โทรหาเขา แล้วน้องสาวของเขาไปไหน
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยครับ น้องสาวของคุณถูกรถชน หน้ามหาวิทยาลัย ตอนนี้เราพาเธอมาส่งที่ห้องฉุกเฉิน โรง พยาบาลแมคคอร์มิค เราโทรหาคุณเพราะเป็นหมายเลขล่าสุด ที่เธอโทรออก และบันทึกไว้ว่าพี่ชาย

“รบกวนมาที่โรงพยาบาลด่วนเลยนะครับ เจ้าหน้าที่

สําทับ

ทิมแทบล้มทั้งยืน ไลลา น้องของเขา… เป็นไปได้อย่างไร เขาเพิ่งส่งน้องขึ้นรถไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เอง

ทิม จำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ได้อย่างไร เขารีบวิ่งไปที่ห้องฉุกเฉิน

ที่หน้าห้อง แม่

อย่างไร

แม่ของทีมนั่งอยู่ตรงนั้น แม่มาได้

“แม่…มายังไง หมอให้ออกมาจากโรงพยาบาลได้เหรอ” ทีมถามด้วยความตกใจ แต่แม่ไม่แม้แต่จะหันมามองเธอเอาแต่ ร้องไห้และมองไปที่ประตูห้องฉุกเฉินเท่านั้น

“น้า พามาเองทิม น้าไปเยี่ยมแม่เราพอดี ตอนที่เจ้าหน้าที่ เค้าโทรมา” น้าจิต เพื่อนบ้านที่สนิทกับครอบครัว บอกทีม เพราะความตกใจทำให้เขาไม่ทัน สังเกตเห็นเธอในตอนแรก
“ญาติ นางสาวไลลาคนไหนคะ? ”

ยังไม่ทันที่ทีมจะพูดอะไรกับแม่และน้าต่อ พยาบาลก็เดิน ออกจากห้องฉุกเฉินมาถามหาญาติ

“พวกเราเป็นญาติไลลาครับ” ทิมรีบตอบ

“ชั้นเป็นแม่เค้าค่ะ คุณพยาบาล ลูกสาวชั้นเป็นไงบ้าง แม่รีบผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วปรี่เข้าไปถามพยาบาล คะ?”

“คุณหมอกำลังดูแลอยู่ค่ะ เบื้องต้นมีอาการเสียเลือดมากคะ”

“ไลลา” แม่ของทีมกรีดร้อง แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำให้ น้ารีบประคองให้นั่งลง

“พี่ทิม” ทิมหันไปตามเสียงเรียก แอน

เดินเข้ามาหาทีม

อน…เพื่อนน้องสาว

“แอน มันเกิดอะไรขึ้น” ทิมถามเพื่อนน้อง

ไลลากับนักศึกษาอีกสองคนถูกรถชน ตอนกำลังจะข้าม ถนน หนูเห็นเหตุการณ์ เพราะยืนรอไลลาอยู่ฝั่งตรงข้ามรถคัน นั้นขับมาเร็วมากเลยพี่ทิม

พอชนแล้วเค้าก็ไม่แม้แต่จะจอดรถลงมาดูคนเจ็บ แต่หนี ไปเลย หนูมาพร้อมกับไลลาบนรถกู้ภัย แต่เพิ่งแยกไปรับ อาจารย์ที่ตามมาดูแล้วก็ไปให้ข้อมูลกับตำรวจมาค่ะ
“แล้วตำรวจหล่ะ? * ทีมถาม

“ตำรวจกลับไปแล้วเค้าบอกว่าจะไปขอดูกล้องวงจรปิด ของมหาวิทยาลัยและจากร้านค้าแถวนั้น เค้าจะโทรมาบอกถ้า ได้ความคืบหน้า” แอนบอกข้อมูลทั้งหมดที่รู้ให้กับทีมเพราะรู้ดี ว่าเขาเป็นห่วงน้องสาวแค่ไหน

รถชน…อีกแล้วเหรอ?

สิบปีที่แล้วพ่อ ก็ถูกรถชน วันนี้ไลลาก็โดนรถชนเช่นกัน ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดซ้ำๆ กับครอบครัวของเขาด้วยนะ ทีมได้แต่คิดอย่างท้อใจ

“แล้วใครเป็นคนชนรู้มั้ยหนู” เสียงแม่ทิมถามมาจากที่นั่ง ด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เค้าไม่ยอมจอดลงมาดูด้วยซ้ำ แต่คง หาตัวไม่ยาก เพราะเป็นรถสปอร์ตสีเหลือง มันสะดุดตาอยู่แล้ว และกล้องวงจรปิดแถวนั้นน่าจะจับภาพทะเบียนรถไว้ได้นะคะ

“ญาติคุณไลลา คุณหมอขอพบที่ห้องค่ะ” พยาบาลเดินมา ตามทิมและแม่ ไปคุยกับหมอในห้อง

“ญาติคุณไลลา นะครับ” คุณหมอที่นั่งอยู่ ทักทันทีที่ทิม และครอบครัวเดินเข้าไป “คนไข้ถูกรถชนอย่างรุนแรง ต้องใช้ เครื่องช่วยหายใจ เรากำลังจะย้ายผู้ป่วยไปห้องไอซียู อาการบาดเจ็บภายนอกทาง เราทำแผลให้แล้ว แต่คนไข้กระดูกซี่โครงหักที่มปอด เราได้ ทําการรักษาอาการเบื้องต้นไปก่อน แต่จะต้องทำการX-ray และวางแผนการผ่าตัดต่อไปครับ ยิ่งผ่าตัดได้เร็วเท่าไหร่ก็จะ เป็นผลดีกับตัวคนไข้ครับ”

เมื่อได้ทราบข้อมูลจากหมอ แม่ของทีมที่นั่งอยู่ข้างๆ ทิม ก็ เป็นลมล้มลงไปกับพื้น

“แม่”

“พี่อารีย์”

ทั้งทีมและน้าพากันร้องเรียกชื่อของแม่เมื่อเห็นเธอทรุดลง ไป ทุกคนช่วยกันพยุงนางอารีย์ขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ และให้เจ้า หน้าที่พยาบาลทำการปฐมพยาบาลให้

“ไม่ทราบท่านไหนจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาคะ” เสียงสอบถามจากเจ้าหน้าที่พยาบาลอีกคน ถามออกมาระ หว่างที่ทิมหันไปดูแม่ที่เป็นลม

“ผมเองครับ” ทิมตอบแต่ในใจก็หวาดหวั่นเพราะตอนนี้ เขาแทบไม่มีเงินเลย

“คนไข้ต้องพักในห้องไอซียู อีกหลายวันและต้องทำการ ผ่าตัดระบายน้ำออกจากปอด จากการประเมินเบื้องต้นค่าใช้ จ่ายในการผ่าตัดน่าจะอยู่ที่ราวๆ 400,000 บาทขึ้นไป พรุ่งนี้อยากให้ทางญาติเตรียม เงินค่าผ่าตัดมาชำระด้วยนะคะ ทางโรงพยาบาลจะได้ทำการ จองห้องผ่าตัดและนัดหมายคุณหมอไว้” พยาบาลแจ้งให้ทีม ทราบ

สี่แสน….ทิมรู้สึกหนักอึ้งในอกทันทีที่ได้ยิน … เงิน 400,000 มากมายขนาดนั้น เขาจะไปหามาจากไหน

แต่…ไม่ว่าจะยากแค่ไหนทีมก็ต้องหาเงินมารักษาน้องสาว

ให้ได้

** กาดหลวง หรือ ตลาดวโรรส เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจำหน่ายอาหารและของฝาก และพื้นที่ รอบๆ ก็เป็นท่ารถสองแถว ของอำเภอต่างๆ ในจังหวัด

** โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณถนนแก้วนวรัฐ เป็นโรงพยาบาลเอกชน ขนาดใหญ่ ที่ ก่อตั้งมานานกว่าร้อยปี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ