แฟนเก่าวันนั้น ปัจจุบันเป็นสามี ครับผม

ตอนที่4 การแยกทาง



ตอนที่4 การแยกทาง

ใช้เวลาไม่นานวิน ก็ขับรถมาถึงร้านกาแฟ ที่นัดหมายกับทีมไว้ ตัวร้านล้อมรอบไปด้วยกระจกใสบานใหญ่ ทำให้เขามองเห็น ทิมได้ตั้งแต่ไกลๆ

แม้จะเห็นจากระยะไกล ทิมก็ยังทำให้เขารู้สึก ใจสั่น วิน พยายามทำใจให้สงบแล้วสาวเท้าเข้าไปทางที่ทีมนั่งอยู่ช้าๆ

ดวงตาสีน้ำตาล มองมาอย่างนิ่งเฉย ในสายตาของวิน ทิมที่นั่งอยู่ตรงหน้าดูสงบอย่างประหลาด

“สั่งเครื่องดื่มก่อนมั้ย?” ทิมถามทันที ที่วันนั่งลง

“ผมขออเมริกาโน่ คุณหล่ะ?” วิน ถาม

“น้ำเปล่า ก็พอ” ทิมบอก

วินหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆทันที

ทิมรอให้พนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ทั้งคู่เสร็จ แล้วจึงเริ่ม

การสนทนา

“วิน”

“ครับ” วิน ขานรับเสียงเรียกจากคนคุ้นเคยด้วยแววตามีความหวัง

“ผมถามจริงๆ เถอะ คุณต้องการอะไร” ทีมถามเรียบๆ

“คุณก็น่าจะรู้ค่าตอบนะ ผมอยากให้เรากลับมาเป็น เหมือนเดิม” วันตอบอย่างรวดเร็วเหมือนเป็นสิ่งที่เขาต้องการ จะบอกทิมมาตลอด

“ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ววิน” ทีมบอกวินอย่างสงบ

“เรื่องพ่อของคุณ ผมเสียใจด้วยจริงๆ” วินกล่าวขอโทษ อย่างจริงใจ มันทำให้ทีมรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

วันที่เขารู้จัก เป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่ยอมลงให้ใคร ง่ายๆ การที่เขาขอโทษออกมาทันที จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ

“ขอโทษไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก พ่อผมไม่ฟื้นขึ้นมา

หรอก” ทีมบอก

“ผมยินดีชดใช้ให้คุณทั้งชีวิตนะ” วิน บอกอย่างจริงจัง

“ชดใช้ … ชดใช้เหรอ?” ทิมแค่นเสียงพร้อมยิ้มเยาะ “คุณ คิดว่าเงินของคุณ มันชดเชยชีวิตของใครได้เหรอ รู้มั้ยว่าเมื่อ วานแม่ผมต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะใคร พ่อผมก็ตายไปคนหนึ่งแล้ว คุณจะปล่อย ให้ครอบครัวเราอยู่อย่างสงบไม่ได้เลยเหรอ”

“แม่คุณ เกิดอะไรขึ้นกับแม่คุณเหรอทิม” วินถามด้วย ความสับสน

ทิมไม่ตอบ แต่กลับพูดต่อว่า “วิน คุณปล่อยผมไปได้ มั้ย ผมมีความสุขดีตลอดสิบปีที่ไม่มีคุณ แต่ทันทีที่คุณกลับมา ทุกอย่างก็แย่ลง ผมรู้สึกผิดทุกครั้งที่ได้พบคุณ ถ้าไม่เพราะเรื่อง ของเราพ่อของผมก็คงไม่ตาย แม่ของผมก็คงไม่เจ็บปวดและ เกลียดผมแบบนี้ ตอนนี้ผมแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุข ปล่อยผม ไปเถอะ”

วิน มองไปที่ทิมด้วยดวงตาที่เจ็บปวดและถามออกมา “นี่ คือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ เหรอ?”

ใช่ … นี่คือสิ่งที่ผมต้องการ และที่สำคัญผมกำลังจะ แต่งงานกับคนรัก เราคบกันมาสามปีแล้ว”

อดีตที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ” ทิมแทบจะ อ้อนวอนขอให้วันเข้าใจในเหตุผลของเขา

“ผมจะไม่มาพบคุณอีกแล้ว และถ้าหลังจากนี้ครอบครัว ของคุณมาสร้างความวุ่นวายให้ครอบครัวผมอีก ผมจะแจ้ง ความ” ทีมลุกเดินจากไป หลังจากพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

วินได้แต่นั่งมองทีมเดินจากไป ทิมไม่เปลี่ยนไปเลย เขามัก จะทำตามการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว

วินคิดว่าครอบครัวทิ่มกำลังเข้าใจเขาผิด เขาไม่ได้ให้เงิน เพื่อชดใช้ความผิด แต่เพราะรู้ว่าเมื่อขาดเสาหลักแล้ว ครอบครัวของทิม จะต้องลำบากเป็นอย่างมาก แต่นอกจากจะ ไม่รับเงินแล้ว แม่ของทีมกลับยิ่งคับแค้นครอบครัวเขามากขึ้น และเหตุการณ์ที่เกิดแม้จะไม่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรงแต่ก็ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นสาเหตุของเรื่องนี้

หลังจากที่ทีมออกไปแล้ว วันนั่งนิ่งอยู่ในร้านกาแฟอีกนาน ราวกับจะรอให้ทีมกลับมา แต่สุดท้ายวันก็ตัดสินใจออกจาก ร้านไปอีกคน

หลังจากแยกจากวินแล้วทิมก็เดินทางกลับบ้านที่อยู่กับ สิทธา เมื่อไปถึงบ้านพบว่า ประตูเปิดอยู่ทิมรีบเดินเข้าไป …

สิทธา เขากลับมาแล้วสินะ

สิทธาอยู่ในห้องนอนมีข้าวของถูกรื้อออกมากองมากมาย ที่พื้นห้องมีกระเป๋าเดินทางเปิดอยู่

“สิทธา คุณจะไปไหน” ทีมถามด้วยความสงสัย

สิทธาไม่ตอบแต่เก็บเสื้อผ้าใส่ลงในกระเป๋าอย่างลวกๆ

“สิทธา คุณจะไปไหน เก็บเสื้อผ้าทำไม” ทิมถามย้ำอีกครั้ง

“ผมก็กำลังจะไปจากที่นี่ไง” สิทธาตอบกลับอย่างเย็นชา

“เพราะอะไร?”

“ยังต้องถามอีกเหรอ คิดว่าผมจะอยู่ให้คุณสวมเขาผมต่อ เหรอ” เขาตอบทิมด้วยน้ำเสียงเชือดเฉือน

“ผมจะไปอยู่คอนโด ส่วนเงินดาวน์ที่คุณจ่ายมาผมไม่ คืนให้หรอกนะ คิดเสียว่าเป็นค่าโง่ และค่าเสียเวลาสามปีที่ผม เสียมันให้กับคุณ ขอให้ถือว่าระหว่างเราไม่มีอะไรติดค้างกัน สิทธา กล่าวอย่างโหดร้าย

“สิทธา … ผมไม่ได้ถามเรื่องเงินเลยนะ” ทิมพูด

“ทำไม… พอตอนนี้ไอ้คนรวยนั่นมันกลับมาเรื่องเงิน กลายเป็นเรื่องเล็กเลยสินะ

จากท่าที น้ำเสียงและสิ่งที่สิทธาพูดออกมา ทำให้ทีมได้ รับรู้แล้วว่าจริงๆ แล้วผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหน

“วันนี้ ผมไปคุยกับเขามา เขายืนยันแล้วว่าจะไม่มารบกวนผมอีก ดังนั้นคุณเลิกคิดเรื่องนี้เถอะ เรากำลังจะ แต่งงานกันนะ” ทีมพยายามอธิบายอย่างใจเย็น

“แต่งงาน คุณคิดจริงๆ เหรอว่าผมจะเชื่อเรื่องที่คุณบอก แล้ว ผมคงไม่แต่งงานกับคุณ แล้วปล่อยให้คุณสวมเขาผมอีก ครั้งหรอก” สิทธา ตอกกลับและหยิบกระเป๋าเตรียมออกจาก บ้าน

“สิทธา คุณใจเย็นก่อนได้มั้ย” ทิมเดินมาขวางทางและ พยายามรั้งสิทธาไว้

“หลีกไป ผมไม่อยากคุยกับคุณอีกแล้ว อ้อ… ผมแนะนำ ให้คุณลาออกจากบริษัทด้วยนะ ผมไม่อยากเห็นคุณในที่ ทำงานและผมไม่ได้เป็นคนผิด ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องลาออก คุณ ควรจะเป็นฝ่ายลาออกแล้วไปอยู่กับไอ้หมอนั่นจะดีกว่า ได้ข่าว ว่าเป็นลูกคนรวยหน” สิทธา พูดพลางผลักทิมให้หลีกทาง แล้ว เดินออกจากบ้านไป

ทิมมองแผ่นหลังของสิทธาที่เดินจากไป แล้วก็รู้สึกแปลก

ใจที่ตัวเองไม่รู้สึกโศกเศร้า ที่คนรักจากไป ตรงกันข้ามเขากลับ แอบรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด

หลังจากนั่งนิ่งๆ ในบ้านที่เงียบงันเป็นเวลานาน ทิมกด โทรหาอาร์ทเพื่อนสนิท
“อาร์ทอยู่ไหน” ทิมถามทันที ที่เพื่อนรัก รับสาย

“อยู่บ้านเพิ่งกลับเข้ามา กำลังจะหาอะไรกิน ทำไมเหรอ?” อาร์ทตอบ

“ไปดื่มกันมั้ย? แถวนิมมานต์” ทีมชวน

“ทำไม? เกิดอะไรขึ้น? วันทำอะไรรึเปล่า?” อาร์ทถามทันที “เปล่าเรื่องสิทธา” ทิมตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“ยังไม่เลิกกันอีกเหรอ” อาร์ทถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“ยุจังเลยนะ” ทิมประชุดเพื่อน

“เออ… แล้วได้ผลมั้ย” อาร์ทถามติดตลก “เอาเป็นว่านาย ไปรอที่ร้านก่อนเลยเดี๋ยวเราขออาบน้ำแต่งตัวก่อน แล้วจะตาม ไป เลือกร้านได้แล้วก็ส่งข้อความมาบอกด้วยละกัน

ที่ ร้านOpen bar ริมถนนนิมมานต์ ทิมนั่งมองอาร์ทเดิน เข้ามาในร้านนั่งดื่มริมถนนนิมมาน ที่นัดหมายกันไว้ ด้วย เสื้อผ้าสีสันสะดุดตา

ถึงแม้จะเป็นนายแพทย์ แต่อาร์ทก็ไม่ใช่คนจืดชืดเลย เขามักเติมสีสันให้ชีวิตผ่านทางเครื่องแต่งกายเสมอ และนอกจากจะซื้อให้ตัวเองแล้ว ยังเผื่อแผ่มาถึงทีมด้วยเพราะ รู้ดีว่าเพื่อนประหยัดขนาดไหนเพื่อให้ครอบครัวและอนาคต

“ดูสภาพสิ ได้ส่องกระจกดูหน้าตัวเองมั่งมั้ย? เหมือนคน อดนอนมาเป็นอาทิตย์? แม่เป็นไงมั่ง?” อาร์ทถามทันที ที่นั่งลง

“หมอให้แม่นอนดูอาการสัปดาห์หนึ่ง ถ้าอาการไม่แย่ลงก็ กลับบ้านได้” ทิมตอบ

อาร์ทมองเพื่อนด้วยแววตาเป็นห่วง เมื่อนึกย้อนไปถึงช่วง มัธยมปลาย ตอนที่พ่อของทิมยังมีชีวิตอยู่ครอบครัวของเขา มี ชีวิตความเป็นอยู่อย่างดี แม้ว่าไม่หรูหรา แต่ก็ไม่ลำบาก การ จะซื้อเสื้อผ้าดีๆ หรือทานอาหารหรูๆสักมื้อ ไม่ใช่เรื่องที่ยากจน เกินไป

ชีวิต…เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทิมในตอนนี้ เหมือนละทิ้งความสดใสในชีวิตไปพร้อมๆกับการเสียชีวิตของ พ่อ

“ทิม อาร์ท มาดื่มกันเหรอ?” เสียงใครบางคนเรียกมาจาก ด้านหลัง ทำให้ทั้งสองหันไปมอง

เมื่อหันไปก็เห็น สรัญ หนึ่งในคนที่ทิมไม่อยากเจอที่สุด เดินเข้ามาทักทาย
“อืม ว่างเลยมานั่งดื่มกันหน่ะ” ทีมตอบแบบขอไปที่

สรัญชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตราคาแพง ข้อมือมีนาฬิกาหรู ประดับอยู่บ่งบอกถึงฐานะที่ร่ำรวย

“ทําหน้าเหมือนไม่อยากเจอกันเลยนะ” สรัญทักทิมอีกครั้ง

ทิมไม่อยากจะเจอคนคนนี้เลย ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ซับ

ช้อนยากจะอธิบาย

ในช่วงวัยสาวอารีย์แม่ของทีม ทำงานเป็นพนักงานขาย ในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีสาขาอยู่ทั่วภาคเหนือ เธอคบหา กับ สุธีผู้จัดการสาขา แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาคบหาอยู่กับลูกสาว เจ้าของบริษัทไปพร้อมๆกับเธอ ผู้หญิงทั้งสองคนตั้งท้องใน เวลาไล่เลี่ยกัน เขาเลือกที่จะแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของบริษัท แล้วทิ้งเธอ

สรัญและสรัย เป็นพี่น้องคนละแม่ของทีม พี่น้องที่ทั้งสอง ฝ่ายไม่เคยนับญาติกัน และมีเพียงคนในครอบครัวที่รับรู้ถึง ความสัมพันธ์อันซับซ้อนนี้

ดังนั้นทิมเลยไม่มีความผูกพันกับพ่อผู้ให้กำเนิดและพี่น้อง ต่างแม่ ตรงกันข้ามกับพ่อเลี้ยงที่เสียไปแล้ว ที่ดูแลทิมเป็น อย่างดีโดยไม่เคยคิดแบ่งแยกเลยว่าเขาเป็นลูกติด ทำให้ทีมทั้งรักและ เคารพเขามาก

“อย่ามองแบบรังเกียจกันอย่างนั้น เราไม่ใช่คนอื่นคน ไกลกันนะ” สรัญ พูดกับทิมยิ้มๆ

“อย่าพูดเหลวไหลไปหน่อยเลย เราไม่มีความเกี่ยวข้อง กัน ทิมพูดกับสรัญแล้วเบือนหน้าหนี้เป็นการบ่งบอกว่าเขาไม่ อยากคุยด้วยอีก

สรญหยุดยิ้มถอนหายใจและแตะไหล่ขของทีมพลางพูดว่า “ว่างๆ ก็แวะไปหาพ่อบ้างก็ได้นะ

ทิมยังคงนิ่งเฉย สรัญเลยพยักหน้าให้อาร์ทแล้วเดินออก

ไปจากโต๊ะ

ทั้งคู่นั่งดื่มกันจนดึก แล้วก็แยกย้ายกันนั่งแท็กซี่กลับบ้าน

ของแต่ละคน

เมื่อถึงบ้านแล้วทิม อาบน้ำเตรียมตัวนอน พร้อมส่ง

ข้อความหาอาร์ท “กำลังจะนอนแล้วนะ ฝันดี”

“นอนรึยัง” มีข้อความเข้าจากหมายเลขที่ทิมไม่ได้บันทึก ไว้ แต่เขาก็รู้ในทันที ว่าเป็นหมายเลขของใคร วิน

ข้อความสั้นๆ แต่ทำให้หัวใจเต้นระรัวอย่างประหลาด แต่ เมื่อคิดใคร่ครวญแล้วทิมตัดสินใจลบข้อความทิ้ง และเอนตัวลงนอน

อีกด้านหนึ่ง วันนั่งดื่มไวน์อยู่ในห้องนอน เขานั่งมอง โทรศัพท์อยู่นาน ไม่มีข้อความตอบกลับจากทีม เขารู้ดีเมื่อทิม ตัดสินใจแล้วเขาเด็ดเดี่ยวเสมอ

“แม่ ทานข้าวเช้าครับ” ทิมกล่าวพลางวางชามโจ๊กลงบน

แม่ไม่ตอบรับในสิ่งที่ทิมพูด

เขาจึงกล่าวต่อว่า “ผมวางไว้ตรงนี้นะ ผมขอไปคุยกับหมอ แป๊ปหนึ่งเดี๋ยวกลับมา

นางอารีย์เริ่มทานอาหารหลังจากที่ทีมคล้อยหลังไป จริงๆ แล้วเธอรักลูกชายคนนี้ไม่น้อย แต่เพราะคิดว่าทีมเป็นต้นเหตุ ทำให้สามีต้องเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร ทำให้เธอหมางเมิน กับลูกชาย

“คุณอารีย์ อาการดีขึ้นมากแล้วนะครับ ถ้ายังทรงตัวอยู่ แบบนี้ ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ภายในสองสามวัน นี้” หมอแจ้งทันที ที่ทิมเข้าไปพบ
แม้จะโล่งใจที่แม่มีอาการดีขึ้น แต่ค่ารักษาพยาบาลที่ต้อง จ่ายเพิ่มทำให้ทีมรู้สึกเครียดมาก ทีมตัดสินใจส่งข้อความไป หาอาร์ทและเพื่อนรักก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาโอนเงินมาให้ทีม ทันที

อาร์ทรู้ดีว่าเพื่อนกำลังลำบาก เขาจึงไม่ลังเลที่จะช่วย เหลือเมื่อเพื่อนร้องขอ

พ่อเลี้ยงของทีมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และต้องรักษา พยาบาล ในโรงพยาบาลนานนับเดือน ทั้งครอบครัวนำเงิน ทั้งหมดมาใช้ในการรักษา แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตพ่อ ไว้ได้ ค่าชดเชยที่ได้รับจากคู่กรณี เป็นจำนวนเงินเล็กน้อยมาก สำหรับครอบครัวที่สูญเสียเสาหลักไป

สิบปีที่ผ่านมาแม่ปฏิบัติกับทิมเหมือนเป็นศัตรู แต่ทิม ยินยอมที่จะรับมัน เพราะเขาคิดว่าเขาเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ ครอบครัวสูญเสียพ่อไป

“แม่ ผมต้องไปทำงานก่อนนะ ตอนเย็นผมจะกลับมาใหม่ ทิมเดินกลับไปบอกแม่ แล้วรีบออกจากโรงพยาบาลเพื่อไป ทํางาน”

ทิมเดินสวนกับสิทธา ระหว่างเดินเข้าที่ทำงานแต่เขาไม่ แม้แต่จะทักทายหรือหันมามองทีมที่พยายามสบตาเลย

สิทธาท่าเหมือนกับเขาเป็นอากาศ ที่ไม่มีตัวตน เมื่อเดิน

ไปถึงโต๊ะทำงานแล้ว เพื่อนในแผนกคนหนึ่งเดินเข้ามาถามทีม ด้วยความเป็นห่วง

“ทิม เลิกกับสิทธาแล้วเหรอ? ไหนว่าจะแต่งงานกันแล้ว

“เลิกเหรอ ใครบอก?” ทีมถามกลับด้วยความสงสัย

“ก็เมื่อเช้าชั้นถามสิทธาว่าทำไมมาทำงานคนเดียว ทีม หล่ะ เค้าบอกไม่รู้ เลิกกันแล้วไม่เกี่ยวกัน

ทีมถอนหายใจหลังจากได้ยินสิ่งที่เพื่อนเล่าให้ฟัง สิทธา ดู เหมือนว่าภายในระยะเวลาไม่กี่วัน เขาแสดงธาตุแท้ออกมาให้ ทิมได้เห็นอย่างมากมาย ยิ่งคิดทีมยิ่งรู้สึกโล่งอกที่ไม่ต้อง แต่งงานกับเขาแล้ว

“รอนานมั้ย วิน”

เสียงชายหนุ่มคนหนึ่ง ทักทายวันที่นั่งรออยู่ในร้านอาหาร “ไม่นานเพิ่งมาถึง เราสั่งอาหารไว้ให้แล้วนะ” วันตอบ กลับ คนตรงหน้า
วิทยาเพื่อนสมัยมัธยมปลาย เป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิท สนมกับวิน เพราะทั้งคู่นั่งเรียนข้างกันมาตลอดสามปีในช่วง มัธยมปลาย

“ไหนดูสิ สิบปีแล้วเพื่อนชั้นยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ” วิทยาล้อเล่นเพื่อนอย่างอารมณ์ดี

แม้จะไม่ได้เจอกันมาสิบปีแต่วิทยายังคงเป็นคนอารมณ์ดี และสนุกสนานเหมือนเดิม ทั้งคู่มีโอกาสกลับมาเจอกันที่งาน เลี้ยงหลายวันก่อน แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะวันรีบ ตามทีมออกไป โชคดีที่ทั้งคู่ได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ กันเอาไว้ ทำให้มีโอกาสนัดเจอกันอีกครั้ง

“นายเป็นยังไงบ้าง? สบายดีมั้ย? ได้ข่าวว่าเป็นตำรวจ

วินถามเพื่อนตรงหน้า

“ก็ดีนะ โชคดีที่ได้มารับราชการที่บ้านเกิด ก็เลยรู้สึก สบายใจกว่า”

“นายนั่นแหละหายไปเลย นึกว่าจะไม่กลับมาซะแล้ว ทิ้ง ให้เพื่อนอย่างเราเหงาอยู่คนเดียว”

“ทำไม ไม่ติดต่อมามั่งเลยวิน หายไปเลยสิบปีเรานึกว่า นายตายไปแล้วเหอะ” ระหว่างที่พนักงานกำลังทยอยเสิร์ฟ อาหารที่สั่งไว้ วิทยาก็ถือโอกาสบนเพื่อน ที่หายไปนาน

“เราสัญญากับพ่อไว้หน่ะ” วินกล่าวเรียบๆ
“เพื่ออะไรวะเพื่อน” วิทยาถามอย่างสงสัย เหตุผลอะไรที่ ทําให้วินต้องทนโดดเดี่ยวถึงสิบปี

“เพื่อคน คนเดียวไง” วินตอบนิ่งๆ

“ทิม เหรอ” วิทยา พูดออกมาอย่างแผ่วเบา แล้วมองเพื่อน ตรงหน้าด้วยแววตาเห็นใจ

วินไม่ตอบ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เพื่อนเขารู้แล้วว่า ใช่…เขาจากไปเพื่อทิม

“สิบปีแล้ว นายยังไม่ลืมทีมอีกหรือ? ไปอยู่ต่างประเทศตั้ง นานไม่เจอคนถูกใจบ้างเลยหรือ?” วิทยาถามเพื่อนด้วย ความ ห่วงใย สิบปีแล้วแต่วันยังคงยึดมั่นอยู่กับคน คนเดียวทำให้

เพื่อนอย่างเขาทั้งทึ่งและเศร้าใจไปพร้อมๆ กัน “สิบปีที่แล้ว เราไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกป้องเค้าเลย แต่ตอน

นี้เรากลับมาแล้ว เราอยากทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องเขา

วิทยารับรู้ได้ว่าเพื่อนจริงจังกับสิ่งที่พูดออกมามากแค่ไหน แต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะอีกฝ่ายกำลังจะแต่งงาน

“นายรู้ใช่มั้ย ว่าทีมกำลังจะแต่งงาน

“รู้” วินตอบแบบไม่ใส่ใจ

“แต่เรามั่นใจว่าสุดท้ายแล้วทิมจะต้องกลับมาเป็นของเรา” วิน ตอบอย่างหนักแน่น

วิทยารับรู้ถึงความจริงจัง ในสิ่งที่ดินพูดออกมา แต่เพราะ

ไม่อยากให้เพื่อนเครียด เขาเลยชวนวินคุยถึงเรื่องสนุกที่เคย ทําด้วยกันสมัยมัธยม แทน

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันกลับ

แต่ก็นัดหมายจะเจอกันอีกครั้งในวันถัดไป

วินกลับเข้าบริษัทไปทำงาน แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้อง ทำงานกลับพบว่ามีผู้หญิงแปลกหน้านั่งอยู่ที่โซฟา

“มาแล้วเหรอคะ คุณวิน?” เธอถามพร้อมยิ้มทักทาย

วินขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมหันไปมองหน้าเลขาเป็นเชิง

หญิงสาวรีบแนะนำตัวเมื่อเห็นท่าทีของวิน

“คุณวิน ดิฉันปรียา ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์

ของLP ค่ะ”

“แล้ว?” วินถามสั้น ด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ปรียามาแนะนำตัว เพราะเรายังไม่เคยพบกันเลย ช่วงที่ คุณวิน รับตำแหน่งปรียาไปพักร้อนที่ต่างประเทศ ค่ะ”

“ครับ ยินดีที่ได้พบ เท่านี้ใช่มั้ยครับ” วินขานรับพร้อม

ตัดบท

“ปรียา จะนำแผนประชาสัมพันธ์โครงการบ้านพักตาก อากาศที่ภูเก็ต มาให้คุณวินดูค่ะ”

“ผมแนะนำให้ปรึกษากับผู้อำนวยการโครงการนะครับ ถ้าอนุมัติแล้วฝ่ายนั้นจะแจ้งเรื่องต่อมาที่เลขาผมแทน

ปรียา รู้สึกหน้าชาเมื่อได้ยินคำพูดของวิน ความหมาย ของเขาคือ เธอไม่ควรถือวิสาสะเข้ามารายงานเขาโดยตรงและ เหมือนจะบอกว่าเธอกับเขาอยู่คนละระดับกัน

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเชิญ นะครับผมจะทำงาน” วินกล่าวเชิง

ไล่ปรียา

“อย่าให้ใครเข้าห้องผมโดยพลการอีกนะ” หลังจากปรียา ออกไปแล้ว วิน ต่อว่าเลขา อย่างหงุดหงิด

ปรียาเดินกลับไปที่ห้องทำงาน แล้วนั่งลงอย่างฉุนเฉียว เธอเป็นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์มาสามปีแล้ว เธอเป็น หญิงสาวหน้าตาดี การศึกษาดีและมาจากครอบครัวที่มั่งคั่ง ด้วยสามสิ่งนี้ทำให้เธอเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าจะไป ที่ไหนหรือทําอะไร เธอไม่เคยน้อยหน้าใคร แต่ในทำให้เธอรู้สึกขายหน้า

เธอยอมรับว่าวันนั้นดูดีมากและตำแหน่งประธานหนุ่มของ

LP Group ก็ยิ่งทำให้เขาน่าสนใจ แต่การที่เขาไม่แยแสเธอ กลับทำให้ปริยายิ่งสนใจในตัวเขามากยิ่งกว่า

*ถนนนิมมานเหมินท์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นถนนสาย เศรษฐกิจที่มีความสำคัญสายหนึ่งของอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นถนนสายการค้าและบันเทิงเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ ผับ บาร์ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม ทำให้เป็นที่นิยมใน หมู่นักท่องเที่ยว และคนในพื้นที่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ