ตอนที่ 1 การกลับมา
ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูท ก้าวลงจากแท็กซี่ ที่จอดหน้าโรงแรม หรูใจกลางเมือง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เขาไม่ได้มีใบหน้าคม เข้มให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง แต่หากเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้า ละมุน ให้ความรู้สึกชวนมองและสบายตาแก่ผู้พบเห็น
“มาแล้วเหรอทิม ห้องจัดเลี้ยงอยู่ชั้นสอง ขึ้นไปได้เลยนะ ทุกคนมากันเกือบหมดแล้ว” เพื่อนที่ทำหน้าที่แผนกต้อนรับ ทักทายอย่างสดใส
ทีมพยักหน้าพร้อมยิ้มรับ แล้วเร่งฝีเท้าขึ้นไปยังชั้นสอง อัน เป็นที่ตั้งของห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม แต่ภายในใจรู้สึกถึง ความกังวลบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ความกังวลและ กระวนกระวายใจที่ไม่ได้รู้สึกถึงมันมานานแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ทิมมารวมตัวกับเพื่อนสมัยมัธยมปลาย เขาไม่เคยแม้แต่จะไปร่วมงานคืนสู่เหย้า เหตุผลนั้น ไม่ใช่ เพราะงานยุ่งหรืออยู่ไกล แต่เป็นเพราะอยากหลีกเลี่ยงใครบาง คน ใครบางคนที่อยู่ในช่วงเวลาที่สดใสตลอด 3 ปี
เพราะได้รับคําเชิญโดยตรงจากอาจารย์สุนีย์ อาจารย์ ประจำชั้นที่โทรมาชวนให้มางาน อาจารย์เกษียณและย้ายไป อยู่อเมริกากับครอบครัวได้หลายปีแล้วแต่บินกลับมาไทยและ บอกว่าอยากมาเจอนักเรียนทุกคนในงานนี้ นี่เป็นคำเชิญที่เขา ไม่คิดจะปฏิเสธ เพราะแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นนักเรียนที่โดดเด่น ในชั้นเรียน แต่ก็สนิทสนมกับอาจารย์ไม่น้อยไปกว่าใคร
ทีมตอบรับมางาน และปลอบใจตัวเองว่าสิบปีแล้ว ใคร บางคนที่หายไป คงไม่กลับมาแล้ว
ทีมเดินเข้าไปในงานพร้อมทักทายเพื่อนหลายคนที่ไม่ได้
พบหน้ามานานแล้ว
“ดูสิว่าใครมา ฝนตกแน่เลยที่นายยอมมางานนี้” ประโยค ทักทายจากเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันมานาน ทำให้เขาเขินอาย เล็กน้อย
“สบายดีมั้ยทิม ไม่ได้เจอกันนานเลย” สุธี อดีตหัวหน้า ห้อง ผู้รับหน้าที่เป็นแม่งานเดินเข้ามาทักทาย
“สบายดี สุธี อาจารย์มารึยังอยู่ไหนเหรอ”
“อาจารย์กำลังมา คงใกล้ถึงแล้ว หาที่นั่งตามสบายเลย
ทิมนั่งลงในมุมเงียบๆ พรางสังเกตเพื่อนรอบๆ
หลายปีผ่านไปทุกคน เปลี่ยนแปลงไปมาก หลายคน เติบโตและก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หลายคนแต่งงานมี ครอบครัวต่างจากเขาที่เป็นเพียงพนักงานบัญชี ในบริษัท จำหน่ายอุปกรณ์การก่อสร้าง ที่ไม่มีความโดดเด่นอะไร
ทีมทํางานในบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ทางการก่อสร้างแห่ง นี้มาหกปีแล้ว ตั้งแต่เรียนจบ
เขาคบหาดูใจกับหัวหน้าฝ่ายขายในบริษัทเดียวกัน สิทธา คนรักของเขามีหน้าที่การงานมั่นคง มาจากครอบครัว ข้าราชการ ซึ่งแม้จะไม่ร่ำรวยล้นเหลือแต่ก็ไม่ลำบากและทำให้ ทิมรู้สึกมั่นคง
ใครบางคนส่งเสียงเรียกทีมค่อนข้างดังจากด้านหลัง เมื่อ ทิมหันไปตามเสียงเรียกก็พบใบหน้าที่คุ้นตาและยิ้มอย่างยินดี
“อาร์ททําไมเพิ่งมา ปล่อยให้เราเดินเข้างานมาคนเดียว
“ก็เราบอกให้นายรอที่ล็อบบี้แล้วค่อยเดินเข้ามาพร้อมกัน ไง นายนั่นแหละที่ทิ้งเรา” อาร์ทตอบพร้อมหย่อนกายลงนั่ง
ข้างๆทิม
“ก็ด้านล่างเข้าบอกให้รีบขึ้นมา ทุกคนมากันหมดแล้ว ก็เลยรีบขึ้นมา นึกว่านายเข้ามาก่อนแล้ว
อาร์ทเพื่อนสนิทของทิ่มตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ตอนนี้เป็น
ศัลยแพทย์ ในโรงพยาบาลประจำจังหวัด อาร์ทเป็นเพื่อนสนิท ที่สุดของทิม เป็นคนที่เขาไว้ใจพอจะเล่าเรื่องที่อยู่ภายในใจให้ ฟัง
“วันนี้ไม่ต้องเข้าเวรเหรอ อาร์ท?”
“แลกเวรมา ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะได้มางานนี้เลย แล้วแฟน นายหล่ะ ไม่มาด้วยกันเหรอ”
“เค้าติดประชุมแผนกเลยมาไม่ได้”
“แหม พอเป็นหัวหน้าแผนก แล้วมุ่งหน้าดูเลยนะ เรื่องคอนโดไปถึงไหนแล้ว
“จ่ายเงินดาวน์ไปแล้ว ห้องก็ตกแต่งเสร็จแล้ว”
“นี่ก็รวดเร็วทันใจ ดูไปซื้อปเลยนะ แน่ใจแล้วใช่มั้ยซื้อ บ้าน ซื้อคอนโดนี่เรื่องใหญ่นะ”
“ก็ได้โปรโมชั่นฟรีตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์ แล้วก็เหลือ
อีกไม่กี่ห้องแล้ว ยิ่งเทียบกับที่อื่นแล้วที่นี่เดินทางสะดวกที่สุด แล้ว เลยรีบตัดสินใจ
“ซื้อคอนโดแล้ว ก็พร้อมแต่งเลยสินะ” อาร์ท ยิ้มพลาง กระเช้าถามทีม
“อืม ก็คุยกันไว้ว่าถ้าเรื่องคอนโดเรียบร้อยแล้ว จะหาฤกษ์ แต่งงานเลย”
“ทีม! ” อาร์ทเรียก
“ทิม แน่ใจแล้วใช่มั้ย” อาร์ทถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“อืม” ทิมตอบ
“แน่นะ”
“โธ่ อาร์ท ถามได้มาถึงขั้นนี้แล้วนะ”
“นาย ลืมคนนั้นได้แล้วจริงๆ ใช่มั้ย” อาร์ทถามเสียงต่ำ คำถามที่ทำให้ทีม ย้อนนึกไปถึงใครบางคนที่เขาเกือบจะลืมไป
แล้ว … เกือบ
“เรื่องมันผ่านไปสิบปีแล้วนะ ทุกอย่างมันเป็นอดีตไปแล้ว และเส้นทางชีวิตของเรามันขาดจากกันไปนานแล้ว” ทิมตอบ ด้วยน้ำเสียงขมขื่น
อาร์ทอ้าปาก จะพูดต่อ แต่พลันประตูห้องจัดเลี้ยงเปิดออก ทุกคนในงานหันไปมองในทิศทางเดียวกันอาจารย์สุนีย์เดินเข้า มาในงาน พร้อมๆกับใครบางคน ใครคนนั้น
ใครบางคนที่หายหน้าไปสิบปี คนที่ยังอยู่ในความทรงจำของทีม เขาปรากฏตัวที่นี่ ราวกับความฝัน แต่มัน เป็นเรื่องจริง … เขากลับมาแล้ว
ทิมรู้สึกชาไปทั้งร่าง สมองซื้อไปหมด ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“โอ๊ย นี่ไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย นั่นวินใช่มั้ย” เสียงใครบาง คนในงานร้องอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ
“วิน … วินจริงๆด้วย” เสียงหญิงสาวอีกคนตอบรับอย่าง ตื่นเต้น
ทิมมองไปที่ประตูห้องจัดเลี้ยง วันหรือมาวิน เพื่อนร่วมรุ่น สมัยมัธยมปลาย ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง อยู่ในชุดสูทสีดำสนิท ดวงตาคมกล้า บนใบหน้าคมสัน และผมดำขลับที่จัดทรงไว้ อย่างดี
เป็นใบหน้าที่อยู่ในความฝัน และความทรงจำของทีมมา ตลอด สิบปี
เมื่อตระหนักแล้วว่าสิ่งที่เห็นเป็นความจริง ทิมได้แต่ยืนอึ้ง อยู่ตรงนั้น หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา
“ทิม…วิน วินมา” อาร์ทที่ดูตกใจไม่แพ้กัน เรียกพลาง เขย่าแขนของทีมเบาๆ
หากแต่ทิมนั้นไม่ตอบสนอง ได้แต่ยืนจ้องมองไปทางนั้น ตรงที่ใครบางคนยืนอยู่ คนที่ยังแจ่มชัดในความทรง จําของเขา
เขายังคงดูเหมือนเมื่อสิบปีที่แล้ว เพียงแต่ดูสุขุมและ ภูมิฐานมากขึ้น หากแต่ชายหนุ่มคนนี้มีรอยยิ้มแต่งแต้มบน หน้าต่างจากในอดีตที่มักจะมีสีหน้าเรียบเฉย สิบปีที่ผ่านมา ทําให้เขาเปลี่ยนไปหรือ?
วินกวาดสายตามองไปรอบๆห้องจัดเลี้ยง ไม่ได้หยุดมอง ที่ใดที่หนึ่งนานเกินไป การที่กินไม่ได้แสดงท่าทีว่าจดจำได้หรือ สนใจ ทำให้ทีมรู้สึกเจ็บอยู่ในใจเล็กๆ
“สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ” วินพูดพร้อมมองไป รอบๆเหมือนไม่ได้เจาะจงจะพูดกับใครคนใดคนหนึ่ง
“วิน เธอกลับมาแล้วจริงๆ ใช่มั้ย? นี่ชั้นไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย? หายไปอยู่ที่ไหนมา?” กรวีปรี่เข้าไปหาวิน พร้อมกับถามอย่าง ตื่นเต้น
เพื่อนๆทุกคนรู้ดีว่า กรวีคลั่งไคล้ในมากแค่ไหน ในช่วง มัธยมปลาย เธอแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่าชอบเค้ามากแค่ ไหน แม้ว่าจะผ่านไปถึงสิบปีแล้วเธอก็ยังคงมองไปที่วินด้วย แววตาเป็นประกายเหมือนเมื่อครั้งที่เป็นสาวน้อยวัยมัธยมปลาย
เสียงเพื่อนผู้หญิงอีกสองสามคน ร้องถามเช่นเดียวกัน
“ใช่ ไปอยู่ไหนมา?”
“เยอรมัน” วินตอบคําถามสั้นๆ
สิบปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครได้ยินข่าวเกี่ยวกับวิน เขาหาย ไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาไปอยู่ไหน แม้แต่ทิม อดีตคนรักของเขา
ธนาเพื่อนที่รับหน้าที่เป็นแม่งานเดินเข้าหาพร้อมกล่าวว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลย ดีใจที่ได้เจอนะวิน นายพาอาจารย์ไปนั่ง ที่โต๊ะเถอะ อาหารจะมาเสิร์ฟแล้ว”
วินจับแขนพาอาจารย์ไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมนั่งลงข้างๆ อาจารย์สุนีย์หันมาทางทิมโบกมือพร้อมกล่าวว่า “ทิม มานั่ง อาจารย์ไม่เห็นเธอนานแล้ว มานั่งข้างๆ ให้อาจารย์ดูหน้าชัดๆ หน่อย”
ในขณะที่ทีมได้แต่ยืนอึ้งอยู่นั้น ธนาที่ตอบสนองเร็วกว่าได้ เดินมาจูงเธอไปที่โต๊ะ พร้อมบอกว่า “มาเถอะทีมอาจารย์ไม่ได้ เจอเรามานานแล้วนะ!
ทิมเดินไปตามแรงจูงของธนาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ทีละก้าว ทีละก้าว ที่ทำให้เขาเข้าไปใกล้วนมาก
เพราะประหม่าเกินไปทำให้มือปิดไปโดนแก้วที่วางอยู่บน โต๊ะล้มลง จนน้ำหกรดเสื้อตัวเอง
“ขอโทษ.. ขอโทษ” ทีมรีบกล่าวขอโทษ
ใครบางคนยื่นกระดาษมาให้ทีม ใช้เช็ดเสื้อ เมื่อเขาเงย หน้ามองถึงได้รู้ว่าเป็นเขา…วิน
“ขอบคุณ” ทิมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
แต่กินไม่ได้ตอบกลับ กลับหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่น เหมือนเป็นการทําตามมารยาท ไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ
กรจงใจถามขึ้นมาเสียงดังต่อหน้าทุกคนว่า “ทิม ได้ข่าว
ว่ากำลังจะแต่งงานเหรอ? เอาการ์ดมาแจกด้วยรึเปล่า? ต้อง เชิญพวกเราด้วยนะ
สิ้นคำถามทั้งห้องเงียบกริบ ราวกับทุกคนรอที่จะเห็น
ปฏิกิริยาของวิน
“ยังไม่ได้กำหนดวัน รอให้ที่บ้านไปดูฤกษ์ก่อน ถ้ากำหนด
วันแล้วจะบอกอีกทีนะ” ทิมตอบกลับ พร้อมกับยิ้มเบาๆ
ในตอนนั้น ทิมรู้สึกได้ถึงสายตาคู่นั้นที่ต้องมา
“คุณกำลังจะแต่งงานเหรอ?” ที่สุดวินก็หันมาพูดกับทิมหลังจากเงียบมานาน
ทิมกลั้นหายใจพลางพยักหน้าตอบ แต่ไม่ได้กล่าวอะไร กลับไป
“งั้นขอแสดงความยินดีด้วยนะ” วันพูดพร้อมกับยิ้มที่มุม ปาก แต่แววตาช่างเย็นชาและว่างเปล่า
“ขอบคุณ” ทิมตอบกลับแต่ไม่ได้สบตาเขาตรงๆ แม้ว่าทีม จะจินตนาการถึงการได้กลับมาพบเจอกับวันอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ คิดเลยว่าจะได้พบกันแบบนี้
“แต่น่าเสียดายนะ นึกว่าจะได้แฟนเป็นมหาเศรษฐีที่ไหน แต่ดันเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา เปลี่ยนใจมาหาเราก็ยังทัน นะ” เสียงของพิธา เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนพูดติดตลกขึ้นมาอย่าง ไม่เกรงใจใคร
ครอบครัวของพิธาทำธุรกิจขายและให้เช่าอุปกรณ์ ก่อสร้าง และด้วยความที่เขาเป็นลูกชายคนเดียว ทำให้พิธาที่ ถูกเลี้ยงดูแบบตามใจมาโดยตลอด เขาจึงมักจะพูดและ แสดงออกอย่างไม่เกรงใจใคร
คำพูดของพิธา ทำให้อาร์ทตาลุกวาวและตอกกลับแบ บนิ่มๆ “ก็ปากเป็นแบบนี้ไง ถึงไม่มีใครอยากติดต่อด้วย สมัย เรียนใครๆ ถึงได้ไปชอบในกันหมดไง
ในระหว่างที่อาร์ทพูด ทีมก็รับรู้ได้ถึงสายตาของวันที่มอง มา มันทั้งเย็นชา ว่างเปล่า และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคิด
อะไรอยู่
ในช่วงเวลาที่น่าอึดอัดนี้ ทิมยิ้มกับอาร์ทแล้วพูดว่า “เลิก เถียงกันเป็นเด็กๆ ได้แล้ว ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ
ทิมรีบเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง ราวกับมีอะไรวิ่งตามเขา มา ในขณะนี้หัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมา
เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับวินในรูปแบบนี้และใน เวลานี้ … สิบปี สิบปีที่วินหายไปราวกับสาบสูญ
ทิมเข้าไปในห้องน้ำ ล็อกประตูแล้วนั่งสงบสติอารมณ์ หลังจากผ่านไปสักพักเมื่อแน่ใจว่าตนเองสงบขึ้น ทิมก็ออกจาก ห้องน้ำ เขาเดินก้มหน้าขณะก้าวออกไปด้วยความเหม่อลอย และชนเข้ากับใครบางคนที่อยู่ตรงหน้า… วิน
วินจับไหล่ทั้งสองข้างของทีมไว้ เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาของทิม เขาส่งยิ้มจากนั้นจึงทิมเข้าไป สวมกอดและพูดว่า “ทิม เรากลับมาแล้ว
เสียงที่คุ้นเคยทำให้หัวใจทิมสั่นไหว ความรู้สึกต่างๆ ทะลักออกมาคนที่เขาคิดถึงมาตลอดยืนอยู่ตรงนี้ กำลังกอดเขาอยู่ แต่…ระหว่างพวกเขามันไม่มีทางเป็นไปได้ แล้ว เมื่อคิดขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บปวดและเพราะไม่รู้ว่าควรตอบรับ อย่างไร ทิมจึงผลักเขาออกและรีบเดินหนีกลับไปยังห้องจัด เลี้ยง
“ทิม เป็นอะไรทำไมหน้าซีดขนาดนี้” อาร์ท เดินเข้ามาถาม ด้วยความเป็นห่วง
“ปวดหัวนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอก” ทิมตอบกลับ
ด้วยใบหน้าซีดขาวและมือสั่นเทา
ทิมเดินเข้าไปนั่งข้างอาจารย์สุนีย์พร้อมบอกว่า “อาจารย์ ครับ วันนี้ผมปวดหัวมากเลยขอตัวกลับก่อนนะครับ ไว้ผมจะหา โอกาสไปเยี่ยมอาจารย์ที่บ้านอีกครั้งนะครับ
อาจารย์สุนีย์มองไปยังทีมด้วยสายตาเข้าใจ แล้วพยัก หน้าพรางบอกว่า “ไม่สบายก็กลับไปพักผ่อนเถอะทีม ไว้มาเจอ กับครูวันหลังก็ได้ ครูยังอยู่ไทยอีกหลายวัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทิมรีบและเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง โดย ไม่ได้ร่ำลา ใครอีก
“ดีเนอะ อยากมาก็มาอยากไปก็ไป ไม่สนใจใครเลย แย่ จริง” กรพูดเสียงดังไล่หลังทิม ที่เดินออกไป
ทิมจากมาพร้อมตระหนักรู้อย่างชัดเจนว่า… ไม่ว่าจะผ่าน ไปนานแค่ไหน ความรู้สึกที่เขามีต่อวิน ยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่เคยลดน้อยลงเลย
ความทรงจำที่ทิมเคยเก็บซ่อนไว้ในหัวใจไหลบ่าเข้ามา ราวกับสายน้ำที่ล้นทะลัก
เมื่อสิบปีก่อน ในวันที่ทั้งคู่เรียนจบมัธยมปลาย มีเรื่องราว มากมายเกิดขึ้นและทำให้ทีมคิดว่าจะไม่ได้พบกับวินอีกแล้วใน ชาตินี้
ผู้ชายคนนึงที่หายไปราวกับสาบสูญ กลับมายืนตรงหน้า เขาราวกับฝันไป
แต่ทิมเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เขารู้ดีว่า ความรัก ระหว่างเขาและวินมันจบลงแล้ว สิทธาต่างหากคือปัจจุบันและ อนาคตของเขา คือคนที่ทิมจะแต่งงานและมีชีวิตครอบครัวที่ อบอุ่นและมั่นคงด้วยกัน
อาร์ทโทรเข้ามาทันทีที่ทีมก้าวขึ้นรถ แต่ทิมไม่ได้รับสาย เพราะยังไม่พร้อมจะพูดกับใคร และต้องการเวลาที่จะสงบจิต สงบใจ
เมื่อทิมกลับถึงบ้าน ก็เดินเข้าไปในห้องนอนที่มืดมิด ดู เหมือนว่าสิทธาจะยังไม่กลับจากที่ทำงาน
บ้านหลังนี้สิทธาเช่าอาศัยมาตั้งแต่เริ่มทำงาน ทีมย้ายเข้ามาอยู่ด้วยหลังจากคบกับสิทธา ทั้งคู่รู้จักกัน เพราะเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่คนละคณะ ทีมจบจาก คณะบัญชี ส่วนสิทธาจบบริหารเอกการตลาด
ทั้งสองคบหากันมาสามปีแล้ว และเมื่อปีที่แล้วทั้งคู่ก็ได้ ตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน การคบหากันเป็นไปอย่างราบ รื่น แม้จะไม่หวือหวา แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยขัดแย้งกันรุนแรง ทำให้ ทิมยิ่งมั่นใจว่าตนเองตัดสินใจไม่ผิด สิทธาคือปัจจุบันและ อนาคตของเขา
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนแล้ว ทิมเดินกลับเข้าไปยัง ห้องนอน ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือ ก็มีสายเรียกเข้าจาก หมายเลขที่ไม่คุ้นเคย
หลังจากนั่งคิดอยู่สักครู่ทิมก็กดรับสาย
“ฮัลโหล … เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับ
“ฮัลโหล ถ้าไม่พูดอะไรผมขอวางสายนะครับ” ทิมคิดว่ามี คนโทรผิด ในขณะที่กำลังจะวางสาย ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดัง ขึ้น
“ทำไมถึงรีบกลับ” เสียงใครคนนั้นถามกลับมา
“คุณจงใจหลบหน้าผมใช่มั้ย?”
“วิน” … ทิมพูดเสียงสั่น
“คุณจะหลบหน้าผมใช่มั้ย?” วินถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียง ฉุนเฉียว
“วิน … เรื่องระหว่างเรามันจบไปเป็นสิบปีแล้วนะ คุณจะ มาถามเอาอะไร”
“ผมอยู่หน้าบ้านคุณ คุณจะออกมาหรือให้ผมบุกเข้าไป
เลือกเอา” วินตัดสายทันทีหลังจากพูดจบ
ทีมชาไปทั้งร่าง เขารู้ได้อย่างไรว่าบ้านทิมอยู่ที่ไหน อาร์ ทบอกเขาเหรอ? เพราะเรื่องนี้รึเปล่าทำให้อาร์ทโทรมา
ทิมรู้ดีว่าเขาไม่ควรพบกับวินอีก แต่หากไม่ลงไปแล้ววิน บุกเข้ามาหรือรออยู่หน้าบ้าน เขาอาจจะเจอเข้ากับสิทธาที่ กําลังจะกลับบ้าน
แม้ในหัวจะมีความคิดหลายอย่างสับสนปนเป ทิมก็เดิน
ออกไปหน้าบ้านอย่างไม่เต็มใจ
วิน…เขายืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ร่างสูงยืนหันหลังพิงรถที่จอด อยู่พร้อมแสงจากปลายบุหรี่สว่างวาบอยู่ที่ปลายนิ้ว
“วิน … มีอะไร คุณต้องการอะไรอีก?” ทีมสาวเท้าเข้าใกล้ พร้อมถาม
เขาหันมามองหน้าทีม พร้อมความรู้สึกที่ล้นเปี่ยมในแวว ตา แววตาที่เขาเคยมองทิมเมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ทั้งคู่ยังรักกัน
“คุณยังดูเหมือนเดิมเลยนะ เหมือนเมื่อสิบปีก่อนเลย” ทีม
หลบตาเมื่อได้ยินคำพูดของวิน เขาพยายามสะกดกลั้นความ รู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมา
ทีมสูดหายใจเข้าลึกๆ ยิ้มมุมปากอย่างขมขื่นแล้วตอบว่า “ผมเปลี่ยนไปแล้ววิน ไม่ใช่คนเดิมที่คุณเคยรู้จักเมื่อสิบปีที่แล้ว ปล่อยอดีตทิ้งไปแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ เลิกบ้าสักที
“ผมไม่ได้บ้า มีสติดีทุกอย่าง” วินตอบกลับอย่างหนักแน่น
“คุณต้องการอะไร?” ทีมถามคนที่อยู่ตรงหน้า
วินมองมาที่ทีมด้วยสายตาคมกล้า และพูดออกมาอย่าง หนักแน่น แต่งงานกันนะ
แต่งงาน … ผู้ชายที่หายไปสิบปี คนนี้กลับมาแล้วสิ่งแรกที่ เขาบอกทีมคือ การขอแต่งงาน?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ