แบดบอยคะนองใจ

บทที่ 9 คิดว่าจะจบลงง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ?



บทที่ 9 คิดว่าจะจบลงง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ?

ผมลืมตาขึ้นมาอย่างแปลกใจ มองเห็นเย่จ่างจับข้อมือ ของโจวหยางไว้ แน่นอนว่าแรงของโจวหยางมีมากกว่าเย่ จ่าง แต่เขากลับไม่กล้าลืมตาขึ้นมา

หลี่เจี่ยืนขึ้นทันที แล้วพูดอย่างไม่พอใจ”เย่จ่าง ตกลง กันแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาสองคนจะตัวต่อตัว? เมื่อกี้ตอน ที่หวางห้าวซกโจวหยาง ฉันก็ไม่ได้เข้าไปห้ามนี่? ตอนนี้ โจวหยางจะตีกลับมาได้ แกกล้าเข้ามาขวางไว้เนี่ยนะ? นี่ มันไม่ยุติธรรมเลยนะ”

ผมก็ลุกขึ้นมาเหมือนกัน ลูบไปที่ใบหน้าที่ถูกโจวหยาง ชกเมื่อกี้ ถ้าขืนยังสู้ต่อไป ผมจะต้องล้มจนลุกไม่ขึ้นเป็น แน่ ทางฝั่งของโจวหยางท่าทีก็ดูไม่ค่อยดี จมูกกับปาก เต็มไปด้วยเลือด เมื่อกี้สิบกว่าหมัดที่ถูกผมชกไปมันก็ไม่ ได้เบาเลย

“โจวหยางจะชกหวางห้าวไม่ได้” เย่จ่างพูดเน้นทีละคำ

“เพราะอะไร? ! ” หลี่เจ๋ไม่สบอารมณ์

คนในห้องมองไปที่เย่จ่างอย่างแปลกใจ แต่สีหน้าของโจ วหยางก็เผยให้เห็นถึงความไม่พอใจเช่นกัน

“ถ้าหากจะชก ก็ให้ชกกับฉัน” เย่จ่างพูด“พวกแกจะเข้า มาพร้อมกันก็ได้ พอดีกับที่ฉันก็พาคนมาเหมือนกัน”พี่น้องหมากับแจ่างก็รีบเข้ามาล้อมตัวของเงางไว้ ใช้ สายตามองไป พวกของหลี่เจ๋อย่างไม่เป็นมิตร ถ้าหาก จะเข้าห้ำหั่นกันจริงๆล่ะก็ พวกของหลี่เจมีแค่สี่ห้าคน เท่านั้น ภายในห้องถึงแม้จะมีคนเยอะมาก แต่ล้วนเป็น นักเรียนของห้องเราที่กำลังดูเหตุการณ์นี้อยู่อย่างสนุก

“บอกเหตุผลฉันมา ทำไมถึงกระทืบหวางห้าวไม่ได้ หลี่ เจ๋กัดฟัน เสียงดังกรอดๆ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกโกรธมาก

“เพราะว่าพวกแกไม่มีปัญญาทำอะไรได้ไงล่ะ” เย่จ่าง พูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย”เขาเป็นน้องชายของเมิ่งเลี่ยง

ในตอนที่เย่จ่างพูดชื่อของ”เมิ่งเลี่ยง”นั้น ผมรู้สึกว่า สีหน้าของหลี่เจ่เปลี่ยนไปในทันที บรรดาพี่น้องของหลี่เจ้ หาทางสีหน้าของพวกเขาเหลือเชื่อมาก แต่โจวหยางกลับ มีสีหน้างุนงง——เขาออกมาจากตำบลตงกวนพร้อมกับ เขา แน่นอนว่าไม่รู้จักเพิ่งเลี่ยง

“เขา…..เขา…… หลีเจ่พูดคำว่า”เขา”ออกมาสองคำ มอง มาที่เขาพร้อมด้วยความแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ

“ไม่อย่างนั้นแกคิดว่าทำไมฉันต้องมาด้วยล่ะ? “ใบหน้า ของเขาแฝงไปด้วยความตลกร้าย มีใครสามารถใช้ฉัน ได้งั้นเหรอ?
นักเรียนที่อยู่ภายในห้องเงียบทั้งห้อง นักเรียนพวกนั้น ที่มาจากต่างเขตเมืองต่างๆไม่รู้จักชื่อของเมิ่งเลี่ยงเช่น เดียวกัน แต่ดูจากปฏิกิริยาของหลี่เจ๋กับพวกแล้ว ก็น่าจะ เป็นคนที่แหย็มไม่ได้ ภายในใจของผมรู้สึกน่าขันมาก เมิ่ง เลี่ยงเป็นแค่ลูกน้องที่หยวนเส้าส่งมาเท่านั้น หยู่เฉิงเฟย คนที่ถูกพวกเขาเรียกว่า”พี่หญ่”คงเป็นอะไรที่…….แม้แต่ จะคิดผมยังคิดไม่ถึงเลย หยู่เฉิงเฟยที่ดูไปแล้วแสนจะ ธรรมดา กลับมีอำนาจมากขนาดนี้เชียวเหรอ

“หลี่เจ๋ เมิ่งเลี่ยงเป็นใคร? ” โจวหยางขมวดคิ้วแล้วเอ่ย ถาม ในความคิดของเขา หลี่เจ่เป็นอันธพาลคนหนึ่งที่มีชี วิตในเป่ยหยวนไม่เลวเลย

“เป็นบุคคลที่เราแหย็มไม่ได้เด็ดขาด” หลี่เจ๊ฝืนยิ้ม”โจ วหยาง แกยอมแพ้ซะเถอะ หวางห้าวไม่ใช่คนที่พวกเรา สามารถรังแกได้ วันนี้โชคดีคนที่มาคือเย่จ่าง ถ้าหากเมิ่ง เลี่ยงมาล่ะก็……สีหน้าของเขาครึ้มลงเกรงว่าพวกเรา คงจะต้องหมอบลงไปแน่”

โจวหยางเงียบลง เขาก้มหัว เหมือนกับไก่ตัวผู้ที่แพ้การ

ชน

เย่จ่างปล่อยมือของโจวหยาง แล้วเดินไปข้างๆ ต่อไปจะ เอายังไง พวกนายจัดการกันเองเถอะ”

หลี่เจ๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก”เย่จ่าง ขอบใจแกมากนะ”

เย่จ่างโบกมือไปมา”ไม่ต้องขอบใจหรอก อย่างน้อยพวก เราก็โตด้วยกันมา ฉันไม่อาจเห็นแกตกลงไปหลุมบ่อได้ หรอก”

หลี่เจ๋พยักหน้า”โจวหยาง สำนึกผิดกับหวางห้าวซะ”

โจวหยางเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ เหมือนกับตัวเอง ฝาดไป สีหน้าของหลี่เจ๋กลับจริงจังมาก”แกขอโทษซะ เรื่องนี้ปล่อยมันผ่านไปเถอะ”

โจวหยางเห็นถึงความมุ่งมั่นของหลี่เจ๋ หลังจากลังเลอยู่ ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็มองมายังผม ผมมองเห็นสายตาของเขา เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่เขายังคงเอ่ยออกมาด้วย เสียงเบา”ขอโทษ”หลังจากนั้นก็หันหน้าไปทางอื่นอย่าง รวดเร็ว น่าจะเป็นเพราะเขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าตัวเอง จะมีวันนี้ได้

“ผ้าห่มผืนนี้…”เจ่างชี้ไปที่พื้น ผ้าห่มของผมสกปรกจน ไม่เหลือสภาพเดิม ด้านบนเต็มไปด้วยรอยเท้าสีดำ

หลี่เจ๋โบกมือ พี่น้องที่อยู่ข้างๆก็พุ่งตัวออกมาทันที ผ่าน ไปไม่นานก็อุ้มผ้าห่มผืนใหม่เข้ามา

เย่จ่างส่ายหัวไปมา“ตอนแรกฉันวางแผนจะจัดการเรื่องนี้เอง แต่สุดท้ายยังคงต้องเปิดเผยชื่อของ เมิ่ง เลี่ยง’ออกมา หลี่เจเอ้ยหลี่เจ๋ แกไม่ไว้หน้าฉันเลย พูดจบ ก็มองมาที่ผม”หวางห้าว นายว่าเรื่องนี้จบแบบนี้ได้ไหม? ”

ผมมองออก ว่าเบื้องหลังเย่จ่างกับหลี่เจ่มีความสัมพันธ์ ที่ไม่เลวเลย โจวหยางขอโทษแล้ว ผ้าห่มก็ถูกเปลี่ยนเป็น ผืนใหม่แล้ว ถ้าพูดตามเหตุผลแล้วเรื่องนี้ก็ควรจะจบลง ได้แล้ว เย่จ่างกับหลี่เจี่ทั้งสองคนมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เตรียมจะทำให้เรื่องใหญ่เปลี่ยนเป็นเรื่องเล็ก

แต่ทว่า ผมกลับส่ายหัวอย่างจับพลัดจับผลูกระทำลงไป โดยไม่รู้ตัว

ครั้งนี้ สีหน้าของหลี่เจ๋กับเย่จ่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

หลี่เจ๋มองไปยังเย่จ่าง แต่เย่จ่างกลับมองมาที่ผม หวาง ห้าว เมื่อถึงเวลาให้อภัยก็ต้องให้อภัยคนอื่นนะ จากนี้ไป โจวหยางไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว…….

ผมยังคงส่ายหัว เย่จ่างรู้เพียงแค่ว่าโจวหยางโยนกระดูก ไก่ใส่หัวของผม แต่กลับไม่รู้ว่าตอนอยู่ม.ต้นเขาแกล้งผม มาสามปีเต็มๆ

ความทรงจำนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาในสมองอย่าง พรั่งพรู ภาพแต่ละภาพ แต่ละเรื่องราวล้วนแต่ยังใหม่ๆอยู่ทั้งนั้น กลับไม่เคยลืมมันได้เลย! โดยเฉพาะที่สนาม เล็กๆในครั้งนั้น ภาพเหตุการณ์ที่โจวหยางเอาใบประกาศ บอกให้ผมคุกเข่าลง มันยิ่งทำให้เขาจำไม่มีวันลืม!

ใครมันจะไปลืมความอัปยศนั้นได้ จะมีใครยอมให้มันจบ ลงแบบนี้กัน!

“หวางห้าว ถ้าหากนายยังอยากจะกระทืบโจวหยางอีก ครั้ง ตอนนี้ลงมือต่อได้เลยนะ ฉันจะช่วยนายดูไว้เอง” เย่ จ่างพูดเสียงเบา

แต่ผมกลับไม่พูดอะไร เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของโจว

หยาง

หลังจากนั้น ผมก็ล้วงหยิบเอาคอไก่สำเร็จรูปขึ้นมาหนึ่ง ซอง ร้านค้าเล็กด้านล่างตึกมีขาย ก่อนที่จะขึ้นมากับเย่ จ่าง ไม่รู้ผมคิดอะไรอยู่ถึงเข้าไปซื้อมันมา ตอนนั้นผมไม่รู้ ว่าตนเองอยากจะทำอะไรด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้น่าจะเข้าใจ แล้วว่าจะใช้มันทำอะไร

ไม่เพียงแค่ผมที่เข้าใจ คนที่อยู่ภายในห้องพักนักศึกษา ต่างเข้าใจกันหมดแล้ว

โจวหยางใบหน้าแดงก่ำ หายใจรัวแรงขึ้น
“อย่าตื่นเต้นไปเลย”ผมพูด”ฉันแค่อยากจะให้แกลิ้มลอง รสชาติการถูกเหยียดหยามต่อหน้าคนอื่นมันรู้สึกยังไง”

“ซึก”ดังขึ้น ผมดึงคอไก่ออกมาจากซองบรรจุภัณฑ์ อาหาร

ผมดึงเอาคอไก่มันเยิ้มออกมา ขยี้จนแหลกคามือ แล้ว โปะลงบนหัวของโจวหยาง

นี่มันดีมากแล้ว ผมไม่ได้เคี้ยวจนละเอียดแล้วค่อยโยน แบบนั้นมันน่าขยะแขยงเกินไป มีเพียงแค่เขาเท่านั้นถึง สามารถทำแบบนี้ได้ เศษไก่ที่แหละละเอียด กระดูกไก่ หล่นลู่ลงมากับผมของเขา เปื้อนไปทั่วทั้งใบหน้า บนไหล่ และบนตัวเต็มไปหมด

ดวงตาของโจวหยางแดง จนน่ากลัว เขาถลึงตาจ้อง มองมาที่ผมด้วยความเกลียดชัง แต่กลับไปกล้าแม้แต่จะ ต่อต้านเลยแม้แต่น้อย

ผมขยับปากไปเข้าใกล้กับใบหูของเขา แล้วพูด เสียงเบา แกคิดว่าจะจบลงแบบนี้งั้นเหรอ? แกยังติด ค้าง’คุกเข่า’กับฉันอยู่แหน่ะ..….…….

พูดจบประโยคนี้ ใบหน้าของโจวหยางก็เหมือนกับโดน หนูกัดก็ไม่ปาน เต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว!
“อย่าตื่นเต้นไปเลย ไม่ใช่ตอนนี้หรอก ผมยิ้ม

บางๆ บัญชีระหว่างเราค่อยๆสะสางไปเรื่อยๆเถอะ”

พูดจบ ผมก็ถอยหลังไปสองก้าว หยิบกระดาษทิชชูออก มาเช็ดความมันบนมือ หลังจากนั้นก็ขย่ากระดาษเป็นก้อน โยนไปที่จมูกของโจวหยาง

“ไสหัวไปซะ”ผมพูดขึ้นอย่างเย็นชา

โจวหยางก้มหน้าก้มตา เดินออกจากห้องพักนักศึกษาไป อย่างรวดเร็ว หลี่เจ๋กับเย่จ่างและคนอื่นร่ำลากันเสร็จ ก็ เดินตามหลังของ โจวหยางออกจากห้องไป

นักเรียนคนอื่นๆในห้อง ตอนนี้ก็ยืนขึ้นมาอย่างเงียบๆ เตรียมจะเดินตามกันออกไป

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”ผมเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

ทุกคนต่างยืนหยุดนิ่ง แม้แต่หายใจยังไม่กล้าเลย

ในสายตาของพวกเขา ผมเป็นเหมือนราวกับราชาปีศาจ ก็ไม่ปาน

น่าขันชะมัดเลย ทั้งๆที่ตอนเที่ยง ผมยังถูกพวกเขาหัวเราะเยาะอยู่เลย
ผมเดินไปที่หน้าต่าง ผลักประตูหน้าต่างออก สายลม ปะทะเข้ากับใบหน้าของผม

ผมสูดอากาศหายใจเข้าสองครั้ง หลังจากสงบจิตสงบ ใจแล้ว ก็หันกลับมา พูดกับพวกเขาไปว่า”ขอโทษด้วยนะ ทำให้พวกนายไม่ได้ดูละครนะ”

พวกเขามาที่นี่ เพื่อจะมาดูว่าเขาจะโดนกระทืบยังไง

นักเรียนหลายสิบคนไม่กล้าพูดอะไร ไม่ก้มหน้าหน้าก็ หันหน้าไปทางอื่น ไม่มีใครสบตาผมทั้งนั้น

ผมเดินไปที่กลางห้องพักทีละก้าว เย่จ่างมองมาที่ผม อย่างเป็นกังวล เหมือนเขาจะคิดว่าผมจะทำให้อะไรกับ นักเรียนคนอื่นๆอีก

“ไม่ใช่แบบนี้นะ”ทันใดนั้นก็มีนักเรียนคนหนึ่งพูด ขึ้น”พวกเรามาที่นี่ เพื่ออยากจะห้ามไม่ให้พวกหลี่เจ๋ กระทืบนายต่างหาก”

“ฮ่าๆ…” ผมเริ่มหัวเราะขึ้นมา เสียงหัวเราะกลับดูเจ็บ ปวดมาก แกคิดว่าฉันโง่รึไง? ”

นักเรียนคนนั้นไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก ก้มหน้าลงอย่างรู้ตัว ไต่ผมก็รู้สึกนับถือเขามากเลยนะ ที่สามารถคิดคำโกหก ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ น่าจะเป็นเพราะเอาตัวรอดเก่ง

“ที่ฉันรั้งพวกแกไม่ให้ไปไหน”ผมค่อยๆพูดขึ้นมาเป็น เพราะพวกแกยังไปไหนไม่ได้ เพราะฉันจะไปเอง”

พูดจบ ผมก็มองไปที่เย่จ่าง ก้าวออกไปทันที พวกของเย่ จ่างเดินตามหลังผมมา เดินออกมาอย่างไม่มีเสียง

ที่ระเบียงมีห้องพักอื่นๆยื่นหน้าออกมาดู มองเห็นผมก็ ต่างหดหัวกลับเข้าไป

เดินไปจนถึงห้องพักของพวกโจวหยาง ผมยังคงเหลือบ มองเข้าไปด้านใน มองเห็นโจวหยาง กับพวกหลี่เจ๋ที่ล้อม ไว้ กำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่ กำลังปรึกษากันเรื่องจะ จัดการผมยังไงเหรอ? ผมไม่ได้มองพวกเขาอีก แต่รีบ เดินออกจากตึกของหอพักนักศึกษา

เมื่อครู่เขาได้เหยียบย่ำโจวหยางอย่างโหดเหี้ยมแล้ว ปมที่อยู่ภายในใจของเขาคลี่คลายออกไม่น้อย แต่กลับ ไม่มีความสุขขึ้นมาเลย นี่มันเป็นเพราะอะไรกัน กลับไม่ สามารถบอกเหตุผลได้ เพียงแต่เห็นโจวหยางถูกดูถูก เหยียบย่ำแบบนั้น ในใจยังคงรู้สึกสะใจมาก

มือข้างหนึ่งยืนออกมาพาดไปที่ไหล่ของผม เย่จ่าง หัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า“เป็นไงบ้าง หายโกรธได้บ้างรึ ยัง? ”
ผมพยักหน้า แล้วยิ้มฝืดๆแล้วพูดขึ้นมาว่า”นายรู้สึก ว่าฉันใจแคบมากเลยใช่ไหม แค้นต้องชำระ? “ภาพ เหตุการณ์ที่ผมล้วงเอาคอไก่ออกจากซอง มาขยี้ใส่หัว ของโจวหยาง ต้องตราตรึงไว้ในความทรงจำของเขาแน่ๆ

“ไม่นิ่” เย่จ่างหัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า”มีแค้นก็ต้อง ชำระอยู่แล้ว คนที่อยากทําอะไรสำเร็จก็ต้องโหดเหี้ยม หน่อย ออกมาใช้ชีวิตก็ต้องทำแบบนี้นั่นแหละ !

ออกมาใช้ชีวิต? ! ผมตะลึงกับคําว่า”ออกมาใช้ชีวิต”ค่า คำนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นบนตัวของเขาเลย เพียงชั่วพริบตา เดียวมันกลับเกี่ยวข้องกับผมอย่างไม่ค่อยชินเท่าไหร่

เย่จ่างกลับยังคงพูดกับเขาไม่หยุด เนื้อหาโดยรวมส่วน ใหญ่จะเล่าว่าเมื่อก่อนเขาโหดร้ายป่าเถื่อนอย่างไร อีกทั้ง ยังชื่นชมกับการกระทำของผมเมื่อครู่อีกด้วย ในสายตา ของเขา ในเมื่อผมคือน้องชายของเมิ่งเลี่ยง แน่นอนว่า ต้องออกมาใช้ชีวิตเป็นอันธพาลเป็นแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ