บทที่ 16 กระต่ายถึงตาจนยังรู้จักกัดคน
“เพราะหมู่เฉิงเฟยตั้งแต่มีชื่อเสียงโด่งดังจนกลายเป็น ลูกพี่ใหญ่ เขาใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น เซี่ยเสว่กล่าว ด้วยรอยยิ้ม
ฉันยิ่งอยากรู้มากขึ้น”เล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังหน่อย”หมู่ เฉิงเฟยอายุมากกว่าฉันแค่หนึ่งปี เนื่องจากเรียนไม่เก่ง เขาจึงเลือกไปที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิงหนานเรียนสาย วิชาชีพ และไปที่วิทยาลัยได้แค่ปีเดียว ในปีนั้น ไม่รู้มี เรื่องอะไรเกินขึ้นกับเขา?
“ว่ากันว่าตอนที่หมู่เฉิงเฟยพึ่งเข้าวิทยาลัยช่วงแรก เขา มักถูกคนอื่นรังแกเหมือนคุณเลย
ใบหน้าของฉันแดงก่ำ แต่เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเสว่ไม่ได้ สังเกตเห็น ยังคงพูดต่อ ต่อมาหยู่เฉิงเฟยมีพรรคพวก กลุ่มหนึ่ง เริ่มมีชื่อเสียงในวิทยาลัยอาชีวศึกษาเฉิงหนาน ค่อยๆเอาชนะลูกพี่ใหญ่หลายๆคน และค่อยๆขึ้นมาแทน ตำแหน่งของพวกเขา หยู่เฉิงเฟยใช้เวลาเพียงหนึ่งปีจาก คนที่ไม่มีชื่อเสียงจนเป็นลูกพี่ใหญ่ และที่สำคัญที่สุดคือ เขายังเป็นนักเรียนต่างถิ่นด้วย”
เซี่ยเสว่ยิ้มและกล่าวว่า”คนพวกนั้นที่ฉันพึ่งพูดถึง ล้วน แต่เป็นคนในท้องถิ่นเป่ยหยวน นักเรียนในท้องถิ่นจะรวม ตัวกันเร็วมาก เพราะมีเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมกับ ความสามัคคีในหมู่นักเรียนท้องถิ่นด้วยกัน ในเป่ยหยวนมีนักเรียนต่างถิ่นไม่กี่คนที่สามารถเข้ามามีอำนาจ และอิทธิพลได้ ไม่ใช่ไม่มีคนต่างถิ่นที่มีความสามารถ แต่เป็นเพราะนักเรียนในท้องถิ่นไม่ยอมให้นักเรียนต่าง ถิ่นมีอำนาจ ถ้านักเรียนต่างถิ่นมีอำนาจก็เหมือนตบหน้า นักเรียนในท้องถิ่น? แต่หยู่เฉิงเฟยเป็นคนที่ได้รับการ ยกเว้น ถึงแม้เขาจะเป็นคนต่างถิ่น แต่เขาสามารถขึ้นมา ได้ ตอนนี้เขาเป็นบุคคลที่มีอำนาจของวิทยาลัย
หลังจากที่เซี่ยเสว่พูดเรื่องนี้จบ ทำให้ฉันตื่นเต้นกับเรื่อง นี้มากๆ ฉันไม่คาดคิดว่าหยู่เฉิงเฟยจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ขนาดนี้
“หยวนเส้าและเมิ่งเลี่ยงทั้งสองคนก็เข้าร่วมกับเขา “เซี่ย เสว่พูด“นักเรียนที่เข้าร่วมกับหยู่เฉิงเฟยมีชื่อเสียงมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเขา! ถ้าเขาพูดกับลูกพี่ใหญ่สอง สามคนในโรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน รับรองว่าคุณ อยู่โรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนานได้อย่างสบายและ ปลอดภัยแน่นอน”
ฉันยิ้มและพูดว่า”มองไม่ออกเลยว่าคุณรู้เรื่องนี้เป็น อย่างดี”
เซี่ยเสบู่หน้าแดงและพูดว่า”จริงๆแล้วฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ หรอก ทั้งหมดฟังมาจากคนอื่น คุณก็น่าจะรู้ว่าฉันเป็นผู้ หญิง มีผู้ชายมากมายชอบมาอยู่รอบๆตัวฉัน ถ้าอยากรู้ เรื่องพวกนี้ก็ง่ายนิดเดียว”
“รอฉันจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ….ฉันพูด หัวใจของฉันก็ เริ่มกระวนกระวาย
เซี่ยเสวกะพริบตา”จัดการเสร็จแล้วคุณจะทำอะไร? “
ฉันสัมผัสมือของเซี่ยเสวโดยไม่รู้ตัว มือของเธอนุ่มนวล และเรียบเนียนอย่างที่ฉันได้จินตนาการไว้!
“เธอทําอะไร? “เซี่ยเสน่หน้าแดง รีบดึงมือออกมา
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”แต่ฉันกลับดีใจมากๆและอดไม่ ได้ที่จะพูด”คุณดีกับฉันจังเลย”
“พูดเรื่องไร้สาระอะไร”เซี่ยเสบู่หน้าแดงมากขึ้น”ทุกคน เป็นเพื่อนร่วมชั้น ช่วยเหลือกันก็เป็นเรื่องปกติ”
“ทําไมคุณถึงไม่ไปช่วยคนนั้น? “ฉันหันหัวเล็กน้อย ชี้ ไปที่โจวหยาง
“เขาเหรอ? “เซี่ยเสว่พูดด้วยใบหน้าดูถูก”ฉันไม่ชอบ เขา ตามหลังแล้วแอบอ้างบารมีของหลี่เจ๋ ยังโอ้อวดว่า ครอบครัวตัวเองมีเงินเยอะ ได้ข่าวว่าพ่อกับแม่ของเขา เป็นข้าราชการของตำบลตงกวน? เฮ้อๆ นินทาเขาเกินไป หรือเปล่า! ”
ได้ยินเซี่ยเสว่พูดแต่เรื่องไม่ดีของโจวหยาง ฉันดีใจ มากๆ เมื่อก่อนตอนอยู่มัธยมต้น โจวหยางรวมตัวคนทั้ง ห้องกลั่นแกล้งฉัน ตอนนั้นฉันนึกว่าปัญหาเกิดจากตัวเอง ดูเหมือนฉันทำอะไรผิดทำไมทุกคนเกลียดฉัน? ตอนนี้ดู เหมือนว่า ฉันกังวลมากไปจริงๆ
คาบเรียนนี้ผ่านไปอย่างเร็ว หลังเลิกเรียน ฉันพูดกับ โจวหยางว่า”คุณไปหาหงสี่เถอะ เขารอคุณอยู่ด้านล่าง อาคารเรียน! ”
พูดจบ ฉันก็เดินออกจากห้องด้วยท่าทางเท่ๆ ไปรอพวก เขาที่ด้านล่างอาคารเรียน
นักเรียนลงมาชั้นล่างเยอะมากๆ นักเรียนต่างถิ่นไปห้อง รับประทานอาหารด้วยกัน นักเรียนในท้องถิ่นขี่จักรยาน กลับบ้าน
หลังรอเป็นเวลานาน หงลี่กับโจวหยางก็ยังไม่มาสักที ฉันเบื่อหน่ายมากๆก็เลยมองไปที่บันได ทันใดนั้นก็เห็น ใครบางคน
เขาดูสง่างามเหมือนกับเจ้าชายที่เดินออกมาจาก เทพนิยาย ซูเสี่ยวป่ายก้าวเท้าอย่างช้าๆและเดินลงไปชั้น ล่างพร้อมกับรอยยิ้ม
ข้างกายเขายังมีผู้หญิงหน้าตาสวยคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นกอดแขนของเขา มันดูโรแมนติกและหวานซึ้งมากๆ แม้ว่านักเรียนมีความรักในวัยเรียนจะเป็นเรื่องปกติ ประเด็นสําคัญคือสถานที่นี้เป็นโรงเรียน ต้องแสดงออก ทางความรักโจ่งแจ้งขนาดนี้เลยเหรอ?!
ต้องบอกเลยว่า ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆซูเสี่ยวป่ายนั้นสวย มากๆ ใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณผ่องใส เธอดูเหมาะสมกับซู เสี่ยวป่ายมากๆ
เสี่ยวป้ายเคยช่วยฉันไว้ตอนบ่ายวันนี้ ฉันจึงกล่าว ทักทาย โดยเลียนแบบน้ำเสียงของเย่จ่างและพูดว่า “พี่ เสี่ยวป่าย! ”
ซูเสี่ยวป้ายมองฉันที่กำลังเดินเข้ามา ยิ้มและพูดว่า”หวา งห้าวเหรอ ทำอะไรอยู่ที่นี่? ”
“ฉันกำลังรอโจวหยางกับหงลี่”ฉันพูด”หยวนเส้าอยาก เจอพวกเขา”
ซูเสี่ยวป่ายพยักหน้า“อืม ถ้าหยวนเส้าพูดกับหงลี่ด้วยตัว เอง เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาแน่นอน”
ฉันยิ้มและรู้สึกวางใจมากขึ้น พูดว่า”คนนี้คือพี่สะใภ้ใช่ ไหม? เธอดูสวยมากๆ
ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆซูเสี่ยวป่ายยิ้มออกมาด้วยความดีใจพูดเบาๆว่า “ขอบคุณ” เสียงเธอน่าฟังมาก
“อืม แฟนของฉันเอง” ซูเสี่ยวป่ายยิ้มและพูดว่า”ชื่อเย่ เขียนเขียน
“อืม อืม จำได้แล้ว”ฉันมองหน้ายิ้มแย้มของ เสี่ยว ป่าย อดไม่ได้เลยยิ้มออกมา ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วทำไม มนุษยสัมพันธ์ของเขาถึงดีขนาดนี้ ทำไมมีคนรู้จักมาก ขนาดนี้ เขาเป็นคนชอบยิ้ม ใครเห็นหน้าเขาก็คงโกรธไม่ ลง
“โอเค ฉันไปก่อนนะ เธอรอไปก่อนแล้วกัน! “ซูเสี่ยวป่า ยพาเย่เขียนเชี่ยนเดินจากไป
มองเห็นแผ่นหลังของพวกเขา ลืมถามไปเลยว่าตอน บ่ายใครเป็นคนไปเรียกเขามาช่วยฉัน คำถามนี้เก็บไว้ ถามเขาคราวหน้าแล้วกัน
หลังรอต่ออีกสักครู่ หงลี่กับโจวหยางก็เดินลงมา
หลังจากที่หงสี่เห็นฉัน ก็ด่าฉันอีกครั้ง เธอไปหาหยวน เส้าทําไม? บอกให้เธอเอาเงินพันหยวนมา เธอไม่ยอมให้ ใช่ไหม? เธอเก่งมากที่กล้าไปหาคนของวิทยาลัยมาช่วย อนาคตเธอยังอยากอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายเฉิงหนาน ไหม? ”
หลังจากที่ถูกเขาด่า ไฟแห่งความโกรธในใจฉันได้ปะทุ ขึ้นมา แต่ฉันก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปมีเรื่องกับ เขา เดียวก็โดนทำร้ายอีก ฉันก็เลยฝืนตัวเองและพูดเบาๆ ว่า”ไปเถอะ หยวนเส้ากำลังรอพวกคุณอยู่
เมื่อเห็นฉันยอมรับความพ่ายแพ้ โจวหยางมองมาที่ฉัน อย่างคนมีชัย เขาเป็นผู้ชายจอมปลอมที่ชอบแอบอ้าง บารมีของคนอื่นจริงๆ
หงสี่เดินไปด้วยด่าไปด้วยตลอดทาง หลายครั้งฉันอดไม่ ได้ที่จะหยิบก้อนอิฐที่อยู่ข้างถนนมาทุบหัวเขา
หลังจากมาถึงร้านอินเทอร์เน็ต หยวนเส้ากับเมิ่งเลี่ยงรอ อยู่ที่หน้าประตู มีประมาณสิบกว่าคน แต่ก็ยังไม่เห็นหมู่ เฉิงเฟย
“โอ้โห! “หงลี่อุทานอย่างเกินจริง “หยวนเส้า ทำไม คนเยอะจัง หรือพวกคุณต้องการทุบตีฉัน? “หยวนเส้า หัวเราะออกมาแล้วเดินเข้าไปและกอดไหล่ของหงสื่ เหมือนคนสนิทกัน”ดูสิ่งที่คุณพูดสิ คนเยอะขนาดนี้ไม่ได้ แปลว่าต้องมาตีกัน? มันเป็นการเข้าแถวเพื่อต้อนรับคุณ ไม่ได้เหรอ?
“พอเลย”หงลี่ใช้หมัดชกไปที่หยวนเส้าเบาๆพวก คุณวิทยาลัยอาชีวศึกษาเจ้าเล่ห์มาก คำพูดเชื่อถือไม่ ได้! “ขณะพูดยังมองหน้าผมเลย ราวกับจะบอกฉันว่า“หนุ่มน้อย เห็นหรือยัง ฉันกับหยวนเส้ามีความสัมพันธ์ ที่ดีต่อกัน สิ่งที่เธอต้องการอาจจะผิดหวังก็ได้”
“ฮ่าๆๆๆ….หยวนเส้ากับหงสี่ทั้งสองคนหัวเราะออกมา
เมื่อมองแบบนี้ดูเหมือนพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน
หงสี่เหลือบมองคนที่อยู่ข้างๆหยวนเส้าอีกครั้ง ถามโดย ไม่ได้ตั้งใจว่า”หยู่เฉิงเฟยไม่มาเหรอ? ”
“เมื่อวานเขาโต้รุ่งจนถึงเช้า ตอนนี้น่าจะนอนอยู่ที่ หอพัก” หยวนเส้าหรี่ตาของตัวเอง
“โอ้”ฉันสังเกตเห็นหงลี่รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“โอเค โอเค”หยวนเส้านั่งลงบนขั้นบันไดของทางเข้า หน้าประตูร้านอินเทอร์เน็ต และเรียกให้เขานั่งลงด้วยกัน ทั้งสองคนนั่งลงเคียงข้างกัน สูบบุหรี่และดูพระอาทิตย์ที่ กำลังจะตกดิน มันมีกลิ่นอายของบุญคุณและความแค้น จริงๆ
“บอกฉันเกี่ยวกับเรื่องของหวางห้าวหน่อย”หยวนเส้า เขี่ยบุหรี่ที่อยู่บนนิ้ว
“ได้” หงสี่พับแขนเสื้อขึ้น มีความโอ่อ่าขึ้นมา
“ฉันแนะนำว่าให้เรื่องนี้จบลงที่นี่”หยวนเส้าพูด”วันนั้นที่ เมิ่งเลี่ยงให้เย่จ่างมา เพราะต้องการให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี เย่จ่างกับหลี่เจมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พวกเขาสามารถจบลง เรื่องนี้ได้ง่ายๆ และฉันได้ข่าวมาว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกัน แล้ว และทำไมคุณก็เข้ามายุ่งเรื่องนี้ ? “ตอนที่พูดใกล้จะ จบเขาใช้น้ำเสียงที่ดูตลก
“หยวนเส้า เราต้องพูดด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดี” หง ลี่พูดอย่างช้าๆ”ถ้าวันนั้น มันจบลงด้วยดีก็แล้วไป แต่ลูก น้องของคุณรังแกพวกเรามากเกินไป เอากระดูกไก่ที่ เป็นชิ้นๆเทใส่หัวโจวหยาง พฤติกรรมแบบนี้เป็นการดูถูก เหยียดหยามเกินไปไหม? “หยวนเส้าพูด“ข้อแรก”“โจ วหยางเป็นคนเอากระดูกไก่ที่เป็นชิ้นๆโยนใส่หวางห้าว ก่อน ข้อสอง หวางห้าวกลับหอพักในตอนกลางวัน โจว หยางและพวกใช้เท้าเหยียบผ้าห่มของเขา เรื่องพวกนี้ฉัน ไม่ได้พูดผิดใช่ไหม? จริงๆแล้วใครเป็นคนดูถูกใครกัน แน่? ”
“เฮ้อๆ” หงลี่พูด“ในห้องเรียน โจวหยางก็แค่แกล้งหวาง ห้าวเล่นๆ แต่เขาเหมือนคนบ้ารีบยกต้นว่านสิบแสนทุบ ไปที่หัวของโจวหยาง ในขณะอยู่ต่อหน้าคนทั้งห้องเรียน ด้วย เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงใช่ไหม? ฉันไม่ได้พูดผิดใช่ไหม?
ฉันพบว่า หงลี่กับหยวนเส้าเป็นคนในระดับเดียวกัน ก็ เหมือนกับเย่จ่างกับหลี่เจ๋ ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มเถียงกัน รุนแรง
ฉันทนไม่ไหวและพูดออกมาทันที“ตอนอยู่มัธยมต้นโจว หยางรังแกฉันมาสามปี ฉันทนไม่ไหวก็เลยลงมือไป! ”
หยวนเส้ากางมือของเขา “หงลี่ คุณได้ยินหรือยัง? โดน ร้งแกมาตั้งสามปี? เฮ้อๆ ถ้ากระต่ายถึงตาจนมันก็รู้จักกัน คนเลย? ”
หง ถาม”โจวหยาง มีเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ? ”
โจวหยางเดินเข้ามา พูดด้วยสีหน้าปกติว่า”ไม่มี เขาพูด
โกหก”
“คุณพูดอะไร? ! “ฉันจ้องมองเขา และความโกรธของ ฉันก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
โจวหยางถอยหลังหนึ่งก้าว น้ำเสียงของเขาสั่นและพูด
ว่า”พวกคุณดูสิ ใครรังแกใครกันแน่?
หงลี่หัวเราะและพูดว่า”หยวนเส้า ฉันยังไม่เคยเห็นคนที่ โดนรังแกมาสามปีจะกล้าขนาดนี้ ใครเป็นคนพูดโกหกคง ไม่จำเป็นต้องพูดอีก ? “หยวนเส้าแคะหูของเขา”นี่ก็เป็น เรื่องปกติ เมื่อก่อนโดนรังแก ไม่ได้แปลว่าต้องโดนรังแก ตลอดไป ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ ก็เหมือนกับพี่หมู่ หนึ่งปีก่อนตอนอยู่วิทยาลัยอาชีวศึกษาก็มีแต่คนเรียกเขา ว่าเป็นคนขี้ขลาดตาขาว? ”
เมื่อได้ยินชื่อ” หยู” หงตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด รีบมอง ซ้ายมองขวาทันที ก่อนที่จะใช้น้ำเสียงดูถูกคนโง่อย่าง หวางห้าว ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปเปรียบเทียบกับหมู่ เฉิงเฟย? “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ