เศรษฐีรุ่นใหม่

บทที่ 6



บทที่ 6

บทที่ 6

นายท่านหลี่หันมามองลุงต่งแล้วพูดขึ้น “แกะของออกดู

เขาเองก็อยากจะเห็นว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนส่งมา

ลุงต่งพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะลงมือแกะกล่องนั้นออก ซึ่งก็เผยของที่อยู่ด้านในแก่สายตาของทุกคนได้เห็น

ทุกคนที่เห็นต่างก็นิ่งอึ้งไปตามๆ กัน

ซึ่งด้านในเป็นไข่มุกราตรีขนาดใหญ่เม็ดหนึ่งนั่นเอง

ไข่มุกราตรีเลยเนี่ยนะ!

ทุกคนต่างรู้ดีว่า ราคาของไข่มุกราตรีตามธรรมชาติ ตอนนี้ มันแพงอย่างมาก! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอันที่ใหญ่แบบ นี้เลย!

ปกติแล้วนายท่านหลี่ก็มักจะชอบอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ซึ่ง เขาก็ต้องรู้จักไข่มุกราตรีเป็นอย่างดี เพียงแค่มองปราด เดียว เขาก็ตะลึงงันไปทันที
นี่ต้องเป็นไข่มุกราตรีตามธรรมชาติอย่างแน่นอน ราคา ของมันตอนนี้ ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณหลายสิบล้าน หรือ อาจจะร้อยล้านเลยก็ได้

“ปิดไฟ แล้วก็ปิดประตูหน้าต่างให้หมด” นายท่านหลี่ ออกคำสั่งอย่างตื่นเต้นดีใจ

ทุกคนต่างก็พากันขยับตัว ช่วยปิดไฟปิดม่านทั้งหมดลง

พอทั่วทั้งห้องมืดสนิท ก็พลันมีแสงบางอย่าง สว่างไสว ขึ้นมาในโถงทันที

แสงที่นุ่มนวลของไข่มุกราตรีส่องลงมากระทบที่ใบหน้า ของทุกคน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสีหน้าที่อิจฉาและอัศจรรย์ ใจกันหมด

“คุณปู่ครับ ไข่มุกราตรีที่ส่องสว่างถึงขนาดนี้ ราคาของ มันต้องประเมินค่าไม่ได้แน่นอนเลยล่ะครับ” หลี่ผ่านถือ โอกาสฉอเลาะขึ้นมาทันที “ต้องเป็นบุคคลที่มีตำแหน่ง สูงส่งของตระกูลเรา ส่งมาให้เป็นของขวัญอวยพรแน่เลย ล่ะครับ”

นายท่านหลี่ยิ้มอย่างเบิกบานใจ ของขวัญอวยพร ที่ประเมินค่าไม่ได้แบบนี้ มันก็พอที่จะพิสูจน์ถึงฐานะ ตำแหน่งของคนที่ส่งมาแล้ว
แน่นอนว่า มันยังพิสูจน์ได้อีกว่า ไม่ใช่พ่อกับแม่ของหลี่ เสว่ส่งมาแน่นอน เพราะแม้แต่ของขวัญราคาแสนเดียว พวกเขาก็ยังซื้อไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงของที่ราคาสูงกว่า สิบล้านเลย!

แล้วเป็นใครกันนะ ที่ส่งของชิ้นนี้มากัน?

ขณะนั้นเอง ลุงต่งก็พบว่าด้านใต้ของไข่มุกราตรีนั้น มี บัตรอวยพรสอดมาด้วยใบหนึ่ง เขาก็รีบหยิบมันขึ้นมา แล้วบอกให้คนของเขาช่วยกันเปิดไฟและเปิดม่านขึ้น

“ช่วงนี้ธุรกิจค่อนข้างยุ่ง จึงทำให้ไม่ได้ไปร่วมงานชุมนุม อวยพรวันเกิดของตระกูล จริงๆ แล้วก็รู้สึกลำบากใจ หน่อยๆ จึงส่งของขวัญชิ้นนี้มาเป็นของแทนน้ำใจ ครั้ง หน้ามั่นใจได้ว่าจะต้องไปเยี่ยมนายท่านหลี่กับลูกสะใภ้ แน่นอน”

ใครเขียนมานะ?

แล้วลูกสะใภ้นี่ใครกัน?

ขณะนั้นเอง ก็มีชายหนุ่ม อายุประมาณยี่สิบปีเดินเข้ามา จากทางประตู

“เดิมทีวันนี้เป็นงานชุมนุมของตระกูลหลี่ จึงขออวยพร ให้ตระกูลหลี่ในอนาคต ธุรกิจรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป
หลังจากที่ทุกคนเห็นเขา ความสงสัยก็เหมือนถูก คลี่คลายไปโดยปริยาย

นายท่านหลี่เองก็เข้าใจได้ทันที ก่อนจะยิ้มทักทาย : “มา แล้วหรือคุณชายหลิ่ว เชิญนั่งก่อนสิ”

คุณชายหลิ่วเป็นบุคคลที่โดดเด่นมากของตระกูลหลิ่ว ที่เป็นที่รู้จักกันดีในเทียนเป่ย จากการได้รับความรักและ เอ็นดูจากนายท่านหลี่ ทำให้เขาได้กุมอำนาจของตระกูล หลิ่วเอาไว้

คุณชายหลิ่วยิ้มร่า ก่อนจะเดินมาเข้ามาหา

หลี่ผ่านที่เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้ามายิ้มพูดขึ้น : “คุณชาย หลิ่วมาก็ดีแล้ว ผมรู้สึกเกรงใจมากเลยนะครับเนี่ย ที่ให้ คุณชายหลิ่วต้องมาออกเงินมากมายแบบนี้”

“หือ?” คุณชายหลิ่วสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาของ เขาจะหันไปเห็นกล่องผ้าบุที่วางอยู่บนดต๊ะ เขาก็ตะลึงงัน ไปทันที

นั่นมันคือไข่มุกราตรีใช่ไหม?

มิน่าล่ะ เมื่อกี้นี้ตอนที่เขาอยู่ข้างนอก เขาเห็นว่าด้านใน ไม่ได้เปิดไฟอยู่ เขาก็คิดว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเสีย อีก!
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาเห็นแสงสว่างขึ้นมาจากด้านใน ล่ะก็ เขาก็คงจะกลับไปแล้วล่ะ

เขาเองก็มีความรู้เกี่ยวกับไข่มุกราตรีอยู่เหมือนกัน เพียง แค่มองก็รู้แล้วว่าไข่มุกราตรีเม็ดนี้ มีราคามากกว่าสิบล้าน เลยทีเดียว ใครกันนะที่เป็นคนส่งมา?

หลี่ผ่านรู้สึกได้ว่าคุณชายหลิ่วมีอาการนิ่งอึ้งไป จึงถาม ไปอย่างระมัดระวังว่า : “คุณชายหลิ่วไม่ได้เป็นคนส่งมุก เม็ดนี้มาหรือครับ?”

คุณชายหลิ่วเก็บสีหน้าที่มีอยู่ตอนนี้ ก่อนจะหัวเราะฮ่า “ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่หรอก แต่น่าจะเป็นพ่อที่ส่ง มาให้มากกว่าน่ะ วันนี้ก่อนที่ฉันจะออกมา ฉันก็ได้บอกกับ พ่อไปก่อนแล้วว่า วันนี้ที่บ้านตระกูลหลี่มีงานชุมนุมตระ กูลกันน่ะ”

พูดจบ ทุกคนต่างก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ก่อนจะรู้สึกอิจฉาขึ้น มา แค่ลงมือก็สามารถใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้ได้ ช่าง เป็นตระกูลที่ใหญ่โตเสียจริง

พ่อบ้านเองก็รีบพาคุณชายหลิ่วไปหาที่นั่งทันที

ด้วยวัยวุฒิของคุณชายหลิ่วทำให้เขาถูกจัดที่นั่งอยู่แถว ที่สาม ชื่อของเขาคือหลิ่วจาวเฟิง และเขาก็เป็นที่ชื่นชอบ ของคุณพ่อตระกูลหลิ่วอย่างมาก
ทันทีที่หลิ่วจาวเฟิงเดินเข้ามา สายตาของเขาก็ชำเลือง มองไปที่หลี่เสวีตลอด ยิ่งตอนนี้เขาเองก็ได้นั่งอยู่ข้างๆ หลีเสว่ด้วย

หลีเสวกลับขมวดคิ้วแน่น เธอไม่อยากที่จะสนใจหลิ่ว จาวเฟิงเสียเท่าไหร่

หลังจากที่นายท่านหลี่เห็น เขาก็แอบชำเลืองมองโดย ไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา เขาย้อนคิดไปถึงตอนแรก ที่ ตระกูลหลิ่วได้เสนอการแต่งงานกับตระกูลหลออกมา ซึ่ง ตระกูลหลิ่วก็เจาะจงมาเลยว่าต้องเป็นหลี่เสวี่เท่านั้น ตอน นั้นเขารู้สึกดีใจอย่างมาก!

ตระกูลหลิ่วเป็นตระกูลที่สูงส่งตระกูลหนึ่ง หากได้ เกี่ยวดองกันล่ะก็ ตระกูลหลี่ของพวกเขาก็จะได้รับสิทธิ ประโยชน์มากมาย โดยที่ไม่ต้องพูดถึงเลย

แต่หลังจากที่เขาได้บอกเรื่องนี้แก่หลี่เสวไป หลี่เสวกลับ รีบไปแต่งงานกับเจ้าหนุ่มบ้านนอกนั่นทันที ทำให้เขาแทบ จะฟิวส์ขาดขึ้นมาเลย

โอกาสที่ดีแบบนี้ แต่กลับถูกหลี่เสว่ทำลายลง ดังนั้นใน ตอนนี้เขาจึงแทบจะไม่สนใจไยดีอะไรหลี่เสวี่เลย

“คุณชายหลิวยังดูหนุ่มดูหล่ออยู่เลย คงจะมีสาวๆ ตาม จีบมากเลยใช่ไหม?”
หลิ่วจาวเฟิงยิ้มตอบ “ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ แต่ใช้ชื่อเสียง ของตระกูลนำหน้าก็เท่านั้นล่ะครับ”

“คุณชายหลิ่วถ่อมตัวเกินไปแล้ว” นายท่านหลี่หัวเราะร่า “พอพูดขึ้นมา คุณชายหลิ่วก็คงจะมีคนที่สนใจอยู่แล้วใช่ ไหม?”

หลิ่วจาวเฟิงหันไปมองทางหลี่เสว่ “จะไม่ปิดบังแล้วกัน นะครับ ที่จริงผมมีคนที่สนใจอยู่แล้วล่ะครับ แล้วก็รอเธอ มาตลอดด้วยล่ะครับ”

นายท่านหลี่เองก็หันไปมองทางหลี่เสวอย่างคลุมเครือ ก่อนจะถามอย่างสงสัยว่า : “งั้นหรือ? ไม่รู้ว่าลูกสาวของ ตระกูลไหนกันนะ ที่เป็นคนที่โชคดีขนาดนั้น”

หลิ่วจาวเฟิงก็หันสายตาออก ก่อนจะยิ้มพูดขึ้น : “รอ พวกเราได้คบกันก่อนนะครับ ถึงตอนนั้นค่อยมาบอกอีกที ก็ไม่สายหรอกครับ”

นายท่านหลี่รู้อยู่แก่ใจ แต่กลับพูดขึ้นว่า : “นั่นยิ่งทำให้ ฉันสงสัยน่ะสิ”

“ฮ่าๆ…” หลิ่วจาวเฟิงหัวเราะออกมา แต่ไม่ได้ตอบอะไร กลับไป

หลี่เสว่ที่รู้สึกได้ถึงสายตาที่หลิ่วจาวเฟิงมองมาที่เธอตลอด ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ แต่จะไปไหนก็ไม่ได้

นายท่านหลี่พลันพูดอย่างเสียอกเสียดายว่า : “ความ สัมพันธ์ของพวกเราสองตระกูลก็ดีกันแท้ๆ แถมลูกสาว ของตระกูลหลี่ที่อยู่ในอายุที่เหมาะสมก็มีตั้งเก้าคน หาก คุณชายหลิ่วชอบพอกับใคร ก็สามารถแต่งงานด้วยได้ เลย แต่น่าเสียดาย…”

“เรื่องมันยังไม่จบสักหน่อยนะครับ นายท่านหลี่!” หลิ่ว จาวเฟิงหันมามองที่หลี่เสว่อีกครั้ง

แต่หลังจากที่หลี่เสว่ได้ยินคำพูดของนายท่านหลี่เธอก็ เยือกเย็นลงทันที หากนับเธอเข้าไปด้วยเธอก็จะกลาย เป็นคนที่สิบของตระกูล แต่เขากลับพูดแค่เก้า เห็นได้ชัด เลยว่าคุณปู่ไม่ได้นับเธอเป็นคนในตระกูลหลี่ด้วยซ้ำ

ทั่วทั้งงานเลี้ยงตอนนี้ สายตาของหลิ่วจาวเฟิงมองมาที่ ใบหน้าของหลี่เสว่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหลี่เสว่ก็แสร้งทำเป็น มองไม่เห็นตลอด และทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้พูดคุยอะไร กันเลย

หลังจากสิ้นสุดงานลง หลี่เสวก็ก้มหน้าเดินออกไปด้าน นอกทันที จนมาถึงรถของเธอคันนั้น

ทันใดนั้นเอง ก็มีรถเฟอรารี่คันสีน้ำเงินมาจอดอยู่ต่อ หน้าของเธอ พลันหลิ่วจาวเฟิงก็ลงมาจากรถ แล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าของหลี่เสว่ “เสบู่เอ่อพวกเราเองก็เป็น เพื่อนสมัยเรียนกันนะ ทำไมเมื่อกี้นี้เธอถึงไม่สนใจฉันเลย ล่ะ?”

หลี่เสวพลันสีหน้าแข็งที่อไป ก่อนจะตอบอย่างเรียบ เฉย : “พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย

พวกเธอทั้งสองคนต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน สมัย ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนั้นหลิ่วจาวเฟิงเอง ก็ตามจีบเธอตลอด แต่หลี่เสว่ไม่ได้มีกะจิตกะใจที่จะหา แฟนที จึงปฏิเสธไป

ต่อมานายท่านหลี่ก็บอกให้เธอทราบเรื่องการเกี่ยวดอง กัน เธอจึงเดาได้ทันทีว่าคงเป็นเพราะหลิ่วจาวเฟิงแน่ๆ ดัง นั้นเธอจึงเขียนข้อตกลงแต่งงานกับไปเฟยทันที

“จะมาบอกว่าไม่สนิทได้อย่างไรกันล่ะ? พวกเราเป็น เพื่อนตอนสมัยมหาวิทยาลัยกันไม่ใช่หรือ? อีกอย่าง อีก แค่นิดเดียวพวกเราก็จะได้กลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว ด้วยนะ” หลิ่วจาวเฟิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ

หลี่เสบู่ทำสีหน้าขรึมลง ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉยว่า : “ฉันแต่งงานมาสองปีแล้วนะ จะพูดอะไรก็ระมัดระวัง หน่อย”
“ไม่เป็นอะไรหรอกน่า!” หลิ่วจาวเฟิงยิ่งดูไม่ใส่ใจเข้าไป ใหญ่ “สามีที่ไร้ประโยชน์ของเธอเป็นคนแบบไหน ทำไม ใครจะไม่รู้ล่ะ? ฉันคิดว่าเธอเองก็คงไม่ชอบเขาด้วยใช่ ไหม?”

หลี่เสว่คิ้วบางๆ ถึงเธอจะไม่ได้ชอบไปยี่เฟยขนาด นั้น แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจเขา

หลิ่วจาวเฟิงเห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นต่อ : “เสว่เอ๋อ เธออย่า กับเจ้านั่นไปเถอะนะ แล้วก็มาแต่งงานกับฉัน! ฉันสามารถ ให้สิ่งที่เธอต้องการได้ทุกอย่างเลยนะ แล้วเธอก็จะได้ กลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดบนโลกใบนี้!”

หลี่เสว่ไม่พูดอะไร ตอนนี้เธอไม่อาจจะหย่ากับไป์ยี่เฟย ได้จริงๆ!

ขณะนั้นเอง ที่ด้านหลังของพวกเขาก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำของ ชายคนหนึ่งดังขึ้น “เธอไม่มีทางหย่ากับผมหรอกครับ!”

ซึ่งคนที่มาก็คือไป์ยี่เฟยนั่นเอง!

หลี่เสว่เห็นเขาก็นิ่งอึ้งไป “นี่คุณมาทำอะไรที่นี่กัน?”

หลิ่วจาวเฟิงเองก็ส่งเสียหัวเราะเยาะ “นี่นายคือไปยี่เฟ ยงั้นหรือ? หี! ก็เป็นแค่คนบ้านนอกที่สวมเสื้อผ้ามอซอราคาถูก มีคุณสมบัติอะไรมาครอบครองเสวี่เอ่อกัน? นาย สามารถมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเสบู่เอ๋อได้หรือไง? นายสามารถซื้อของที่เธออยากได้ให้ได้หรือเปล่า? นาย มันก็แค่คนไร้ประโยชน์! มอบความสุขให้กับเสบู่เอ๋อไม่ได้ หรอก!”

แต่ไปยี่เฟยกลับมองไปที่หลี่เสว่อย่างอ่อนโยน ก่อนจะ ตอบเธอไปว่า : “นี่มันก็ดึกแล้ว ผมไม่วางใจหากคุณต้อง อยู่คนเดียวน่ะ”

หลี่เสว่รู้สึกใจเต้นตึกตักขึ้นมา ก่อนจะเดินไปอยู่ข้างๆ

ไปยี่เฟย

หลิ่วจาวเฟิงรู้สึกเหมือนทำให้ขายหน้า เขาคิดอยากจะ ยื่นมือออกไปดึงตัวหลี่เสว่มา แต่กลับถูกไป์ยี่เฟยปัดออก ไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า : “ห้ามนาย มาแตะต้องมือของภรรยาฉันเด็ดขาด!”

“แล้วก็ เสว่เอ๋อไม่ใช่ชื่อที่นายจะเรียกได้หรอกนะ!”

หลิ่วจาวเฟิงได้ยินแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไปทันที ทางด้านหลี่เส ว่เองก็เช่นกัน

เป็นครั้งแรกที่หลี่เสว่เห็นด้านแบบนี้ของไป์ยี่เฟย ทำให้ เธอควบคุมใจที่กำลังเต้นตุบตับอยู่ในอกตอนนี้ไม่ได้เลย
หลิ่วจาวเฟิงที่ได้สติกลับมา ก็จ้องไปที่ไปยี่เฟยเขม็ง “นายมีคุณสมบัติอะไรกัน? ก็แค่คนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น!”

ไป์ยี่เฟยกับหลี่เสว่ไม่คิดที่จะไปสนใจอะไรหลิ่วจาวเฟิ งอีก ก่อนที่หลี่เสว่จะพูดขึ้นว่า : “พวกเรากลับบ้านกัน เถอะค่ะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ