เศรษฐีรุ่นใหม่

บทที่ 1



บทที่ 1

บทที่ 1

“โปรดฟ้าคุ้มครองให้ตระกูลหลี่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ไร้ ความเสื่อมถอยใดๆ ให้ลูกให้หลานทั้งหมดต่างก็ประสบความ สําเร็จด้วยเถิด!” นายท่านหลี่คํานับก่อนจะปักธูปลงไปใน กระถางธูป

วันนี้เป็นการชุมนุมประจำปีของตระกูลหลี่ที่เป็นตระกูลที่ มีชื่อเสียงของเมืองเจียงโจวซึ่งจะจัดปีละหนเท่านั้น ในงาน ชุมนุมเองก็มีคนนับร้อยมาพบปะพูดคุย จนเสียงดังเซ็งแซ่ ดู แล้วปลุกใจให้ฮึกเหิม

พลันมีบุคคลระดับสูงคนหนึ่งของตระกูลหลี่ลุกขึ้นเดินออก มาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวานว่า : “สวัสดีทุกๆ ท่าน การที่พวก เราตระกูลหลี่จะมาถึงจุดนี้ได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะโชค เพราะบุญวาสนาของผู้นำตระกูล เพราะฉะนั้นวันนี้โปรดชนรุ่น หลังทุกท่าน ได้มอบของขวัญให้กับผู้นำตระกูลของเรา เพื่อ เป็นการแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลด้วย!”

หลังจากพูดจบ ก็มีหลายสิบคนที่ต่างหยิบของขวัญของตัว เองออกมา แล้วเข้ามายืนต่อแถวรอมอบของเป็นลำาดับ

แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีเงาของคนๆ หนึ่งพุ่งออกมาจากประตู บ้านพักตระกูลหลี่ด้วยสีหน้าที่ร้อนรน แถมตามร่างกายก็ยังมี คราบเลือดเปรอะเปื้อนไม่น้อยเลยอีกด้วย
ไป์ยี่เฟยเป็นลูกเขยของตระกูลหลี่ ในสายตาของคนอื่นนั้น ไป์ยี่เฟยเป็นคนที่ทั้งวันไม่ยอมทําอะไร เอาแต่เที่ยวเล่น แถม ยังอาศัยเกาะกินอยู่อาศัยบ้านของตระกูลหลี่ฟรีๆ อีกด้วย

“ทำไมถึงเพิ่งมากัน!” หลี่เสรีบดึงไป์ยี่เฟยเข้ามากระซิบถาม เพราะกลัวว่าจะมีคนอื่นในตระกูลเห็นเขาในสภาพนี้เข้า

ไป์ยี่เฟยสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดว่า : “คือ…น้องสาว ผมเกิดอุบัติเหตุน่ะครับ แล้วต้องการเงินสามแสนเพื่อเป็นค่า ผ่าตัดด่วนเลย!”

แต่ยังไม่ทันที่หลี่เสว่จะได้พูดอะไร หลิวจื่อหยุนที่เป็นแม่ยาย ของไป์ยี่เฟยก็แย่งพูดขึ้นมาก่อน : “น้องสาวเกิดอุบัติเหตุงั้น หรือ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเรากันล่ะ? จะเรื่องอะไรต้องดู ให้เหมาะสมด้วยว่ามันเร่งด่วนหรือเปล่า แล้วซื้อของขวัญมา หรือเปล่าล่ะ? รีบๆ เอาไปมอบให้นายท่านหลี่ได้แล้ว”

“แม่ครับ ผม…ผมเอาของขวัญราคาสามหมื่น…ไปสำรองจ่าย ที่โรงพยาบาลแล้วล่ะครับ!” ไป์ยี่เฟยพูดจบ ก็ก้มหน้าลงทันที

“นี่พูดว่าอะไรนะ?” พลันสีหน้าของหลิวจื่อหยุนเปลี่ยนเป็น มืดทีมลงทันที : “นายนี่ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ นะ ไม่ว่าจะเรื่อง อะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง แล้วใครอนุญาตให้นายเอาเงินที่ใช้ ซื้อของขวัญไปใช้อย่างอื่นกัน?”
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงพูดลากยาวออกมา : “ขอเชิญหลี่เสว่ แห่งตระกูลหลี่และลูกเขยตระกูลหลี่ ไป์ยี่เฟยมอบของขวัญ อวยพรให้กับนายท่านหลี่ได้!”

พอพูดจบ สายตาของทุกคนก็หันมามองที่ไป์ยี่เฟยด้วยแวว ตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

“นั่นมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? งานชุมนุมประจำปีที่น่ายินดีแบบนี้ ทำไมถึงมีรอยเลือดเต็มตัวแบบนั้น?”

“ช่างไม่มงคลเอาเสียเลย!”

ไป์ยี่เฟยก็พยายามฝืนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนายท่าน หลี่ : “คุณปู่ครับ คือผม…ผมอยากจะขอยืมเงินสักหน่อยได้ ไหมครับ พอดีน้องสาวของผมเกิดอุบัติเหตุ แล้วต้องการเงิน ก้อนหนึ่งเพื่อไปรักษาอย่างเร่งด่วนน่ะครับ…

เสียงที่ดูปีติยินดีจากทุกคนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน พร้อมทั้ง สีหน้าของคุณปู่ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปอึมครึมลงอย่างช้าๆ

พลันทั่วทั้งลานขณะนั้นก็เงียบลงทันที เงียบเสียจนรู้สึกน่า กลัวขึ้นมาเลย

หลิวจื่อหยุนก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าไปยี่เฟยก่อนจะ เหวี่ยงมือตบลงไปบนใบหน้าของเขาอย่างจัง

“คนไร้ค่าอย่างนายพูดอะไรออกมากัน? วันนี้เป็นวันชุมนุมของตระกูลนะ! มาพูดเรื่องอุบัติเหตุกับผ่าตัดอะไรตอนนี้ มัน ไม่มงคลเอาเสียเลย!” หลิวจื่อหยุนเธอรังเกียจไป่ยี่เฟยมา ตลอด เธอรู้สึกว่าการมีลูกเขยที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ ทำให้ไม่ ว่าตัวเองจะเดินไปที่ไหนก็ตามแต่ ก็ไม่อาจที่จะเชิดหน้าขึ้น อย่างภาคภูมิได้เลย

โดยที่ไม่รอให้ไปยี่เฟยได้ตอบ หลี่ผ่านก็เดินออกมา พร้อม กับพูดด้วยสีหน้าที่ดูถูก : “นี่อยากจะให้ทั้งตระกูลต้องขาย ขี้หน้าด้วยหรือไง? ไม่มีเงินที่จะไปซื้อของขวัญใช่ไหมล่ะ? ทำไมต้องเอาเรื่องน้องสาวมาพูดเล่นแบบนี้ด้วย?”

หลี่ผ่านเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของหลี่เสว่ แถมยังเป็นหนุ่มที่มี ตำแหน่งไม่ธรรมดา ของตระกูลหลี่รุ่นที่สามด้วย

“คุณปู่ครับ เป็นเพราะผมไม่ดีเองล่ะครับ คือ…คือว่า ตอนที่ น้องสาวไปช่วยเลือกของขวัญกับผม ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ นะครับ แล้วต้องการค่าผ่าตัดสามแสนด่วนที่สุดเลยครับ” ไป๋ ยี่เฟยพูดอย่างรู้สึกผิด

“นี่นายจะโทษคุณปู่ เรื่องที่น้องสาวนายเกิดอุบัติเหตุงั้นหรือ ไง?” หลี่ผ่านมองไปที่เขาด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ ซึ่งพอนายท่าน หลี่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาก็มืดทีมลง จนดูน่ากลัวทันที

“ไม่ๆๆ ไม่นะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คือผม…ผม ก็แค่อยากจะขอร้อง ยืมเงินสามแสนจากคุณปู่สักหน่อยน่ะ ครับ!” ไป์ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
พอได้ยินว่าไปยี่เฟยยังคงพูดวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อยู่ หลิวจื่อหยุนก็รีบรุดไปตรงหน้าของไป์ยี่เฟย ก่อนจะผลัก เขาเต็มแรง “นี่ยังไม่ยอมไสหัวไปให้พ้นอีกหรือไงเจ้าคนไ ค่า?” หลิวจื่อหยุนพูดด้วยสีหน้าที่อึมครึม : “ทุกคนขายขี้หน้าก็ เพราะนายหมดแล้ว!”

ไป์ยี่เฟยถูกผลักจนเซถอยหลังไป แต่เขาก็ยังไม่ยอมจากไป ไหน อีกทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่ท้อใจ : “แม่ครับ น้องสาวของผม รอผมอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ หากไม่มีเงิน น้องสาวของ ผมก็ทําการผ่าตัดไม่ได้ อาจจะถึงขั้นตายได้เลยนะครับ!

หลิวจื่อหยุนก็พูดด้วยอย่างเย็นชา : “ถ้าอย่างนั้นนายก็รีบ ไปที่โรงพยาบาลสิ จะมามัวอึ้งอยู่ที่นี่ทำไมกัน? แล้วก็อย่ามา วุ่นวายให้งานชุมนุมตระกูลของพวกเราวันนี้เสียด้วย!”

“ไม่ต้องพูดให้เสียเวลาแล้วล่ะค่ะแม่! พวกเรากลับกันเถอะ เดี๋ยวหนูคิดหาวิธีเอาเอง” ในที่สุดหลี่เสว่ก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงรีบสาวเท้ายาวไปหาไปยี่เฟยทันที

ส่วนนายท่านหลี่ที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูง ก็ไม่อยากที่จะสนใจ ไปยี่เฟยเลยแม้แต่นิด เขาโกรธเสียจนหันหลังเดินออกจาก โถงใหญ่ไปทันที

หลี่ผ่านหันไปมองหลี่เสว่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างเยือกเย็น : “วันนี้สามีสุดที่รักของเธอทำตัวน่าขายหน้าเหลือเกินนะ แต่ดู จากสภาพของเธอแล้ว การจะหาเงินสามแสน คงจะยากเย็น เลยล่ะ ใช่ไหม? อยากให้พี่คนนี้ช่วยพวกเธอหน่อยไหมล่ะ”
ไปยี่เฟยที่ได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกเป็นพระคุณขึ้นมาทันที เขา คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ชอบดูถูกคนอื่นอย่างพี่ชายคนนี้ จะยอม ให้เขายืมเงินได้

แต่หลี่ผ่านก็พูดขึ้นต่อทันที โดยไม่รอให้ไป์ยี่เฟยได้เปิดปาก พูด : “แค่ไปยี่เฟยต้องมาคุกเข่าให้พี่ต่อหน้าทุกคน แล้วก้มลง คํานับ สามครั้ง ถึงจะสามารถยืมเงินจากพี่ได้!”

“พี่หลี่ผ่าน พี่ทำเกินไปแล้วนะ!” พอได้ยินแบบนั้น หลี่เสวก็ โมโหขึ้นมาทันที

ในสายตาของหลี่เสว่ ถึงแม้ว่าไป์ยี่เฟยจะดูไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม แต่เขาก็เป็นสามีของเธอ เธอไม่มีทางให้คนอื่น มาดูถูกดูแคลนเขาได้ง่ายๆ แน่นอน

เพียงแต่ สิ่งที่หลี่ผ่านพูดเองก็ไม่ผิด ตอนนี้บริษัทของเธอ กำลังพบกับอุปสรรค จนแทบจะขาดทุนจนเกือบหมด ทำให้ไม่ สามารถจะหยิบยืมเงินสามแสนออกมาได้จริงๆ

หลี่ผ่านเองก็เคยไม่พอใจหลี่เสว่มาก่อน แต่เธอคิดไม่ถึงเลย ว่า เขาจะยังผูกใจเจ็บมาตลอด

“หลี่เสวอย่าเอาความใจดีของพี่ ไปทำให้เสียซะล่ะ” หลี่ผ่าน พูดอย่างไม่รีบร้อน

“ก็ได้ พี่ไม่ต้องพูดแล้ว ไป์ยี่เฟยพวกเราไปกันเถอะ”
“ผมยังไปไม่ได้ ผมยังไม่มีเงินแล้ว แล้วน้องสาวของผมจะ ทําอย่างไร?” ไป์ยี่เฟยใช้มือทั้งสองค้ำหัวของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ เดินไปทางหลี่ผ่าน ทำท่าทางราวกับกำลังจะนั่ง คุกเข่าคำนับให้เขา

“พอได้แล้ว!” ขณะนั้นเอง ก็มีผู้อาวุโสของตระกูลหลี่คนหนึ่ง ออกมาพูดว่า : “ยังทำให้น่าขายหน้าไม่พอหรือไง วันนี้ทุก คนในตระกูลก็อยู่ที่นี่กันหมด หลี่ผ่านไม่จำเป็นต้องทำให้มัน เกินไปขนาดนี้ก็ได้ อีกอย่าง เข่าของคนแบบไยี่เฟยก็คงไม่มี ค่าถึงสามแสนหรอก”

หลี่ผ่านที่ได้ยินแบบนั้นก็เบะปาก ก่อนจะหยิบมือถือออกมา : “ก็ได้ครับ…ไปยี่เฟยฉันจะให้นายยืมเงินก็ได้นะ แต่มีดอกเบี้ย สามแสนต่อหนึ่งสัปดาห์ ถ้าหากเอามาคืนภายในหนึ่งสัปดาห์ ไม่ได้ล่ะก็ สัปดาห์ที่สองก็จะเพิ่มเป็นหกแสน นายว่าอย่างไร ล่ะ?”

“ดอกเบี้ยแบบนี้มันแพงเกินไปแล้วนะ!” หลี่เสว่ไม่เห็นด้วย

อย่างยิ่ง

“แต่ผมเห็นด้วย!” ไป์ยี่เฟยรีบตอบรับทันที โดยไม่สนใจคำ แย้งจากหลีเสว่

“ได้สิ ทุกคนที่ได้ยินก็เป็นพยานให้แล้ว หวังว่าครอบครัวของ น้องสาวของพี่จะไม่เบี้ยวเงินหนีนะ” หลี่ผ่านพูดพลางหัวเราะ พลาง พอพูดจบ เขาก็โอนเงินให้กับไป์ยี่เฟยทันที
พอไป เฟยได้รับเงิน เขาก็รับไปจากที่ดังกล่าวทันที

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไปยี่เฟยก็รีบรุดมาที่โรงพยาบาล พอมาถึงเขาก็ได้รู้ข่าวจากพยาบาลว่า ไป์ยี่หลิงกำลังได้รับ การผ่าตัดอยู่ แถมยังเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาล เป็นคนลงมือเองด้วย

“พยาบาลครับ ไม่ทราบว่า ใครเป็นคนช่วยออกค่าผ่าตัดให้ หรือครับ?” ไปยี่เฟยถามอย่างสงสัยใครรู้

พอพูดจบ ก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำของคนๆ หนึ่งดังขึ้นมาทันที : “ไม่ ต้องไปถามเธอหรอก เป็นฉันเองล่ะ!”

พอไป์ยี่เฟยได้ยินก็หันหน้าไปมอง เขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง พร้อมกับบอดี้การ์ดอีกประมาณห้าถึงหกคน กําลังเดินมาต่อ หน้าเขาอย่างรวดเร็ว

“ตรงนี้ดูไม่เหมาะจะคุยเท่าไหร่นะ ตามฉันมาก่อนแล้วกัน!” ฝ่ายชายตบไปที่บ่าของไป์ยี่เฟยเบาๆ ก่อนจะพาเขาเดินมา หยุดอยู่ตรงปากทางเข้าของห้องผ่าตัด

บอดี้การ์ดเองก็แบ่งกันยืนทั้งสองริมฝั่งทางเดิน เพื่อป้องกัน ไม่ให้ใครเข้ามารบกวน การพูดคุยระหว่างเขากับไป์ยี่เฟย

“ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครหรือครับ?” ไป่ยี่เฟยถามด้วยความ หวาดระแวงนิดๆ
เขารู้ได้เป็นอย่างดีว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ ไม่ใช่คน ธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน

“เฟยเอ๋อ ฉันเป็นพ่อของนายกับหลิงเอ๋ออย่างไรล่ะ!” ชายคน นั้นพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ พลางพูดพร้อมกับบีบไหล่ของไปยื่ เฟยไปด้วย : “พ่อชื่อว่าไปหยุนเผิงนะ!”

พอได้ยินแบบนั้น ไปยี่เฟยก็ยืนอึ้งไปทันที!

ผ่านไปอยู่นาน กว่าที่ไป์ยี่เฟยจะได้สติกลับคืนมา ก่อนเขาจะ พูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่า : “เอ่อ คุณอาครับ คุณน่าจะจำผิด คนแล้วนะครับ ผมมีพ่อมีแม่อยู่แล้วนะครับ”

ไป๋หยุนเผิงมองมาที่ไป์ยี่เฟยอย่างเมตตาและอ่อนโยน : “พ่อ รู้ว่าลูกต้องไม่เชื่อแน่ๆ นี่ไงล่ะ ที่เป็นหลักฐานว่าพ่อกับหลิงเอ๋อ เป็นครอบครัวเดียวกัน แถมยังมีภาพผ้าอ้อมของพวกลูกด้วย นะ โดยเฉพาะปานที่อยู่ด้านหลังนั่นน่ะ ตอนแรกที่พ่อพาพวก ลูกไปส่งน่ะ พ่อแทบขาดใจเลยนะรู้ไหม”

พอเห็นว่าไป่หยุนเผิงเตรียมเอาข้อมูลมาอย่างดี ในใจของ ไป เฟยก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง เป็นเพราะเขายืนยันได้ อย่างแน่นอนเลยว่า เด็กทารกที่อยู่ในภาพเหล่านั้น เป็นพวก เขาพี่น้องกันจริงๆ ส่วนคนที่อุ้มพวกเขาอยู่ ก็เป็นผู้ชายที่มีชื่อ ว่าไป๋หยุนเผิงที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาอยู่นั่นเอง

ต่อจากนั้น ไป๋หยุนเผิงก็หยิบเอาบัตรเอทีเอ็มสีม่วงเข้มออก มาใบหนึ่ง “เฟยเอ๋อ นี่เป็นบัตรคิงนะ ทั่วทั้งประเทศเสี้ยนี้ มีเพียงแค่ยี่สิบใบเท่านั้น และวันนี้พ่อก็เป็นคนเอามันมาให้กับ ลูก….ด้านในบัตรมีเงินอยู่สามร้อยล้านนะ”

ต่อจากนั้นไป๋หยุนเผิงก็หยิบแหวนออกมาวงหนึ่ง แล้วก็เอามัน สวมเข้าที่นิ้วกลางของไปยี่เฟย : “หากใช้แหวนอันนี้ ลูกก็จะ สามารถไปขอเบิกเงินได้หนึ่งพันล้าน ทุกๆ ธนาคารในประเทศ เสี้ยโดยไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมใดๆ ถือซะว่าเป็นการชดเชยให้ ลูกแล้วกันนะ”

ตอนแรกก็สามร้อยล้าน มาตอนนี้ก็อีกพันล้านงั้นหรือ? ถ้า หากว่าเป็นคนอื่นล่ะก็ ไปยี่เฟยคงจะไม่มีทางเชื่อแน่ๆ แต่ไม่รู้ ว่าทำไม คำพูดที่ออกมาจากไป๋หยุนเผิงคนนี้ ถึงไม่มีความน่า สงสัยอยู่เลย

ต่อจากนั้น ไปยี่เฟยก็ยื่นนามบัตรใบหนึ่งมาให้ไป์ยี่เฟย “บัตรใบนี้มีเบอร์ของพ่ออยู่นะ อีกอย่างอาการบาดเจ็บของ หลิงเอ๋อก็ดูสาหัสเอาการ พ่อกลัวว่าการรักษาของโรงพยาบาล นี้ คงทิ้งอาการตกค้างไว้แน่ ดังนั้นรอให้อาการของหลิงเอ๋อดี ขึ้นกว่านี้ก่อน เดี๋ยวพ่อจะมารับเธอไปอยู่ด้วยเองนะ

สำหรับข้อเสนอของไป๋หยุนเผิง นั้น ไป์ยี่เฟยไม่ได้ปฏิเสธแต่ อย่างใด ถ้าหากหลิงเอ๋อยังมีอาการหลงเหลืออยู่จริงๆ เขาคง ต้องเสียใจไปชั่วชีวิตแน่ๆ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ประตูของห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออก อย่างช้าๆ พลันเขาก็เห็นร่างของไปยี่หลิงที่ถูกมัดเอาไว้ทั้งตัว
ไป๋หยุนเส็งเห็นดังนั้นแววตาของเขาก็ร้อนผ่าว เขาโบกมือ ป๊ด บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเขาเห็นแบบนั้นก็พยักหน้า ก่อนจะ ยกมือถือขึ้นโทร เพียงไม่นานก็มีรถพยาบาลระดับสูงมารับตัว ของไปยี่หลิงไป

ส่วนไปยี่เฟยที่มองดูอยู่นั้น ในใจของเขาก็เหมือนกับถูกยก หินที่ทับไว้ออกมาแล้ว!

ไป๋หยุนเผิงตบบ่าของไป์ยี่เฟยเบาๆ ก่อนจะมองเขาด้วยแวว ตาที่ลึกซึ้ง จากนั้นก็เดินจากไปทันที

ส่วนไปยี่เฟยก็ยกมือขึ้นลูบบัตรที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของ เขา ก่อนจะรีบขับรถไปที่ธนาคารทันที! ถึงแม้ว่าไป๋หยุนเผิงจะ ไม่เหมือนกับพูดเล่นก็ตาม แต่ไป์ยี่เฟยก็อยากที่จะไปพิสูจน์ดู ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือปลอมกันแน่

หลังจากผ่านไปสิบนาที ไป่ยี่เฟยก็เดินออกมาจากธนาคาร ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

ไป์ยี่เฟยในตอนนี้รู้สึกว่าขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง ซึ่งเหตุผลมัน ก็ง่ายมากๆ เพราะบัตรใบนี้นั้น มีเงินอยู่สามร้อยล้านจริงๆ!

หลังจากที่พาตัวเองกลับมาบ้านอย่างทุลักทุเล ขณะที่ไป ยี่เฟยเพิ่งจะเดินมาถึงที่หน้าประตูบ้านนั้น เขาก็ได้ยินเสียง ทะเลาะโวยวายดังมากจากด้านใน
“นีลูกโง่หรือเปล่า วันนี้เจ้าคนไร้ประโยชน์นั้น ท่าหากเราพระ กูลหลีขายหน้ากันหมด แล้วลูกคิดจะขายบ้านเพื่อเจ้านั้นอีก หรือ?” หลิว อายุนพูดด้วยสีหน้าฉุนเฉียว พร้อมทั้งตะโกน ออกมาเสียงดัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ