เศรษฐีรุ่นใหม่

บทที่ 4



บทที่ 4

บทที่ 4

พนักงานขายนิ่งไปพักหนึ่ง “…ยังค่ะ”

“หืม?” ไป์ยี่เฟยอึ้งไป “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?”

ขณะที่พนักงานขายกำลังจะอธิบายนั้นเอง ผู้หญิงคน นั้นก็หัวเราะขึ้นดังลั่น “เห็นแล้วหรือยังล่ะ ที่แท้ก็แสร้งทํา จริงๆ ด้วย”

จ้าวเผิงเองก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ไอ้คนหลอกลวงเอ๊ย!”

ชายวัยกลางคนเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก ที่แท้ ก็เป็นของปลอมนี่เอง แต่บัตรใบนี้ ทำไมถึงมาอยู่ที่คนดู

ไม่มีอันจะกินแบบนี้กันล่ะ?

“หึ คิดจะหยิบบัตรปลอมมาหลอกลวงใครก็ได้งั้นหรือ นี่ นายบ้าเงินไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม?” ฝ่ายหญิงหัวเราะออก มา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ และดูถูก “ไม่เคยเจอคนที่เสแสร้งเก่งอย่างนายมาก่อน เลยนะ คนบ้านนอกก็เป็นคนบ้านนอกอยู่วันยังค่ำ ก็แค่เส แสร้งเท่านั้น!”
โจวฉวี่เอ๋อเองก็ทําสีหน้ามืดทีมมากขึ้นไปอีก “ไป่ เฟย คิดไม่ถึงเลยนะว่านายจะเป็นคนแบบนี้! ดูปกตินายเป็น คนซื่อสัตย์ แต่ตอนนี้กลับตั้งใจหลอกลวงคนอื่น นายนี่ มันไม่เหมาะกับเสว่เอ๋อเลยจริงๆ!”

พลันหน้าผากของพนักงานขายก็เต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ ไหลโชก ก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า : “นายไป๋คะ ผู้จัดการบอก ว่าจะยกรถคันนี้ให้คุณค่ะ โดยไม่ต้องการเงินเลยค่ะ

อะ…อะไรนะ?

ทุกคนต่างก็เบิกตาโพลง มองอย่างตื่นตะลึง

รถราคาทั้งสองล้าน แต่จะยกให้ง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ? แถมยังยกให้กับไป์ยี่เฟยที่ดูมอซอแบบนี้อีกด้วยเนี่ยนะ?

โจวฉวี่เอ่อเองก็ยกมือขึ้นปิดริมฝีปากที่แดงฉาดของเธอ อย่างไม่เชื่อหูตัวเองเลย

ผู้หญิงคนนั้นได้สติกลับมาก่อน ก่อนจะส่งเสียงเอะอะ ขึ้นมา ที่ดูแหลมมากขึ้น “เป็นไปไม่ได้! ต้องมีอะไรผิด พลาดแน่ๆ!”
พลันพนักงานขายก็พูดอย่างไม่พอใจ : “ถ้าหากว่าสงสัย อะไร ก็สามารถไปถามผู้จัดการได้ด้วยตัวเองนะคะ”

“เขาเป็นแค่คนบ้านนอกเท่านั้น เอาอะไรมายกรถคันนี้ ให้กับเขากัน?” ฝ่ายหญิงตะโกนอย่างไม่มีทางจะเชื่อลง

จ้าวเผิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็กำหมัดแน่น พร้อมด้วยสีหน้า ที่ดูแย่ลงไปทุกที เขาเองก็อยากจะถามขึ้นด้วยเหมือนกัน ว่าอาศัยอะไรกันแน่?

ส่วนพนักงานขายเองก็พูดอะไรไม่ออก ถ้าหากไป์ยี่เฟย เป็นคนบ้านนอกจริงๆ แล้วพวกเขาล่ะจะเป็นอะไร?

พลันชายวัยกลางคนก็ได้สติกลับมา ก่อนที่จะเชื่อสนิท ใจว่าบัตรนั้น ต้องเป็นบัตรคิงอย่างไม่ต้องสงสัย นี่มันน่า เสียใจเป็นบ้า นี่เขาเกือบจะพูดอะไรกับคนที่มีบัตรคิงอยู่ ในครอบครองไปแล้วล่ะเนี่ย?

“ถ้าอย่างนั้น เมื่อสักครู่นี้ผมไม่ดีเองน่ะครับนายไป๋ หวัง ว่าบุคคลระดับสูงอย่างคุณจะไม่ถือสาคนต่ำต้อยอย่าง ผมนะครับ โปรดยกโทษให้ด้วยนะครับ…” ชายวัยกลาง คนรีบยิ้มแสดงความขอโทษออกมาทันที

ฝ่ายหญิงที่เห็นแบบนั้นก็รีบดึงฝ่ายชายเอาไว้ “นี่ที่รักไป แสดงท่าทีอะไรแบบนั้นกับเขากัน? เขาน่ะ…”
“หุบปากไปซะ!” ฝ่ายชายตะโกนเสียงดังลั่น

พอได้ยินแบบนั้นฝ่ายหญิงก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะรีบพูดอย่าง ออดอ้อน : “นี่ที่รักจะดุฉันทำไมล่ะคะเนี่ย? ฉันผิดตรง ไหนหรือคะ? ก็เขาน่ะ…”

พลันฝ่ายชายก็หันมาจ้องเธอเขม็ง “หุบปากไปซะเดี๋ยว

ฝ่ายหญิงรู้สึกน้อยใจจนน้ำตาคลอ แต่เธอก็ไม่กล้าจะ พูดอะไรออกมาอีก

ไป์ยี่เฟยทำเพียงมองไปที่ฝ่ายชาย ก่อนจะหันไปพูดกับ พนักงานขายว่า : “ไม่ต้องหรอกครับ ผมซื้อเองดีกว่า”

เฮอะ?!

นี่ให้ฟรีก็ไม่เอาหรือ นี่โง่ไปแล้วหรือเปล่า?

จ้าวเผิงที่เห็นแบบนั้นก็หรี่ตาลงคิด ก่อนจะพูดขึ้นเสียง ทุ้ม โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้ว่าพวกเขาจะรู้จักกันหรือ ไม่ : “นี่นายมีเงินอยู่จริงๆ หรือ! แล้วทำไมนายจะยังให้ฉัน คืนเงินนายอยู่อีกล่ะ?”
แต่ไปยี่เฟยกลับถามพนักงานขายขึ้น โดยไม่แม้แต่ จะหันมามองจ้าวเผิงเลย : “อ้อ ใช่แล้วล่ะครับ แล้วต้อง ดำเนินการทำอะไรด้วยหรือเปล่าครับ?”

พนักงานขายได้ยินก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า :

“ต้องเซ็นสัญญาด้วยค่ะ” ไป เฟยพยักหน้ารับ ก่อนจะยื่นบัตรใบนั้นให้พนักงาน

ขายอีกครั้ง “เอาไปรูดเลยครับ”

พนักงานขายรู้สึกลำบากใจอยู่นิดๆ “คือว่า….ผู้จัดการ เป็นคนบอกแล้วนะคะ ว่ารถคนนี้เขายกให้คุณ…

“แบบนั้นมันจะเป็นการได้มาอย่างไม่สมเกียรติน่ะครับ ไป์ยี่เฟยตอบกลับอย่างเรียบเฉย เขาไม่ได้รู้จักผู้จัดการ คนนั้นเลยแม้แต่นิด ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงได้ยกรถคันนี้ให้ กับเขาฟรีๆ กันนะ?

พนักงานขายก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจมากเข้าไปอีก พลันโจว ฉวี่เอ๋อก็เดินเข้ามาพูดจาเกรี้ยวกราดใส่เขา : “นี่นายโง่ ไปแล้วหรือไง! เขาอุตส่าห์ยกรถให้นาย โดยไม่ต้องจ่าย อะไรเลย นี่นายมีเงินเยอะขนาดนั้นเลยหรือไง!”

พลันขณะนั้นเองผู้จัดการก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเป็นผู้ชาย ที่มีอายุอยู่ประมาณสามสิบปี เขาสวมชุดสูททั้งตัว พร้อม ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอย่างดูใจดี
“นายไปครับ นี่เป็นคําสั่งจากเถ้าแก่น่ะครับ เขาบอกว่า เพื่อเป็นเพื่อนกับนายไปน่ะครับ”

พลันทุกคนต่างก็สูดลมหายใจเข้าดังเชือก

แค่ขอเป็นเพื่อน ถึงกับต้องยกรถราคาสองล้านให้เลย งั้นหรือ?

ไปยี่เฟยได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น เขาคิดไม่ถึงเลย ว่าบัตรใบนี้จะมีประโยชน์ขนาดนี้เลยหรือ?

ชายวัยกลางคนเห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากเข้าไป อีก นี่เห็นชัดๆ ว่าเขาคนนี้เป็นคนที่ไม่ควรจะไปยุ่งด้วย เลย ดังนั้นเขาจึงรีบสร้างรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น : “นายไป ครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ เป็นเพราะผมตาไม่ดี เอง โปรดนายไปอย่าได้ถือสาคนตาต้อยอย่างผมเลยนะ ครับ”

ผู้หญิงคนนั้นก็หันมามองหน้าฝ่ายชาย “ที่รักคะ…

แต่ฝ่ายชายกลับตะโกนใส่เธออย่างมีน้ำโห “ฉันบอกให้ เธอหุบปากอย่างไรล่ะ!”

นี่ถ้าหากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ล่ะก็ เขาก็คงไม่มีทางมา ทําอะไรไม่ดี กับคนที่มีบัตรคิงในครอบครองแบบนี้แน่
ไปยี่เฟยมองไปที่พวกเขาอย่างเรียบเฉย ก่อนจะพูดขึ้น ว่า : “ยังจำสิ่งที่เธอพูดไว้ได้ใช่ไหมครับ? ถ้าหากว่าผมซื้อ

ได้ล่ะก็ เธอจะเปลี่ยนมาใช้แซ่เดียวกับผมน่ะ!”

พูดจบ ใบหน้าของฝ่ายหญิงก็ขรึมลง แถมยังดู

กระอักกระอ่วนอีกด้วย

โจวฉวี่เอ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็หัวเราะพูดอย่างสะใจ “พูด คําไหนก็ต้องเป็นคำนั้น เพราะฉะนั้นเธอต้องมาเปลี่ยนใช้ แซ่ของไปยี่เฟยเดี่ยวนี้!”

ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองคงจะขายขี้หน้าเสียแล้ว แต่ ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าคนอื่นกลับเป็นแทนซะอย่างนั้น ทำให้เธอตอนนี้รู้สึกสดชื่นมากจริงๆ!

ฝ่ายชายเห็นแบบนั้นก็จ้องตาเขม็งมายังฝ่ายหญิง หลัง จากนั้นก็หันไปยิ้มพูดกับไป์ยี่เฟยว่า : “ใช่ครับๆ หลังจาก นี้ให้เธอไปกับคุณก็ได้ น่าจะเป็นเกียรติของเธอมากๆ นะ ครับ”

พอได้ยินแบบนั้น ไปยี่เฟยก็ขมวดคิ้วแน่น หากแซ่ของ เขาเองต้องตกไปอยู่กับผู้หญิงแบบนี้ล่ะก็ มันคงจะทำให้ แซ่ของเขาดูเสื่อมเสียน่าดู จึงพูดขึ้นว่า : “ช่างมันเถอะ ครับ ผมไม่ชอบหรอก”

ฝ่ายหญิงจ้องมาที่ไป์ยี่เฟยเขม็ง แทบจะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “นี่นายพูดว่าอะไรนะ? อย่าทำให้ฉัน ขายขี้หน้าไปกว่านี้จะได้ไหม!”

เซี๊ยะ!

“โอ๊ย!”

ขณะนั้นเองฝ่ายชายก็ยกมือขึ้นตบหน้าเธอ “นี่เธอยังฟัง ไม่เข้าใจอีกหรือไง? ฉันบอกให้เธอหุบปาก หากยังพูดอยู่ อีกล่ะก็ ก็ไม่ต้องอยู่กับฉันแล้ว!”

พอได้ยินแบบนั้นฝ่ายหญิงก็ลุกลี้ลุกลนทันที ก่อนจะ ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก

การที่หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งมาคบกับชายวัยกลางคน แบบนี้ คงจะเป็นเพราะเรื่องเงิน ไม่ใช่เพราะความรักแน่ๆ!

ไป์ยี่เฟยจึงส่งเสียงหีในลำคอเบาๆ “งั้นก็ขอโทษเพื่อน ผมสิครับ”

ฝ่ายชายรีบดึงฝ่ายหญิงมาแล้วส่งเสียงดุ : “ขอโทษซะ

ฝ่ายหญิงเห็นแบบนั้น ก็จำใจต้องพูดเสียงแผ่ว
“ขอโทษค่ะ”

“เสียงดังหน่อยสิ ไม่เห็นได้ยินเลย” โจวฉวี่เอ๋อมองผู้ หญิงคนนั้นอย่างพอใจ

ฝ่ายหญิงกัดปากแน่น ก่อนจะเค้นคำพูดออกมา “ขอโทษ ค่ะ!”

แค่นี้โจวฉวี่เอ๋อก็พอใจแล้ว แต่กระนั้นไป์ยี่เฟยก็ยังหัน ไปพูดกับจ้าวเผิงอีกด้วยว่า : “แล้วก็นายด้วย”

เมื่อกี้นี้ไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่เยาะเย้ยเขา แต่ยังมี จ้าวเผิงด้วยอีกคน

สิ่งนี้ทำให้จ้าวเผิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

และชายวัยกลางคนนั้นก็ไม่ได้ให้โอกาสจ้าวเผิงได้พูด โต้ตอบอะไรเลย “รีบๆ ขอโทษนายไป๋ซะสิ”

แต่จ้าวเผิงกลับทำหน้าหม่น ไม่ยอมพูดอะไรเลย

ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและไป์ยี่เฟยก็ยังถือว่าเป็น เพื่อนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะยืมเงินไปสองหมื่นก็ตาม แต่ ทำไมตัวเขาต้องขอโทษด้วยล่ะ?
ชายวัยกลางคนเห็นแบบนั้นก็เดินมาผลักให้จ้าวเผิงไป ข้างหน้า “ฉันให้นายไปขอโทษไงล่ะ! นี่ได้ยินหรือเปล่า? คิดจะปรองดองกันหรือเปล่า?”

พอจ้าวเผิงได้ยินแบบนั้นก็กําหมัดแน่น จากนั้นเขาจึง กัดฟันจําใจพูดขอโทษไป “ขอโทษด้วยครับ!”

ไป่ยี่เฟยจึงพอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับผู้ จัดการว่า : “ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาออกไปได้แล้วล่ะ ครับ ผมรู้สึกว่าคนแบบนี้อาจจะทำให้ชื่อเสียงของร้าน คุณเสียหายได้ หลังจากนี้ก็อย่าให้คนแบบนี้เข้ามาที่นี่อีก นะครับ”

ผู้จัดการได้ยินแบบนั้นก็รีบพยักหน้าตอบรับทันที “นาย ไป๋พูดถูกแล้วล่ะครับ หลังจากนี้ทั้งสามคนนี้จะไม่มีทาง ได้เข้ามาที่นี่อย่างแน่นอนครับ”

หลังจากนั้นผู้จัดการก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณ พนักงาน ขายจึงหันไปพูดกับทั้งสามคนว่า : “รบกวนพวกคุณออก ไปด้วยนะคะ ได้โปรดอย่ารบกวนการซื้อรถของลูกค้า ท่านอื่นด้วยนะคะ”

คำพูดดังกล่าวทำให้ทั้งสามคนสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ แถมยังถูกห้ามไม่ให้เข้ามาที่นี่อีก ถ้าหากถูกคนอื่นรู้เข้า ล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะโดนเยาะเย้ยไปถึงไหนต่อไหนกันแน่!
“เชิญค่ะ” พนักงานขายพูดขึ้นอีกครั้ง

ทั้งสามคนเห็นแบบนั้น ก็ทำได้เพียงหันหลังเดินออกไป จากร้านทันที

ขณะที่จ้าวเผิงกำลังจะเดินออกไปนั้น เขาก็หันมามองไป ยี่เฟย เขาจะจำไว้แน่ว่าวันนี้ไป์ยี่เฟยทำให้เขาขายขี้หน้า ไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีสักวันที่เขาจะเอาคืนแน่นอน!

โจวฉวี่เอ๋อเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น พร้อมด้วยในใจที่รู้สึกสดชื่นขึ้นเป็นกอง

หลังจากที่ไปยี่เฟยจัดการทุกอย่าง เซ็นสัญญาเสร็จ เรียบร้อย เขาก็พูดกับผู้จัดการว่า : “รถคันนี้ผมจะเอาไป ให้ภรรยาของผมน่ะครับ เอาไว้ถึงวันเกิดของเธออีกไม่กี่ วัน แล้วผมค่อยมารับได้ไหมครับ?”

“ได้แน่นอนสิครับ พวกเราจะดูแลรักษาให้อย่างดี แน่นอนครับ” ผู้จัดการยิ้มตอบ

ไป์ยี่เฟยก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกจากร้านไปด้วย กันกับโจวฉวี่เอ่อทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ