เศรษฐีผู้ลึกลับเป็นผม

บทที่ 9 สาวสวยที่แสนเป็นมิตร



บทที่ 9 สาวสวยที่แสนเป็นมิตร

บทที่ 9 สาวสวยที่แสนเป็นมิตร

เดินเข้ามาทางประตูเล็ก ๆ ของตาข่ายสีเขียวในสนามทางทิศ ตะวันตก ฉินหลั่งก็ได้เห็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักห้าหกคน ก่อนจะ วิ่งเหยาะๆเข้าไป

“ฉินหลั่งในที่สุดนายก็มาสักที ทำไมวันนี้นายถึงมาช้าขนาดนี้”

ในบรรดาผู้หญิงหลายคน ผู้หญิงที่ตัวสูงที่สุดเป็นคนพูดขึ้น เธอ ก็คือเสียฉงคนที่โทรหาฉินหลั่งเมื่อครู่นี้

เสี้ยฉ่งควักเงินสิบหยวนออกมาให้ฉินหลง “ไปซื้อนําหกขวดมา

ให้พวกพี่สาวหน่อย

“หัวหน้าทีมครับ ทำไมเมื่อกี้คุณไม่พูด ผมจะได้ซื้อระหว่างทาง ทีมาเลย” ฉินหลังกาเงินสิบหยวนแล้วถามออกไป

“นี ทําไมนายนิสัยแบบนี้ ก็แค่วิ่งเพิ่มก้าวสองก้าวเอง ทำไม แค่นี้ ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ” เสี้ยฉ่งทำตาโต ปากเล็กๆขยับไปมา แต่ละ ค่าราวก่าลูกระเบิดที่พุ่งเข้าใส่ฉินหลัง

“ไม่มี…ครับ ผมจะไปซื้อเดี๋ยวนี้…” สุดท้ายฉันหลังก็เลือกที่จะไปซื้อ ไม่อยู่เถียงกับเสียงต่ออีก

พอซื้อน้ำกลับมาแล้ว ฉันหลังก็คืนเงินอีกสี่หยวนที่เหลือ ส่งให้ เสียฉิง ผู้หญิงหลายคนในทีมเชียร์ลีดเดอร์ต่างก็หยิบน้ำไปดื่มกัน คนละขวด

“ฉับพลังมาจัดให้ฉันหน่อยสิ” เสี้ยจึงออกคำสั่งกับฉินหลั่งอีก ครั้ง ฉินหลังเองก็ว่างอยู่ เลยใช้เขาอย่างเต็มที่

พวกเขานั่งอยู่ในสนามบาสเกตบอล ในสนามบาสเกตบอลใกล้ๆ คนในทีมบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัยกำลังเล่นบาสกันอยู่ พักผ่อนไปครึ่งชั่วโมง เสี้ยมึงก็ปรบมือ เรียกสมาชิกในทีมเชียร์ ล็คเคอร์เพื่อฝึกซ้อมกันต่อ

ฉันหลังนั่งอยู่คนเดียวบนขาตั้งที่เคลื่อนย้ายได้ มองดูพวก เลี้ยงซ้อม บนที่นั่งที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดเต็มไปด้วยกระเป๋าของ พวกเสี้ยฉ่ง และของสำหรับการฝึกซ้อมบางส่วน

“สวัสดิ์ ทำไมนายไม่ไปเล่นกับพวกเขาล่ะ

ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาจากด้านข้างตัวเขา แล้วมองฉินหลั่งด้วย สีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะนั่งลงข้างฉินหลัง

ฉันหลังชะงักไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงคนนี้มีผมสลวย ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวดุจหิมะ ดวงตากระจ่างใส ตรงระหว่างคิ้วมีกลิ่นอาย ของความอ่อนเยาว์

“สวัสดี…….

ฉินหลังกำลังเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง อีกด้านก็มีผู้ชายร่าง สูงใหญ่ที่ส่วนเสื้อทีมเลเกอร์สเดินเข้ามา และเริ่มพูดก่อนแล้ว “คนสวย เธอจะไปสนใจเขาทำไม เขาน่ะนะ เป็นพี่เลี้ยงราชินีของ ทีมเชียร์ลีดเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นงานเหนื่อยหรืองานสกปรกอะไรเขา ก็ทำหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นยาจก เสี้ยนึงคงไม่มีทางให้เขา เข้าทีมหรอก”

“เหรอ…” สายตาที่หญิงสาวมองฉินหลั่ง ก็มีความอ่อนโยนเพิ่ม ขึ้นอีกเล็กน้อย

“ก่อนหน้าที่เธอจะมา เจ้าหมอนี้ก็กำลังสะบัดพัดให้พวกสาวๆใน ทีมเชียร์ลีดเดอร์อยู่ แบบนี้ไง” ชายคนนั้นทำท่าสะบัดพัด เพียง แต่ใบหน้ามีรอยยิ้มเยาะเย้ยด้วย ทำให้ท่าทางสะบัดพัดที่เขาทำดู เลวร้ายเหลือคณานับมาก

พูดจบ ผู้ชายร่างสูงใหญ่ก็ยืนมือไปทางหญิงสาว “สวัสดิ์ ฉันชื่อ หวางเสี้ยวตี้ กำลังหลักของทีมบาสเกตบอลมหาวิทยาลัย ที่บ้าน เปิดบริษัทเล็กๆ ธรรมดาๆ รายได้ต่อปีมากกว่า2ล้านเท่านั้นเอง
หวางเสี้ยวตี้มองดูหญิงสาว ยิ่งดูก็ยิ่งชอบ ตัวเองเงื่อนไขดีขนาด นี้ การจะเรียกความชื่นชอบจากผู้หญิงจึงไม่ใช่ปัญหาเลย !

หญิงสาวชาเลืองมองมือของหวางเสี้ยวที่ส่งมาทีหนึ่ง แต่ไม่ ได้แสดงท่าทีใดๆออกมา ราวกับมองไม่เห็น เพียงแค่มองดูหวาง เสี้ยว แล้วยิ้มบางๆออกมา “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหวั่นหญิง เป็นเพื่อน ของเสียง”

หวางเสี้ยว ชักมือกลับมาอย่างเก้กัง แล้วพูดอย่างกระตือรือร้น อีกว่า “หวั่นหญิง เอ่อ ชื่อนี้เพราะมากเลยนะ ตอนนี้เสี้ยนึงกำลัง ซ้อมอยู่ คงไม่สามารถคุยเป็นเพื่อนเธอได้ไปเถอะ เดี๋ยวฉันพา เธอไปเดินรอบๆสนาม แล้วพวกเราก็มาคุยกัน

“ขอบคุณนะ แต่ไม่ต้องหรอก” หวั่นหญิงยิ้มบางๆ

หวางเสี้ยวตี้ได้ทานซุปว่างเปล่าไปสองรอบ ก็เริ่มไม่สบอารมณ์ แต่ตรงหน้าคือผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ ก็ไม่อยากที่จะยอมแพ้ อยาก จะลองพยายามดูอีกครั้ง ที่สนามบาสเกตบอลฝั่งนั้นมีคนเรียกเขา อยู่ หวางเสี้ยวดีก็เลยทำได้แค่วิ่งเหยาะๆกลับไป

“นายชื่ออะไรเหรอ” หวั่นหญิงหันหน้าไปมองที่ฉินหลั่ง พร้อม รอยยิ้มอ่อนโยน
“ฉันหลั่ง” ฉิบหลังตอบกลับไปแบบที่อๆ หนึ่ง ความสนใจของ เขาถูกดึงดูดไปกับบรรยากาศที่หวั่นหญิงปล่อยออกมา ในแวว คาที่ใสสะอาดคู่นั้น ไม่มีแววดูถูกฉินหลั่งเลยแม้แต่น้อย และไม่มี ความรู้สึกสงสารหรือเห็นใจฉินหลังด้วย

ฉินหลังรู้สึกสบายใจ มองดูดวงตาของหวั่นหญิง มุมปากก็เผลอ ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

เสี้ยนึงที่อยู่ฝั่งโน้นนำทีมเชียร์ลีดเดอร์เต้นอยู่อีกสองรอบ แล้ว เสียงก็เดินมาทางนี้พร้อมกับเอามือพัดลมเข้าหาตัว

“หวั่นหญิง ทำไมเธอถึงยังคุยกับเขาอยู่อีก

เสี้ยจึงมองดูหวั่นหญิงอย่างตกใจ ขณะพูดก็เข้าไปดึงเสื้อบน ไหล่ของฉินหลั่ง แล้ว “หิ้ว” เขาขึ้นมา ก่อนจะนั่งลงข้างหวั่นหญิง แล้วพูดกับหวั่นหญิงอย่างจริงจังว่า “ที่เรียกเขามา ก็เพราะคิดว่า จะได้มีคนช่วยยกเครื่องเสียง ขนย้ายเสื้อผ้า จากสภาพเขาแล้ว เธอก็คงดูออก ว่าเป็นพวกยาจก ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก

“ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ก็แค่รู้สึกว่าเขาไม่เลว” หวั่นหญิง พูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เลวอะไรกันยะ !” เสี้ยจึงไม่เห็นด้วยกับความคิดของหวั่น หญิงเลยสักนิด แล้วเบนสายตาอันแหลมคมไปทางฉินหลังก่อนจะพูดว่า “ฉันรู้อยู่แล้ว นายจะต้องเห็นว่าหวั่นหญิงเป็น คนสวย ก็เลยจะเข้ามาจีบใช่ไหม ไม่เข้าใจฐานะของตัวเองเลย หรือไง ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนนะ ต่อไปห้ามคิดเกินเลยกับหวั่น หญิงอีก !”

“ผม……” ฉินหลังยังอยากจะอธิบาย แต่พอคำพูดออกจากปาก กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

“ผมอะไร จริงๆเลย…… สายตาของเสียงแหลมคมยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าฉินหลั่งไม่พูดอะไรอีก ก็เริ่มอ่อนลง หวั่นหญิงที่อยู่อีก ด้านมองฉินหลังอย่างเห็นใจ

จู่ๆโทรศัพท์ของเสี้ยนึงก็ดังขึ้น ล้วงหาโทรศัพท์ที่มีเคสสีชมพู ออกมา พอเลี้ยงเห็นหมายเลขที่แสดง ก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่รู้ ตัว ก่อนจะยืนขึ้นแล้วเดินคุยโทรศัพท์ไปรอบๆ

“ค่ะ พี่……พี่ก็อย่าเครียดเกินไป ยังไงอายุ ก็ถึงวัยแล้ว คนที่ บ้านก็แค่เป็นห่วงแทนพี่ไง…..อืม ได้ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรทำพี่ก็ลอง ไปที่สวนสนุก หรือไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เลิกคิดเรื่องนี้ได้ แล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาหาฉันแล้วกัน……

พูดจบ เสี้ยฉ่งก็กดวางสาย แล้วนั่งลงข้างหวั่นหญิงด้วยสีหน้า เคร่งเครียด

“เป็นอะไรไป ?” หวั่นหญิงวางมือลงบนตักของเสี้ยฉ่ง
“ลูกพี่ลูกน้องของฉันน่ะ อายุมากแล้ว แต่ยังไม่มีแฟน ทางบ้านก็ เร่งเธอตลอด” เสี้ยฉ่งชำเลืองมองหวั่นหญิงทีหนึ่ง

“ลูกพี่ลูกน้องเธอเป็นสาวสวยไม่ต้องกลับจะไม่ได้แต่งหรอก” หวั่นหญิงพูดยิ้มๆ

เลี้ยงจ้องไปที่หวั่นหญิงทีหนึ่ง แล้วริมฝีปากเล็กเบาๆ “เฮ้อ หวั่นหญิงทําไมเธอถึงไม่เข้าใจนะ บอกว่าลูกพี่ลูกน้องของฉัน ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้แต่งคํานี้มันไม่ใช่คําพูดไร้สาระหรือไง ประเด็นคือแต่งกับใคร เธอก็เคยเห็นรูปของพี่ฉันแล้วนี่ ดูจาก เงื่อนไขของเธอ ไม่ว่าจะดูยังไงก็ต้องหาเจ้านายที่มีเงินหลาย ร้อยล้านอยู่แล้ว”

พอพูดถึงตรงนี้ สายตาของเสี้ยนึงก็กวาดไปที่ตัวของฉินหลั่ง สายตาฉายแววรังเกียจออกมา “ยังไงก็ให้แต่งกับยาจกแบบเขา ไม่ได้หรอกจริงไหมล่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ