บทที่ 1 กลืนกิน (6)
เขียนบอกอย่างรู้ทันแล้วจึงเดินจากไปปล่อยให้หล่อนตกอยู่ ในห้วงแห่งความคิดอันสับสนวุ่นวายอยู่คนเดียว
แอนนิต้าคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าตนเองอาจจะไม่มีชีวิตรอดไปถึง พรุ่งนี้เช้า คิดไปว่าหล่อนจะกลายเป็นเหยื่อสวาทของเจ้านายที่ ยังไร้ซึ่งคําตอบว่าเขาเป็นตัวอะไร หรือถ้าเขาเป็นมนุษย์จริงๆ แล้วเสียงครามปริศนามาจากไหน
ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านสำหรับหล่อน สาวน้อยที่ก้าวเข้า มาในคฤหาสน์ลึกลับเพียงเพราะคิดว่ามันจะดีกว่าการถูกใช้ แรงงานเยี่ยงทาสในร้านของอาสะใภ้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลัง พิสูจน์แล้วว่าหล่อนไม่ควรคิดว่าการลำบากอยู่กับอาสะใภ้เป็น เรื่องเลวร้ายที่สุด เพราะมันอาจจะมีเรื่องที่เลวร้ายที่สุดรออยู่ ก็ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่หล่อนกำลังจะเจอต่อไปนี้
แอนนิต้ากระวนกระวายตลอดเวลาช่วงเย็นจนกระทั่งหัวค่ำมา ถึง หญิงสาวรู้ได้ในทันทีว่าชีวิตของตนเองหดสั้นลงแล้ว ยามเมื่อ ก้าวขึ้นไปบนบันไดที่พาไปยังชั้นสามของคฤหาสน์
แข้งขาเหมือนแข็งราวกับเป็นหุ่นยนต์ เพราะขนาดสมองสั่ง การให้วิ่งหนีแต่ขากลับก้าวตามเขียนไปอย่างจนปัญญาจะหนีไป ไหนได้
“เอียนคะ”
หญิงสาวเรียกคนที่เดินนำระหว่างมองโถงทางเดินกว้างที่ไม่ คิดมาก่อนเลยว่าบนชั้นสามที่เป็นเขตต้องห้ามจะเหมือนกับแกล อย่อมๆ ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
พรมสีเลือดหมูถูกปูยาวตลอดทางเดิน สองข้างทางมีหุ่นนักรบ ประดับอยู่ อย่างน้อยก็สามตัวแล้วที่หล่อนเดินผ่านมา บนผนัง หินก็มีโคมไฟผนังประดับให้ความสว่างและมีภาพแขวนสีน้ำมัน ที่ลดความแข็งแกร่งของทางเดินและให้ความรู้สึกของความ อบอุ่น
เขียนหันมองสาวน้อยที่กลัวจนหน้าซีด ชายวัยกลางคนท่าทาง ใจดีจึงส่งยิ้มปลอบประโลมให้ ขณะเดินไปหยุดยืนหน้าประตู ห้องๆ หนึ่ง
เขาดูจะขบขันกับการเห็นใบหน้าที่บอกชัดว่าหล่อนกำลังคิด อะไรอยู่ แล้วมันก็น่าตลกมากที่หล่อนจิตนาการว่าตัวเองกำลังจะ กลายเป็นเหยื่อของอะไรสักอย่างที่อยู่หลังบานประตูนี้ ซึ่งต่าง จากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เต็มใจกระโจนเข้าห้องเจ้านายของเขาแบบ ไม่ต้องเชิญเลยด้วยซ้ำ
“ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกสาวน้อย คุณอีริค ใจดีและฉันคิดว่า เธอคงจะชอบคุณอีริคได้ไม่ยาก…” พ่อบ้านเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเคาะประตูเพื่อขออนุญาตพาสาวใช้คนใหม่เข้าไป รายงานตัว ชั่วอึดใจถัดมาเสียงอนุญาตก็ดังมาจากภายในห้อง เอียนจึงเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปรายงาน ในขณะที่แอนนิต้าถูก สั่งให้ยืนรออยู่ที่เดิมก่อน
“ผมพาแอนนิต้ามาให้แล้วครับคุณอีริค
ไม่มีเสียงตอบจากคนที่อยู่ภายในห้อง แต่เขียนรับรู้ได้ว่าเจ้า นายรับทราบแล้ว เขาจึงหันมาพยักหน้าให้แอนนิต้าก้าวเข้าไป ในห้องที่มืดสลัวกว่าตรงโถงทางเดิน
แอนนิต้าก้าวเข้าไปในห้องด้วยแข้งขาสั่นเทา หล่อนยืนนิ่งอยู่ บนพื้นหิน ในระหว่างที่เขียนก้าวถอยออกจากห้องไปพร้อมกับปิด ประตูให้อย่างนุ่มนวล
หล่อนถูกทิ้งให้อยู่ในห้องนอนใหญ่ที่มืดสลัว มองไม่เห็นอะไร นอกจากแสงจากโคมไฟบนผนังห้องเพียงดวงเดียวที่บอกได้ว่า มีใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างระเบียงบานใหญ่และกำลัง มองออกไปข้างนอก โดยไม่ยอมหันมามองหล่อน เขาดูราวกับไม่ สนใจการมาของหล่อน แต่ที่ทำให้หล่อนรู้สึกยินดีมากที่สุดก็คือ เงาร่างของเขาเป็นมนุษย์
โอ้! ขอบคุณพระเจ้าที่เขาเป็นมนุษย์
หญิงสาวครางในลำคอรู้สึกว่าความกลัวเริ่มหายไป เมื่อได้ คําตอบว่าเขาไม่ได้มีเขางอกบนหัว ไม่ได้มีปีกเป็นค้างคาวหรือ ร่างกาย ใหญ่โตอย่างอสูรกาย แต่เป็นมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่ง เท่านั้น
แต่การที่เขาไม่ขยับ ไม่ตอบสนองต่อการมาของหล่อน มัน ทำให้หล่อนอึดอัดและวางตัวไม่ถูก เพราะอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็ เป็นเจ้านายและหล่อนเป็นแค่สาวใช้
“คุณอีริคคะ…”
แอนนิต้าเรียกขานได้แค่นั้นก็ต้องตกใจกับการเคลื่อนไหวที่ ปัจจุบันทันด่วน เพราะเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น ผู้ชายที่ยืนอยู่ ริมหน้าต่างก็เข้าถึงตัวหล่อน พร้อมกับที่ไฟในห้องที่สลัวจนเกือบ มีดค่อยสว่างขึ้น ทำให้หล่อนเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าของเขาแข็งกร้าวดุดันแต่กลับแฝงไว้ด้วยเสน่ห์อย่าง ผู้ชาย โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำตาลเข้มรับกับคิ้วหนาที่ขับให้ ดวงตาของเขาดูมีเสน่ห์ขึ้น แต่แวบหนึ่งหล่อนกลับเห็นสีตาของ เขาเป็นสีทอง แต่ก็แค่แว้บเดียวเท่านั้นที่มันกลับเป็นสีน้ำตาล เข้มเหมือนเดิม
ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มเพียงนิด แต่กลับแฝงไว้ด้วยความ เซ็กซี่เสียจนหล่อนแทบลืมหายใจเมื่อคิดว่าเขากำลังยิ้มกับ หล่อน เรือนผมสีน้ำตาลทองเป็นประกายยามที่แสงไฟตกกระ ทบ
เรือนกายของเขาสูงสง่าไหล่กว้างแข็งแกร่งอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ต ที่แบะกระดุมเสื้อสองเม็ดบนออก เผยให้เห็นแผ่นอกที่หล่อน อยากเอื้อมมือไปลูบไล้สักครั้ง เอวสอบเพรียวกับต้นขา ภายใต้กางเกงสีดำที่ทำให้หล่อนได้คำตอบแล้วว่า เมื่อคืนนี้แม่ สาวอลิเซียได้เจอกับอะไรกันแน่ถึงได้ครางครวญลั่นคฤหาสน์ แบบนั้น ในเมื่อเจ้านายของหล่อนหล่อและน่ากินขนาดนี้
“เธอชื่ออะไร”
เสียงถามของเขาทุ่มกังวานฟังดูทรงพลังแต่ก็เต็มไปด้วย ความนุ่มลึกที่แปลกประหลาด แล้วมันก็ราวกับว่าเสียงของเขามีผลให้หล่อนเคลิ้มและเผลอคิดไปว่า ถ้าเสียงครางครวญของเขา ผสมกับเสียงครางของหล่อนมันจะเป็นอย่างไร
โอ๊ะ ไม่นะนี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย
แอนนิต้าเตือนตนเองแม้ว่าใบหน้าของหล่อนจะแดงไปแล้ว และคิดด้วยว่าอีริคต้องรู้แน่ว่าหล่อนคิดทะลึ่งตึงตังกับเขาอยู่ เพราะเขากระตุกยิ้มยวนเสน่ห์ใส่หล่อนอย่างให้รู้ว่าเขารู้
“อย่าตกหลุมรักกันง่ายๆ สาวน้อย
เขาเอ่ยเดือน ทำให้แอนนิต้ารีบเปลี่ยนเรื่องเป็นรายงานตัวต่อ เขาแทน ก่อนที่หล่อนจะเผลอจินตนาการไปมากกว่านี้ ทั้งที่ก่อน หน้านี้หลงกลัวเขาแทบตายว่าจะเป็นสัตว์ร้าย แต่ตอนนี้หล่อนรู้ แล้วว่าเขาไม่ใช่สัตว์ร้ายแต่เป็น ผู้ชายตัวร้ายที่ละลายหัวใจผู้ หญิงได้เพียงแค่ส่งสายตา
“ฉะ…ฉัน แอนนิต้าค่ะ แอนนิต้า บารานอกซ์”
อีริคฟังแล้วก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะถามต่อไปพร้อมกับ ที่เริ่มเดินวนรอบร่างหล่อนราวกับกำลังสำรวจ แต่เพราะหล่อน มัวแต่หวั่นไหวกับเขาจึงไม่ทันเห็นว่าปฏิกิริยาของอีริคนั้นเป็นไป อย่างต้องการสำรวจและจดจำมากกว่าต้องการเพิ่มเสน่ห์ให้ หล่อนหลงใหล
“อายุเท่าไหร่”
เขาถามขณะทําจมูกฟุดฟิดนิดๆ ตอนที่มาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง หล่อน แล้วยื่นหน้าไปที่ด้านหลังลำคอ ในระยะที่หล่อนเองก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา แต่มันเป็นครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่ เขาจะผงกศีรษะกลับแล้วกลายเป็นหล่อนเองที่เสียดายอยากให้ เขาเป่าลมหายใจใส่หล่อนต่อไป
“ยี่สิบค่ะ…” หล่อนตอบเสียงพร่านิดๆ
“สาว…” เขาพูดขึ้นมาลอยๆ บริสุทธิ์
“คะ?” แอนนิต้าร้องไม่แน่ใจนักว่าหูฝาดไปหรือเปล่าที่จู่ๆ เขา ก็สามารถรู้ได้ยังไงว่าหล่อนยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่
แต่หญิงสาวไม่มีโอกาสได้ถามเมื่อเขาปิดประตูคำถาม ทั้งหมดของหล่อนด้วยการเดินอ้อมมาหยุดยืนตรงหน้า แล้วยก ข้อมือของหล่อนขึ้นก่อนจะกัดลงไปเต็มแรงพร้อมกับที่ภวังค์มืด มิดแทรกซึมเข้าสู่ความรู้สึกและกระชากหล่อนให้จมดิ่งลงสู่ ภวังค์นั้นอย่างรุนแรง
ศีรษะของเขาผงกขึ้นมาพร้อมกับที่ร่างของหล่อนทรุดลงไปนั่ง กับพื้นอย่างไม่รู้ตัวทั้งที่ข้อมือยังคงถูกเขาจับไว้ โดยที่เขาไม่ต้อง ออกแรงในการช่วยพยุงหล่อนเลยสักนิด หล่อนจึงแค่เหมือนกับ ทรุดลงนั่งหมดสติอยู่บนพื้นไม่ใช่หน้าคะมาลงบนพื้นอย่างที่ควร จะเป็น
“ฮึ! มนุษย์อ่อนแอ…
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ