เพลิงเพลงทัณฑ์

บทที่ 1 กลืนกิน (5)



บทที่ 1 กลืนกิน (5)

“แล้วห้องบนชั้นสามล่ะคะ”

“ห้องบนชั้นสามต้องทำเวลากลางคืน เพราะคุณอีริคมักจะ ทํางานตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันเขาพักผ่อน ดังนั้นถ้าไป ทำความสะอาดตอนกลางวันจะเป็นการรบกวนคุณอีริคจะ

แล้วหล่อนก็ได้รู้จัก “วอเรนตัน เพิ่มมากขึ้นอีกหลายอย่างจาก ปากของมารีน่า ได้รู้ว่าพวกวอเรนตันเป็นเจ้าของคฤหาสน์มา ยาวนานถึงร้อยกว่าปี ใครๆ ก็รู้ดีว่าพวกแรกที่ขึ้นฝั่งที่ ซานฟรานซิสโกคือพวกสเปน แต่พวกวอเรนตันเป็นพวกอังกฤษ ที่ตามหลังพวกสเปนมาขึ้นฝั่ง ในอีกหลายปีถัดมา

พวกเขาข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่ซานฟรานซิสโก ในยุคตื่นทอง และเริ่มกิจการเล็กๆ เหมือนกับคนอื่นที่เริ่มต้นที่ท่าเรือ โดยการ เป็นเจ้าของกิจการบารท่าเรือ มุ่งเน้นลูกค้าที่เป็นกะลาสีเรือและ พวกชาวเรือที่เป็นนักดื่มตัวยง

แต่เพราะการตื่นทองทำให้ผู้คนมหลั่งไหลเข้าสู่ ซานฟรานซิสโก พวกวอเรนตันจึงต้องแข่งขันกับส่วนแบ่งของ ตลาดและภาษี อีกทั้งในปีถัดมาก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ทำให้ พวกวอเรนตันหายหน้าไปจากวงสังคม

สามสิบปีต่อมาพวกเขาก็กลับมาอีกครั้งกับการเริ่มต้นโดย การเป็นหุ้นส่วนกับรอนสัน พวกเขาเริ่มขนส่งเบียร์จากซิโก มายังซานฟรานซิสโกอันเปรียบเสมือนเมืองท่าหน้าด่านในการขึ้นบกของพวกนักเดินเรือ

พวกวอเรนตันพยายามขยายฐานของตัวเอง ตอนแรกมันเป็น

ไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ จนกระทั้งหลายปีต่อมาชื่อของพวกเขาก็

รู้จักในหมู่นักดื่ม แต่ก็ต้องมาล้มอีกครั้งกับการที่ ซานฟรานซิสโกเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและมีไฟไหม้รุกลามไปทั่ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้วอเรนตันท้อแท้ พวกเขาเดินหน้าต่อไปกับทุก ครั้งที่ล้มเช่นเดียวกับคฤหาสน์หลังนี้

พวกวอเรนตันได้ย้ายจากซานฟรานซิสโกมาอยู่ที่มารีนและ ล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งตั้งตัวได้และเริ่มคิด สร้างคฤหาสน์หลังนี้ขึ้นในช่วงนั้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก ให้ภรรยาของริชาร์ด วอเรนตันบนเนินผาที่ภรรยาของเขาชอบ มาก แต่คฤหาสน์ไม่ได้ถูกสร้างเสร็จทีเดียวทั้งหลัง มันถูกทยอย ทำไปเรื่อยทีละส่วน ด้วยเงินของวอเรนตันที่ได้จากการค้าขาย เบียร์และเพื่อจะได้ประกาศความยิ่งใหญ่ที่ใครๆ ต้องจดจําเอา ไว้ในชื่อนี้

แล้วในที่สุดพวกวอเรนตันก็ทำสำเร็จ แต่กว่าจะสำเร็จโดยที่ ไม่มีอะไรมาสั่นคลอน ริชาร์ดก็จากไป แต่ลูกชายของเขาได้สาน ต่อเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อและส่งมันต่อมาจนถึงรุ่นของอีริคที่ ถือว่าเป็นวอเรนตันรุ่นที่สาม

เบียร์ของพวกเขาและคฤหาสน์หลังนี้จึงกลายเป็นความยิ่ง ใหญ่ของวอเรนตัน ตระกูลที่ต่อสู้ต่อความเปลี่ยนแปลงของยุค สมัยและต่อสู้ต่อทุกสิ่งเพื่อความยิ่งใหญ่ของตนเอง
พวกวอเรนตันทำให้คฤหาสน์หลังนี้กลายเป็นเหมือนบ้านพัก ตากอากาศ ส่วนตัวพวกเขาอาศัยอยู่ที่ซิโก, บัตเตอร์ เคาน์ตี้ ซึ่ง เป็นที่ตั้งโรงเบียร์ของวอเรนต้น จนกระทั่งมาถึงรุ่นของอริดที่ขึ้น ชอบคฤหาสน์หลังนี้และมีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ต้องเดินทางไปมาระหว่างมารีนกับซิโกอยู่บ่อยๆ

แอนนิต้าฟังประวัติตระกูลวอเรนตันแล้วรู้สึกทึ่งและนับถือที่ พวกเขาสู้ไม่ถอยแม้ว่าจะผ่านสิ่งที่เลวร้ายที่สุดมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ถึงหล่อนจะทิ้งและนับถือ มันก็ไม่ได้หมายรวมไปถึงการมอง ข้ามความผิดปกติของคฤหาสน์วอเรนตันที่หล่อนสัมผัสไปได้ หรอก

โดยเฉพาะตอนที่หล่อนถามมารีน่าเรื่องเสียงคำรามในยาม ค่ำคืน หญิงวัยกลางคนมีท่าทีอีกอักก่อนจะตอบเป็นเชิงเลี่ยงว่า

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ มันก็แค่เสียงร้องของสัตว์ ที่นี่เป็นหุบเขา นะจ๊ะ มักจะมีหมีและสัตว์ใหญ่อยู่ แล้วคฤหาสน์นี้ตั้งอยู่ใน ทิศทางลม บางครั้งถึงได้ยินเสียงคำรามที่คิดว่ามาจากใน คฤหาสน์ แต่จริงๆ เป็นเสียงข้างนอกต่างหาก แต่รับรองได้จ้ะว่า มันไม่เข้ามาในเขตคฤหาสน์อย่างแน่นอน”

หล่อนจึงจำใจได้แต่เงียบปากไม่ถามต่อ เพราะรู้ได้ว่ามารีน่า กำลังปกปิดบางอย่างไว้และไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม คุณแม่ บ้านคนนี้เชื่อมั่นว่าเสียงคำรามที่ได้ยินจะไม่เป็นภัยต่อใคร แต่ หล่อนเชื่อไม่ลงและยังคงหวาดกลัวอยู่ แถมยังกลัวหนักกว่าเดิม เสียด้วย
เพราะการยอมรับของคุณแม่บ้านที่ว่ามีเสียงคำรามอยู่จริง

มันหมายถึงว่าหล่อนกำลังอยู่ในคฤหาสน์ที่มีสัตว์ร้ายเพ่นพ่าน

อยู่

แต่ก็ไม่รู้ว่าทําไมทั้งที่กลัวแทบตาย แต่หล่อนกลับไม่กรีดร้อง โวยวายหรือพยายามหาทางออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้อย่างที่ คนสติดีควรทำ มันคงเป็นเพราะทั้งกลัวและอยากรู้ปนเปกันไป โดยเฉพาะความอยากรู้ว่า…ความลับอะไรกันแน่ที่อยู่เบื้อง หลังเสียงครามนั่น!

แอนนิต้า ใช้เวลาทั้งวันหมดไปกับการทำงานที่ไม่หนักหนา สาหัสอะไร แค่ซักผ้าปูที่นอน ตากผ้าปู เก็บมันเข้าที่และปัดกวาด เช็ดถูไปตามเรื่องตามราว แต่แล้วจู่ๆ หล่อนก็ต้องอึ้งเมื่อเขียน เดินมาบอกว่า

“หัวค่นี้คุณอีริคอนุญาตให้เธอเข้าพบได้

“คะ? ฉัน… ไม่ได้ขอเข้าพบนะคะ”

“เธอไม่ได้ขอ แต่ตามธรรมเนียมแล้ว เธอเข้ามาทำงานใน คฤหาสน์หลังนี้ เธอจึงถือว่าเป็นคนของคฤหาสน์ แล้วนี่ก็สามวัน แล้วที่เธออยู่กับพวกเรา เธอจำเป็นต้องรายงานตัวกับเจ้าของ บ้านมิใช่หรือหนูน้อย…

หญิงสาวชะงักด้วยหัวใจที่เต้นระทึกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อหัวใจของหล่อนยังปักใจเชื่อว่าเจ้านายของหล่อนไม่ใช่ มนุษย์ แล้วนี่จู่ๆ เอียนก็ดันมาบอกว่าเจ้านายของหล่อนอนุญาต ให้พบได้ ไม่เท่ากับว่าหล่อนกำลังกลายเป็นเหยื่อของเขาหรอกหรือ!

โอ๊ย แบบนี้ต้องแย่แน่ๆ ไม่เอานะ ฉันยังไม่อยากตาย…

หล่อนคิดแล้วก็ได้แต่อีกอักพยายามจะหาทางปฏิเสธการพบ หน้าเจ้านาย แต่นึกอะไรไม่ออกเลยสักนิดว่าจะปฏิเสธได้อย่างไร

เอียนคะ คือ…”

“ไม่มีอะไรหรอกหนูน้อย ค่ำคืนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ