เพลิงเพลงทัณฑ์

บทที่ 1 กลืนกิน (3)



บทที่ 1 กลืนกิน (3)

แล้วถ้าในคฤหาสน์วอเรนตันจะเป็นอย่างในเรื่องราวสยอง ขวัญที่ว่าแล้วล่ะก็ หล่อนก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะสภาพ คฤหาสน์ที่มันแยกตัวออกมาอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเสียงคำราม อันน่าสะพรึงกลัว ทั้งหมดนี่กำลังนำทางคำตอบให้กับหล่อนว่า อะไรก็ตามที่อยู่บนชั้นสามต้องไม่ใช่มนุษย์

หล่อนคิดวนไปวนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามันจะเป็นอะไรได้บ้าง มนุษย์สิงโต หมีแปลงร่าง เสือตัวใหญ่ หรือหมาป่ายักษ์ แต่ไม่ว่า มันจะเป็นอะไรก็ตาม มันคงไม่ชอบมนุษย์แน่ๆ แล้วถ้าหล่อนเจอ มันจังๆ ก็มีหวังคงได้เป็นอาหารของมันอย่างแน่นอน!

แอนนิต้าคิดด้วยความหวาดกลัวจนเป็นผลให้สมองของ หล่อนอ่อนล้ากับความคิดที่ประดังเข้ามาและผล็อยหลับไปอย่าง ไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจก่อนจะรู้ว่าตนเองนอน

ขดอยู่บนพื้นหินแข็งๆ ที่หนาวเหน็บแทบจะทั้งคืน หล่อนลุกขึ้น

แล้วเดิน โผเผไปเปิดประตูช้าๆ ยังคงเต็มไปด้วยความกลัวจาก

ค่ำคืนที่ผ่านมา แต่พอพบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือแม่บ้านใจดี

ที่ชื่อมารีน่า ก็ให้โล่งอกขึ้นมาทันที

“ฉันเห็นเธอยังไม่ออกมาจากห้องก็เลยมาตามจ้ะ เช้านี้เรามี งานต้องทําอีกเยอะนะจ๊ะแอนนิต้า”

แอนนิต้าหน้าแดงขึ้นมาด้วยความอับอายที่หล่อนเป็นลูกจ้างแท้ๆ แต่กลับต้องให้คุณแม่บ้านมาปลุกถึงห้อง

“ฉันขอโทษค่ะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ แต่เธอมีเวลาสองนาทีในการแต่งตัว

มารีน่าบอกแล้วยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะปล่อยให้หล่อนจัดการตัว เองตามสบาย แอนนิต้าจึงกระวีกระวาดล้างหน้าล้างตาแล้วใส่ คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลเพื่อปกปิดสีตาลึกล้ำของตนเองที่เคยถูก พวกผู้ชายล้อเลียนว่ามันไม่ใช่สีตาของมนุษย์

หล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีเทาเข้ม คอเสื้อปาดเหนือเนินอก มีผ้าลูกไม้สีขาวผูกโบสีเทาเข้มช่วย ปกปิดทําให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น

ผ้ากันเปื้อนสีขาวมีระบายเล็กๆ ช่วยเสริมให้หล่อนเปสาวใช้ แสนน่ารัก เรือนผมสีน้ำตาลแดงผูกรวบมัดด้วยริบบิ้นไว้อย่าง เรียบร้อย พอมารวมกับชุดสาวใช้ที่สวมใส่อยู่ก็ทำให้แอนนิต้า กลายเป็นสาวใช้ได้ไม่ยากและหล่อนก็คิดว่ามันเป็นชุดที่น่ารัก มากกว่าชุดเก่าๆ ที่หล่อนมีอยู่เสียอีก

หญิงสาวเดินออกมาจากห้องนอนแล้วผ่านไปทางโถงทางเดิน ก่อนจะชะงักกับ เมื่อเห็นผู้หญิงคนที่หายขึ้นไปบนชั้นสามเมื่อวาน นี้กำลังเดินลงมาจากบันได เจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำและมีดวงตาสี ฟ้าน้ำทะเลที่ตอนนี้มันปรือราวกับว่ามีความสุขกับอะไรสัก อย่างที่ได้รับ

“ตาสีเดียวกับฉัน…”แท้ๆ แต่กลับต้องให้คุณแม่บ้านมาปลุกถึงห้อง

“ฉันขอโทษค่ะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ แต่เธอมีเวลาสองนาทีในการแต่งตัว

มารีน่าบอกแล้วยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะปล่อยให้หล่อนจัดการตัว เองตามสบาย แอนนิต้าจึงกระวีกระวาดล้างหน้าล้างตาแล้วใส่ คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลเพื่อปกปิดสีตาลึกล้ำของตนเองที่เคยถูก พวกผู้ชายล้อเลียนว่ามันไม่ใช่สีตาของมนุษย์

หล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีเทาเข้ม คอเสื้อปาดเหนือเนินอก มีผ้าลูกไม้สีขาวผูกโบสีเทาเข้มช่วย ปกปิดทําให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น

ผ้ากันเปื้อนสีขาวมีระบายเล็กๆ ช่วยเสริมให้หล่อนเปสาวใช้ แสนน่ารัก เรือนผมสีน้ำตาลแดงผูกรวบมัดด้วยริบบิ้นไว้อย่าง เรียบร้อย พอมารวมกับชุดสาวใช้ที่สวมใส่อยู่ก็ทำให้แอนนิต้า กลายเป็นสาวใช้ได้ไม่ยากและหล่อนก็คิดว่ามันเป็นชุดที่น่ารัก มากกว่าชุดเก่าๆ ที่หล่อนมีอยู่เสียอีก

หญิงสาวเดินออกมาจากห้องนอนแล้วผ่านไปทางโถงทางเดิน ก่อนจะชะงักกับ เมื่อเห็นผู้หญิงคนที่หายขึ้นไปบนชั้นสามเมื่อวาน นี้กำลังเดินลงมาจากบันได เจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำและมีดวงตาสี ฟ้าน้ำทะเลที่ตอนนี้มันปรือราวกับว่ามีความสุขกับอะไรสัก อย่างที่ได้รับ

“ตาสีเดียวกับฉัน…”
หล่อนพึมพำเบาๆ แล้วหูแว่วเสียงเอียนที่เอ่ยเตือนผู้หญิงที่ ทำท่าอิดออดไม่อยากลงมาจากชั้นสาม แถมจะวิ่งกลับขึ้น ไปด้วยซ้ำถ้าไม่ถูกเขียนเตือนไว้ให้ระวังความควรไม่ควร

“บันไดที่นี่ค่อนข้างชัน อย่าผลีผลามวิ่งขึ้นไปอีกจะดีกว่าครับ

เจ้าหล่อนทําหน้าไม่พอใจ ก่อนจะหมุนกายเดินลงมาอย่าง กระแทกกระทั้นจนถึงบริเวณที่แอนนิต้ายืนอยู่ แต่ยังคงอาลัย อาวรอยากกลับขึ้นไปบนชั้นสามเหมือนกับมันมีอะไรที่น่าสนใจ จนทำให้แอนนิต้าเผลอเหลือบสายตามองตามขึ้นไปด้วย

แล้วหล่อนก็ต้องสะดุ้งเมื่อทันเห็นแววตาที่ราวกับสัตว์ร้าย กำลังมองฝ่าเงามืดด้านหลังรูปปั้นหินที่อยู่ชิดผนังลงมา ดวงตาคู่ นั้นสบตากับหล่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจและมันทำให้หล่อนขนลุกซู ขึ้นมาแทบจะทันที

พระเจ้า! นั่นมันตัวอะไรกัน!

แอนนิต้าคิดในใจแล้วจึงจ้องมองอีกครั้ง แต่ดวงตาคู่นั้นก็ หายไป หญิงสาวพยายามเพ่งมองเพื่อค้นหา แต่กลับไม่เห็นอะไร จนกระทั่งเอียนที่เห็นหล่อนทำท่าแปลกๆ ส่งเสียงถามมา

“มีอะไรหรือเปล่าแอนนิต้า”

“เอ่อ…ปะ…เปล่าค่ะ” หล่อนปฏิเสธไม่เต็มเสียงนัก

“งั้นเธอไปเตรียมอาหารเช้าให้มิสอลิเซียได้แล้ว ป่านนี้มารีน่า คงรอให้เธอไปช่วยตั้งโต๊ะแล้วล่ะสาวน้อย”

เอียนบอกเป็นเชิงเตือน ทำให้แอนนิต้าต้องรีบผละจากไปยังห้องอาหาร เพื่อช่วยมารีน่าจัดเตรียม โต๊ะอาหารให้สำหรับแขกที่ เพิ่งเดินลงมา แต่ในใจยังสงสัยถึงดวงตาคู่นั้นอย่างไม่เสื่อม คลาย ดวงตาที่แผ่รังสีความดุดันและความน่าเกรงขามออกมา มันไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์

ภายในห้องอาหารกว้างขวาง โต๊ะไม้ตัวยาวขนาดสิบสองที่นั่ง ปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดสะอ้าน ตรงกลางโต๊ะมีเชิงเทียนที่ไม่ ถูกจุดตั้งวางไว้ เหนือโต๊ะอาหารคือแซนเดอเรีย โบราณที่อยู่คู่ คฤหาสน์หลังนี้มาอย่างยาวนาน

แอนนิต้ากำลังช่วยคุณแม่บ้านจัดวางจานชามวางแก้วน้ำและ มีดส้อมให้เข้าที่ หญิงสาวทำงานตามคำสั่งและหน้าที่เพื่อหวัง ให้ตนเองเลิกคิดฟุ้งซ่านถึงความน่ากลัวยามค่ำคืนที่ผ่านมา ทั้ง ที่หล่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงรู้สึกว่ากลางวันและกลางคืน ของที่นี่มีบางอย่างผิดแผกไป แม้ค่ำคืนจะน่ากลัวแต่กลางวัน กลับเป็นคฤหาสน์ที่ทุกคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างปกติ ไม่มี เสียงร้อง ไม่มีเสียงคำราม มีเพียงแค่ขุนเขาและสายลมที่โอบ ล้อมคนในคฤหาสน์เอาไว้

มารีน่ากับเอียนเองก็ทำตัวเป็นปกติ ไม่มีอะไรผิดแปลก แถม พวกเขาก็ดูใจดีไม่ได้มีเขี้ยวงอกหรือทำตัวให้หล่อนคิดว่าจะ แปลงร่างได้ทุกเมื่อ แต่ไม่ได้รวมถึงเจ้านายของคฤหาสน์หลังนี้ ที่หล่อนยังไม่เคยเห็นหน้า เพราะเขียนบอกหล่อนว่า

คุณอีริคสุขภาพไม่ค่อยดี เขาเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ใจดี แต่ ไม่ชอบให้ใครวุ่นวาย ถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วสักวันเธอก็จะได้เห็น เขาเอง
แอนนิต้าคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็ตอบกับตัวเองว่า ถ้าอีริค วอเรน ตันไม่ใช่มนุษย์และอาจจะน่ากลัวเกินกว่าที่หล่อนคาดเดา ก็อย่า ได้เสียเวลามาให้หล่อนเห็นเลย หล่อนคงรู้สึกดีกว่าถ้าจะไม่ต้อง พบว่าเจ้าของบ้านหลังนี้น่ากลัวเพียงใด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ