เจ้าบ่าวกรรมกร ชุด เจ้าบ่าวที่รัก

ตอนที่ 4



ตอนที่ 4

“เชนทร์”

ร่างสูงใหญ่ตระหง่านหกฟุตสามนิ้วครึ่งของ ราเชนทร์ ไมตรี ภัทรมงคล หยุดเคลื่อนไหว ก่อนที่หนุ่มหล่อสะอาดสะอ้านผู้เป็น ถึง CEO บริษัทนำเข้ารถหรูรายเดียวของเมืองไทยจะหมุนตัว กลับไปทางเสียงเรียกของบิดาที่นั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องโถง กว้าง

โกสินทร์ ไมตรีภัทรมงคล อดีตผู้บริหารสูงสุดในเครือ MP Group ระบายยิ้มน้อยๆ ให้กับบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคน เดียวของตนเอง พลางกวักมือให้ไปนั่งข้างๆ

ราเชนทร์ทําตามอย่างไม่อิดออด เป็นการดีเสียอีกที่เขาจะ ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับบิดาบ้าง หลังจากที่เขามัวแต่ยุ่งวุ่นวาย อยู่กับธุรกิจมากมายในมือที่มีทั้งบนผืนแผ่นดินไทยและสาขาอีก มากมายทั่วโลก

“คุณพ่อสบายดีนะครับ

“พ่อสบายดี แล้วเชนทร์ล่ะ สบายดีไหม พักนี้ดูหน้า เครียดๆ”

หนุ่มหล่อผิวขาวสะอาดที่ยังอยู่ในชุดสูทเอนกายพิงกับพนัก โซฟานุ่มพลางระบายยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงงานกองพะเนินที่พึ่งจะ เคลียร์เสร็จไปเมื่อสองวันที่แล้ว
“ผมสบายดีครับคุณพ่อ ยิ่งงานเยอะผมยิ่งชอบ

“พ่อรู้ว่าเซนทร์รักการทำงาน กระหายกลิ่นไอของความ สําเร็จ”

โกสินทร์หยุดพูดเล็กน้อยพร้อมกับจ้องหน้าบุตรชายด้วย สายตาอ่อนโยน

“แต่พ่อก็อยากให้เซนทร์มีเวลาส่วนตัวบ้าง อย่างน้อยๆ ก็ตามประสาลูกผู้ชาย…

คนฟังหัวเราะร่วน พลางไหวไหล่น้อยๆ

“ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้ขาดเวลาส่วนตัวนะครับ แค่อาจจะน้อย ไปในสายตาของคุณพ่อเท่านั้นเองครับ”

โกสินทร์เข้าใจความหมายของบุตรชายดี แต่เขาก็ยังไม่

ยอมแพ้

“เชนทร์…”

“ครับ คุณพ่อ”

ราเชนทร์สบประสานสายตากับบิดาวัยเลยเกษียณนิ่ง ก่อนจะ เดาออกว่าสิ่งที่ท่านกำลังคิดอยู่นั่นคือเรื่องอะไร

“คุณพ่อคงจะกำลังทวงสัญญาจากผมอยู่ใช่ไหมครับ”

โกสินทร์พยักหน้าน้อยๆ

“พ่ออยากอุ้มหลานก่อนตาย พ่ออยากกอดหลานก่อนที่จะไม่มี โอกาสได้กอดเหมือนกับแม่ของลูกน่ะเชนทร์ เห็นใจพ่อด้วยนะ”
ราเชนทร์เคยบ่ายเบี่ยงมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และครั้งนี้ก็ อยากจะบ่ายเบี่ยงอีก แต่พอเห็นท่าทางอ่อนล้า สายตาที่เต็มไป ด้วยความหวังของบิดาแล้ว เขาก็เหมือนน้ำท่วมปาก หรือว่าตอน นี้มันถึงเวลาที่หนุ่มโสดในฝันของสาวๆ อย่างเขาจะต้องมีเมีย เป็นตัวเป็นตนเสียแล้ว

“ผม…”

“พ่อรู้ว่าเซนทร์จะต้องขอเวลาอีก พ่อ… ก็ได้แค่หวังว่าพ่อจะ อยู่ทันได้อุ้มหลาน”

โกสินทร์เดาความคิดของบุตรชาย และคิดว่าเข้าใจไม่ผิด แต่ มันดันผิดคาดชะงั้น

“ใครว่าผมจะผลัดอีกล่ะครับ ผมยินดีที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่ คุณพ่อหมั้นหมายเอาไว้ให้แล้วล่ะครับ

“นี่ลูกพูดจริงๆ เหรอราเชนทร์”

โกสินทร์แทบจะลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นเพื่อให้สมกับความ ดีใจเสียให้ได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจู่ๆ ความหวังของเขาจะ กําลังเป็นจริง

“จริงสิครับ ผมรักคุณพ่อ อะไรที่จะทำให้คุณพ่อมีความสุข ผม ยินดีเสมอครับ”

“เชนทร์… พ่อรักลูกที่สุด”

คนเป็นพ่อนาตาซึม
ราเซนทร์เห็นแล้วก็รู้สึกผิดยิ่งนักที่เคยบ่ายเบี่ยงท่านมาตลอด ก็แค่การแต่งงานกับผู้หญิงไกลปืนเที่ยงคนหนึ่ง และมีหลานให้ ท่านอุ้มโดยเร็ว มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลยสักนิด ขนาดธุรกิจ ยากๆ เขายังผ่านมาได้อย่างสวยงาม นับประสาอะไรกับแค่การ แต่งงาน

“ถ้าผมรู้ว่าการตอบ yes ของผมจะทำให้คุณพ่อดีใจขนาดนี้ ผมพูดคำนี้ไปนานแล้วล่ะครับ”

“ทําเป็นพูดดีไปเถอะ ว่าแต่ไม่เปลี่ยนใจแน่แล้วนะเชนทร์”

ศีรษะทยได้รูปสวยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำขลับสายน้อยๆ

“ผมเป็น CEO เลยนะครับคุณพ่อ ผมจะพูดเล่นได้ยังไง เอ่อ ว่า แต่เจ้าสาวของผมชื่ออะไรนะครับ”

ที่ราเชนทร์ต้องถามเพราะไม่เคยสนใจว่าที่เจ้าสาวมาก่อนเลย

บิดาพูดให้ฟังเขาก็ทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ใส่ใจ

“ม่านทอง ศิริภูวดล

“ม่านทองหรือ… ชื่อแปลกพิลึก

ราเชนทร์อมยิ้มขบขัน

“แล้วแม่ม่านทองอะไรเนี่ยเรียนจบหรือยังครับ หรือว่าไม่ได้ เรียนหนังสือ”

โกสินทร์ครุ่นคิด ก่อนจะตอบบุตรชาย

“ถ้าพ่อนับนิ้วไม่ผิด น่าจะเรียนใกล้จบแล้วหรือไม่ก็เรียนจบแล้วล่ะ พอดีพ่อไม่ได้ติดต่อไปทางคุณวัตถานานแล้วน่ะ”

“แล้วหน้าตาละครับเป็นยังไงบ้าง คือผมไม่คาดหวังหรอกนะ ครับว่าจะต้องสวยเหมือนกับสาวๆ ที่ผมควงอยู่ แต่ก็ขอให้ไปวัด ไปวาได้โดยที่สุนัขไม่เห่า

“ดูพูดเข้าเซนทร์… คุณวัตถาออกจะสวย ลูกสาวของเธอก็ต้อง สวยตามแม่ด้วยสิ”

คนฟังไหวไหล่กว้างน้อยๆ อย่างไม่แยแส

“ก็ใครจะไปรู้ล่ะครับ เพื่อผ่าเหล่าผ่ากอ

“เชนทร์นี่ก็ปากร้ายไม่เบาเลยนะเนี่ย”

โกสินทร์อดไม่ได้ที่จะตำหนิบุตรชายแต่ราเชนทร์ไม่สะทก

สะท้าน

“ผมคิดว่าคงต้องแอบไปดูหน้าว่าที่เจ้าสาวสักหน่อย รู้เขารู้เรา จะได้ไม่ช็อกตายตอนแต่งงาน

“เชนทร์ พ่อบอกแล้วไงว่าหนูม่านทองหน้าตาดี”

คนฟังหัวเราะร่วน

“แล้วมีผู้หญิงคนไหนยอมรับว่าตัวเองหน้าตาขี้เหร่บ้างล่ะครับ

ไม่มีสักคน มีแต่พยายามจะสวย

ราเชนทร์ผุดร่างลุกขึ้นยืน

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะครับคุณพ่อ ผมจะลางานสักอาทิตย์

ไปแอบดูหนูม่านทองของคุณพ่อ”
“พอดีเลยเชนทร์”

โกสินทร์ดีดนิ้วอย่างถูกใจ จนคนเป็นลูกชายต้องประหลาดใจ “พอดีอะไรหรือครับคุณพ่อ”

“พ่อพึ่งซื้อไร่ส้มที่ติดกับไร่ของคุณวัตถาเอาไว้พอดี

“ไร่ส้ม?”

ราเชนทร์ทวนคำพูดของบิดาอย่างไม่อยากจะเชื่อหู

“นี่คุณพ่อจะทำไร่ส้มหรือครับ ทำไหวหรือครับคุณพ่อ”

โกสินทร์ส่ายหน้า ก

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกเชนทร์ ที่พ่อซื้อเอาไว้ก็เพื่อที่จะเก็บไว้เป็น สินสอดให้กับหนูม่านทองต่างหาก

“ไม่เห็นจำเป็นที่คุณพ่อจะต้องลงทุนขนาดนั้นเลยนะครับ”

“จําเป็นสิ ในเมื่อการขยายอาณาเขตของไร่เป็นความหวัง เดียวของสุนทรเพื่อนรักของพ่อ”

นัยน์ตาของโกสินทร์ล่องลอยไปในที่ไกลแสนไกลยามเอ่ยถึง เพื่อนรักผู้ล่วงลับจากไปก่อนวัยอันควร

“สุนทรมักจะบอกกับพ่อและวิทวัสอยู่เสมอว่าความหวังเดียว ของตัวเองคือการได้ขยายไร่ส้มออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะ ทำได้”

นี่คงเป็นความสุขเดียวของท่าน และราเชนทร์ก็ไม่อยากจะขัดขวาง ทั้งๆ ที่ไม่ได้เห็นด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว

“ผมเข้าใจแล้วครับ”

“ขอบใจมากนะเชนทร์ ที่เข้าใจพ่อ”

ราเชนทร์ยิ้มกว้างให้กับบิดา เขาต้องทำทุกอย่างให้ท่าน สบายใจ เพราะสุขภาพของท่านไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าที่ควรนัก ในช่วงต้นปีนี้

“ผมยินดีทำเพื่อคุณพ่อครับ ผมตกลงจะไปอยู่ที่ไร่ส้มที่พ่อซื้อ เอาไว้ แต่มีข้อแม้สองข้อนะครับที่คุณพ่อต้องให้ผม

โกสินทร์มองบุตรชายด้วยความประหลาดใจ

“อะไรเหรอเชนทร์”

“ข้อแรก คุณพ่อห้ามบอกคนที่ไม่รุจิเรขว่าผมเดินทางไปที่นั่น

คนฟังพยักหน้ารับ

“พ่อรับปาก”

“ข้อสอง ผมจะเปลี่ยนชื่อไร่ใหม่ตามที่ผมเห็นสมควร

“ตามใจเชนทร์เลยลูก พ่อให้อภิสิทธิ์เชนทร์เต็มที่ อยากทำ อะไร อยากเปลี่ยนอะไรจัดการได้เลย ขอเพียงอย่างเดียวรีบมี หลานให้พ่ออุ้ม”

ดวงตาของโกสินทร์ระยิบระยับไปด้วยความหวัง

“พ่ออยากกอดเลือดเนื้อเชื้อไขของเชนทร์ ก่อนที่พ่อจะเดินทางจากไป

“คุณพ่อยังอยู่กับผมอีกนานครับ

“มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกเซนทร์ ดูอย่างแม่ของลูกส ปุปปับ ก็จากพ่อจากเซนทร์ไป

ความเศร้ากรุ่นอยู่ในน้ำเสียงของบิดาเมื่อความสูญเสียใน อดีตย้อนกลับมา ราเชนทร์เองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าบิดา แต่ เขาก็เลือกที่จะเข้มแข็งกว่าท่าน

“ผมจะมีหลานให้คุณพ่ออุ้มสัก โหลหนึ่งดีไหมครับ”

“หนูม่านทองคงไม่ยอมหรอก

บิดาจากที่โศกเศร้าอยู่ก็หัวเราะขึ้นมา และนั่นก็ทำให้ ราเชนทร์เลือกที่จะพูดให้ห่างไกลจากเรื่องในอดีตให้มากที่สุด

“ว่าแต่คุณพ่อคิดว่าผมพอจะเป็นกรรมกรไร่ส้มได้ไหมครับ”

โกสินทร์ส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิดเลยทันที

“ผิวขาวสะอาดสะอ้าน แถมปากก็แดงจัดแบบนี้ ใครจะเชื่อล่ะ ว่าเป็นกรรมกร… นี่เซนทร์แกล้งพูดให้พ่อเล่นเฉยๆ ใช่ไหม เนี่ย”

นัยน์ตาสีดำดุจนิลเนื้อดีของราเชนทร์วาววับขึ้น และเต็มไป ด้วยความกระหายที่จะเอาชนะคำสบประมาท

“ผมพูดจริงครับ ผมเนี่ยแหละจะเป็นกรรมกรไร่ส้ม แข่งกับแม่ หนูม่านทองของคุณพ่อ
“เชนทร์ไม่เอาน่า อย่าทำอะไรแผลงๆ เลย พ่อขอร้องล่ะ” ลางสังหรณ์บอกให้โกสินทร์พอจะเดาความคิดของบุตรชาย ได้เขาจึงห้ามปรามออกไป แต่เป็นผลเสียที่ไหนล่ะ

“ผมไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อยครับ ก็แค่… ไปทำความรู้จักกับ ว่าที่เจ้าสาวในฐานะกรรมการร่ส้มเฉยๆ”

“เซนทร์”

น้ำเสียงของบิดาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจจนเขาอดรู้สึก ผิดไม่ได้

“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้หนูม่านทองของคุณพ่อต้องเจ็บ น้ำใจครับ จะทะนุถนอมให้เหมือนไข่ในหินเลยครับ”

“พ่อจะเชื่อเชนทร์ได้ไหมเนี่ย

“เชื่อได้สิครับ ผมเป็นคนรักษาคำพูด คุณพ่อก็รู้ดีนี่ครับ”

ใช่ ตั้งแต่ราเชนทร์เติบโตขึ้นมาลูกชายคนนี้ของเขาไม่เคยผิด คำพูดที่ให้ไว้กับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีเลยจริงๆ ราเชนทร์ รักษาคําพูดเสมอ

“พ่อเชื่อเชนทร์”

“ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวผมพาคุณพ่อขึ้นห้องนอนนะครับ พรุ่งนี้ จะได้ตื่นเช้าๆ มาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน

เมื่อบิดาพยักหน้ารับราเชนทร์ก็ย่อตัวลงประคองร่างที่อ่อน แรงลงในทุกๆ ปีของบิดาให้ลุกขึ้น และมุ่งหน้าขึ้นไปสู่ชั้นบนซึ่งเป็นห้องนอนช้าๆ ทุกย่างก้าวที่ราเชนทร์ทำลงไปนั้นเต็มไปด้วย ความห่วงใยเป็นที่สุด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ