เจ้าบ่าวกรรมกร ชุด เจ้าบ่าวที่รัก

ตอนที่ 2



ตอนที่ 2

“เฮ้อออ…”

วัตถา ในวัยสี่สิบห้าปีถอดถอนใจออกมาเมื่อนึกถึงความหลัง ในอดีต เกือบสามสิบปีแล้วกับเหตุการณ์นี้ แต่หล่อนกลับไม่เคย ลืมพี่สาวฝาแฝดได้เลยสักวินาที ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครได้รับรู้ ข่าวคราวของภูษาอีกเลย

“ป่านนี้พี่จะเป็นยังไงบ้างนะพี่ภูษา… ฉันคิดถึงเหลือเกิน

หญิงวัยกลางคนในชุดนอนยาวสีเทาละสายตาจากสิวเศขร เต็มดวง พลางเดินตรงเข้าไปภายในบ้านไม้หลังใหญ่ของ ครอบครัวด้วยความโศกเศร้า เพราะหลังจากที่ภูษาหนีออกจาก บ้านไปเพียงไม่นานมารดาก็มาล้มป่วยลงเพราะตรอมใจ ก่อนจะ เสียชีวิตไปในปีถัดมา ซึ่งมันเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่สำหรับ ครอบครัวปรีชาโชค

หยาดน้ำตาเกาะซึมอยู่ขอบตาของวัตถาอีกครั้งเมื่อเรื่อง สะเทือนใจ ในอดีตย้อนกลับเข้ามาในความทรงจํา

หลังจากเสียมารดาไปไม่นานพ่อก็มาล้มป่วยลงด้วยโรคเดียว กับคู่ชีวิตที่พึ่งลาจาก หล่อนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะทำให้ พ่อหายจากการตรอมใจ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะยื้อลมหายใจของ ท่านเอาไว้ได้ พอเสียไปหลังจากงานศพของแม่ได้เพียงแค่สองปี เท่านั้น
วัตถาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาภายในบ้านอย่างอ่อนแรง ร้องให้ สะอึกสะอื้นด้วยความเศร้าหมอง ตอนนี้ถ้าไม่นับรวมสามีและ ลูกสาวทั้งสองคน หล่อนก็เหลือแค่ภูษาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ เป็นญาติกัน

ถ้าเจอภูษา… ขออโหสิกรรมให้พ่อด้วย

คำสั่งเสียของบิดายังดังลั่นอยู่ในหู ซึ่งมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ ท่านปรารถนา ตอนนี้หล่อนกำลังพยายามอยู่ พยายามที่จะตาม หาพี่สาวฝาแฝด แต่ไม่ว่าจะพยายามพลิกแผ่นดินหามาเกือบ สามสิบปียังไง เงาของภูษาก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นเลย จนหล่อน ท้อใจ

“แอบคิดถึงพี่สาวอีกแล้วหรือครับ”

เสียงนุ่มๆ ของสามีดังขึ้นด้านหลัง วัตถารีบป้ายน้ำตาทิ้ง ด้วยหลังมือ ก่อนจะหันไปฝืนยิ้มให้กับผู้ชายดีๆ อย่างอัสกร

“ไหนว่าจะกลับดึกยังไงล่ะคะ”

อัสกร ศิริภูวดล คือรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยก่อนจะเลื่อนขั้นมา เป็นสามีในชีวิตจริงหลังจากที่เขาตามซื้อหล่อนมาถึงสองปีเต็ม

“พี่ไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงวัตถาก็รู้นี่ครับ ที่ไปนี่ก็เพราะขัดเจ้า นายไม่ได้ พอมีโอกาสก็เลยขอตัวกลับมาก่อน”

อัสกรถอดสูทพาดเอาไว้กับพนักโซฟาพร้อมกับทรุดกายนั่ง ข้างๆ ภรรยา “ลูกๆ หลับกันหมดแล้วเหรอครับ”

“ม่านทองน่ะหลับไปตั้งแต่สามทุ่มแล้วล่ะค่ะ แต่สไบนางa…”

ไม่ต้องให้ภรรยาพูดต่ออัสกรก็เข้าใจความหมายได้ดี ก็สใบ นางลูกสาวคนโตของเขาทั้งแก่นทั้งเซียว ไม่มีคุณสมบัติใกล้ เคียงกับกุลสตรีไทยเลยแม้แต่นิดเดียว วันๆ ก็พาลูกสมุนเข้าไป ในไร่ส้ม คุมคนงานราวกับตัวเองเป็นผู้ชายอกสามศอก

“ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหมวัตถา

คนถูกถามพยักหน้าน้อยๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นกังวล

“ค่ะ ไปชกคนงานไร่ข้างๆ จนปากแตก ตาบวมเป่งเลย”

อัสกรถอนใจออกมาด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ “ผมชักไม่ แน่ใจแล้วว่าเรามีลูกสาวสองคนจริงๆ หรือเปล่า”

วัตถาหัวเราะเจื่อนๆ

“วัตถาว่าเรามีลูกคนโตเป็นผู้ชายค่ะ”

สองพ่อแม่ต่างถอนใจออกมาอย่างไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไง “แล้วนี่แม่ตัวต้นเหตุไปไหนซะแล้วล่ะ ผมว่าต้องคุยกันสักหน่อย”

“ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ หนีออกไปนอนในไร่ตั้งแต่ตอนเย็น คงรู้ว่า พี่อัสจะดุนั่นแหละค่ะ”

“เป็นสาวเป็นนางไปนอนในไร่ได้ยังไงกัน ลูกคนนี้มันน่านัก เชียว”

วัตถาฟังสามีพูดแล้วก็อดหัวเราะขบขันไม่ได้ “ใครจะกล้า คิดไม่ดีกับสไบมันคะพี่อัส มันได้กระทืบตายคาเท้าแน่
“ผู้หญิงก็คือผู้หญิงวันยังค่ำนั่นแหละ สักวันพอเจอคนจริง เข้าจะถูกสยบจนหงอ เชื่อพี่สิ”

ภรรยาฟังคำพูดของสามีแล้วก็ใจคอไม่ดี “วัตถาใจคอไม่ดี เลยค่ะพี่อัส นี่ถ้าทางฝั่งนิธิโภคนได้ยินกิตติศัพท์ของสไบเข้าไป สงสัยถอนหมั้นแน่ๆ เลยค่ะ”

“ถ้าถอนหมั่นได้ง่ายๆ สไบก็คงสมใจอยากไปแล้วล่ะ”

ความผิดหวังระบายเต็มใบหน้าของวัตถา “นั่นสิคะ คำมั่น สัญญาตั้งแต่สมัยคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ คงยกเลิกไม่ได้ง่ายๆ

“พี่ว่าไม่มีทางยกเลิกได้เลยต่างหาก คำสัญญาของผู้ใหญ่ ถือว่าศักดิ์สิทธิ์นัก ลูกหลานต้องทำตามแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม

“ถ้าทางนั้นทางมาเมื่อไหร่ เราก็ต้องรีบจัดการใช่ไหมคะ”

อัสกรพยักหน้าน้อยๆ “ใช่ครับ แต่ว่าคงอีกนานแหละ เพราะได้ข่าวแว่วๆ มาว่าลูกชายคนเดียวของคุณวิทวัสประสบ อุบัติเหตุที่รัสเซีย”

“คุณพระ” วัตถายกมือขึ้นทาบอก “แล้วเป็นอะไรมากไหม คะ วัตถาไม่เห็นได้ยินข่าวมาก่อนเลย คงปิดข่าวกันน่าดู

“สาหัสเอาการอยู่ แต่ไม่รู้ว่ามากแค่ไหน ทางนิธิโภคินปิด ข่าวจริงๆ นั่นแหละ นี่ถ้าพี่ไม่มีเพื่อนเป็นทนายความประจำ ตระกูลของนิธิโภคินก็คงไม่มีโอกาสได้รู้หรอก”

“นี่ถ้าสไบมาได้ยินเข้าคงกระโดดจนตัวลอย” วัตถาอดที่จะ เอ่ยถึงบุตรสาวคนโตไม่ได้
“รายนั้นน่ะลอยตัวแล้ว แต่ม่านทองน่ะสิ คงต้องเตรียมตัว แต่งงานในเร็วๆ นี้”

วัตถาเบิกตากว้าง ตกใจ “แต่ลูกของเรายังเรียนไม่จบเลย นะคะ เหลืออีกตั้งเทอมหนึ่งแน่ะ น้องว่ามันเร็วเกินไปค่ะ

“เราแก้ไขอะไรไม่ได้หรอกวัตถา คำสั่งเสียของผู้ใหญ่คือสิ่ง

ที่ต้องทําตาม”

คนฟังนิ่งเงียบ และก็ต้องยอมรับความจริง ช่วงที่แม่กับพ่อ ป่วยไร่ส้มที่มีเพียงแค่สิบไร่ถูกแบ่งออกเป็นสองแปลงและนำไป จำนองกับเพื่อนของบิดาถึงสองคน เพื่อนของท่านทั้งสองใจดีไม่ คิดดอกเบี้ยและไม่กำหนดระยะเวลาคืนเงิน มีเพียงข้อแม้เดียว นั่นก็คือการดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน และถึงแม้ว่าในตอนนี้ หล่อนจะชดใช้เงินจำนวนนั้นกับนิธิโภคินและไมตรีภัทรมงคลไป ทั้งหมดแล้ว แต่สัญญาใจก็ยังคงอยู่ และไม่มีทางลบเลือนลงได้

“น้องไม่เคยคิดจะขัดคำสั่งผู้ใหญ่เลยนะคะ แค่อยากให้ เวลาม่านทองสักพักเท่านั้นเองค่ะ แต่ดูเหมือนจะไม่มีทาง ทําได้…”

“พี่คิดไม่ต่างจากวัตถาหรอก แต่คุณราเชนทร์ ไมตรีภัทร มงคลกลับมาจากต่างประเทศแล้ว ซึ่งเชื่อว่าเขาจะต้องมาดูตัว ม่านทองในเร็วๆ นี้แน่

วัตถาฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มบางๆ ในใจก็อดที่จะสงสารบุตรสาว คนเล็กไม่ได้ แม้ม่านทองจะเรียบร้อยและไม่ค่อยมีปากมีเสียง เหมือนสไบนาง แต่หล่อนก็พอจะรู้ว่าแท้จริงแล้วม่านทองนั้นอ่อนนอกแข็ง ในต่างหาก

“อย่าทำหน้าเศร้าสิครับ เราขึ้นไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้วัตถา ต้องตื่นแต่เช้าไปทำบุญที่วัดไม่ใช่หรือ

สามีที่ประพฤติตัวดีเสมอต้นเสมอปลายมาตลอดเกือบ สามสิบปีโอบรอบเอวของหล่อนเอาไว้ พลางดึงเข้ามากอดแนบ

อก

“พี่รักวัตถามากนะครับ อย่าเศร้าเลย

วัตถายิ้มทั้งน้ำตาแนบดวงหน้าที่กาลเวลาไม่อาจจะพราก ความงามไปได้กับอกกว้างของสามีอย่างวางใจ หล่อน โชคดี เหลือเกินที่เลือกผู้ชายได้ถูกต้องดีงาม แล้วภูษาล่ะ… ภูษาพี่สาว ฝาแฝดของหล่อนกําลังมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขแบบหล่อน หรือเปล่า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ