เจ้าบ่าวกรรมกร ชุด เจ้าบ่าวที่รัก

ตอนที่ 3



ตอนที่ 3

หญิงสาวนัยน์ตาหวานช่างผิดกับการแต่งตัวราวฟ้ากับเหว กำลังท้าวสะเอวจ้องหน้าสมุนคนสนิทด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด “ผมขอโทษครับลูกพี่”

“หุบปากไปเลยไอ้ส้มจุก ขาให้เอ็งทำงานง่ายๆ แค่ไปสืบว่า ไอ้คนที่มาซื้อไร่ส้มต่อจากไอ้เสียอ้วนมันคือใคร แค่เนี้ยแกก็ทำ พลาด”

สไบนาง ในชุดเสื้อแขนยาวลายสก๊อตสีขาวแดงพับแขนขึ้น มาถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์ขายาวพอดีตัวเดินกลับไปกลับมา ในมือกาขอบหมวกปีกกว้างเอาไว้แน่นอย่างใช้ความคิด ปลาย ผมสีดำขลับที่มัดเป็นหางม้าแกว่งไกวไปมาตามแรงเคลื่อนไหว ของร่างกาย

“นี่ข้าจะทำยังไงกับลูกสมุนไม่ได้เรื่องแบบเอ็งดีนะ ไอ้ส้มจุก”

“ผมขอโทษครับลูกพี่ แต่ถึงแม้จะเป็นเจ้าของไร่คนใหม่ ผม ก็คิดว่าไม่มีใครกล้ามาทัดทานอำนาจของพี่สไบของผมได้หรอก ครับ”

สไบนางหันขวับมาจ้องหน้าส้มจุกตาเขียวปั๊ด “เอ็งไม่ต้อง มาทำเป็นพูดดีเลย ทำผิดแล้วอย่ามากลบเกลื่อน”

ส้มจุกหน้าจ๋อยสนิท “ครับ ลูกพี่”
“แล้วทีนี้ข้าจะทำยังไงดีล่ะถึงจะรู้ว่าไอ้เจ้าของไร่คนใหม่มัน เป็นใคร” หญิงสาวที่หลายคนมองว่าเป็นทอมบอยยังคงเดิม กลับไปกลับมา

“เอ็ง..” สไบนางหันขวับไปจ้องหน้าลูกสมุนคนสนิท

“ผมเหรอครับ” คนถูกจ้องหน้าตาเหวอ พร้อมกับชี้นิ้วเข้าหา

ตัวเอง

“ใช่ เอ็งจะต้องปลอมตัวเข้าไปที่ไร่นั้นใหม่ ไปสืบมาให้ได้ ว่าไอ้เจ้าของไร่คนใหม่มันคือใคร และมันมีความคิดที่จะมา ต่อกรกับไร่รุจิเรขหรือเปล่า”

“แต่ผม…

“ไม่ต้องมาอิดออดเลย เอ็งต้องไปทำตามที่ลูกพี่อย่างช้าสั่ง เข้าใจไหมไอ้ส้มจุก”

สไบนางท้าวสะเอวตรงหน้าของลูกสมุนพลางข่มขู่ ส้มจุกทำ สีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก กำลังจะรับปากออกไปแต่สวรรค์ ก็ส่งคนเข้ามาช่วยเสียก่อน

“กำลังจะก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ สไบนาง

เจ้าของชื่อสะดุ้ง ก่อนจะหันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้กับผู้เป็นบิดา “พ่อนั่นเอง”

อัสกรเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของธิดาคนโต “ยังไม่ตอบพ่อ เลยว่ากำลังบังคับเจ้าส้มจุกให้ไปทำอะไรแผลงๆ อีกหรือ
“ปละ เปล่าสักหน่อย สไบไม่ได้ทำอะไร จริงไหม ไอ้ส้มจุก” สไบนางหันไปทําตาใส่ส้มจุก และบังคับให้มันเป็นพวก

“ไอ้ส้มจุก”

“ครับๆ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ครับ” ส้มจุกปฏิเสธเสียงสูงลิบ จนสไบนางหมั่นไส้ต้องเอ่ยปากไล่ส่ง

“เอ็งไปให้พ้นหน้าข้าเลยไอ้ส้มจุก ไปสิ”

“ครับ ลูกพี่”

ส้มจุกรอเวลานี้มานานแล้ว พอได้ยินคำอนุญาตก็รีบวิ่งหายไป อย่างรวดเร็ว สไบนางมองตามไปอย่างคาดโทษ ก่อนจะหันมา ปันยิ้มเรียบร้อยให้บิดา

“วันนี้พ่อไม่ไปทำงานในเมืองเหรอคะ”

“วันนี้เป็นวันหยุดของพ่อนะ ว่าแต่สไบเถอะกำลังจะก่อเรื่อง อะไรหรือ

“เปล่าสักหน่อยค่ะพ่อ” สไบนางรีบเกาะแขนบิดาอย่าง ประจบประแจง “ใครมันปากบอนใส่ร้ายสไบอีกล่ะคะพ่อ

“ไม่มีใครปากบอนหรอก แต่ความจริงต่างหากที่ทำให้พ่อ

คนฟังสะอึก และจ่าต้องถอยออกห่างบิดา ดวงหน้านวลที่ หวานราวกับหยาดน้ำผึ้งเลื่อนลง

“พ่อคงหมายถึง… เรื่องเมื่อวาน ”
“แล้วมันจริงหรือเปล่าล่ะสไบ ลูกไปหาเรื่องคนในไร่ของเสี่ย เขาทําไมกัน”

“สไบไม่ได้จะหาเรื่องนะพ่อ แต่ลูกน้องเสี่ยอ้วนน่ะมาแซว สไบ พ่อก็รู้ว่าสใบไม่ชอบให้ผู้ชายมาแซว ขนาดคนงานในไร่ แซว สไบยังชกปากเรียงตัวเลย”

อัสกรถอนใจออกมาแรงๆ อย่างอ่อนอกอ่อนใจ “พ่อเข้าใจ ลูกนะสไบ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องทำกันซะหน้าตาแหกแบบนั้น

“เล็กๆ น้อยๆ เองพ่อ แค่ไม่กี่หมัด” สไบนางแก้ตัวข้างๆ คูๆ “เล็กๆ น้อยๆ ที่ไหนกันสไบ ตาปูด ปากแตก แถมฟันยังหัก ไปตั้งสาม ”

คำพูดของบิดาทำให้สไบนางตกใจ “นี่พ่อพูดเหมือนกับเห็น มากับตาเลยนะคะ”

“ก็เห็นน่ะสิ”

“เห็น… เห็นได้ยังไงคะพ่อ”

อัสกรจ้องหน้าลูกสาวคนโตเขม็ง “เมื่อเช้าพ่อไปที่ไร่ของ เสี่ยอ้วนมาน่ะ รู้ไหมว่าเสี่ยอ้วนจะแจ้งความจับสไบด้วยนะ ดีที่ พ่อขอร้องและจ่ายค่าเสียหายให้ ไม่อย่างนั้นสไบได้นอนคุกแน่”

“ไม่เห็นกลัวเลย สไบเข้าไปตั้งสามครั้งแล้ว

คนทําผิดยังคงลอยหน้าลอยตาไม่สะทกสะท้าน คนอย่างสไบ นางไม่ยอมให้ใครมาแซวมาทำหยาบคายด้วยได้ฟรีๆ หรอกต่อยเป็นต่อย ชกเป็นชก สู้กันให้ตายไปข้างเลยก็ไม่เกรงกลัว แต่กลัวอย่างเดียวคือการทําให้พ่อกับแม่เสียใจ

“สไบไม่กลัวคุก ไม่กลัวตะราง หรือจะพูดให้ถูกคือไม่กลัว หน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนเลย แต่พ่อกับแม่กลัวรู้ไหม กลัวว่าจะ ต้องเสียสไบไปเพราะความบ้าบินเข้าสักวัน

“พ่อ..” คราวนี้คนก่อเรื่องไม่อาจจะโต้แย้งได้อีก นอกจาก ทำหน้าเศร้า ตาแดงๆ “ก็… สไบมือหนักไปหน่อยนะพ่อ แต่ครั้ง หน้าจะไม่ให้หนักแบบนี้อีกแล้วค่ะ สไบสัญญานะคะ”

เขาก็อยากจะเชื่อไอ้คำพูดที่ออกมาจากสาวหน้าหวาน นัยน์ตากลมโต ใสแจ๋วอย่างสไบนางหรอก หากเรื่องนี้มันไม่ได้ เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน

“ถ้าเอาคำสัญญาของสไบมาใส่ขวดโหล ป่านนี้คงเต็มไป แล้วล่ะ”

คำพูดประชดประชันของบิดาทำให้สไบนางหน้าเลื่อนลงมา อีกอย่างรู้สึกผิด

“สไบขอโทษค่ะพ่อ ต่อจากนี้ไปสไบจะพยายามนับหนึ่งถึง ร้อยก่อนที่จะมีเรื่องกับใคร”

“นับให้ถึงยี่สิบพ่อก็ดีใจแล้ว สไบเอ๋ย”

คนฟังได้แต่หัวเราะเงื่อนๆ เพราะสำนึกผิด

“เอ่อ พ่อ… พ่อไปที่ไร่เสี่ยอ้วนมาพอจะรู้หรือเปล่าคะว่าเสี่ย อ้วนขายไร่ให้ใคร”
ในที่สุดสไบนางก็ฉวยโอกาสเปลี่ยนเรื่องใหม่ทันที อัสกร รู้ทันบุตรสาวแต่ก็ไม่อยากจะกดดันอะไรมากนัก

“เห็นว่าเป็นคนจากกรุงเทพฯ นะ ว่าแต่สไบมีอะไรหรือเปล่า”

มีสิ มีมากด้วย สไบนางคิดอย่างอุ่นเคือง หล่อนหรือ อุตส่าห์ขอซื้อไร่ส้มต่อจากเสี่ยอ้วนเป็นเจ้าแรกตั้งแต่เสี่ยอ้วน ประกาศขาย แต่ดูสิ ดูเสี่ยอ้วนทำ ขายให้คนอื่นตัดหน้าหล่อน ไปซะอย่างนั้น มันน่าเจ็บใจนัก

“ว่าไงล่ะ พ่อถามว่ามีอะไรหรือเปล่า”

เมื่อเห็นลูกสาวยืนนิ่งก็อดที่จะถามอีกครั้งไม่ได้

“จะว่ามีมันก็มีนั่นแหละพ่อ ก็อย่างที่พ่อรู้นั่นแหละ สไบเข้ามา คุมไร่ส้มต่อจากคุณแม่เต็มตัวเกือบปีแล้ว และก็มีความคิดที่จะ ขยายอาณาเขตไร่ของเราออกไปให้ได้มากที่สุด และพอสไบรู้ว่า เสี่ยอ้วนจะขายไร่สไบก็รีบไปติดต่อ แต่ดูสิพ่อ เสี่ยอ้วนหักหน้า สไบขายให้กับคนอื่นไปซะงั้น มันน่าเจ็บใจไหมคะพ่อ”

อัสกรเข้าใจความรู้สึกของบุตรสาวดี แต่ก็พยายามที่จะ อธิบาย ในแง่บวก

“แล้วถ้าสไบเป็นเสี่ยอ้วนล่ะ มีคนมาเสนอราคาให้มากกว่า สไบจะตัดสินใจยังไง

“สไบก็ต้องให้คนที่มาติดต่อก่อนอยู่แล้ว” สไบนางตอบโดย ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แต่ก็ถูกผู้เป็นบิดาทักท้วง

“ในความถูกต้องมันคือแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามแบบนั้นหรอกสไบ เงินใครๆ ก็อยากได้ ถ้ามีคนมาเสนอ ให้มากกว่าเป็นใครก็ต้องรับ แถมสไบยังไปกดราคาของเสี่ย อ้วนด้วยไม่ใช่เหรอ อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้นะ

คนที่กำลังจะอ้าปากโต้แย้ง ต้องรีบหัวเราะกลบเกลื่อน

“สไบไม่ได้กดราคาสักหน่อย แค่ต่อรองลดลงมานิดหนึ่ง เท่านั้นเอง”

“ลดครึ่งล้าน ใครจะขายให้ลูกล่ะ

“ก็สไบอยากมีที่ดินเพิ่มคะพ่อ อยากขยายไร่ส้มที่ตารักให้ กว้างใหญ่ไพศาลมากกว่านี้” คนพูดทำเสียงน้อยอกน้อยใจ อัส กรจึงต้องยกมือขึ้นตบไหล่ลูกสาวเบาๆ

“แค่สิบไร่ก็เกินตัวเด็กสาวตัวเล็กๆ อย่างสไบแล้วนะ และอีก อย่างพ่อกับแม่ก็ไม่ได้เข้ามาช่วยดูแลด้วย พ่อไม่อยากให้สไบ เหนื่อยมากไปกว่านี้รู้ไหมลูก”

“สไบยอมเหนื่อยพ่อก็รู้นี่คะ”

“พ่อรู้ว่าสไบของพ่อน่ะขยัน แถมยังเก่งมาก แต่ยังไงซะใน สายตาของพ่อกับแม่สไบก็เป็นแค่เด็กผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายอกสาม ศอกอย่างที่สไบกำลังสวมหัวโขนอยู่

หญิงสาวก้มหน้าซ่อนน้ำตาเอาไว้ หล่อนจะไม่มีวันอ่อนแอ สไบนางคนนี้จะเข้มแข็งให้ได้อย่างที่ทุกคนคาดหวัง

“ใครว่าล่ะคะพ่อ สไบอาจจะกำลังค้นพบตัวเองก็เป็นไปได้
“ไม่จริงหรอก ลูกสาวของพ่อเป็นผู้หญิง และก็ชอบผู้ชาย คนฟังหัวเราะร่วน ขบขัน เพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้

“เอาจริงๆ เลยนะคะพ่อ ตั้งแต่สไบจำความได้ นอกจากพ่อ แล้ว สไบไม่เคยถูกชะตากับผู้ชายคนไหนเลย เห็นแล้วก็หมั่นไส้ ตลอด ขนาดไอ้ส้มจุกบางครั้งสไบยังไล่เตะมันเพราะหมั่นไส้เลย”

“ก็คู่หมั้นของลูกไง สไบ”

ริมฝีปากอิ่มเต็มสีแดงระเรื่อที่กำลังคลี่ยิ้มอยู่ชะงักค้างในทันที

“นั่นคือนรกที่สุดของสไบเลยพ่อก็รู้นี่ สไบสวดมนต์ทุกคืนขอ ให้หมอนั่นดื่มน้ำแล้วติดคอตายไปซะ จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวาย กับสไบ

อัสกรแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่กับความแก่นแก้วของ บุตรสาว

“งั้นที่เขาประสบอุบัติเหตุก็เพราะลูกน่ะสิสไบ” แทนที่สไบนางจะตกใจ เสียใจ หรือรู้สึกผิดกลับกระโดดตัว ลอยด้วยความดีใจ “เขาตายแล้วใช่ไหมคะพ่อ”

“ไม่ตาย แค่สาหัส”

“ว้า… เสียดาย”

“ทำเป็นพูดดีเข้าไปเถอะ ถ้าเขาพิการขึ้นมาลูกนั่นแหละจะต้อง เป็นคนดูแลไปตลอดชีวิต” อัสกรตำหนิบุตรสาวอย่างหมั่นไส้

“จ้างให้ก็ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ สมประกอบสไบยังไม่อยากได้เลย แล้วถ้ามาแบบพิการ สไบผูกคอตายดีกว่า”

หญิงสาวทำหน้าสยดสยอง และสายหัวดึก

“คำสั่งของคุณตาลูกขัดได้หรือ สไบ”

คนที่ส่ายหัวอยู่ชะงัก แล้วก็หน้าเลื่อนลง “คุณตาจะรู้ไหมเนี่ย ว่าสมัยนี้เขาไม่มีการคลุมถุงชนกันแล้ว”

“อย่าบ่นเลยสไบ ยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก”

สไบนางถอนใจออกมาอย่างหมดหวัง ความจริงหล่อนรู้มาตั้ง นานแล้วล่ะว่าจะต้องแต่งงานกับคนที่คุณตาหมั้นหมายเอาไว้ให้ แต่พอใกล้เวลาเข้าจริงๆ หล่อนกลับรู้สึกเหมือนจะรับไม่ได้ แล้ว นี่จะทำยังไงดีนะ

หล่อนเกลียดผู้ชายจะตายไป

“แต่แต่งแล้วหย่าได้ใช่ไหมคะ”

อัสกรจ้องหน้าบุตรสาวอย่างตกใจ ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “ถ้าสไบอยากเป็นแม่หม้ายตั้งแต่ยังสาวก็ทำไปเถอะลูก เอาที่ สบายใจก็แล้วกัน”

ผู้เป็นบิดาพูดขึ้นอย่างเอือมระอาใจ

“พ่อเข้าบ้านก่อนนะ สไบหิวข้าวก็ตามเข้าไปล่ะ

สไบนางมองแผ่นหลังของเกษตรอำเภอวัยกลางคนที่เดินจาก ไปจนลับสายตา ก่อนจะพึมพำออกมาด้วยความห่อเหี่ยวใจ

“นี่แกต้องแต่งงานจริงๆ เหรอ ไอ้สไบ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ