เจ้ากุหลาบซ่อนหนาม

บทที่ 17 ก็แค่เมียน้อย



บทที่ 17 ก็แค่เมียน้อย

ในจวนอ๋องหัว บรรยากาศมีความกดดันต่ำเป็นอย่างมาก ท่านหวางเฟยมีสีหน้าที่เคร่งขรึม นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ และสนมเฉินชื่อที่อยู่ข้างๆ ซึ่งก็คือแม่ของเวินจั่น มอง ออกไปข้างนอกอย่างมีความสุข ราวกับจะคิดว่ากำลังจะ มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้น

ข้างนอกมีบ่าวรับใช้ชรากำลังนั่งคุกเข่าอย่างดำทะมึน อยู่ในลาน พวกเด็กๆที่อยู่นอกลานก็ถูกลากมาคุกเข่า ทั้งหมด เมื่อมองไปข้างหน้า แม้แต่พ่อบ้านจูเจิ้งก็ไม่เว้น เขาก็คุกเข่าอยู่ข้างหน้าเช่นกัน

แต่ทว่าคนที่อยู่ข้างหน้าอีกคน คือหรูเอ๋อร์

เวิน อพาคนสี่ห้าคนกลับมาจากข้างนอก ก็เห็นคนที่ กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นคนหนึ่ง จึงถามว่า “นี่มันเกิดอะไร ขึ้นรึ?”

นางเดินเข้าไปอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม นางก็เลยรู้ ว่า หลังจากที่ท่านหวางเฟยผู้นี้ส่งหลานสาวที่รักมากที่สุด ของตัวเองไปอย่างง่ายดายอย่างนั้น ก็ต้องเกิดเรื่องขึ้น อย่างแน่นอน เพียงแต่ทำไมถึงได้มาเร็วขนาดนี้

“คุณหนู…”

หรูเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นด้วยความระมัดระวัง แล้วเหลือบมองเวินชื่ออย่างน่าสงสาร น้ำตาที่อยู่ภายในดวงตา ถูก กักเก็บเอาไว้ในเบ้าตาตลอดเวลา ช่างดูน่าสงสารเป็น อย่างยิ่ง

แต่ทว่า ที่น่าสงสารที่สุดไม่ใช่ตรงนี้ แต่เป็นมุมปากที่ บวมเป่งอยู่นานแล้วของนาง

“หรูเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ารึ?”

หรูเอ๋อร์จ้องมองไปที่ด้านบนด้วยความหวาดกลัว จาก นั้นก็ก้มศีรษะลง

เวินชื่อเข้าใจในทันทีว่า นอกจากแม่มดเฒ่าผู้ชั่วร้ายที่นั่ง อยู่ข้างบนผู้นี้แล้ว ยังมีใครอีกเล่าจะกล้าจัดการกับสาว ใช้ของนางโดยไม่มีความละอายใจเช่นนี้

น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ!

ก่อนหน้านี้แม่มดเฒ่าผู้นี้มักจะมองหาชื่อเสียงอยู่เสมอ ตอนนี้หลังจากที่หลานสาวที่รักมากที่สุดของนางถูกส่งให้ ไปอยู่ที่เสี้ยงโก๋ชื่อ นางก็ทนไม่ได้แล้ว!

“หลานสาวคารวะท่านย่าเจ้าค่ะ!

เวินชื่อก้มศีรษะลงและยิ้มเยาะ แต่การแสดงออกบนใบหน้าของนางนั้นกลับมีท่าทีที่อ่อนโยนและเพียบพร้อม ไปด้วยคุณธรรมอันดีงาม

“เจ้ายังรู้ว่าข้าเป็นย่าของเจ้าอยู่? ข้านึกว่าเจ้าจะไม่รู้ อะไรเลยเสียแล้ว!”

ท่านหวางเฟยยิ้มเยาะ คำพูดที่พูดออกมา กลับประณาม เวินชื่อทุกถ้อยทุกคำ

แต่บนใบหน้าของเวินชื่อก็ไม่มีความโกรธเกรี้ยว นาง เพียงแต่ก้มหน้าและรับฟังอยู่อย่างนั้น

เมื่อท่านหวางเฟยเห็นนางก็ไม่พูดอะไร และมีท่าทางที่ ข้าจะรู้จักเจ้าท่านย่าผู้นี้หรือไม่ล้วนไม่ต่างกัน ก็รู้สึกเจ็บ ปวดใจเป็นอย่างมาก สิ่งที่นางเกลียดที่สุด ก็คือลักษณะ ท่าทางที่ยืนอยู่เหนือมวลชนนี้ของพวกเขา

“ไม่ใช่ว่าคุณหนูรองไม่เห็นท่านป้าอยู่ในสายตาหรอก หรือ ก่อนจะออกไปข้างนอก ก็ไม่บอกกล่าวท่านป่าสักคำ ท่านป้าผู้นี้น่ะ เป็นท่านย่าโดยชอบธรรมของคุณหนูรอง นะ แต่คุณหนูรองกลับไม่รู้จักเรียนให้ท่านทราบเลยสัก คำ จะว่าไปแล้ว คุณหนูรองเป็นหญิงที่มีชาติมีตระกูล ถ้า เรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป คุณหนูรองก็อาจจะทำให้ จวนอ๋องหัวของเราเสื่อมเสียเอาได้นะเจ้าคะ!”
เฉินชื่อเกียดชังเวินชื่อเกลียดชังเสียจนคันเหงือกและ ฟัน ในเวลานี้จึงได้พูดคำพูดที่ไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่ นิดเดียว หลายปีมานี้นางมีท่านหวางเฟยคอยปกป้องอยู่ ตลอดเวลา นางก็เลยไม่เคยตกเป็นเบี้ยล่างใครมาก่อน นอกจากไม่ได้รับความโปรดปรานจากสามี นางสนมผู้นี้ก็ ไม่เลวเลยจริงๆ

แต่เวินเซียวอยู่ข้างนอกเป็นปีๆ ไม่ได้รู้สึกรักนาง และก็ ไม่ได้มีคนอื่น ดังนั้น ชีวิตของนางก็ไม่เลวเลยจริงๆ

“น่าเสียดาย ท่านป่าได้ยินว่าคุณหนูรองออกไปตั้งแต่ เช้าตรู่ ในใจยังเป้ห่วงอยู่ตลอดเวลา ว่ากันว่าสาวใช้พวก นี้ไม่ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ จึงปล่อยให้คุณหนูรอง ออกไปข้างนอกได้ แม้แต่บ่าวก็ไม่เอาไปด้วยสักคน!”

คำพูดของนางแม้ว่าจะพูดเยาะเย้ยถากถางแต่ก็แฝงไว้ ด้วยความอึดอัดอยู่เล็กน้อย เป็นชื่อขมวดคิ้วไปมา คำพูด เช่นนี้ แต่ละประโยคล้วนเป็นคำพูดที่ประณามนาง ช่าง น่าสนใจเสียจริงๆ แต่ทว่า มีความสามารถแค่นี้เองเหรอ??

“ใช่หรือเจ้าคะ?”

นางมีนัยน์ตาสีจางๆและรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่ภายใน ดวงตาของเวินชื่อที่เคยประสบกับภาพเหตุการณ์ดังกล่าวในชาติที่แล้ว กลับเย็นชาเหมือนกับกำลังกระหาย เลือด

“ใช่… ใช่สิ!” หลังจากได้รับการจ้องมองด้วยสายตาที่เย็น ชาของเวินชื่อ เฉินชื่อก็สั่นเทาไปทั้งตัวอยู่พักหนึ่ง และ พูดอะไรไม่ออก

ช่างพิลึกพิลั่นยิ่งนัก คุณหนูรองที่เติบโตขึ้นมาในจวน ท่านอ๋องมาโดยตลอด ทำไมถึงได้มีสายตาที่เย็นชา สุดขีดขนาดนี้?

นางรวบรวมความกล้าให้กับตัวเองอีกครั้ง และมองกลับ ไป แต่เวินชื่อก็ถอนสายตานั้นกลับไป

“ว่าแต่ เจ้าเป็นใคร?”

น้ำเสียงที่เฉยเมยของเวินซื่อ ทำให้นางไม่มีปฏิกิริยา ตอบสนองกลับมาไปชั่วขณะหนึ่ง

“เอ่อ…”

“ที่นี่คือลานของท่านหวางเฟย ข้าเวินชื่อเป็นคุณหนู หลวงแห่งจวนอ๋องหัว แต่เจ้าเป็นใครกัน? เป็นแค่เมีย น้อยคนหนึ่งเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมายกมือวาดเท้ากับคุณ หนูหลวงอย่างข้า?”
ใบหน้าของเฉิน อแดงขึ้นมาทันที ภายในดวงตาเต็ม เปี่ยมไปด้วยน้ำตา นางอายุแค่สามสิบต้นๆ เท่านั้น ดู เหมือนว่าจะอ่อนแอเป็นพิเศษ ลักษณะท่าทางแบบนี้ ถ้า หากผู้ชายสักคนเห็นเข้า เกรงว่าจะต้องอยากทะนุถนอม และเข้าไปปลอบขวัญให้ดีสักพัก

“เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่?”

ในขณะที่ท่านหวางเฟยกำลังมองดูเวินชื่ออยู่ข้างบน เห็นเพียงหลานสาวที่ไม่ได้ไว้หน้านางเลยสักนิดของนาง แล้วนางก็หน้าซีดด้วยความโกรธ

แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่แดงก่ำนั้นของท่านหวางเฟย เวินซื่อก็คิดเพียงว่ามันดูตลกดี เป็นอย่างไร แค่นี้ก็เริ่มจะ ทนไม่ไหวแล้ว เช่นนั้นรออีกสักครู่ก็จะยิ่งสนุกขึ้นไปอีก ไม่ใช่หรือ?

“ทำไมเหรอเจ้าคะ ท่านย่า หลานพูดผิดหรือเจ้าคะ”

นางแสร้งทำเป็นประหลาด ดูเหมือนไร้เดียงสามาก และ ทำท่าทางที่ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

ท่านหวางเฟยโกรธมากจนเกือบจะหายใจไม่ออก

“โอ๊ะๆ หลานพูดผิดไปแล้ว เมียน้อยเฉินเป็นเพียงเมีย น้อยคนหนึ่ง ไม่นับว่าเป็นนางสนมของท่านพ่อเสียด้วยซ้ำ จะบอกว่าเป็นเมีย ก็เป็นเพียงแค่การยกย่องเท่านั้น ท่านย่า ท่านคิดว่าที่หลานพูดอยู่ตรงนี้พูดได้ไม่ดีหรือเจ้า คะ?”

“เจ้า…”

ท่านหวางเฟยฟังคำพูดของนางจนเกือบจะทำให้เป็นลม ไป

“เมียน้อยเฉิน ทำไมเจ้ายังไม่ไปคอยปรนนิบัติท่านย่า มีฐานะเป็นเมียน้อย ก็ต้องทำหน้าที่ในฐานะเมียน้อยสิ การปรนนิบัติดูแลท่านย่านี้ ก็เป็นเรื่องที่เจ้าสมควรจะทำ เจ้าดูสิ ถ้าเจ้าพูดคำพูดเหล่านั้นออกมาเมื่อสักครู่นี้ แล้ว ทำให้ท่านอย่าโมโหจนไม่สบายขึ้นมา เมื่อถึงตอนนั้นข้า จะบอกท่านพ่อให้ทราบ!”

แล้วเวินชื่อก็เหลือบมองเฉินชื่อ แล้วทำท่าทางที่ว่าเจ้า ควรไปดูท่านหวางเฟยสิถึงจะสมเหตุสมผล

อย่างไรก็ตาม คำพูดของนางก็ทำให้ท่านหวางเฟยเป็น ลมไม่ลงแล้ว ในที่สุดท่านหวางเฟยก็รู้ว่า เมื่อสักครู่ที่เป็น ชื่อโกรธนางจนกลายเป็นเยี่ยงนี้ ล้วนตำหนิตัวของเฉิน ซื่อ ถ้านางเป็นลมไปแล้ว ถึงเวลานั้นเมียน้อยคนหนึ่ง อย่างเฉินซื่อ ก็จะต้องถูกนางกลั่นแกล้งเอาจริงๆน่ะสิ!
“ท่านย่า ท่านไม่ต้องโกรธหรอกเจ้าค่ะ เพื่อเมียน้อยเฉิน แล้วถึงกับโกรธเสียจนทำให้ร่างกายของตัวเองต้องป่วย มันไม่คุ้มค่าหรอกนะเจ้าคะ แม้ว่าเมียน้อยเฉินจะเป็นเมีย ใหม่ของท่านพ่อ ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรต้องรั้งอยู่ที่ นี่ต่อ บอกท่านพ่อให้รับทราบ ท่านพ่อกตัญญูเสมอมา….”

“พอได้แล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ