เจ้ากุหลาบซ่อนหนาม

บทที่ 14 ปฏิเสธ



บทที่ 14 ปฏิเสธ

ทรงเก๋งพูดจ้อเป็นต่อยหอยคนเดียว เขาพูดไม่หยุด ตลอดเวลา แต่หรงเชิงยวนกลับไม่สามารถฟังได้อีกต่อ ไป เขาจึงขัดจังหวะหรงเถิง ด้วยการกล่าวทักทายหลาย คนพร้อมกันว่า “ถวายบังคมองค์ชายรัชทายาท ถวาย บังคมองค์ชายหก ถวายบังคมองค์ชายเจ็ด!”

เวินชื่อทําความเคารพตามโดยธรรมชาติ แต่นางไม่ได้ พูดอะไร

“ทูลองค์ชายหกพะย่ะค่ะ นี่คือคุณหนูรองแห่งจวนอ๋อง หัว!”

น้ำเสียงของหรงเชิงยวนดังก้องขึ้น ความหมายคือ นี่ ไม่ใช่หญิงสาวที่เจ้าจะมาทำเจ้าชู้ได้ตามอำเภอใจ และจะ ต้องระวังคำพูดสักหน่อย

“ที่แท้ก็คือคุณหนูเวินรอง ข้าผู้นี้ขอคารวะ!”

หรงจ้านไม่พูดไม่จามาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขากลับ กล่าวทักทายเวินชื่ออย่างสุภาพมากในทันที อีกทั้ง สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของเวินชื่ออย่างไม่ วางตา ภายในสายตาคู่หนึ่งของเขา ล้วนประหลาดใจใน ความงามของนาง เพียงแต่ไม่ได้โจ่งแจ้งตรงไปตรงมา อย่างองค์ชายหกหรงเถิงก็เท่านั้นเอง
แต่หว่า เป็นชื่อไม่ไปสนใจสายตาขององค์ชายหา เพราะว่าองค์ชายหาเป็นเพียงองค์ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง เมื่อ เห็นสาวงาม ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่อยากเข้ามาคุยด้วย

แต่หรงจ้านไม่เหมือนกัน ในสายตาของเขามีความ ละเอียดอ่อนอยู่ในนั้นเล็กน้อย และความหมายที่อยู่ ภายในนั้นก็กระจ่างแจ้งมาก

หรงจ้านที่เป็นอย่างนี้ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้หัวใจของเงิน จิ่นเกิดความระแวดระวัง!

หรงจ้าน ก็คือฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เอานางไปขังไว้ในเรือน จำน้ำในชาติก่อน และก็คือตัวการใหญ่ที่เชื่อคำพูดของ เวินจิ่น แล้วทำให้จวนอ๋องหัวของนางต้องรับโทษประหาร ทั้งตระกูลคนนั้น ในชาติก่อนเป็นชื่อหวังเป็นอย่างมากจะ ได้พบเขา แต่ตอนนี้นางก็หวังเป็นอย่างมากเช่นกันว่าจะ ไม่ต้องพบเจอเขาอีก

ในชาติก่อน ในพิธีปักปั่นของนาง ในตอนนั้นทรงด้านที่ ยังเป็นองค์ชายรัชทายาท แค่มองปาดเดียวก็เห็นเป็นชื่อ อยู่ในสายตาแล้ว ในตอนนั้น สายตาของเขาก็เป็นอย่างนี้ ในความเย็นชามีความซับซ้อนปรากฏอยู่เล็กน้อย และยัง มีความปรารถนาจะครอบครองที่มองเห็นไม่ชัดอยู่บ้าง
ต่อมาเวินชื่อก็น่าจะปฏิเสธเขาทั้งในที่ลับและที่แจ้ง น่า จะต้องเป็นเช่นนั้น จึงจะเกิดเหตุการณ์ต่อมาได้ แต่ใน ความทรงจำของนาง หรงจ้านไม่ใช่คนจะที่ทำทุกอย่าง เพื่อความรักอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่า พวกเขาจะเป็นคน ที่มีความลับมากกว่า

สําหรับความลับนี้คืออะไร เวินชื่อก็ยังมิอาจทราบได้ แต่ ทว่าตั้งแต่เวินเซียวถูกสังหารในเวลาต่อมา หลี่ฮองเฮา ก็สมรู้ร่วมคิดกับหัวหน้าหมู่บ้านหลี่ ซึ่งความหมายมันก็ ชัดเจนมาก

ตอนนี้แผ่นดินแบ่งออกเป็นสี่ก๊ก ราชวงศ์เทียนจิ่นยังคง กระสับกระส่าย จุดประสงค์ก็คือยึดราชวงค์เทียนหรงมา เป็นของตนเอง แต่ราชวงศ์เทียนหรงในตอนนี้ก็แข็งนอก อ่อนในเช่นเดียวกัน นโยบายการปกครองภายในเน่า เฟะเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีแม่ทัพเจิ้นโก๋เวินเซียวคอยตั้งมั่น รักษาการณ์อยู่ที่ชายแดนเป็นปีๆ ทำให้คนจากแคว้นอื่น ไม่กล้ากระทำการใดๆด้วยความหุนหันพลันแล่น ยังไม่รู้ เลยว่าราชวงศ์เทียนจิ่นจะทําอะไรกันแน่!

“องค์ชายรัชทายาทเกรงใจแล้ว เวินชื่อมิกล้ารับเพคะ!”

ในขณะที่รัชทายาทหรงจ้านกำลังมองดูนาง ไม่รู้ว่า ทำไมถึงได้รู้สึกมีความสุข คิดไม่ถึงเลยว่าบนใบหน้าที่ เย็นชามาโดยตลอดจะปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย จนทำให้ องค์ชายหกที่อยู่ข้างๆต้องตกตะลึง
ตอนที่พวกเขาเพิ่งเดินเข้ามา องค์ชายรัชทายาทไม่พูด ไม่จาอะไร น้องเจ็ดก็หน้าตาเย็นชาสุดๆ ตอนนี้พอเพิ่ง พบกับคุณหนูรองแห่งจวนอ๋องหัวผู้นี้ สีหน้าขององค์ชาย รัชทายาทนี้ก็ดูดีขึ้นไม่น้อย

ใบหน้าของสาวงามผู้นี้ก็งดงามอยู่มากจริงๆ

แต่เขาก็ไม่กล้าพูดคำพูดนี้ออกมา เพราะว่าคุณหนูรอง แห่งจวนอ๋องหัวผู้นี้ ไม่ใช่คนที่จะสามารถพูดหยอกล้อได้ ตามใจชอบ ยิ่งไปกว่านั้น คำเตือนของหรงเซิงยวน เขาก็ ไม่อาจไม่รับฟังได้

“น้องเวินชื่ออย่าทำเช่นนี้เลย เสด็จแม่ของข้ากับท่าน แม่ของน้องเวินชื่อเป็นพี่น้องแท้ๆกัน ว่ากันตามเหตุผลคือ เจ้ากับข้าก็นับว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องร่วมสายโลหิตกันนะ!”

น้ำเสียงของรัชทายาทสุภาพนุ่มนวล กลัวแต่จะไปล่วง เกินสาวงามเข้าแล้ว แต่อุปนิสัยของเขาเป็นเคร่งขรึม ถึง แม้ว่าตอนนี้จะแสร้งทำเป็นว่าสุภาพและมีมารยาทออกมา ก็ไม่สามารถทำให้คนอื่นๆคิดว่าเขามีท่าทางของคุณชาย ที่อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างหรงเซ็งยวนได้

แต่ทว่าคำพูดนี้กลับทำให้องค์ชายหกหรงเถิงที่อยู่ข้างๆ เกือบจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย
นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่ารัชทายาทจะไปนับญาติกับคนอื่น เป็นด้วย ในเมืองชื่อเฉิงแห่งนี้ มีตระกูลไหนบ้างที่ไม่มี ความเกี่ยวข้องกัน?

หรือว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์แค่เพียงเล็กน้อย พวกเขาก็เรียกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องทั้งหมด เช่นนั้นมันจะ ไม่ยุ่งเหยิงเกินไปหรือ ท้ายที่สุดแล้ว อำนาจของฮ่องเต้ นั้นก็สูงที่สุดนะ

แต่ตอนนี้อยู่ดีๆรัชทายาทก็วิ่งไปอยู่ตรงหน้าเวินชื่อ แล้วทำตัวเป็นหมาป่าหางโตเช่นนี้ ทำให้ทรงเถิงรู้สึก ประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“องค์ชายรัชทายาทพูดล้อเล่นแล้ว!”

เวินชื่อหัวเราะ

การแสดงออกที่ห่างเหินนี้ของนางทำให้ใบหน้าของ รัชทายาทดำขึ้นๆ การแสดงออกบนใบหน้าดูไม่มีความ สุขไปโดยปริยาย แต่มันก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น

แต่เวินชื่อกับหรงเซิงยวนก็ไม่ได้ปล่อยให้การแสดงออก

ทางสีหน้าในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไป ทุกคนต่างก็กำลังยืน คิดด้วยความคิดที่แตกต่างกันออกไป

“น้องสาวกับหรงซื่อจื่อก็มารับประทานอาหารที่นี่ด้วยหรือ?”

หรงเชิงยวนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นมาโดยไม่ให้ เวินชื่อพูดต่อไปว่า “ทูลองค์ชายรัชทายาท เป็นเช่นนั้น จริงๆพะย่ะค่ะ!”

ท่าทางที่แสดงออกว่าเจ้าควรถามข้าของทรงเชิงยวน ทำให้รัชทายาทสำลักหนึ่งครั้ง และหวนนึกในใจว่าทรง ชื่อจื่อผู้นี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเงินซื่อหรือไม่ แต่ทว่า คิดอยู่นาน เขาก็คิดไม่ออก

ดังนั้น เมื่อเห็นเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน เขาก็รู้สึกขัดหู ขัดตาเป็นอย่างยิ่ง

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ไปรับประทานร่วมกับข้าและองค์ ชายหกองค์ชายเจ็ดดีกว่าไหม ข้าก็มารับประทานอาหาร ที่นี่เช่นกัน เชื้อเชิญหรือจะสู้บังเอิญพบกัน ไม่ทราบว่า น้องเวิน อคิดเห็นเป็นเช่นไร?”

บนใบหน้าของรัชทายาทมีความตั้งตารอเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาก็มองออกไปอย่างกระตือรือร้น เขามอง เวินชื่อตลอดเวลา และหวังว่าเวินซื่อจะสามารถตอบ รับคำขอของเขา

“ไม่จําเป็นหรอกเพคะ!”
ปฏิกิริยาตอบสนองของเวินชื่อแรงมาก

พูดล้อเล่น และมีการสัมผัสใกล้ชิดกับองค์ชาย รัชทายาทอีก นางบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?

องค์ชายรัชทายาทไม่เคยถูกใครปฏิเสธเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าของเขาก็เลยขรึมลงมาในทันที

ทรงเชิงยวนก็จําเลืองมองเวินชื่ออย่างมีความหมาย ลึกซึ้ง ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าเวินซื่อจะปฏิเสธอย่าง ละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ได้ และไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด

“องค์ชายรัชทายาท วันนี้ยวนกับคุณหนูรองได้นัดหมาย กันไว้แล้ว ไม่สู้วันหน้าค่อยเชิญองค์ชายรัชทายาทกับ องค์ชายหกและองค์ชายเจ็ดมารับประทานด้วยกันจะดี กว่าไหมพะย่ะค่ะ?” หรงเซิงยวนรีบพูดขึ้นมาอย่างถ่อมตัว

คำพูดของเขาแม้ว่าจะสุภาพนุ่มนวล แต่กลับเป็นเสียงที่ ดูมีพลังโน้มน้าวใจ ไม่ให้ใครปฏิเสธแม้แต่นิดเดียว

แม้ว่าใจขององค์ชายรัชทายาทจะไม่ยินยอม แต่พอดู จากสีหน้าที่ต่อต้านและปฏิเสธนั้นของเวินซื่อ แล้วก็ ท่าทางที่บอกว่าเจ้าไม่สามารถบังคับพวกเราได้ของหรง เชิงยวน เขาก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ สุดท้ายก็โมโหจนหน้า ดำและไม่พูดอะไรสักคำ
บรรยากาศเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ องค์ชายรัชทายาท หรง อ จื่อ และคุณหนูแห่งจวนอ๋องหัว ยืนอยู่ที่ทางเดินของตึก โดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ แต่สีหน้าของพวกเขาต่างก็ดู เคร่งขรึมมาก

“ฮ่าๆๆ…”

หรงเถิงไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตไปมากกว่านี้ ถึง อย่างไรทั้งสองคนก็ล้วนเป็นคนที่มีสถานะสูงส่งในราช วงศ์เทียนหรงในขณะนี้

“ในเมื่อคุณหนูเวินรองกับหรงซื่อจื่อมีนัดกัน คิดว่าคง ไม่มีอะไรจะต้องพูดแล้ว พวกเราขอเป็นวันหน้าจะดีกว่า วันหน้า!”

หรงเถิงพูดไกล่เกลี่ยสะเปะสะปะเป็นอย่างมาก และ ทําท่าทีราวกับว่าเป็นคนไกล่เกลี่ยคนหนึ่ง

“เช่นนั้นยวนกับคุณหนูรองก็ขอตัวก่อน!” หรงเชิงยวนไม่ ได้สนใจสีหน้าที่ดูไม่ดีของรัชทายาท เขาเดินจากไปโดย ไม่สนใจอะไรเลย เวินชื่อเองก็รีบตามเขาไปในทันที

ภาพเงาด้านหลังของทั้งสองคนห่างออกไปเรื่อยๆ จน กระทั่งหายไปกลางทางเดินของตึก สีหน้าของรัชทายาท มองไม่เห็นรอยยิ้มใดๆแล้ว และยังมีอารมณ์ที่อยากจะสังหารคนเล็กน้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ