บทที่ 10 คำมั่นสัญญา
งดงามดั่งหยก ส่องแสงแวววาวสว่างไสว
หลังจากที่ท่านหวางเฟยพาเวินจิ่นเดินจากไปด้วยโกรธ แค้น ข้อกล่าวหาของทุกคนก็ลดน้อยลงมากแล้ว ทุกคน หยุดอยู่ที่นั่นเพื่อชื่นชมความงามของคุณหนูเวินรอง เวิน ชื่อที่ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่สาวงามแห่งราชวงศ์เทียนหรงผู้นี้
อยู่
นางยืนอยู่ตรงนั้นเช่นนี้ กลายเป็นทิวทัศน์ไปแล้วโดย
ปริยาย
“เช่นนั้น ข้าก็ขอตัวลาก่อน!” หูเก๋อเห็นท่านหวางเฟยเดิน จากไปแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“เรื่องในวันนี้ต้องขอขอบคุณท่านลุงหูมากเจ้าค่ะ”
เวินซื่อแสดงความเคารพเหมือนที่หูเก๋อทำด้วยความ เคารพเป็นอย่างสูง
หูเก๋อมีตำแหน่งเป็นจิงจ้าวปู่ยิ่น แล้วก็เป็นพี่น้องร่วม สาบานของอ๋องหัว ปกติเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจาก อ๋องหัวไม่น้อย ในครั้งนี้เขาจึงไม่อาจรับการแสดงความ เคารพจากเวินชื่อได้ ณ ที่นี้
“เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก ความสัมพันธ์ของข้ากับพ่อ ของเจ้า…” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “พ่อขิงเจ้าไม่ได้อยู่ใน เมืองหลวง ข้าก็ต้องดูแลเจ้าให้มากๆอยู่แล้ว!”
“ท่านลุงหู ค่อยๆเดินนะเจ้าคะ!”
เงินซื่อแสดงท่าทางที่นุ่มนวลออกมา พร้อมที่จะส่งเขา เดินจากไป พอได้เห็นท่าทางเช่นนี้แล้วในใจของหูเก๋ อก็ยิ่งทนไม่ได้ คิดแต่เพียงว่านางได้รับความทุกข์ใจ มากมายเหลือเกิน คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อครู่ตอนที่อยู่ต่อ หน้าคนหลายคนเช่นนี้ ท่านหวางเฟยจะมีใจเอนเอียงขาด ความยุติธรรมเช่นนั้น ในเวลาปรกติยังไม่รู้เลยว่านางจะ เป็นอย่างไรบ้าง!
“เฮ้อ เสี่ยวชื่อ น้องสาวต่างมารดาของเจ้าเนี่ย เกรงว่าจะ ไม่ใช่คนที่จะหมดกังวลไปง่ายๆนะ!” เขาเดินไปสองสาม ก้าว ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สายตาเหลือบมองหรงเซิงยวน ที่กำลังยืนอยู่ด้านข้างไม่ไปไหน เขาก็เลยไม่ใคร่จะพูด อะไรมาก
ทำได้เพียงพูดอย่างลวกๆหนึ่งประโยคว่า “เสี่ยวซื่อใน เวลาปรกติไม่ว่าเรื่องอะไรเจ้าจะต้องใช้สติให้มากนะ ถ้า เกิดเรื่องอไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ให้สั่งคนมาบอกข้า ทันทีเลยนะ ลุงหูจะจัดการให้เจ้าอย่างแน่นอน!”
ในขณะที่เวินซื่อมองเงาด้านหลังที่กำลังเดินจากไปของเขาอยู่นั้น นางก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
ความรักที่เขามีให้กับท่านพ่อนี้ ช่างหาได้ยากจริงๆ
“ไม่ทราบว่าที่ชื่อจื่อมาในวันนี้เป็นเพราะตั้งใจมาหรือ ผ่านทางมาเพคะ?” หลังจากที่เวินชื่อเห็นว่าหูเก่อเดินจาก ไปแล้ว จึงหันมาหาทรงเชิงยวน
“ในที่สุดคุณหนูเป็นรองก็มองเห็นยวนแล้ว” หรงเชิงยวน ยิ้มอ่อนๆ ชุดสีขาวทั้งตัว อ่อนโยนและสุภาพ จืดจางดุจ น้ำเปล่า แต่กลับเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงอัน สว่างรุ่งโรจน์ของพระอาทิตย์ ไร้หนทางที่จะทำให้ใคร มองข้ามการมีอยู่ของเขา
เวินชื่อตกตะลึงเล็กน้อยกับสิ่งที่เขาพูด นี่นางจะเริ่มพูด อย่างไรดี ….
“คุณหนูรอง ถ้าหากยวนบอกว่า วันนี้ข้าตั้งใจมาเพื่อคุณ หนูรอง คุณหนูรองพึงจะทำอะไรล่ะ?”
พึงจะทําอะไร?
เวินชื่อยิ่งรู้สึกสับสนเข้าไปใหญ่
“ฮ่าๆๆๆ…”
ชายรูปงามก็คือชายรูปงาม พอหัวเราะขึ้นมา ก็ทำให้คน มีความรู้สึกที่อบอุ่น ในชั่วขณะหนึ่ง หัวใจของเงินชื่อดู เหมือนจะสั่นคลอนขึ้นมา
ในนาทีนี้ นางก็มีสติขึ้นมาในทันที อันที่จริงอยู่หน้าประตู ใหญ่ และข้างนอกก็ยังมีผู้คนมากมายเช่นนี้ มันไม่ค่อยดี นัก
“วันนี้ชื่อจื่อมีพระคุณต่อหม่อมฉัน เพียงแต่วันนี้หม่อม ฉันเพิ่งจะกลับมา ยังไม่มีเวลาได้ตอบแทน ไม่สู้ พรุ่งนี้ หม่อมฉันขอเลี้ยงข้าวซื่อจื่อ เพื่อขอบคุณบุญคุณที่ชื่อจึ อช่วยหม่อมฉันในวันนี้ดีกว่าเพคะ!”
น้ำเสียงของเวินชื่อสงบนิ่งเป็นอย่างมาก อันที่จริงแล้ว นางก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าทำไม คิดไม่ถึงเลยว่านางจะถูกรูปโฉมของชาย ผู้นี้มอมเมาจนได้ ใช้ชีวิตมาสองชีวิตแล้ว ผู้ชายหน้าตาดี เป็นแบบไหนก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำไมถึงได้ไร้ประโยชน์ ขนาดนี้?
โชคดีที่ แม้ว่าในใจของนางจะรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่าง มาก แต่กลับไม่แสดงออกมาให้เห็นอยู่บนใบหน้าเลย แม้แต่นิดเดียว
หรงเชิงยวนคิดไม่ถึงเลยว่าเวินซื่อจะพูดว่าอยากจะเลี้ยงอาหารเขา แต่พอคิดไปคิดมา ดูเหมือนท่าทางที่เย็น ชาและสุภาพ ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าเข้าใกล้เลยสักนิดจะ เป็นสิ่งที่นางจะทํา
อันที่จริงนางก็เป็นคนที่เชื่อใจได้ นางไม่เคยพูดว่าอยาก จะเชิญใครมารับประทานอาหารด้วยเลย เช่น หูเก๋อคน เมื่อกี้ นางก็พูดขอบคุณก็จบแล้ว นางยอมรับความดีของ เขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ก็ได้! ในเมื่อคุณหนูรองเชื้อเชิญด้วยน้ำใจที่เมตตา เช่น นั้นยวนก็จะทำตามที่คุณหนูรองต้องการก็แล้วกัน พรุ่งนี้ ยวนจะรอคอยคุณหนูรองด้วยความเคารพนะ”
เขายิ้มและมองดูเวินซื่อ ราวกับว่ามีดอกไม้อยู่บนใบหน้า ของ เวินชื่อใจสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
“ชื่อจื่อเกรงใจแล้ว เดิมทีเป็นหม่อมฉันที่ควรจะตอบขอบ คุณซื่อจื่อ!”
พูดจบ ทั้งสองคนก็แสดงความเคารพซึ่งกันและกัน หรง เฉิงยวนก็ไม่อยู่แล้ว แต่หันหลังกลับและจากไปพร้อมกับ คนของเขาเอง
แต่เวินชื่อกลับไม่ได้เข้าไปในทันที นางยืนมองภาพเงา ด้านหลังของหรงเชิงยวนที่หน้าประตูอยู่นาน เห็นเพียงเขาก้าวเดินไปอย่างช้าๆ หยกที่ประดับเอว ส่งเสียง กระทบกันดังกุ๊งกิ๊งๆ อยู่บนถนนเส้นหนึ่ง เขามักจะเป็นคน ที่พริบตาเดียวก็สามารถถูกผู้คนมองเห็นได้เสมอ
ผู้ชายเช่นเขา ถ้าจะต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ มันก็น่า เสียดายจริงนะ พอนึกถึงความเชื่อใจที่เขามีต่อท่านพ่อ ในชาติก่อนขึ้นมาอีกครั้ง บุญคุณในครั้งนี้ รวมกับน้ำใจ ที่เขาได้ช่วยเหลือนางเมื่อวานและวันนี้ ช่างทำให้รู้สึก ซาบซึ้งใจเสียจริงๆ
อย่างไรก็ตาม นางจะต้องไม่ทำให้ผู้คนสงสัย อันที่จริง แล้ว นางกำลังเรียนรู้อุปสรรคเพื่อเพิ่มประสบการณ์ นางในตอนนี้ เหตุการณ์เล็กน้อยใดๆก็สามารถทำให้นาง พอที่จะระแวดระวังได้แล้ว
หรูเอ๋อร์เห็นเวินซื่อมีท่าทางใจลอย นางจึงเรียกด้วย ความเป็นห่วงว่า
“คุณหนู พวกเราเข้าไปกันเถิดเจ้าค่ะ”
เวินชื่อกลับมารู้สึกตัวในทันที แล้วมองหรูเอ๋อร์ที่ระแวด ระวังตัวอยู่ นางก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย สาวใช้คนนี้คงถูกขู่ จนหวาดกลัวไปแล้ว
“ได้ พวกเรากลับไปก่อนเถิด วันนี้ ก็ถือว่าได้กลับมา แล้ว”
เวินชื่อหันกลับมามองจวนอ๋องหัว บ่าวรับใช้เหล่านั้น ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างเป็นกลุ่มเป็นก้อน คาดว่าคงกำลังเฝ้า ดูนางอยู่ และหารือกันว่าหลังจากนี้จะปฏิบัติตัวต่อคุณหนู รองคนนี้อย่างไรสินะ?
ถึงอย่างไรนางก็กลับมาแล้ว เวินชื่อในวัยสิบห้าปีกลับ มาแล้ว สิ่งที่ข้าเคยสูญเสียไปจากที่นี่ บัดนี้ ข้าจะต้องทวง คืนกลับมาให้หมด
เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเพิ่งจะสดใส ด้านนอกลานบ้านของ นางก็เริ่มมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น
เวินชื่อเพิ่งจะกลับมาจากวันที่นางถูกแขวนอยู่ในเรือนจำ น้ำนั้น วันเวลาเหล่านั้น ความมืดมนอนธการของคนๆนั้น ความเสียใจที่ไม่สิ้นสุดเหล่านั้นมักจะปรากฏอยู่ในสมอง ของนางเสมอ รวมถึงความเกลียดชังอันมหึมา ก็เพียง พอที่จะกลืนนางให้ค่อยๆหายลงไปได้
ดังนั้น ในหนึ่งคืน นางจึงไม่สามารถนอนหลับได้อย่าง เต็มตา พอหลับตาลง ก็เหมือนกับว่าจะมองเห็นวันที่ขาทั้ง สองข้างนั้นของนางไม่มีความรู้สึก
ในขณะนี้ นางได้ยินเสียงรบกวนจากภายนอกแล้วโดย ธรรมชาติ
แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่ปกติเป็นอย่างมาก
วันนี้คุณหนูสามที่เป็นที่โปรดปรานของตระกูลเวินจะถูก ส่งไปอยู่ที่วัดต้าหลี่ซื่อ จะไม่ให้ส่งเสียงเอะอะโวยวายกัน ได้อย่างไร?
“ท่านป่า ท่านห้ามส่งจิ่นเอ๋อร์ไปที่นั่นเด็ดขาดนะเจ้าคะ ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ดีจริงหรือ ตั้งแต่เล็กจนโตจิ่นเอ๋อร์ไม่ เคนลำบากขนาดนั้นมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปอยู่ ที่ต้าหลี่ อเลยเจ้าค่ะ อย่าให้ชื่อเสียงของจั่นเอ๋อร์ของเรา ต้องได้รับความเสื่อมเสียเลยนะเจ้าคะ…”
จากระยะไกล เวินชื่อได้ยินแม่ของเวินจั่นและพระสนม เซียวของจวนอ๋องหัวกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างนอกต่อ หน้าท่านหวางเฟย
หลายปีผ่านไป จู่ๆเวินชื่อก็สามารถได้ยินเสียงของคน เหล่านี้ได้ ทันใดนั้นก็คิดว่า มันก็ไม่เลวเลยนะ แม้ว่าเสียง นั้นจะไม่น่าฟัง แต่นางก็ดูเหมือนว่าจะสามารถค้นพบตัว เองได้จากในเสียงๆนี้
ที่แท้ นางก็มีชีวิตขึ้นมาจริง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน
นางสนมคนนี้เป็นหลานสาวของท่านหวางเฟย ซึ่งที่จริง แล้วท่านหวางเฟยนั้นเพื่อที่จะทำให้ตำแหน่งของตัวเอง มั่นคงแข็งแรงและสามารถทำให้หัวใจของพ่อเงินชื่อกับ เวินเซียวมั่นคงได้ ดังนั้นจึงสิ้นเปลืองสติปัญญาและกำลัง มิใช่น้อยกว่าจะได้มา และเพื่อตำแหน่งในจวนแล้วนางก็พยายามอย่างหนักเพื่อให้หลานสาวของตัวเองได้ เข้ามาเป็นนางสนมเช่นเดียวกัน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ