อ้อมกอดแห่งขุนเขา กรุ่นไอรักใต้ดวงดาว

3 จูบทักทาย



3 จูบทักทาย

รุ่งเช้าวันต่อมาละอองดาวก็มีโอกาสได้เข้าไปที่บริษัท คานัน จิ วเวลรี่ จํากัด ไอยรายาพาหญิงสาวเดินชมรอบๆ บริษัท ตาม แผนกต่างๆ จนทั่ว รวมทั้งห้องทำงานส่วนตัวสุดหรูของไอยรายา ที่บิดาของหล่อนสั่งจัดเตรียมเอาไว้ให้ลูกสาวคนเดียว ซึ่งเรียน จบปริญญาโทสาขาการออกแบบเครื่องประดับจากอเมริกาและ กําลังจะกลับมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแผนกออกแบบ เครื่องประดับ ในต้นเดือนหน้าด้วย

หลังจากที่ได้เที่ยวชมจนทั่วทั้งบริษัทแล้วไอยรายาก็พาเธอ เดินออกมานั่งรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารภายในตัว เมืองศิขรัฐในย่านของชาวเผ่าคานั้น เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เรียบร้อยแล้วไอยรายาก็พาละอองดาวไปเดินดูสินค้าพื้นเมืองทั้ง ตามร้านรวงและตามแผงลอยที่ชาวบ้านนำมาวางขาย ซึ่งก็สร้าง ความตื่นเต้นให้ละอองดาวเป็นอันมาก หญิงสาวเดินดูข้าวของ ต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลินและเลือกซื้อของที่ระลึกหลายชิ้น เพื่อนําไปฝากบิดามารดาและญาติๆ ที่เมืองไทย

คีรีมันต์แอบยืนดูร่างโปร่งระหงในชุดเสื้อยืดคอวีเข้ารูปแขน สามส่วนสีฟ้าสดใสกับกางเกงยีนขายาวทรงเดฟ เน้นช่วงขาเรียวงามของละอองดาว ที่กำลังก้าว เดินอย่างทะมัดทะแมงเข้าออกร้านโน้นร้านนี้และซื้อข้าวของ อย่างสนุกสนานด้วยแววตาเอ็นดู เธอยังคงเป็นผู้หญิงที่ คล่องแคล่ว ปราดเปรียวและดูเท่ในแบบผู้หญิงอย่างที่เขาเคย เห็นเมื่อหลายปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด ใบหน้าสวยหวาน ละมุนละไมแย้มยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่เรือนผมยาวสลวยสี น้ำตาลอ่อนเป็นลอนน้อยๆ ถูกผูกรวบเป็นหางม้ากวัดแกว่งไปมา อยู่ตลอดเวลา ตามจังหวะการก้าวเดินของหญิงสาว

“แทนที่คานันซาจะมายืนแอบดูอยู่ไกลๆ แบบนี้ ทำไมไม่ไป พบกับคุณผู้หญิงคนนั้นเลยล่ะครับ” เสียงฮาซาลซึ่งยืนอยู่ทาง ด้านหลังของคีรีมันต์เอ่ยปากถามขึ้น ชายหนุ่มจึงละสายตาจาก ร่างระหงที่เขาแอบมองอยู่หันกลับมาทางชายหนุ่มผู้เป็นทั้งคน สนิทและเพื่อนสนิทก่อนตอบว่า

“ฉันกำลังคิดหาวิธีที่จะให้เธอหนีหน้าฉันไม่ได้ตอนที่เราเจอ กันอยู่ฮาซาล”

“อย่าคิดนานนักนะครับคานันซาเพราะอีกไม่กี่วันคุณผู้หญิง คนนั้นก็จะเดินทางกลับแล้ว” ฮาซาลแกล้งพูดยิ้มๆ ขณะที่คีรีมัน มองอีกฝ่ายตาเขียวพลางพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ

“ฉันรู้แล้วน่า” จากนั้นคีรีมันต์ก็หันกลับไปมองดูวิวของศิขรัฐ ซึ่งขณะนี้กำลังงดงามมากกว่าทุกวัน ในความ รู้สึกของเขา เพราะหญิงสาวสวยคนที่กำลังเดินอยู่เคียงข้างกับ ไอยรายาญาติผู้น้องของเขานั่นเอง

“เดี๋ยวฉันจะพาเธอเดินไปดูย่านการค้าของชาวเผ่าซาย เค้ามี ของสวยๆ งามๆ อีกเยอะเหมือนกัน ฉันคิดว่าเธอน่าจะได้ของ ฝากอีกเยอะแยะเลยล่ะดาว” ไอยรายาหันมาบอกกับละอองดาว เมื่อทั้งสองสาวเดินออกมาจากร้านค้าร้านหนึ่งในย่านการค้า ของชาวคานัน

“ดีเลยไปสิไอย์” ละอองดาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้น ทั้งสองสาวก็พากันการเดินตรงไปทางย่านการค้าของชาวเผ่าซา ยีทันที

“แย่แล้ว! ฮาซาลนายรีบบอกคนของเราให้ตามไอยรายากับ เพื่อนไปเร็วอย่าให้คลาดสายตาเชียวนะ”

คีรีมันต์หันขวับกลับมาทางฮาซาลทันที เมื่อเห็นไอยรายา จูงมือละอองดาวเดินออกจากเขตย่านการค้าของชาวเผ่าคานั้น และกำลังจะข้ามเขตตรงไปยังย่านการค้าของชาวเผ่าซา

“ครับคานันซา” ฮาซาลรับคำแล้วรีบกดเปิดบูลทูธสั่งงานลูก น้องตามคำสั่งของคีรีมันต์ทันที

“เราต้องรีบลงไปข้างล่างกันแล้วล่ะฮาซาล ไอย์รายาไม่รู้ตัว เลยว่าก๋าลังหาเพื่อนเดินเข้าไปหาอันตรายชัดๆ นั่นมันเขตของพวกชายคนของกาซิมมีอยู่เต็มไปหมด พูดจบคีรีมันต์ก็วิ่งนำฮาซาลลงไปจากชั้นสองของร้านอาหาร ซึ่งเขาใช้แอบยืนดูละอองดาวอยู่พักใหญ่ไปทันที

ย่านการค้าของชาวเผ่าซายดูคึกคักและมีผู้คนมากมายไม่แพ้ ย่านการค้าของชาวเผ่าคานั้น อีกทั้งยังมีสินค้าเครื่องประดับ สวยงามแปลกตาจํานวนมากเลยทีเดียว ละอองดาวกับไอยรายา จึงพากันเดินดูสินค้าต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามี สายตาหลายสิบคู่คอยจับตามองดูอยู่ นับตั้งแต่สองสาวก้าวเข้า มาในเขตย่านการค้าแห่งนี้

ละอองดาวเดินดูผ้าทอพื้นเมืองลวดลายแปลกตาตามร้านค้า ไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเดินห่างออกมาจากไอยรายา ซึ่งถูกแม่ค้าคนหนึ่งดึงมือเอาไว้แล้วชักชวนให้ดูสินค้าที่ร้านแล้ว ไม่ยอมปล่อยให้ไอยรายาเดินผละจากมาโดยง่าย กว่าหญิงสาว จะรู้ตัวเธอก็มองหาไอยรายาไม่เจอเสียแล้ว

“ตายล่ะ! ไอย์อยู่ตรงไหนกันล่ะเนี่ย” ละอองดาวบนพลางยืด ตัวมองหาเพื่อนรักแต่ก็ไม่เห็น เมื่อเธอพยายามจะเดินย้อนกลับ ไปทางทิศเดิมที่เดินมาหญิงสาวก็ถูกผู้คนกลุ่มใหญ่เดินเบียดเสียดกระแทกจนเธอไม่ สามารถเดินย้อนกลับไปทิศทางเดิมได้

ละอองดาวพยายามจะเดินฝ่ากลุ่มคนออกไปแต่แล้วหญิงสาว ก็พบว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดพร้อมกับเริ่มรู้สึกผิดปกติกับกลุ่มคนที่ กําลังยืนรายล้อมรอบตัวเธออยู่

ขณะนี้ละอองดาวกำลังถูกผู้ชายนับสิบคนยืนล้อมตัวเธออยู่ แน่นอน และสิ่งที่ทำให้ละอองดาวมั่นใจว่าเธอกำลังตกอยู่ใน อันตราย ก็คือเสียงที่คนเหล่านั้นพูดคุยกันด้วยภาษาพื้นเมือง เพราะคิดว่าเธอคงฟังไม่รู้เรื่อง แต่หญิงสาวฟังรู้เรื่องและชัดเจน เสียด้วย คนพวกนี้กำลังบอกกันว่าผู้หญิงต่างชาติคนนี้ถูกต้อง แล้ว ให้จับตัวเธอเอาไว้อย่าปล่อยให้หนีไปได้

สัญชาตญาณการเอาตัวรอดสั่งให้ละอองดาวรีบคิดหาทางหนี โดยเร็วที่สุด เธอไม่รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรจากเธอหรือ ต้องการตัวเธอไปทำไม หญิงสาวรู้อย่างเดียวก็คือเธอต้องหนี ออกไปจากบริเวณนี้ และกลับไปหาไอยรายาให้ได้โดยเร็วที่สุด

“คนของเรามีใครเห็นเธอยังฮาซาล” คีรีมันต์ถามขึ้นอย่าง ร้อนใจเมื่อเห็นฮาซาลหยุดชะงักฟังลูกน้องรายงานผ่านทางบูลทู ธนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ฮาซาลพยักหน้าก่อนจะตอบว่า

“คนของเรารายงานว่าเห็นเธอถูกคนของกาซิมล้อมตัวอยู่ทาง ด้านทิศเหนือครับคานันซา พวกนั้นกำลังจะจับตัวเธอไป ตอนนี้ คนของเราทุกคนกำลังตรงไปที่จุดนั้นแล้วครับ”

“ถ้างั้นเราก็รีบไปเถอะ”

คีรีมันต์พูดอย่างร้อนใจพลางดึงผ้าผืนยาวที่เหน็บอยู่ข้างเอว ขึ้นมาพันปกปิดใบหน้าเช่นเดียวกับฮาซาล เพราะคงไม่ใช่เรื่องที่ ดีนัก เพราะถ้าหากคนของเผ่าชายเห็นหัวหน้าเผ่าคานั้นกับลูก น้องคนสนิทเข้ามาวิ่งเพ่นพ่านอยู่ในอาณาเขตของเผ่าซาย พวก เขาก็จะกลายเป็นเป้านิ่งอย่างง่ายดายด้วย เมื่อพันผ้าปกปิด ใบหน้าเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็รีบวิ่งตรงไปยังจุดที่ได้รับ รายงานทันที

ละอองดาวตัดสินใจวิ่งกระแทกร่างผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ทันได้ ตั้งตัวเต็มแรง จนทำให้ผู้ชายคนนั้นเสียหลักเซไปปะทะกับเพื่อน อีกสองสามคน ซึ่งก็เป็นโอกาสให้หญิงสาวพุ่งตัววิ่งฝ่าวงล้อม ออกมาได้ จากนั้นละอองดาวก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตวิ่งโดยไม่ สนใจว่าตัวเองกำลังจะวิ่งไปในทิศทางไหน และไม่สนใจว่าคน พวกนั้นจะวิ่งไล่ตามเธอมาหรือเปล่า
หญิงสาวรู้แต่ว่าเธอจะต้องวิ่งไปในจุดที่มีผู้คนเยอะๆ ให้ได้ โดยเร็วที่สุด ละอองดาวตัดสินใจทิ้งข้าวของในมือเพื่อความ สะดวกในการวิ่ง แต่ทำไมยิ่งวิ่งหญิงสาวกลับยิ่งรู้สึกว่ากำลังถูก ต้อนให้วิ่งเข้ามาในซอยเปลี่ยวไร้ผู้คนมากขึ้นทุกที

ละอองดาวหยุดชะงักนิดหนึ่งอย่างลังเลเมื่อวิ่งมาถึงทางแยก ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปทางแยกด้านซ้ายมือ หญิงสาววิ่งไปจน กระทั่งสุดทาง แล้วก็พบว่ามีซอยที่สามารถเชื่อมต่อออกไปสู่ ถนนใหญ่ได้ หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อคิดว่าเธอคง สามารถเอาตัวรอดจากกลุ่มคนที่ประสงค์ร้ายได้แล้ว พร้อมทั้ง รีบวิ่งหน้ามุ่งตรงไปที่ปากซอยทันที แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงัก อยู่ตรงกลางซอยเมื่อถูกล็อคคอจากทางด้านหลัง พร้อมกับผ้า ผืนหนึ่งซึ่งมีกลิ่นฉุนถูกโปะลงมาที่ครึ่งปากครึ่งจมูก

ละอองดาวพยายามดิ้นรนต่อสู้และขัดขืนสุดแรงเกิด จน กระทั่งร่างระหงของเธอสามารถหลุดพ้นออกมาจากอ้อมแขน ของคนที่กำลังล็อคคอเธออยู่ได้ในที่สุด แต่แล้วร่างของหญิงสาว ก็ต้องหมุนคว้างทรงตัวไม่อยู่ด้วยความรู้สึกมึนงง

แต่ก่อนที่เธอจะล้มลงไปกองกับพื้น อ้อมแขนแข็งแรงของใคร คนหนึ่งก็โอบกอดละอองดาวเอาไว้ได้ทันภาพสุดท้ายที่หญิงสาวเห็นก่อนที่สติสัมปะชัญญะทั้งหมดทั้งมวล จะดับวูบไป ก็คือนัยน์ตาคู่คมสีดำสนิทราวกับรัตติกาลซึ่งแลดู คุ้นตาอย่างประหลาดของคนที่กำลังโอบกอดร่างของเธอเอาไว้ แม่บอก

คีรีมันต์วางร่างระหงลงที่เบาะด้านหลังรถอย่างแผ่วเบา ก่อน จะรีบก้าวตามขึ้นไปนั่งโอบประคองร่างไร้สติของหญิงสาวเอาไว้ อย่างหวงแหน ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อก้มลงมอง ใบหน้าสวยหวานที่กำลังซุกซบอยู่กับไหล่กว้าง

เขากับฮาซาลตัดสินใจวิ่งเข้าไปในซอยเพราะรู้ดีว่าซอยนี้คือ เส้นทางลัดที่จะวิ่งไปถึงจุดที่คนของเขารายงานมาว่าละอองดาว กำลังถูกคนของกาซิมล้อมตัวเอาไว้ได้เร็วที่สุด เนื่องจากคีรีมันต์ กับฮาซาลเคยแอบเข้ามาเดินสำรวจเส้นทางแถบนี้เอาไว้เหมือน

ดังนั้นชายหนุ่มจึงวิ่งเข้าไปทันเวลาพอดีก่อนที่คนของกาซิมซึ่ง โปะยาสลบละอองดาวแล้วจะสามารถลักพาตัวหญิงสาวไปได้ และเป็นโชคดีที่คนของกาซิมไม่ทันระวังตัว จึงถูกฮาซาลใช้ด้าม ปืนฟาดที่ศีรษะไปหนึ่งที จนสลบหมดสติไปทันทีโดยไม่มีโอกาส ได้ต่อสู้

ขณะที่คีรีมันต์สามารถรับร่างระหงเอาไว้ได้ทันก่อนที่หญิงสาวจะล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นแต่คนของกา

ซิมอีกจำนวนหนึ่งก็วิ่งตามมาถึงพอดี คีรีมันต์จึงต้องรีบอุ้ม หญิงสาววิ่งย้อนกลับออกมาทางปากซอย โดยมีฮาซาลคอย ระวังหลังให้ ก่อนที่คนของเขาจะตามมาสมทบได้ทันเวลาจึงช่วย สกัดคนของกาซิมเอาไว้ได้ ชายหนุ่มจึงสามารถอุ้มหญิงสาววิ่ง มาถึงรถส่วนตัวที่คนของเขานำมาจอดรออยู่ตรงจัดนัดหมายได้ ฮาซาลตามขึ้นมานั่งบนรถประจำตำแหน่งคนขับอย่างรวดเร็ว พลางหันมาถามคีรีมันต์

“จะไปบ้านท่านจาเมียร์ หรือว่า…

“ไปคีรีมันตราฮาซาล”

คีรีมันต์พูดแทรกขึ้นก่อนที่ฮาซาลจะถามจบประโยค ทำให้อีก ฝ่ายถึงกับชะงักนิดหนึ่งนัยน์ตาของฮาซาลฉายแววประหลาดใจ และคาดไม่ถึงในตอนแรก แต่แล้วเขาก็ต้องยิ้มออกมา เมื่อเห็น รีมันต์กําลังโอบประคองหญิงสาวในอ้อมกอดเอาไว้ด้วยที่ท่า หวงแหนและทะนุถนอม อีกทั้งนัยน์ตาคู่คมฉายแววอ่อนโยนที่ กำลังทอดมองหญิงสาวในอ้อมกอดของตนเองนั่นด้วย

ดังนั้นฮาซาลจึงไม่คิดที่จะตั้งคำถามใดอีกนอกจากรับคำ แล้ว เคลื่อนรถออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขับรถขึ้นไปทางทิศเหนือของเมืองเพื่อมุ่ง หน้าสู่เทือกเขาคีรีมันตราตามคำสั่งของคีรีมันต์ทันที

เพียะๆๆ

โซเลสสะบัดหลังมือใส่ใบหน้าลูกสมุนของตัวเองเรียงตัวทีละ คนด้วยสีหน้าและแววตาโกรธจัด ก่อนจะตวาดด่าด้วยเสียงอัน ดังว่า

“พวกแกทุกคนทำงานแย่มาก! แค่ผู้หญิงคนเดียวก็เอาตัวมา ไม่ได้ ทั้งที่เข้ามาอยู่ในเขตของเราแท้ๆ

“เราเกือบจะจับผู้หญิงคนนั้นได้แล้วนะครับคุณโซเลส ถ้าหาก พวกคามันจะไม่เข้ามาชิงตัวไปเสียก่อน

ลูกสมุนคนหนึ่งพูดแก้ตัวแทนทุกคน จึงถูกโซเลสตวาดอีก

“แกยังจะมีหน้ามาแก้ตัวอีกเหรอ พอท่านกาชิมกับฉันไม่อยู่ พวกแกก็ปล่อยให้พวกคานั้นมันเข้ามาหยามได้ถึงถิ่น ชิงตัวผู้ หญิงคนนั้นไปต่อหน้าต่อตาทั้งที่พวกแกจับตัวได้แล้ว”

“แต่ฝีมือพวกนั้นมันร้ายกาจมากนะครับคุณโซเลส” ลูกสมุน อีกคนพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าฝีมือพวกแกมันห่วยน่ะสิ แล้ว พวกแกคิดว่าฉันควรจะเก็บลูกน้องฝีมือห่วยๆ อย่างพวกแกเอา ไว้ดีมั้ย” โซเลสถามอย่างเหลืออด

“พวกเราขอโทษครับคุณโซเลส กรุณายกโทษให้พวกเราสัก ครั้งเถอะครับ”

บรรดาลูกสมุนของโซเลสต่างรีบก้มศีรษะลง พลางกล่าว ค่าขอโทษผู้เป็นหัวหน้าด้วยความเกรงกลัวทันที ชายหนุ่มคน สนิทของหัวหน้าเผ่าซายถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างพยายามข่ม ความโกรธ ก่อนจะออกคำสั่ง

“พวกแกรีบไปตามสืบมาให้ได้โดยเร็วที่สุดว่าคีรีมันต์เอาตัวผู้ หญิงคนนั้นไปไว้ที่ไหน แล้วฉันจะยกโทษให้

“ครับคุณโซเลส”

ลูกสมุนของโซเลสต่างก็พากันรีบรับคำทันที ก่อนจะออกไป ปฏิบัติงานตามคำสั่งของเขาอย่างเร่งรีบ

ละอองดาวเริ่มขยับตัวก่อนจะปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ แล้วกะพริบ ตาสองสามครั้งด้วยความงุนงง เมื่อเห็นเพดานห้องสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งไม่คุ้นตาเธอเลยสักนิด เพราะว่าเพดานห้องพักของเธอที่บ้าน ไอยรายาเป็นสีฟ้าอ่อน

หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่อีกหน แต่ละอองดาวก็ยังคงเห็นเพดานห้องเป็นสีน้ำตาลอ่อนอยู่ดี คราวนี้หญิงสาวเลยกวาดตามองสำรวจไปรอบๆ ห้อง แล้วก็พบ ว่าห้องนี้ทาสีน้ำตาลอ่อนทั้งห้อง การตกแต่งเป็นไปอย่างเรียบ ง่าย เหมือนห้องนอนของผู้ชาย

“เหมือนห้องนอนของผู้ชาย” พอคิดมาถึงตรงนี้ภาพเหตุการณ์ ที่เธอถูกวิ่งไล่ล่าจากผู้ชายกลุ่มหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ ของหญิงสาวทันที รวมทั้งนัยน์ตาคู่คมสีดำสนิทคุ้นตาของผู้ชาย คนที่โอบกอดร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะอองดาวจะหมดสติไป

หญิงสาวเบิกตากว้างพลางผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว แล้ว สํารวจเสื้อผ้าของตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนจะถอนหายใจเฮือก ใหญ่อย่างโล่งอก เมื่อพบว่าเสื้อผ้าของเธอยังอยู่ในสภาพ เรียบร้อยดีครบทุกชิ้น มีเพียงแค่รองเท้าหนังหุ้มข้อของเธอ เท่านั้นที่ถูกถอดออกวางไว้ที่พื้นด้านหน้าเตียง

เสียงประตูห้องที่ถูกเปิดเข้ามาทำให้ละอองดาวต้องหันไปมอง ทางประตูทันที แล้วหญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อเห็น ใบหน้าของชายหนุ่มที่ก้าวผ่านประตูห้องเข้ามา
“คุณ!” หญิงสาวอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจ

“คุณรู้สึกตัวนานรึยัง” คีรีมันต์ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่าง ยินดี เมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังจะเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงฟื้น แล้ว พลางทำท่าจะก้าวตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่เตียง แต่แล้ว ชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อละอองดาวร้องสั่งเสียงเข้ม

“หยุดนะ! ห้ามคุณเดินเข้ามาใกล้ฉันแม้แต่ก้าวเดียวนะ

“ฮะ! นี่มันอะไรกันคุณ” คีรีมันต์อุทานออกมาเบาๆ ก่อนจะ ถามหญิงสาวด้วยความงุนงง ละอองดาวจ้องมองใบหน้าคมเข้ม ของเขาด้วยแววตาระแวดระวังก่อนจะถามว่า

“ที่นี่ที่ไหนแล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“ที่นี่คือบ้านผมเอง ผมเป็นคนพาคุณมาที่นี่” คีรีมันต์ตอบ

“อะไรนะ! นี่หมายความว่าคุณลักพาตัวฉันมาที่นี่ใช่มั้ย พาฉัน กลับไปหาไอเดี๋ยวนี้นะ!” ละอองดาวเริ่มโวยวายเสียงดัง พลาง มองชายหนุ่มด้วยแววตาขุ่นเคือง

“เฮ้! นี่พูดดีๆ นะคุณ ผมไม่ได้ลักพาตัวคุณมาซะหน่อย ผม ช่วย..”
“คุณไม่ต้องมาปฏิเสธเลยนะ คุณนั่นแหละที่โปะยาสลบฉัน ฉันจํา นัยน์ตาของคุณได้

ละอองดาวพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค คื รีมันต์ไม่รู้ว่าจะฉุนหรือจะดีเมื่อฟังหญิงสาวพูดจบประโยค เขา ก็ดีใจอยู่หรอกนะที่ละอองดาวบอกว่าจดจำสีนัยน์ตาของเขาได้ แต่ว่าเธอกำลังเข้าใจผิดคิดว่าเขาลักพาตัวเธอมานี่สิ

“ประทับใจจังที่คุณอุตส่าห์จดจำสีนัยน์ตาของผมได้ แสดงว่า คุณประทับใจแล้วก็ไม่เคยลืมผมใช่ไหมครับ” คีรีมันต์แกล้งถาม ยิ้มๆ อย่างยั่วเย้า พร้อมทั้งถือโอกาสก้าวเข้าไปใกล้เคียงเรื่อยๆ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว

ละอองดาวดวงตาวาวโรจน์ทันทีเมื่อได้ยินประโยคที่ชายหนุ่ม พูดเมื่อครู่ หญิงสาวปรายตามองเขาอย่างรังเกียจก่อนจะเบ้ปาก แล้วตอบว่า

“ใช่ ฉันจำได้ไม่มีวันลืมเลยว่าคุณเป็นผู้ชายเจ้าชู้ บ้ากาม ชอบฉวยโอกาสลวนลามผู้หญิงทุกเวลาและทุกสถานที่

“โอ้โฮ้! คุณไม่คิดว่าคุณตั้งข้อหาผมรุนแรงมากไปหน่อยเหรอ ครับคุณผู้หญิง เรื่องเจ้าชู้ผมยอมรับก็ได้ แต่ผมไม่ได้บ้ากามซะ หน่อย ผมไม่เคยทำผิดศีลธรรม ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับแฟนใครหรือภรรยา ใคร แล้วผมก็ไม่เคยฉวยโอกาสลวนลามผู้หญิงคนไหน เลยนะ เพราะทุกคนเต็มใจกับผมทั้งนั้นยกเว้นคุณ

คีรีมันต์พูดยิ้มๆ แล้วเขาก็ได้เห็นท้องทะเลลึกเริ่มปั่นป่วน กลายเป็นทะเลเพลิงอีกครั้ง เมื่อนัยน์ตาสีน้ำเงินสดจ้องมองมา ด้วยแววตาขุ่นเคืองราวกับโกรธแค้นกันมาเนิ่นนานตั้งแต่ชาติ ปางก่อน

“ผู้ชายทุเรศ คุณเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจที่สุดเลยตั้งแต่ฉันเคย พบเจอมา ฉันนึกว่าคุณจะเป็นเอดส์ตายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แล้วนะ ไม่รู้ว่าทำไมคุณยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงป่าน…ว้าย!!!”

ท้ายประโยคละอองดาวร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆ คีรีมันต์ก็โถมตัวขึ้นมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วล้มทับ เธอเอาไว้ทั้งตัว จนใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างจากกันเพียง แค่คืบเดียว คีรีมันต์หัวเราะเบาๆ เมื่อมองสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงิน เข้มราวกับท้องทะเลลึก ซึ่งกำลังอยู่ในอาการตกใจของหญิงสาว ในระยะใกล้ก่อนจะพูดว่า

“ผมป้องกันตัวทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ผมก็เลยไม่เป็นเอดส์ ตายอย่างที่คุณแช่ง แล้วที่ผมพยายามมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึง ตอนนี้ ก็เพราะว่าผมอยากจะทำแบบนี้กับคุณไงละอองดาว” พูด จบคีรีมันก็ก้มลงประทับริมฝีปากได้รูปสวยของเขาลงบนริมฝีปากเรียว บางสีชมพูระเรื่อของหญิงสาวอย่างแม่นยำและรวดเร็วทันที ขณะ ทีละอองดาวได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจและงุนงงกับจูบ แผ่วเบา นุ่มนวลแสนอ่อนโยนของเขา

“ยินดีต้อนรับสู่ศิขรัฐ ด้วยจูบทักทายจากผมครับมีส ดาว จีวานโน่” ละออง

คีรีมันต์กระซิบบอกกับละอองดาวยิ้มๆ หลังจากถอนริมฝีปาก ตนเองออกจากริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ