อ้อนรักยัยดื้อหน้าหวาน

ตอนที่ 8 ไม่มีทางหนี



ตอนที่ 8 ไม่มีทางหนี

ใบหน้าเล็ก ๆ ร้องไห้จนดวงตาของเธอเต็มไปด้วย รอยน้ำตาและตาแดงจมูกแดง ไม่หลงเหลือความสวย เอาไว้เลย แต่กลับสร้างความประทับใจให้วิณได้เล็ก น้อย “ทําไม เอาตัวรอดจากค่าผ่าตัดไม่ได้เหรอ?”

แขไขหยักหน้าและส่ายหน้า “ไม่ ฉันตายไม่ได้ ฉัน ตายแล้วแม่ฉันจะอยู่ยังไง

“ในเมื่อรู้ก็อย่าแสดงด้านที่อ่อนแอออกมา ไม่มีใครจะ หยุดการรังแกเธอเพราะเธอน่าสงสารหรอก การที่จะ ออกจากปัญหาได้คือต้องเข้มแข็งขึ้น!” วิณกัดฟันพูด ราวกับว่าจะดุเด็กผู้หญิงที่อยู่ในความโศกเศร้า

แขไขกลับรู้สึกว่าไม่มาเป็นเธอไม่รู้หรอก พูดง่ายแต่ หายาก

ราวกับว่าน้ำตาของเธอจะไหลออกมาอีก “สามแสน มันมากเกินไป ไม่ว่าฉันจะพยายามมากแค่ไหน จะ ทำงานมากมายขนาดไหนก็เก็บไม่พอถึงสามแสน หรอก…”

เช่นเดียวกับตัวเลขทางดาราศาสตร์เธอรู้สึกเครียด มากจนเธอกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในทุกวันที่ตื่นขึ้นมาก็ รู้สึกกระวนกระวายใจ

“คุณพูดง่าย คุณพูดแบบนั้นเพราะคุณเป็นคนร่ำรวย ไม่เข้าใจรสชาติของการไม่มีเงินหรอก!” เธอระบายมันออกมา

วิณผลักเธอออกไปอย่างรวดเร็ว และจ้องมองเธอ ด้วยสายตาแข็งกร้าว “แขไข ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มา อย่างง่ายหรอก ไม่มีเงินมันไม่ผิด แต่ไม่มีเงินแล้วต้อง มานั่งโทษตัวเองอันนั่นแหละที่ผิด!”

พูดจบ เขาก็ก้าวไปโดยไม่รีรอ เขาหันหลังและเดิน จากไป มีแรงลมในขณะที่เขาเดินผ่านตัวของแขไข เธอ สัมผัสได้ถึงความเย็นที่มาจากความผิดหวัง

ในตอนนี้ตรงทางเดินเหลือเพียงเธอ และแสงไฟที่อยู่ เหนือศีรษะเธอก็ดับลง แขไขยังคงยืนนิ่งอยู่เป็นเวลา นานในสถานที่นี้ และคำพูดทั้งหมดของหมอภูกิตและ วิณยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ

แต่ละคำเป็นเหมือนตาข่ายขนาดใหญ่ที่จับเธอไว้แน่น

หนา

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว เท้าเธอบวมและเจ็บปวด เพราะยืนเป็นเวลานาน ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋า ของเธอก็สั่นสองครั้ง แขไข คิดว่าเป็นข้อความจากฉัตร พรและเมื่อเธอเปิดมันเธอก็ตกตะลึง

ในเวลา16:10 บัตรธนาคาร XX ที่มีหมายเลข สุดท้าย3957 ได้โอนเงินเข้า สามแสนบาท

ในเวลานั้น เธอลืมร้องไห้ เธอเบิกตากว้างและจ้อง มองตัวเลขในข้อความนั้น ราวกับว่ามันจะทะลุออกมาจากหน้าจอ

เธอติดต่อไปยังธนาคาร เพื่อยืนยันมีการโอนดังกล่าว และเธอยืนเรียกสติของตัวเองกลับมาเป็นเวลานาน

ทำไมอยู่ๆถึงมีเงินจำนวนมากขนาดนี้ และเป็นจำนวน เงินที่ใช้ในการผ่าตัดพอดี? เงินที่มีค่านี้คือเงินที่ช่วย ชีวิต แล้วก็โอนมาสามแสนพอดี เป็นใครกัน….

ทันใดนั้นประกายความคิดในใจของแขไขนั้นก็ค่อยๆ นึกอะไรได้ หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น และการหายใจก็ เริ่มผิดปกติ และชื่อของคนๆหนึ่งก็ค่อยๆชัดเจน

หรือว่าจะเป็น….วิณ? !

หลังจากจ่ายค่าผ่าตัดแล้ว การผ่าตัดของกุลยาจะมี ขึ้นในวันถัดไป หลังจากการตรวจสุขภาพก่อนจะมีการ ผ่าตัด เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายสามารถทำการผ่าตัดได้ แขไขก็โล่งใจ ตั้งแต่ที่กุลยาเริ่มป่วย นี่เป็นครั้งแรกที่ เธอรู้สึกผ่อนคลาย

ในตอนเย็นแขไขดูแลกุลยาจนหลับไป และเรื่องการ ผ่าตัดเธอก็ไม่ได้บอกตระกูลดาวริศกุล เธอกลัวว่าจะมี บางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้งภายใต้หน้ากากของการทำงาน

ในขณะที่กำลังรอกุลยาหลับ แขไขก็เห็นว่าในช่วง เวลากลางคืนคนน้อย จึงนำกระติกน้ำร้อนไปยังห้องเก็บน้ำที่อยู่ในส่วนท้ายของทางเดิน ห้องเก็บน้ำทั้งเล็ก และชื้น และเพื่อเป็นการประหยัดไฟ ดวงไฟทั้งหมดจึง ไม่ได้เปิดไว้ มีเพียงแสงจากไฟทางเดินที่สอดส่องเข้า มา

แขไขวางกระเป๋าน้ำร้อนไว้ตรงที่รองรับน้ำ เปิดวาล์ว น้ำร้อน และรอน้ำเต็มอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นเงาสีดำแวบ บนเครื่องทำน้ำร้อน แล้วใจของเธอก็รู้สึกตื่นตระหนก เงาดำนั้นเข้ามาใกล้ตัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเงา นั่นจะปกคลุมไปทั่วร่างกายของเธอ

แขไขก็รีบหันกลับไปอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะถามว่า ใครน่ะ แต่เมื่อหันกลับไปกลับพบเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย

จากนั้นเธอก็ถามอย่างอึ้งๆ “คุณ ทำไมคุณอยู่ที่นี่?”

ชายคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตและกลางเกงสแลคยืนอยู่ตรง ประตู แต่เนคไทเขาหายไป และกระดุมตรงคอเสื้อได้ ถูกปลดไปสองเม็ด และแขนเสื้อเขาก็พับขึ้นถึงข้อศอก และมือทั้งสองข้างก็ล้วงกระเป๋าอยู่ และหน้าท้องที่แบน แต่กลับไม่ได้เปราะบาง แค่มองก็สัมผัสได้ถึงพลังกำลัง

วิณหันไปมองเธอและเหลือบสายตาไปมองกระติกน้ำ ร้อน และหันกลับมองหยุดสายตาที่เธออีกครั้ง “หาเธอ”

“หาฉัน?”

“อืม”
แขไขนึกถึงเรื่องเงินสามแสน ประโยคที่ว่า มาหาฉัน ทำไม จึงติดอยู่ในลำคอ หลังจากคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงพูดอย่างอายๆ “การผ่าตัดของแม่ฉันสำเร็จไป ด้วยดี”

“หมอบอกว่าลงมือผ่าตัดตอนนี้ดีที่สุดแล้ว”

คำตอบของเขาในครั้งนี้ไม่มีเลยสักคำพูด แขไขถูก สายตาของเขาจ้องมอง หลังจากรับเงินสามแสนของ เขามา เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเธอก็ไม่สามารถกับกริยา เหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว

ในตอนนี้เธออยากจะพูดแต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และในที่สุดชายตรงหน้าก็พูดขึ้น “นอกจากเรื่องแม่ เธอ มีอะไรจะพูดกับฉันไหม”

แขไขนิ่งไปเล็กน้อย เธอรู้สึกว่ามือของเธอนั้นเกะกะ มากในตอนนี้ เธอก้มหน้าลงและพูดเบาๆ “ขอบคุณ”

เสียงนั้นไม่ได้ต่างจากเสียงของยุงเลย วิณเลิกคิ้ว และเอามือใส่ในกระเป๋ากางเกง “เธอพูดอะไร? ได้ยิน ไม่ชัดเลย”

ฟันขาวที่เรียงสวยของหญิงสาวก็กัดริมฝีปากล่างของ เธอ ใบหูเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นก็รีบพูดอย่าง
“เธอคิดว่าไง?” วิณมองที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสา และบริสุทธิ์เป็นเวลานาน “หรือเธอคิดว่าฉันอาจเห็น แก่ความรักชั่วคราวจึงช่วยเธอ หรือว่าเธอคิดว่ามีอะไร อย่างอื่นอีก?”

แขไขรู้สึกละอายใจกับคำพูดที่ชัดเจนของเขาและ พูดด้วยความโกรธเล็กน้อยว่า “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น!”

“เธอไม่ได้คิดแบบนั้นแต่เธอก็ไม่ได้คิดถึงผล ประโยชน์” วิณไม่ได้ปกปิดความคิดของเธอ การคิดให้ รอบคอบมันไม่เพียงพอที่จะให้เขาเห็น “ก่อนที่จะเจอ เธอ ฉันเป็นกัปตันกองกู้ภัย ไม่ใช่สัตว์ร้าย การช่วยคน คือสิ่งสำคัญ”

ในตอนนั้นใจที่แข็งกระด้างของแขไขดูเหมือนจะ แตกกระจายด้วยประโยคนี้ นานเท่าไหร่แล้วแม้กระทั่ง คนในตระกูลดาวริศกุลก็เยาะเย้ยชะตาชีวิตของกุลยา แต่ในตอนนี้คนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกลับบอกว่าการ ช่วยชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ

แขไขไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ อารมณ์ของเธอ ตอนนี้นั้นซับซ้อน ห้องเก็บน้ำเล็ก ๆ เงียบไปครู่หนึ่ง และ ชายข้างหน้าเธอก็ก้าวไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าว แขไข ก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าว แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวที่สามก็ ถูกเขาจับไว้

แขนยาวของชายคนนั้นพาดอยู่ข้างเธอ และสายตา ของหญิงสาวก็ตื่นตระหนก “น้ำเต็มแล้ว”
พูดจบ แขไขก็หันกลับไปมองที่กระติกน้ำร้อนที่วาง อยู่บนอ่างน้ำร้อนและกำลังจะล้น และสวิตช์ของเครื่อง ทำน้ำอุ่นก็ถูกปิดโดยเขา

เดิมทีก็คิดว่าเขาจะทำอะไร ที่แท้เธอเข้าใจผิดไปเอง

แขไขรู้สึกละอายใจมากขึ้นเธอก้มหน้าลงอยากจะ พูดอะไรบางอย่างเพื่อให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดที่ผ่อน คลายลง คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอกลับหันหลังและเดิน ออกไป

เธอตื่นตระหนกและตามเขาออกไป ชายคนนั้นขา ยาวมากและเขาก็ก้าวเท้าอย่างว่องไว เธอวิ่งเหยาะๆไป จนถึงด้านหน้าสุดของทางเดินถึงจะตามทันแผ่นหลังนั่น

“รอสักครู่!”

ชายคนนั้นไม่หยุด แขไขก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ความ แตกต่างของความสูงเกือบยี่สิบเซนติเมตรทำให้เธอ ต้องเผชิญหน้ากับเขา

วิณมองคนตรงหน้าที่ขาดความมั่นใจ แต่ใบหน้าเล็กๆ กลับมีคำถามแก่เขา ซึ่งคล้ายกับทหารที่เพิ่งจะเข้าค่าย

“ฉันบอกไว้ก่อนจะพูดอะไรทุกประโยคต้องมีค่า

ได้ยินเช่นนั้น แขไขก็โล่งใจ เธอสูดลมหายใจลึกๆอยู่ ประมาณ30วินาที และใบหน้าที่ใสดูเหมือนจะย่นเข้า ด้วยกันและความลังเลและการดิ้นรนทั้งหมดในใจของเธอก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ

วิณรอประมาณครึ่งนาทีและก็จะไม่รอแล้ว เขาเป็น คนที่ทําอะไรรวดเร็ว และไม่ชอบอะไรที่ไม่มั่นใจ เขา มองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง และถ้ายังเป็นเช่นนี้เขาจะ ได้ไปซะที

แขไขกังวลอยู่ครู่หนึ่งและจับมือของชายคนนั้นไว้ และเธอกลืนน้ำลายและกลืนความไม่มั่นใจนั้นลงไป “ฉันตกลง ฉันจะแต่งงานกับคุณ”

วิณก็ได้หยุดก้าวเท้าลง และมีความประหลาดใจเล็ก น้อยบนใบหน้าที่สงบและหล่อเหลา “ทำไมเร็วขนาดนั้น คิดดีแล้วเหรอ?”

“คุณพูดถูก เพียงคุณเท่านั้นที่สามารถช่วยฉันได้ แต่งงานกับคุณ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น แต่เพียง เรื่องเดียว…” เธอหยุดและถอนหายใจและพูดต่อ “ช่วย ค่ารักษาพยาบาลของแม่ฉัน และดูแลเธอจนเธอดีขึ้น เงินนี่ฉันจะยืมคุณ ฉันจะคืนแน่นอน”

วิณไม่สนใจว่าทำไมเธอถึงแต่งงานกับตัวเองไม่ว่าจะ ด้วยเหตุผลใดก็ตามสำหรับเขาตราบใดที่เขาสามารถ ทำให้แขไข อยู่ข้างกายเขาก็พอแล้ว

เพียงแค่….

ชายคนนั้นขมวดคิ้ว เมื่อเห็นดวงตาของหญิงสาวที่ เต็มไปด้วยอาการกล้าๆกลัวๆแต่ยังคงยืนยันในคำพูดหัวใจของเธอเปรียบเหมือนมดที่กำลังขึ้นภูเขา

เขาหรี่ตามองเธอ “เธอแน่ใจเหรอ?”

“แน่ใจ”

“ดีมาก จำคำพูดของเธอตอนนี้เอาไว้ พรุ่งนี้ ฉันไปรับ เธอที่ตระกูลดาวริศกุล นำทะเบียนบ้านมาด้วย” หลัง จากวิณพูดจบ น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงมาที่แก้มด้าน ข้างของหญิงสาว เขาเหล่ตาเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้น ใช้ นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้เธอ การเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนนั้น แสดงออกถึงการเตือน “คุณรู้หรือไม่ว่าฉันไม่มีเส้นทาง หลบหนี?”

ขไขเข้าใจ เขากำลังบอกเธอว่าถ้าตกลงแล้วจะมา แข เสียใจทีหลังไม่ได้

เธอยิ้ม และไม่สามารถซ่อนความเศร้าไว้ได้ “ฉันไม่มี ทางถอยกลับนานแล้ว”

ตั้งแต่วันที่แม่ป่วย เธอไม่เคยมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเธอเอง เลย ภายใต้การอยู่ในตระกูลดาวริศกุล ความอัปยศ และความอับอายมันไม่เหลืออยู่อีกแล้ว แม้ว่าวิณจะ เป็นเรือขโมยมา เธอไม่เคยเปลี่ยนเรือจากตระกูลดาวริ ศกุลเลย

ชีวิตของเธอตกลงไปสู่จุดต่ำสุดไม่ว่าเธอจะเลือกยัง ไงก็ไม่เลวร้ายไปกว่าตอนนี้อีกแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ