อ้อนรักยัยดื้อหน้าหวาน

ตอนที่ 14 ความรู้สึกที่ห้ามยาก



ตอนที่ 14 ความรู้สึกที่ห้ามยาก

“เขาเป็นพี่ชายฉัน!”

“พี่ชายคุณ?” เขาหัวเราะนิ่ง “พี่ชายที่ไม่มีสัมพันธ์ทาง สายเลือดคนนั้นน่ะนะ?”

ปีก่อนชีวิตของขจรจิตคนนี้ยุ่งเหยิงมาก หลังจาก หลอกกุลยาจนเหลือแต่แขไขแล้ว ก็แต่งงานกับฉัตรพร ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันไม่กี่ปีก็คลอดขณิฐา แต่ขจรจิต คนนี้เป็นพวกให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงจน เข้ากระดูก อยากได้ลูกชายสักคน จนใจที่ฉัตรพรไม่ สามารถตั้งครรภ์ครั้งที่สองได้อีก ดังนั้นก็เลยหอบปิติ กรเข้ามา เลี้ยงดูให้เขาเป็นคนที่มาช่วยงานของตัวเอง

แต่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ลูกชายในสายเลือด ขจรจิต ไม่วางใจในตัวเขา แค่มอบอำนาจในการดูแลเท่านั้น อำนาจในการตัดสินใจต่างๆ ในบริษัทยังคงอยู่ในมือ ของตัวเอง

แต่เพราะอย่างนี้เอง ทำให้ความสัมพันธ์ของแขไข กับปิติกรนั้นแปลกๆ ตอนที่เทวิณตรวจสอบข้อมูลที่ได้ มาก็พบว่าความรู้สึกที่ปิติกรมีต่อเธอนั้นไม่ปกติ แต่แข ไขก็เป็นแบบนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงเป็นความ สัมพันธ์เชิงครอบครัวเสียมากกว่าความสัมพันธ์ในรูป แบบคนรัก

เขาคิดว่าที่เธอแต่งให้เขาเพราะมีใจอยู่บ้างไม่มาก็ น้อย ดูแล้วคงเป็นเขาที่คิดไปเอง
แขไขคาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้ถึงขนาดนี้ ราวกับว่าความ คิดเล็กในใจถูกเดาถูก ตอนที่เธอรู้สึกกระดากอายอยู่ นั้นปฏิเสธอย่างสุดความสามารถ “ต่อให้ไม่ได้มีสัมพันธ์ ทางสายเลือดแต่เขาก็เป็นพี่ชายของฉัน! คุณจะว่าฉัน ยังไงก็ได้ฉันไม่แคร์ แต่ห้ามทำให้พี่ชายฉันมีมลทิน!”

ช่วงเวลาหลายปีมานี้ที่อยู่ในตระกูลดาวริศกุล ปิติกร เปรียบเสมือนแสงสว่างของแขไข บ้านที่มีแต่ความเลว ร้ายแบบนั้น มีเพียงปิติกรที่ปฏิบัติกับเธออย่างจริงใจ มอบความอบอุ่นและการดูแลแก่เธอ

เทวิณมองสีหน้าแค้นเคืองตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่ เขาเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ ปกติเป็นเด็กดีว่าง่าย พอ พูดถึงคนที่ตัวเองสนใจก็เผยธาตุแท้ออกมางั้นรึ?

ริมฝีปากของผู้ชายคนนั้นกระตุกเป็นยิ้มเย้ยหยัน เขา ยื่นมือไปตรึงที่หลังคอของเธอ แสยะฟันเหมือนสัตว์ ร้ายที่คล้ายจะกัดเส้นเลือดของเธอได้ตลอดเวลา “พอ พูดถึงปิติกรหน่อย ก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย สินะ”

“ฉันเปล่านะ!” แขไขค้านอย่างเคืองๆ “คุณอย่าเอา ความคิดสกปรกอย่างนั้นมาตัดสินเขานะ!”

“เฮอะ” เสียงหัวเราะลอดออกจากริมฝีปากหนึ่งคำ ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกขำขันในนั้นแม้แต่น้อย ตรงข้าม กลับทำให้คนฟังรู้สึกเยือกเย็นและเดียดฉันท์ในเวลา เดียวกัน “ผมน่ะเหรอความคิดสกปรก
นี่เป็นครั้งแรกที่เทวิณได้ยินคนบรรยายถึงตัวเองแบบ นี้

“ถ้าคุณวางแผนอยากจะสานสัมพันธ์ที่เกินขอบเขต แบบนั้นกับปิติกรล่ะก็ ผมเองก็ไม่ขัดข้องที่จะเปิด ประสบการณ์สกปรกที่แท้จริงให้คุณดู”

พอแขไขเห็นว่าเปลวไฟกองเล็กๆ ลุกโชนอยู่ในตา ของเขา เธอก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีกแต่ความโกรธนั้นยัง มีอยู่ คนทั้งสองมองกัน ในตอนที่แขไขคิดว่าเขาจะฉีก เธอเป็นชิ้นๆ คนคนนั้นก็ปล่อยมือเธอจากนั้นก็หันไป ขับรถต่อคล้ายกับว่าเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น นอกจาก ความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆของรถ ก็แทบไม่รู้สึกถึง อารมณ์ของเขาเลย

ในรถอบอวลไปด้วยความรู้สึกประหม่าเหมือนยาม ตอนก้าวเดินบนพื้นหิมะเปราะบาง แขไขรู้ตัวดีว่าตัวเอง ได้ยั่วโทสะของผู้ชายคนนี้เข้าแล้ว

ตัวรถแล่นด้วยอัตราความเร็วมากกว่า120กิโลเมตร ต่อชั่วโมงมาเกือบตลอดทาง ระยะทางที่เดิมต้องใช้ เวลาสี่สิบนาที เขาใช้ไปเพียงยี่สิบกว่านาทีเท่านั้นก็มา ถึงหน้าประตูบ้านเป็นที่เรียบร้อย

เธอยื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยทันที ไม่อยากสนทนา กับเขาแม้แต่วินาที เพียงแต่การกระทำนั้นค่อนข้างรีบ ร้อนเกินไป เรื่องที่เดิมเป็นเรื่องง่ายๆจึงกลับกลายเป็น ยากไป
เทวิณมองหาทางร้อนรนของเธออย่างเย้ยหยัน มือ เล็กพยายามกดตัวล็อคซีทเบลล์ทว่ากดอย่างไรก็กดไม่ ถูก มือใหญ่จึงยื่นออกไปกดแทนเธอ เสียง ‘แกร๊ก’ดัง ขึ้น เข็มขัดนิรภัยก็ปลดออก

ที่ไล่ตามหลังมายังคงเป็นคำเตือนเย็นชาของผู้ชาย คนนั้น “ครั้งหน้าถ้ายังกล้าส่งที่อยู่ให้กับ อีก คุณก็รอดู ผลก็แล้วกัน”

เอ่ยจบประโยคเทวิณก็ไม่มองคนตัวเล็กบนรถอีก ผลักประตูแล้วก้าวออกไป

จนเขาลงรถเดินจากไปไกลแล้ว แขไขถึงได้หายใจ เข้าลึกหนึ่งเฮือก ยกมือกุมอกตัวเอง เห็นสีหน้าเกรี้ยว กราดของเขาแล้ว เธอก็รู้สึกใจแป้วขึ้นมาจริงๆ

ตอนที่แขไขสํานึกได้ว่าต้องไปเอามือถือ ก็นึกขึ้นมา ได้ว่าถูกเขาโยนทิ้งไปแล้ว เธอชูกำปั้นไปมากับเงาหลัง ของเขา “ไอ้เวร!”

ทางอีกด้านหนึ่ง ปิติกรเดินออกมาจากสนามบินเพื่อ ขึ้นรถ รออย่างไร แขไขก็ไม่ส่งข้อความกลับมา ที่ผ่าน มาเขาไม่ใช่คนที่ไม่มีความอดทน โดยเฉพาะเมื่อเป็น เรื่องของแขไขเขาแทบจะได้ใช้ความอดทนทั้งหมด ของตัวเองแล้ว ทว่าครั้งนี้ เขากลับร้อนรนผิดปกติ

ในหูของเขาแว่วประโยคที่ผู้ชายคนนั้นพูดว่า ‘เมียจ๋า’ซ้ำไปมา พอคิดว่าน้องสาวที่ตัวเองเฝ้าปกป้องมาหลาย ปีถูกผู้ชายที่ไม่จักชื่อเสียงเรียงนามพาตัวไป ในใจของ เขาก็รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมา

หลายสิบนาทีต่อมาสุดท้าย แขไขก็อดไม่ไหว คว้า โทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายออกไป สีหน้าที่เดิมทีก็ไม่น่า มองอยู่แล้วพอได้ยินเสียงผู้หญิงที่ตอบกลับโดยระบบ อัตโนมัติก็ยิ่งมื้อครึ้มลง—————

‘ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งในภายหลัง’

“Shit!” แขไขระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างที่หาได้ยาก ครั้งนี้เขาทิ้งมือถือลงบนคอนโซลรถ

คนขับรถกับผู้ช่วยค่อยๆลอบมองผ่านกระจกหลัง ผู้ ช่วย กระทั่งไพล่คิดไปว่าตัวเองฝันอยู่หรือเปล่า เขา อยู่ข้างกายแขไขมาสองปี นี่นับเป็นครั้งแรกที่เห็นเขา ระเบิดโทสะเพราะเรื่องส่วนตัวแบบนี้

แขไขหันไปมองวิวข้างทางนอกหน้าต่างรถที่เคลื่อน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่เปิดปากขึ้นนั้น น้ำเสียงไม่ หลงเหลือความอบอุ่นอีกต่อไปแล้ว “กลับตระกูลดาวริ ศกุล”

สี่สิบนาทีให้หลัง รถก็มาจอดเทียบอยู่หน้าประตู คฤหาสน์ตระกูลดาวริศกุล ปิติกรไม่รอให้คนขับเดินมา เปิดประตูให้ก็ก้าวออกมาด้านนอกด้วยตัวเอง ทิ้งคนขับ รถกับผู้ป่วยที่ยืนมองหน้ากันอยู่ตรงนั้น
ปิ กรกลับมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ขจรจิตกับฉัตร พรไม่รู้เรื่องมาก่อน แต่พอดีว่าวันนี้เป็นวันหยุดทั้งสอง ต่างก็อยู่บ้าน

เห็นเขาเข้ามา ก็ตกใจไปเล็กน้อยจากนั้นก็รีบลุกขึ้น ต้อนรับ “กลับมาแล้วเหรอ ทําไมไม่บอกกันก่อนสักคำ ล่ะ แม่กับพ่อจะได้ส่งคนไปรับ

ปิติกรมองฉัตรพรอย่างชืดๆ ร้องเรียกหนึ่งคำ “คุณ แม่”

ถึงปิติกรจะไม่ใช่ลูกชายในไส้ของเธอ แต่เมื่อเขามี สิทธิ์บริษัทอันยาอยู่ในมือ เธอย่อมไม่ทำให้เขาอุ่นใจ ยิ้มรับทักทายเขาทันที “ตลอดทางกลับคงจะเหนื่อย มากสินะ รีบมานั่งพักก่อนเถอะจ้ะ”

“ไม่เป็นไรครับ” ปิติกรไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งแม้แต่นิด กวาดสายตามองรอบห้องนั่งเล่นรอบหนึ่งก็เห็นเพียง ขณิฐากำลังนั่งกินผลไม้อยู่บนโซฟา หัวคิ้วของเขาย่น เข้าหากัน “ไข่หวานล่ะครับ?”

เขากลับมาถึงพูดอะไรไม่พูดดันถามหาแขไข หน้า ของฉัตรพรแข็งค้าง แต่ก็ยังแค้นรอยยิ้มออกมาได้ “ไข่ หวานไม่ได้อยู่บ้าน น้องกลับบ้านมาก็ติดเล่น พี่ชาย อย่างลูกก็ช่างใส่ใจ ถามหาน้องตลอด”

แขไขติดเล่นหรือไม่ ในใจของปิติกรชัดเจนดี กุลยา ป่วยหนัก ตระกูลดาวริศกุลก็กดดันสุดขีดขนาดนี้ ถ้าจะ ถามหาคนที่ไม่มีเวลาเล่นที่สุดก็ต้องเป็นเธอ
ได้ยินฉัตรพรพูดแบบนี้ ปิติกรก็ไม่ได้เอ่ยอะไรให้มาก ความอีก เขาพูดคุยกับขจรจิตสองประโยคก็ขึ้นชั้นบน ไป ห้องนอนของเขากับแขไขนั้นติดกัน เขาเดินไปที่ ห้องเล็กๆนั่นแล้วผลักประตูเข้าไป ของในห้องนั้นถูก จัดอย่างเป็นระเบียบ ชนิดที่ว่ามีชั้นฝุ่นบาง ๆเคลือบอยู่ ชัดเจนว่าหลังจากเธอกลับประเทศก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน

เขาสัมผัสไม่ได้เลยว่าแขไขได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ราวกับว่าเธอไม่เคยกลับมาที่นี่

ฉับพลันนั้นในหัวของปิติกรก็แวบความคิดเลวร้ายขึ้น มา ประจวบเหมาะที่ขจรจิตขึ้นมาชั้นบน เห็นเขายืนนิ่ง อยู่หน้าห้องของ “ แกเข้ามาในห้องของไข่หวานทำไม?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ