หัวใจป่วนไอรัก

1



1

หกปีต่อมา

หลังแถลงข่าวเปิดตัวโรงพยาบาลผู้สูงอายุ ผู้นําด้านการรักษา แบบองค์รวม โดยการรวบเอาศาสตร์จากหลายแขนงเข้ามาให้ บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรในประเทศที่ นับวัน จำนวนกลุ่มผู้สูงอายุจะมากขึ้นทุกปีจนประสบความสำเร็จ เป็นอย่างดีจบสิ้นลงแล้ว

นายแพทย์ภวินท์ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างเป็นกันเองแบบทุก ครั้ง ก่อนขอตัวกลับเข้าห้องทำงานที่ชั้นบนของตัวตึกจากนั้น

ที่นั่นมีเครื่องดื่มวางรอเขาก่อนหน้าจะก้าวขาเข้ามาเพียงมี นาที

หกปีที่ผ่าน นายแพทย์ภวินท์กลายเป็นคนกินยาก ดื่มยากขึ้น เรื่องมากขึ้นหลายระดับ ไม่รวมการดำเนินชีวิตในแวดวงสังคม ชั้นสูงที่หล่อหลอมให้ชายหนุ่มผู้ซึ่งเคยธรรมดากลายเป็นคนที่ คิดซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ไว้ตัวมากขึ้น

ยิ่งไต่ขึ้นไปบนยอดได้สูงเท่าไร อัตตาที่เคยน้อยนิดเตี้ยเรี่ย ดินก็พุ่งทะยานสูงตามความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น
บุคลิกภายนอกที่เหมือนคนถ่อมตน ยิ้มง่าย ตรงไปตรงมา แต่ ใครเลยจะรู้ว่านั่นคือภาพลวงตาของนายแพทย์ภวินท์ที่เขาจงใจ ปั้นแต่งมันขึ้น

เสียงหวานดังตามมา ภวินท์นั่งลงที่เก้าอี้พนักสูงก่อนหมุนตัว ออกไปมองที่วิวด้านนอก

“ยาที่จะนําเข้าจากญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้วนะคะ เหลือแค่เอกสาร ไม่กี่แผ่นจากทาง อย. เท่านั้นค่ะ” แพทย์หญิงสราวลีกล่าวเสียง เนิบรายงานให้เขารับรู้ถึงเรื่องใหญ่ที่เธอขอเป็นโต้โผมา โดย ตลอด

ยาแผนปัจจุบันที่นําเข้าจากต่างประเทศหลายรายการถูกจัด จําหน่ายด้วยบริษัทของบิดาแพทย์หญิงสราวลี

“แล้วเรื่องที่ว่าเป็นคดีความมั่นน่ะค่ะ ทีมกฎหมายแจ้งราย ละเอียดเข้ามาแล้วนะคะ” ภวินท์พยักหน้าว่ารับรู้เท่านั้น ไม่พูด อะไร สราวลีลอบสังเกตอาการชายที่ตนพึงใจ ค่อยออกปากถาม ถึงอีกเรื่อง

“เคสวีไอพีทีวอร์ดเก่า จะทำยังไงต่อคะ”

ได้ยินสราวลีเอ่ยถึงคนไข้รายสำคัญ พลันใบหน้าของนาย แพทย์หนุ่มหล่อที่เหมือนรูปสลักจากหินเคร่งขรึมลง ดูเย็นชาและ กระด้างไปชั่วขณะ

“เรื่องของเคสนั้นผมรับผิดชอบเอง หมอลีไม่ต้องกังวลไป
แม้จะบอกด้วยวาจาสุภาพ แต่แพทย์หญิงสราวลีก็เข้าใจใน ถ้อยความ เขากำลังว่าเธอทางอ้อมว่าอย่าเข้ามายุ่งในเรื่องนี้

เงียบทำใจครู่หนึ่ง ถือโอกาสนี้เตือนเขาตามที่บิดาแนะนำ

“คุณพ่อบอกว่าคุณน่ะน่าจะเลือกคบคนบ้างก็ดีนะคะ…

ภวินท์กล่าวตัดบท ที่หมายความว่าไม่ให้กล่าวถึงอีก “ขอบคุณหมอมาก ฝากขอบคุณท่านด้วย แต่เดี๋ยวที่เหลือผมขอ จัดการเอง”

แพทย์หญิงสราวลีเงียบปากทันที ภวินท์หยิบแฟ้มที่เปิดค้าง บนโต๊ะมาอ่านครู่หนึ่งก็ถาม

“หมอลีแจ้งทางศูนย์เรียนรู้แล้วหรือยังครับ”

นายแพทย์หนุ่มถามถึงศูนย์เรียนรู้และจัดอบรมที่จัดตั้งเป็น บริษัทในเครือของทางโรงพยาบาล ถึงเรื่องประชุมวิชาการ ทางการแพทย์ที่กำลังจะจัดขึ้นอีกห้าเดือนข้างหน้านี้

“แจ้งแล้วค่ะ ประชุมวิชาการประจำปีรอบนี้ อาจารย์ตอบรับ เชิญเป็นวิทยากรให้ทางเราด้วยนะคะ เนี่ย ว่าจะมาบอกคุณ แพทย์หญิงสราวลีกล่าวถึงนายแพทย์ที่เป็นอาจารย์ของพวกตนสมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์

“ขอบคุณมากหมอ

บอกจบ คว้าอีกแฟ้มบนโต๊ะอ่านรายละเอียดจะทํางานต่อ

“ใครๆ ก็บอกว่าคุณน่ะ อะไรๆ ก็เก่งไปหมด เสียดาย แต่…

นายแพทย์ภวินท์ชะงัก ปรายตามองมาทำนองว่าอะไรที่เธอ ต้องการจะเอ่ย สราวลีหลบตาก่อนถอนใจเบาๆ เงียบไปเสีย อย่างนั้น

“มีอะไรก็พูดเถอะครับหมอล”

“เสียดายก็แต่คุณไม่ใช่หนุ่มโสดน่ะสิคะ

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นายแพทย์หนุ่มก็เบือนหน้าไปอีกทาง ทันที หกปีแล้วที่เขายังคาทะเบียนสมรสไว้กับจิตตา และนี่ก็จะ เป็นปีสุดท้ายตามกำหนดสัญญา หากจะหย่าก็แค่รอให้ถึงสิ้นปีนี้ เท่านั้น เขาก็จะกลายเป็นหนุ่มโสด

แต่เรื่องอื่นใดที่ไม่ใช่เรื่องงาน จะไม่อยู่ในเนื้อสมองของเขา นายแพทย์ภวินท์บอกปัด น้ำเสียงฟังดูหงุดหงิดเล็กน้อย
“เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้ไหมหมอล

สราวลีปิดปากฉับ แล้วทิ้งเวลาครูใหญ่ๆ เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

“จองโต๊ะที่ร้านไว้แล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถึงร้านประจำทุกวิ นท์ออกปากว่าที่นี่เท่านั้นที่ถูกปากเขาที่สุด แต่แล้วหมอหนุ่ม กลับตอบออกมาว่า

“วันนี้ผมไม่อยากไปไหนเลย

“แต่ว่า…”

คุณหมอคนสวยกำลังเอ่ยปากเซ้าซี้ชวนไปให้ได้ แต่แล้วก็จ ใจต้องหุบลงอีก ภวินท์ไม่ชอบพูดเรื่องเดิมซ้ำซาก ถ้าเขาบอกว่า ไม่ก็คือไม่ สราวลีรู้ว่าที่เธอได้ยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ตรงที่ได้ใกล้ ชิดเขามากที่สุด ในระยะเวลาห้าหกปีมานี้ก็เพราะเธอเป็นงาน คะนึง เลขาสาวใหญ่ถูกเธอเขี่ยลงไปช่วยงานพื้นๆ นานแล้ว ตั้งแต่เธอถูกทาบทามให้เข้ามาช่วยงานเขาใหม่ๆ

ตอนนั้นเธอดีใจกรีดร้องจนบ้านแทบแตก เมื่อภวินท์ติดต่อหา เธอแล้วเชิญให้เข้ามาร่วมงานด้วยกัน บิดาของเธอเองก็ดีใจที่ เธอจะร่วมงานกับเขา ท่านเอ่ยถึงนายแพทย์ภวินท์อยู่เสมอว่าเขา เหมาะจะเป็นนักธุรกิจมากกว่าหมอรักษาคนป่วยเสียด้วยซ้ำ
ธุรกิจสุขภาพที่แตกยอดออกมาจากโรงพยาบาลของหมอชวัล ในระยะหลังนี้ล้วนมาจากความคิดของเขาทั้งสิ้น ภวินท์จับทาง ถูก พอคิดปุ๊บเขาลงมือทำทันทีแล้วก็มือขึ้นเสียด้วย ที่ลงทุนลง ไปนั่นก่อผลกำไรเป็นตัวเลขสวยๆ ที่นักลงทุนเห็นแล้วผิวปาก นั่ง จิบไวน์รอผลตอบแทนด้วยความสบายใจกันทั้งนั้น

และมาสองสามปีนี้เองที่เธอแอบรู้มาว่าเขาสะสมอิทธิพลมืด ด้วยการคบหากับพวกนอกกฎหมายกลุ่มหนึ่งแต่ก็เป็นไปแบบ เงียบๆ นัดพบกันที่เกาะเล็กๆ ในต่างประเทศเสมอ และเคสวีไอพี ในวอร์ดเก่านั่นก็คือพวกนั้นเอง

ภวินท์ดูลึกลับซับซ้อนมาแต่บัดนั้น เธอแอบเห็นแววตาของ เขาตอนประชุมบอร์ดผู้บริหารเวลามีเรื่องต้องถูกกัน ก็ลอบ ใจหาย มันดูน่ากลัวในแบบที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน

แพทย์หญิงสราวลีนึกถึงเรื่องของชายที่ตนพึงใจทีไร อดถอน ใจอย่างคิดหนักไม่ได้ทุกที จะให้เลิกชอบเขาเธอทำไม่ได้หรอก

เธอลดอีโก้ตัวเองลงจนแทบไม่เหลือเพื่อภวินท์

ทั้งที่เธอมีฐานะที่ดีกว่า พื้นฐานครอบครัวสูงกว่า แต่เธอก็ลด ตัวลงมาเพื่อเอาใจเขา
เธอแอบชอบภวินท์ตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์ และมั่นใจมา ตลอดว่ามองเขาไม่ผิด คนอย่างกวินท์มีอนาคตก้าวไกล เพราะ เขามีความมุ่งมั่น มีความปรารถนาอันแรงกล้า หญิงสาวจึงเกาะ ติดเขาแจแบบไม่ให้ภวินท์สลัดเธอออกไปได้อย่างง่ายดาย

เธอเอาใจใส่เขา ไม่ก้าวก่าย ไม่ล้ำเส้น และในจังหวะเดียวกัน เธอก็แฝงความรู้สึกลงไปให้เขาได้รู้ตัวอยู่เสมอด้วยว่าเธอรักเขา ปรารถนาดี หวังดีกับเขา และเธอจะรอเขาจนกว่าเขาจะหลุดออก จากสถานะสมรสแล้วหันมายกเธอ เชิดชูเธอขึ้นในตำแหน่ง ภรรยาเมื่อเวลานั้นมาถึง

สราวลีผ่อนลมหายใจออกเบาๆ

อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยควงหญิงสาวคนใดให้เธอต้องใจ มากไปกว่าครองสถานะสามีของเด็กเหลือขอคนนั้น

เธอกับเขาไม่เคยพูดจากันจริงจังเรื่องความสัมพันธ์

แต่สราวลีก็พยายามแสดงตัวให้ใครต่อใครรู้ว่าระหว่างเธอ กับเขา ไม่ได้มีแต่เรื่องงานเท่านั้น เขาเองยังเคยถูกสื่อถามเลย ถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแพทย์หญิงสราวลี แต่ภวินท์ ก็ทำเพียงยิ้มไม่ตอบอะไร นั่นละมังเลยทำให้เธอมีความหวังจนมาถึงวันนี้ได้

และแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวินท์จะก้าวไปไม่ถึง คำว่าแฟนเสียที แต่เธอก็รอ รอว่าหากสัญญาที่เขาทำไว้กับอา จารย์ชวัลจบลงเมื่อไรได้หย่าขาดจากจิตตาแล้วเขาจะหันกลับ มาที่เธอ

คิดได้แบบนั้นแล้วเลยย้ายตัวเองไปยืนซ้อนที่ด้านหลังพนัก เก้าอี้ของหมอหนุ่มอนาคตไกล แตะมือลงบนบ่าหนั่นแน่นใต้สูท เนื้อดีแล้วลงมือบีบเบาๆ

ภวินท์ชะงักครู่หนึ่ง เขาเขียนน้ำหอมกลิ่นฉุนจัดที่เหลือเกิน แต่ ไม่อยากพูดจาให้เพื่อนหมอต้องเสียน้ำใจ กับคนใกล้ชิดภวินท์ ไม่เคยใช้คำพูดทำร้ายใครเลยสักคน ต่างจากบอร์ดผู้บริหารที่ เขามักพุ่งเข้าใส่ทันทีแบบไม่ไว้หน้าใครด้วยซ้ำ หากต้องห้ำหั่น กันเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด

“เป็นอะไรคะ ปวดท้องอีกหรือเปล่า”

หญิงสาวถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลเมื่อเห็นว่าภวินท์มีท่าที แปลกๆ

นายแพทย์ภวินท์มักมีอาการเครียด บางครั้งปวดท้อง บาง ครั้งปวดศีรษะ มีปัญหานอนไม่หลับหลายคืนติดต่อกันก็บ่อย เธอ รู้เพราะแอบดูประวัติการใช้ยาของเขา รู้ว่าเขาใช้ยาหลายชนิด เพื่อรักษาอาการพวกนั้น

สราวลีลุกขึ้นจะไปหยิบยาที่เขาต้องกินอยู่เสมอที่มีอาการมา ส่งให้ แต่นายแพทย์หนุ่มกล่าวยั้งเอาไว้

“ไม่เป็นไรหรอกหมอลี ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก

แสร้งถอนหายใจยาวๆ แล้วก้มตัวลงชวน “รู้จักหมอนวด เก่งๆ ที่สปาของคุณแม่ เราไปนวดกันนะคะ หรือจะลาพักร้อน ซัก…” เจ้าหล่อนคิดครู่เดียวค่อยเอ่ยออกมา “ซักอาทิตย์ ไปผ่อน คลายค่อยกลับมาลุยงานกันต่อ คุณว่าแบบไหนที่คุณสะดวกคะ

“อ้อ หมอลี เรื่องร้องเรียนเมื่อวานนี้ ”

แทนที่เขาจะตอบรับคำชวนของเธอ ภวินท์กลับเอ่ยถึงเรื่อง งานขึ้นมาอีก หญิงสาวยิ้มค้าง แต่กระนั้นยังอุตส่าห์วกเข้าเรื่อง งานตามความประสงค์ของเขา

“คะ?”

“เปลี่ยนพนักงานใหม่ยกชุดเลยก็แล้วกันนะ พรุ่งนี้แจ้งฝ่าย บุคคลว่าอย่าลืมอบรมก่อนเข้าทำงานให้เข้มงวดกว่าเดิมหน่อย แล้วถ้ามีข่าวแบบนั้นออกไปอีก บอร์ดคงต้องเปลี่ยนฝ่ายบุคคล ใหม่ยกชุดเหมือนกัน”
นึกถึงเรื่องความพึงพอใจที่ภวินท์เน้นเสมอกับคนของ ตนเอง ว่าต้องให้การรักษาที่เป็นเลิศควบคู่การบริการที่คนไข้จึง พอใจอย่างยิ่งยวดแล้วลอบกลอกตาด้วยความเหนื่อยหน่าย ที่ เขาเพราะเมื่อวานนี้มีเรื่องร้องเรียนของพวกเรื่องมากที่เข้ามา ใช้บริการที่นี่ แล้วเจอพนักงานบางแผนกให้บริการบกพร่องไป หน่อยเดียว ก็ถึงกับส่งเรื่องขึ้นมาร้องเรียน ทำเรื่องเล็กให้กลาย เป็นเรื่องใหญ่ในทันที

แพทย์หญิงสราวลียิ้มอื่นๆ ย้ายตัวเองไปนั่งที่โซฟาใกล้ๆ รอ จนเลิกงานถึงได้เดินควงคุณหมอหนุ่มออกไปด้านนอกด้วยกัน ภ วินท์ต้องแวะไปส่งเพื่อนหมอที่คอนโดมิเนียมย่านกลางเมือง เพราะเจ้าหล่อนว่าเมื่อเช้าติดรถบิดามาทำงาน จึงค่อยกลับไปยัง ที่พำนักของตนเองจากนั้น

ภวินท์ไม่อยากพักที่นี่เท่าไรนักแต่ขัดมารดาไม่ได้ ท่านว่า

เจ้าของเขาไม่อยู่ อย่างน้อยๆ เราอยู่ยังช่วยดูแลบ้านให้เขา ได้นะลูก จะย้ายออกไปที่อื่นทำไมล่ะ

นางอัมพรเปลี่ยนไปมาก จากหัวหน้าแม่บ้านบัดนี้เป็นคุณ อัมพรที่เฉิดฉายราศีจับทั้งตัว นางสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นเจ้าของ บ้านด้วยตัวนางเองเมื่อเจ้าของบ้านตัวจริงอย่างนายแพทย์ชวัลเสียชีวิตลงแล้ว ส่วน บุตรสาวคนเดียวของท่านก็หายไปไม่กลับมาอีกเลย

“หมอวิน หมอกลับมาแล้วหรือลูก

กระวีกระวาดมารับ แต่ไม่คล่องนัก ขาข้างหนึ่งหักจาก อุบัติเหตุพลัดตกบันไดเมื่อหกปีก่อน จนต้องเข้ารับการผ่าตัดใส่ เหล็กยึดเอาไว้ ทำให้ความสั้นยาวของขาไม่เท่ากัน หากไม่ใส่ รองเท้าที่ตัดเสริมส้นมาไว้ใช้เฉพาะแล้วเดินเท้าเปล่า จะเดินเหิน ไม่คล่องอย่างที่เคย

เรื่องนี้ทำให้นายแพทย์ภวินท์นึกถึงแล้วเจ็บปวดใจอยู่ไม่น้อย อีกฝ่ายที่เจ็บนั่นแม่ของเขา

ส่วนอีกคนนั่นก็มีสถานะเป็นภรรยา ภรรยาที่รอวันหย่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว เขาเข้ามาประคองมารดาพร้อมเอ่ยเสียงอ่อนโยนเอาใจ “ครับ ผมกลับมาแล้ว”

นางอัมพรยกมือลูบแก้มบุตรชายด้วยความรักใคร่ ชื่นชม เทิดทูน

“กินอะไรมาแล้วยังล่ะหมอ”
“เรียบร้อยแล้วครับแม่

คนลูกพามารดากลับมานั่ง นางอัมพรก็เสียงดังเรียกให้คนยก เครื่องดื่มสมุนไพรมาให้บุตรชาย ภวินท์มองแล้วไม่ใคร่สบายใจ พอลงนั่งได้ นางอัมพรที่เตรียมตัวมาอย่างดี ค่อยเอ่ยปากพูดขึ้น

“แม่มีเรื่องอยากคุยกับหมอพอดีเลย”

คุณหมอหนุ่มมองหน้ามารดาแล้วเงียบไม่พูดตอบว่าอะไร ราวกับรู้ใจกันเป็นอย่างดี นางอัมพรก็ให้ขัดใจเล็กน้อย แล้วถึง เกริ่นเรื่องที่ว่านั่น

“เรื่องของยายฐิตตาน่ะ”

พอได้ยินท่านเอ่ยชื่อภรรยาของตน นายแพทย์ภวินท์เงียบไป นานทีเดียว สุดท้ายก็ถาม

“ทําไมหรือครับ”

“ถึงเวลาลูกต้องหย่าให้มันจบเรื่องกันไปเถอะนะ แม่ล่ะสงสาร หมอลีจริงเชียว ผู้หญิงที่ทั้งสวยและดีแบบนั้น จะแต่งงานกับ เศรษฐีหรือไฮโซที่ไหนก็ยังได้ แต่หมอก็ยังรอลูก ลูกควรเห็นใจ เธอบ้าง”

“ผมยังไม่เศรษฐีอีกหรือครับ”

ภวินท์เข้ามารดาตนเอง แต่นางอัมพรแสร้งทำหน้าบึ้งตึง
“แม่รู้ แต่ลูกไม่ใช่คนโสด ลูกควรไปสะสางกับแม่จิตตานั้น ให้มันจบ ใกล้ครบกำหนดสัญญาแล้ว แม่เองก็ไปคุยกับทนายสุ นัยมา เขาว่าให้ลูกดำเนินการตามกำหนดสัญญาได้เลย”

ภวินท์ได้แต่ถอนหายใจ

หากเรื่องราวจะลงมารูปร่างรูปลอยแบบนี้ ครั้งนั้นเขาคงไม่มี ทางยอมตกลงตามที่อาจารย์ขวัลขออย่างเด็ดขาด พลันใบหน้า น่ารักของภรรยาที่ไม่ใช่เป็นแต่เพียงในนามสว่างวาบเข้ามาใน หัวสมองของนายแพทย์หนุ่มทันที

แววตาดื้อรั้น ค่าพูดคำจาถือดีอวดดี ทำให้หัวใจของนาย แพทย์หนุ่มคันยุบยิบขึ้นได้อย่างไม่ง่ายดายเท่าไรนัก เขาไม่ใช่ คนอ่อนไหวง่ายกับเพศตรงข้าม แต่ก็ต้องยอมยกให้จิตตาเอาไว้ หนึ่งคนที่ทำให้เขาเกิดอาการเช่นนี้ได้

เวลาก็ล่วงเลยมานานขนาดนี้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นไปอย่างไร แล้วบ้าง แล้วเสียงของมารดาก็ว่าขึ้นด้วยคำเดิมๆ ขัดความคิด ของเขา

“แม่ล่ะสงสารหมอลีจริงเชียว”

ภวินท์เรียกท่านเสียงอ่อนใจ “แม่ครับ”

นางอัมพรแสร้งถอนหายใจยาวๆ ก่อนปรายตามองไปทางอื่น ราวกับกำลังคิดหนัก “ยายจิตตานั่นหายไปตั้งหลายปีแล้ว ไอ้สัญญาบ้าบอของหมอก็จวนเจียนครบกำหนด แล้ว” นางอัมพรนิ่งไปครู่ รอดูท่าทีบุตรชาย แล้วว่าต่อ “แม่ว่าไป จัดการหย่าให้จบเถอะหมอวิน จะได้สร้างครอบครัวกับผู้หญิงที่ดี พร้อมอย่างหมอลเสียที

นางอัมพรยื่นซองใส่ข้อมูลของจิตตาที่จ้างวานนักสืบให้ช่วย ตามหาส่งให้บุตรชาย บอกสำทับ “เอานี่ไป แม่ให้คนตามสืบมา แล้ว เขาว่ามันไปอยู่ที่บ้านของคุณตาที่บ้านนอก”

นายแพทย์กวินท์มองแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ

เขาเองก็มีข้อมูลนี้เช่นกัน แต่ก็คร้านจะปฏิเสธมารดา รับมา ถือไว้อย่างนั้น นึกถึงเอกสารหย่าที่จิตตาเซ็นไว้ให้เมื่อหกปีก่อน มันยังคงนอนนิ่งๆ อยู่ในซองซุกไว้ที่ด้านในลึกสุดของตู้เอกสาร คงลึกสุดในระดับเดียวกับที่อยู่ในหัวใจของนายแพทย์หนุ่มด้วย เช่นกัน

นึกถึงค่ำคืนนั้น คืนที่เธอเมา แต่เขาไม่ได้เมาไปกับเธอด้วย ทั้งที่ปากว่าเธอสกปรกแต่ก็ร่วมรักกับเธอโดยไม่ได้ป้องกัน

ใจภวินท์รู้ดีว่าข่าวคาวเน่าเหม็นที่ฉาบตัวเธอไว้นั่นไม่ใช่ความ จริง

และความสัมพันธ์ครั้งนั้น เธอจะไม่มีลูกกับเขาเลยหรือ

แล้วถ้ามีเล่า…

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ภวินท์ก็นิ่งไป เขาไม่ได้กล่าวอะไรกับ มารดาอีก แล้วลงนั่งพื้นนวดเท้าให้นางอัมพรอย่างที่เคยทำทุกที ค่อยกลับเข้าห้องของตนเองไป เขายังใช้ห้องเดิมเป็นที่พัก ไม่ได้ แตะต้องข้าวของอื่นใดในบ้านอย่างที่นางอัมพร อดเหนื่อยใจ กับมารดาไม่ได้ที่ท่านเหมือนกับจะเข้ามาครอบครองบ้านของคน อื่นเช่นนี้

และเมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ เขาก็ควรต้องจัดการเรื่องราวทุก อย่างให้ถูกต้อง พร้อมกับถอนหายใจยาวเหยียดที่ไม่รู้ว่าโล่งใจ หรือหนักใจกันแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ