หัวใจป่วนไอรัก

4



4

“คุณจิตตาขา มีคนมาหาค่ะ”

เสียงเด็กแนนตะโกนโหวกเหวกบอกตั้งแต่ตัวยังวิ่งมาไม่ถึง เลยด้วยซ้ำ ฐิตตาได้ยินแล้ว แต่มือยังสาละวนกับการคัดเลือก สมุนไพร ปากถามสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ

“ใคร”

“คุณหมอค่ะ คนที่หล่อๆ” แนนบอกแค่นั้น แล้วหันมายิ้ม กะลิ้มกะเหลี่ย กำลังจะพูดต่อ แต่จิตตาถามกลับคล้ายไม่ได้ ใส่ใจสักเท่าไร

“หมอพอลหรือ”

เด็กแนนสายหน้าหรือ บอกปัด “ไม่ใช่ค่ะ หมอพอลแนนก็รู้จักอยู่หรอกนะ หมอคนนี้ คนที่

จิตตาพยักหน้าน้อยๆ เป็นการตัดบท แล้วเดินไปล้างมือ ค่อย มุ่งหน้าไปยังลานโล่งที่ใช้สำหรับตากสมุนไพรของตาโชติต่อ ไม่มีทีท่าว่าจะไปยังด้านหน้าบ้านเพื่อพบแขกหนุ่มที่เป็นหมอคน หล่อๆ คนนั้นของแนนเสียที

จนคนมาตามซักร้อนใจ เข้าไปเพียงๆ มองๆ คอยถามเธออยู่ นั่นว่าจะออกไปพบเขาหรือไม่ จะไปตอนไหน แต่จิตตาก็เงียบไม่ ยอมพูดอะไร ยังคงทำงานต่อ ราวกับว่าไม่เสร็จ เธอก็จะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น

นายแพทย์กวินท์มองไปรอบๆ บ้านด้วยความสนใจ เขารู้ใน ภายหลัง หลังจ้างทีมให้ตามหาจิตตา จากวันที่เธอออกจากบ้าน มาได้ไม่กี่วัน ถึงค่อยพบว่าหญิงสาวมาพักอยู่กับคุณตาของเธอที่

และคุณตาของจิตตาก็คือเจ้าของตำรับยาสมุนไพรไทย ที่ อาจารย์ของเขาเคยเล่าให้ฟังว่าแกเก่งพอตัว แต่เสียดายที่มีคน อีกฝ่ายพยายามออกมาต่อต้านคัดค้าน ด้วยว่าไม่มีคุณวุฒิ ไม่มี วุฒิบัตรรองรับความสามารถของตัวเอง รวมถึงคณาอาจารย์ แพทย์หลายๆ ท่านก็กล่าวถึงตาโชติในแง่นั้นด้วย เป็นเรื่องถูก เถียงกันทุกทีที่นำชื่อของตา โชติขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนา

แต่แล้วเขากลับสนใจ และหากมีโอกาส ก็น่าจะได้พูดคุยเรื่อง ต่อ ยอดเกี่ยวกับตำรับยาของท่านด้วย

บรรยากาศเย็นสบาย บวกกับการได้คิดอะไรไปเรื่อยๆ ทำให้

นายแพทย์ภวินท์ลืมเสียสิ้นว่ารอนานอยู่ร่วมชั่วโมง

“คุณถึงมานูนแล้วค่ะ สงสัยคงทำงานติดพัน ช้านิดนะคะ” เสียงของหญิงคนที่นั่งเฝ้าเขาเอ่ยขัดความคิดของภวินท์

คุณหมอหนุ่มรับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ เมื่อ ได้ยินว่าจิตตามาแล้ว ก่อนจะค่อยๆ หันไปตามทิศทางเดียวกับ สายตาของหญิงคนนั้น

จิตตาในวันนี้ ดูแปลกไปไม่น้อยสำหรับนายแพทย์ภวินท์
หญิงสาวในชุดเปรี้ยวเฉียวที่เคยคุ้นตา บัดนี้สวมใส่เพียง เสื้อผ้าฝ้ายตัดเย็บแบบง่ายๆ เท่านั้น

ผิวพรรณดูคล้ำลงแต่ไม่ได้ทำให้เธอดูสวยน้อยลงเลยแม้เพียง นิดในความคิดของคนมอง ร่องรอยบางอย่างในแววตาและ ใบหน้าบอกให้ภวินท์โดยสัญชาตญาณว่าเธอโตขึ้น

“สวัสดีค่ะ เด็กบอกว่าคุณมีธุระต้องการพบฉัน”

เสียงทักถามเป็นการเป็นงานเสียจนกวินท์ขัดหู ไม่เพียงขัดหู เท่านั้น แต่เขายังรู้สึกขัดไปถึงในหัวใจเลยด้วยซ้ำ นายแพทย์ หนุ่มมองสำรวจครู่เดียว ออกปากบอกอย่างสงวนท่าที

“ธุระส่วนตัว คุณพอจะมีที่สำหรับคุย…

ยังพูดไม่ทันจบ ฐิตตาบิดมุมปากลงคล้ายหยันอย่างที่ไม่ได้ ทำท่าทีแบบนี้มานานหลายปีแล้ว เจ้าหล่อนหันไปสบตากับหญิง อีกคนที่นั่งเฝ้าเขากล่าวว่า

“พี่ติ๊นคะ ถึงวานที ช่วยดูคนงานที่หลังบ้านให้ถึงหน่อย

หญิงคนนั้นพยักหน้าพร้อมรับคำ แล้วถึงจากไปอย่างไม่ใคร่ เต็มใจเท่าไรนัก จิตตารอจนคนของเธอเดินลับหายไปแล้ว จึงหัน มาสบตากับคนมาเยือนอีกครั้ง เอ่ยเสียงราบเรียบไม่ระบุอารมณ์ ใดๆ

“พูด ‘ธุระส่วนตัว” ของคุณมาเถอะค่ะ”

นายแพทย์ภวินท์มองจิตตา หญิงสาวที่ครองสถานะภรรยา ของเขามาตลอดหกปีด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ เหตุใดจากหญิงสาวเอาแต่ใจในวันนั้น จึงเปลี่ยนแปลงมากมายราวกับ คนละคน ในวันนี้

หรือธรรมชาติของเธอเป็นอย่างที่เขาเห็นอยู่นี่มาแต่แรกแล้ว

ความตั้งใจที่จะลองมาถามเรื่องหย่า กลืนกลับหายลงคอไป ในทันที เพราะอะไรบางอย่างข้างในลึกๆ บอกให้เขายืดเวลา ออกไปอีกจนมันครบตามกำหนดสัญญาค่อยพูดคุยกันตอนนั้นก็ ไม่น่าจะสายจนเกินไป หรือจะทำเป็นลืมเลือนเรื่องหย่าไปเสีย เลยก็เห็นว่าเป็นการดีไม่น้อย เสียงที่ดังก้องอยู่ภายในหัวใจบอก เขาเช่นนั้น

“ผม..”

เป็นครั้งแรกที่นายแพทย์ภวินท์สูญเสียความเป็นตัวของตัว เอง และขาดความมั่นใจได้ถึงขนาดนี้ นึกหาเรื่องราวมาถ่วงเวลา ให้ยืดยาวออกไป และไม่ต้องการเอ่ยว่าที่เขามานี้ เพราะ ต้องการมาคุยเรื่องหย่า

แต่แล้วเป็นเธอเองที่เอ่ยออกมาราวกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ

“คุณมาเรื่องหย่าใช่ไหม”

ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นทันทีที่ได้ยิน อกใจของนายแพทย์วิ นท์ราวถูกเหล็กขนาดยักษ์บดบีบอัดกันจนแทบแหลกสลายลงใน วินาทีนั้น เหตุใดเธอถึงเอ่ยออกมาได้อย่างง่ายดาย เอ่ยด้วย สีหน้าท่าที่ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ เลยด้วย หรือเธอมีใครใหม่แล้วจริง ดังที่มารดาของเขาว่าไว้ ถึงได้รอคอยการหย่าอย่างใจจดใจจ่อแบบนี้

พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ ฐิตตาก็ว่าขึ้นอีก

“ฉันเคยบอกแล้วว่าเราควรหย่ากันเสียตั้งแต่ตอนนั้น

ยิ่งฟังเธอพูดเรื่องหย่ายิ่งฉุน แต่แล้วกลับใช้ความเงียบเข้า กลบ เอ่ยขัดเธอบ้าง โดยอ้างตามรูปการในตอนนั้น “ที่ผมไม่หย่าให้ตอนนั้น เพราะไม่อยากผิดคำสัญญาที่ให้ไว้

กับอาจารย์”

“อ้อ…” ฐิตตาครางรับด้วยน้ำเสียงติดหมิ่นไม่รู้ตัว ตอนนั้นไม่ อยาก ตอนนี้คงอยากแล้วสินะ สูดหายใจเข้าจนลึกสุดปอด บอก ตัวเองว่าอย่าหวั่นไหว อย่าเสียใจเป็นอันขาดกับเหตุผลของเขา เพราะมันไม่ได้ผิดไปจากที่เธอคาดไว้สักเท่าไร

ไม่ว่าจะเป็นการยินยอมแต่งงานกับเธอ

หรือแม้แต่คืนนั้นที่เขาปลุกปล้ำเธอ ก็คงถือสิทธิ์ตามหน้าที่ที่ บิดาของเธอมอบหมายให้เขาด้วยละมัง เธอนำความไปปรึกษา กับคุณอาทนายสุนัยมาแล้วเรื่องที่เขาขึ้นใจเธอ แต่ท่านคล้ายจะ สนับสนุนเขา บอกว่าหากจริงยิ่งเป็นการดี ท่านจะเล่นงานนาย แพทย์ภวินท์ให้หย่ากับเธอไม่ได้ไปเลย แล้วยังบอกว่าหากส่ง เรื่องฟ้องศาลท่านคงให้พวกเธอไกล่เกลี่ยกันเท่านั้น เนื่องจาก เป็นเรื่องของสามีภรรยา เธอเลยเดินหนีไปเพราะไม่ใช่ความ ต้องการของเธอ

“คุณพ่อก็จากไปนานแล้ว อีกอย่างคุณไม่ได้เป็นคนขอหย่าก่อนนี้ ไม่น่าผิดจากสัญญาอะไรมากมายนักหรอก”

ได้ยินจิตตาว่ามาแบบนั้นแล้ว เอ่ยขัดเธอขึ้น ด้วยอารมณ์พลุ่ง พล่านอย่างที่ไม่เคยเกิดกับใคร ดูเหมือนเธอจะอยากหย่ากับเขา เสียเหลือเกิน

“เอาเป็นว่าเรื่องหย่าเราจะยังไม่ดำเนินการอะไรทั้งนั้น แต่ที่ ผมมาวันนี้ผมต้องการมาบอกเรื่องผลประกอบการให้ทราบ ถ้า ไม่อยากเข้าไปดูแลแล้วยังไง คุณจะขาย….

อีกฝ่ายยังว่าไม่จบ เธอก็ขัดเขาบ้าง เพราะอยากจบการ สนทนาแบบไวๆ มาบอกเรื่องผลประกอบการบ้าบออะไร ทุกๆ ปี เป็นคุณอาสุนัยที่มาแจ้งให้เธอรู้

“ฉันจะขายในส่วนที่เป็นของฉัน คุณอยากซื้อไว้ก็ได้ เดี๋ยวฉัน แจ้งไปกับทางคุณอาสุนัข”

ฐิตตาว่าจบ มองเขาอย่างที่กวินท์อ่านแววตาไม่ออก แล้วย้อน กลับมาคุยกันที่เรื่องเดิม “ส่วนเรื่องหย่า ฉันอยากจัดการให้ เรียบร้อยไปเลย เพราะมันใกล้กำหนดเวลาแล้ว ที่ไม่ได้ติดต่อไป เพราะคิดว่าคุณเซ็นใบหย่าให้ฉันแล้วเสียอีก เรื่องกิจการอะไรก็ แล้วแต่ที่คุณพ่อใส่ชื่อฉันเอาไว้ ฉันจะให้คุณอาสุนัยติดต่อหาคุณ หลังจากนี้เพื่อจัดการเป็นธุระให้ทั้งหมด

กล่าวให้เขารู้จนครบถ้วนแล้ว จบด้วยการไล่กลายๆ

“แค่นี้ใช่ไหมคะ ธุระส่วนตัว ของคุณ” ภวินท์เงียบเหมือนคนเป็นใบ้ เขาเคยถูกใครไล่แบบนี้มาก่อนที่ไหนกัน อัตตาพลุ่งพล่าน หน้าเลยเฉยชา ในวินาทีนั้น เมื่อถูกไล่ ซ้ำๆ คนอย่างเขาก็จะไม่อยู่อีกต่อไป แล้วเลยบอกว่าจะกลับลุก ขึ้นยืนตรงไปที่รถของเขาจากนั้นแล้วขับออกไปในทันทีด้วยแรง อารมณ์

คล้อยหลังรถของภวินท์ไปไม่ถึงนาทีดีด้วยซ้ำ

สองร่างเล็กๆ วิ่งปอเข้ามากอดขาจิตตาเอาไว้เสียแน่น หญิง สาวใจหายแวบ มองไปทางหน้าบ้านอย่างระแวงระวังแล้วถึง พาสองร่างเล็กๆ นั่นเข้าไปในเรือนใหญ่ มองเจ้าของใบหน้า มอมแมมที่มือนิ้ว ดอลล่า’ ตุ๊กตาผมสีชมพูแปร๊น มรดกตกทอด จากเธอให้แม่ตัวแสบ กำลังอ้าปาก จะถามว่าไปชนอะไรกันมา อีก แม่ตัวดีชิงถามเธอก่อน

“แม่จ๋า แม่คุยกับใครอยู่ตั้งนาน

จิตตาถอนหายใจเฮือก คิดอย่างโล่งใจในวินาทีนั้นว่าเธอลืม นึกถึงเด็กสองคนนี้ไปสนิท


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ