ตอนที่ 9 บาร์ Intoxicated
ตอนที่ 9 บาร์ Intoxicated
เปล่าค่ะ”
“อ้าว?” กู้เจ๋ออวี่เดินตามเฉียวอวี่ถงไปอย่างไม่ลดละ “ถ้า งั้นคุณมาหาเพื่อนที่อยู่ที่นี่เหรอ?”
“อืม”
“ได้พบหน้ากันถือเป็นโชคชะตา พวกเราไปดื่มกาแฟ ด้วยกันสักแก้วมั้ยครับ?”
เฉียวอวี่ถงใช้สายตาเหมือนมองคนโรคติตมองดูกู้เจ๋ออ
“ฉันจะบอกคุณให้นะว่าเพื่อนของฉันอยู่ข้างในคุณช่วย สํารวมหน่อยจะดีกว่า!”
“ผมไม่ใช่คนไม่ดีนะครับ!” คนไม่ดีที่ไหนจะหน้าตาดี ขนาดนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย! กู้เจ๋ออวี่ทำท่าเสยผม เหมือนที่เขาชอบโพสต์อ่อยสาวแล้วไม่เคยพลาด
“งั้นคุณก็ไปซะทีสิ” เฉียวอวี่ถงยืนนิ่ง
กู้เจ่ออวี่กระตุกยิ้มมุมปาก
คิดในใจอยู่ครู่หนึ่งว่า “เฉียวอวี่ถงที่มากับเจ้าตัวน้อยนี่ ช่างน่าสนใจจริงๆ”
เสี่ยวจิ่นก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าฉินลี่เยี่ย
ฉินลี่เยี่ยเป็นคนที่มีนิสัยเข้มงวด แม้ว่าเขาจะยังโกรธอยู่ แต่ก็น้อยลงไปแล้ว
“เงยหน้าขึ้น”
เสี่ยวจิ่นค่อยๆเงยหน้าที่ดูเศร้าสร้อยขึ้นมา
“เธอทำยังไงกับลูกบ้าง?”
“หม่ามี้ก็ต้องทำดีกับผมอยู่แล้วน่ะสิ” เมื่อพูดถึงเฉียวอ วี่ถง เสี่ยวจิ่นก็ดูผ่อนคลายลงไปมาก “ผมชอบเธอมาก!”
ฉินลี่เยี่ยพยักหน้ามองไปยังทิศทางที่เฉียวอวี่ถงเพิ่งออก
ไป
“ไปเถอะ พวกเราไปหาเธอกัน”
เสี่ยวจิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองคืนมา อย่างรวดเร็ว “ถ้างั้นป่าปี๊ตกลงจะพาหม่ามี้กลับบ้านแล้ว ใช่มั้ย?”
เขาพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ถ้าเธอยอม”
เขาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเฉียวอวี่ถงซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลาย ครั้ง เนื้อหาข้างในนั้นละเอียดยิบ ตั้งแต่เรื่องโรงเรียน อนุบาลที่เธอเคยเรียน คนที่เธอมีปัญหาด้วยตอนเรียน ประถม คนที่นั่งโต๊ะติดกันในโรงเรียนมัธยม ไปจนถึง กิจกรรมที่เธอเข้าร่วมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย….
เขากลัวว่าเฉียวอวี่ถงคนนี้จะมีที่มาที่ไปที่ไม่ชัดเจน
เป็นความจริงที่ว่าเธอดูไม่เหมาะสําหรับคนที่จะมาเป็น ภรรยาของเขา แต่เสี่ยวจิ่นชอบเธอ และอาจจะไม่ได้มี เพียงแค่เสี่ยวจีนที่ชอบ….
“เยี่ยมไปเลยครับป่าปี้!”
“ป่าปี๊ หม่ามี้เองก็คิดถึงป่าปี๊นะ พวกเราก็เลยพากันมา ที่นี่” ถ้าเฉียวอวี่ถงได้ยินเรื่องนี้จะต้องโกรธเขามากแน่ๆ เธอจะไปคิดถึงเขาได้ยังไงกัน แต่เขาก็ไม่ทนไม่ได้ที่จะ ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป คิกคิก
“หม่ามี้!”
“ลุงกู้!”
“เสี่ยวจิ่น ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน เธอมีแม่แล้วเหรอ” กู้ เจ๋ออวี่คุยอยู่กับเสี่ยวจิ่น แต่ดวงตาไปตกอยู่ที่ฉินลี่เยี่ย
เฉียวอวี่ถงเข้าใจว่าพวกเขารู้จักกัน แต่เมื่อกู้เจ๋ออวี่และ ฉินลี่เยี่ยมายืนอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้ว ช่างเห็นความแตก ต่างระหว่างคนรวยกับคนจนได้ชัดเจนจริงๆ
เฉียวอวี่ถงเองก็ถือกำเนิดขึ้นมาจากคนที่ร่ำรวยพอ สมควร จึงยังมีแนวความคิดแบบนี้หลงเหลืออยู่บ้าง
ฉินลี่เยี่ยจะมีเพื่อนที่ร่ำรวยเช่นนี้ได้อย่างไร
“ไปกันเถอะ” ฉินลี่เยี่ยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น จูงมือไปข้าง ละคน
“แล้วงานของคุณล่ะ”
“เลิกงานแล้ว”
“แต่……”
กู้เจ่ออวี่ตะโกนไล่หลังพวกเขามาว่า “ลี่เยี่ย ไม่คิดจะ แนะนำพวกเราให้รู้จักกันหน่อยเหรอ”
แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆทั้งสิ้น
พอเจอหน้าภรรยาก็ลืมพี่ลืมน้อง คงมีแต่น้องที่ดีอย่าง เขาเท่านั้นแหละที่ทำใจได้
“เสี่ยวจิ่น กู้เจ่ออวี่เป็นอะไรกับพ่อของหนูเหรอ?” สมอง ของเฉียวอวี่ถงเต็มไปด้วยเซลส์ซุบซิบนินทา จนต้องถาม หาคําตอบ ”
เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อของหนูเหรอ แล้วเขาดีกับ หนูรึเปล่า?”
ความสงสัยที่ว่าฉินลี่เยี่ยอชอบผู้ชายเหมือนกัน เพิ่มมาก ขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งวันนี้ได้เห็นปฏิกิริยาที่กู้เจ๋ออวี่มีต่อเธอ ก็ยิ่งทำให้ สงสัยมากขึ้น
“ใช่ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน” เสี่ยวจิ่นตอบตาม ตรง “แล้วลุงกู้ก็ดีกับผมมากด้วย”
“นั่นสินะ ฉันเดาไม่ผิดเลยจริงๆ” เฉียวอวี่ถงคิดไปเองอย่างมีความสุข ที่ได้ค้นพบกับความลับที่ยิ่งใหญ่
“อะไร? เดาอะไร?” เสี่ยวจิ่นดึงแขนเสื้อของเฉียวอวี่ถง ไว้แน่น
แน่นอนว่าเฉียวอวี่ถงไม่สามารถพูดถึง “การคาดเดา” ที่ โหดร้าย ให้เสี่ยวจิ่นฟังได้ สภาวะทางจิตใจของเด็ก ยัง ไม่บรรลุนิติภาวะ
จะต้องได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง เพราะเสี่ยวจีน เรียกเธอแม่ เธอจะต้องทำหน้าที่ของแม่ให้ดี!
“ไม่มีอะไร ฉันแค่จะบอกว่าเพื่อนของพ่อหนูหล่อมาก”
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ฉินลี่เยี่ยก็เดินเข้ามาในห้องครัว พร้อมกับอาหารและได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี
“เสี่ยวจิ่นเป็นเด็กผู้ชาย คุณไม่ควรสอนให้เขาเป็นคน โง่!” กลิ่นความอิจฉาลอยตลบอบอวล เขาเองก็หล่อมาก นะ รู้ไว้ซะด้วย
“ป่าปี๊ ป่าปี่กำลังอิจฉาที่เขาหล่อกว่าเหรอ!”
ฉินลี่เยี่ยถอนหายใจ ก็ได้ เขายอมรับว่าคนอื่นหล่อกว่า แต่เขาไม่ยอมรับว่าเขาอิจฉา
“กินข้าว!”
เฉียวอวี่ถงในที่สุดแล้วก็โล่งใจ เพราะไม่ต้องมาคอย กังวลเรื่องอาหารสามมื้ออีก ซึ่งก็ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว
ทันทีที่ฉินลี่เยี่ยเข้าครัว เขาก็เห็นถุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และกล่องฟาสต์ฟู้ดในถังขยะเต็มไปหมด ไม่จำเป็นต้อง ถามก็รู้ว่าวันนี้พวก
เขากินอะไรไปบ้าง
“คุณทําอาหารไม่เป็นเหรอ” ไม่ได้อยากจะถามนักหรอก แต่นี่มันเป็นทักษะพื้นฐานในการใช้ชีวิตไม่ใช่เหรอ
เฉียวอวี่ถงไม่สะดุ้งสะเทือน
“ใครบอก!”
“ถ้านับการต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่าเป็นการทำอาหาร ถ้า งั้นคุณก็ทำอาหารเป็นสินะ!” ฉินลี่เยี่ยตอกกลับมาอย่าง เย็นชา
เฉียวอวี่ถงแทบจะโยนตะเกียบลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดิน กลับห้องไปซะเดี๋ยวนี้ แต่พอลองคิดไปคิดมาดูแล้วว่าต่อให้เธอเดินออกไป
ฉินลี่เยี่ยก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่ดี เธอจึงล้มเลิกความ คิดที่อยากจะเอาชนะนี้ไปเสีย
สู้กินให้เต็มที่ไปเลยดีกว่า
“อ๊ะ! ฉันจะสายแล้ว!” เฉียวอวี่ถงคว้าเสื้อผ้าที่แขวนเอา ไว้แล้วรีบร้อนออกไป “ฉันต้องไปทำงานแล้ว! คุณดูแล เสี่ยวจิ่นให้เขาอาบน้ำ
แล้วก็เข้านอนเลยนะ!”
“เธอไปทำงานทุกคืนเลยเหรอ?”
เสี่ยวจิ่นพยักหน้าอย่างแรง
หลังจากที่เสี่ยวจิ๋นหลับไปแล้ว ฉินลี่เยี่ยก็โทรหากู้เจ่ออ
“ไง”
เฉียวอวี่ถงเพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยและหนีออกมาจากตระกูลเฉียว เธอจึงไม่ได้ไปหางานดีๆทำ เธออาจ จะไม่ชอบ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะกลัวว่าตระกูลเฉียว จะรู้?
เธอเคยขายรองเท้า จากนั้นก็ไปขายเสื้อผ้า แล้วตอนนี้ ล่ะ?
สิ่งหนึ่งที่ฉินลี่เยี่ยไม่รู้ตัวเลยก็คือ นับวันเขายิ่งสนใจใน ตัวของเฉียวอวี่ถงมากขึ้นเรื่อยๆ
“บาร์เหรอ?” ฉินลี่เยี่ยตกใจมาก
ตอนนี้เฉียวอวี่ถงเชียร์ขายไวน์ที่บาร์!
ฉินลี่เยี่ยรู้สึกไม่สบายใจ บาร์เป็นสถานที่เพื่อความ บันเทิง ผู้หญิงที่ทำงานที่นั่นต้องทนทุกข์จากการถูกเอา เปรียบ
พอคิดได้อย่างนั้น เข็มนาฬิกาก็ชี้บอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว
แสงสียามค่ำคืนยังคงดำเนินต่อไปและเฉียวอวี่ถงก็ยังไม่เลิกงาน
uns Intoxicated
เช่นเดียวกับชื่อของมันที่สะท้อนให้เห็นถึงความลุ่มหลง มัวเมาในแสงสีศิวิไลซ์ยามค่ำคืน
แสงนีออนกระพริบวิบวับ มีผู้คนมากมายเข้ามาและออก ไป ผู้คนที่เดินเข้ามาล้วนแต่ถูกขับเคลื่อนด้วยไฟแห่ง ความปรารถนา
ส่วนคนที่เดินออกไปก็โซเซไปมาด้วยฤทธิ์ของน้ำเมา
ฉินลี่เยี่ยไม่ชอบที่แบบนี้เลยแม้แต่น้อยมันอึกทึก ครึกโครมมากเกินไป
แต่เดี๋ยวนี้นักธุรกิจส่วนใหญ่มักจะมาเจรจาธุรกิจกันในที่
แบบนี้
เขาสวมเสื้อผ้าดูมอซอก็จริงๆ แต่ว่ารถที่ขับนั่งมาก็เพียง พอแล้วที่จะดึงดูดเหล่าผีเสื้อราตรีพวกนี้
“สุดหล่อ ทำไมมานั่งอยู่คนเดียวล่ะ? ไปดื่มกัน” สาว สวยสุดร้อนแรงคนหนึ่งสบโอกาสเข้าหาฉินลี่เยี่ย
“ออกไป!”
“ยังมัวรออะไรอยู่อีก! เห็นคุณแล้วนึกถึงแม่ขึ้นมาเลย!” ผู้หญิงคนนั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธแค้น!
คนเก่าไปคนใหม่ก็เข้ามา “สุดหล่อ รอใครอยู่เหรอ?” เทียบกันแล้วผู้หญิงคนนี้ดูมีจริตจะก้านน้อยกว่า
“ให้ฉันนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณนะ” เธอคิดว่าฉินลี่เยี่ยเป็น คนขับรถ เพราะเขาแต่งตัวดูไม่เหมือนกับคนที่จะเป็น เจ้าของรถเฟอร์รารี่เลย
ตอนนั้นเองฉินลี่เยี่ยก็สังเกตเห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่หน้า ประตู บาร์ Intoxicated
“เฉียวอวี่ถง!”
เฉียวอวี่ถงได้ยินเสียงเรียกจึงหันไปมองรอบๆ เธอเพิ่ง จะมาทำงานที่นี่แค่สองสามวัน ไม่น่าจะมีใครที่นี่รู้จักเธอ!
เมื่อฉินลี่เยี่ยเดินเข้ามาใกล้ เฉียวอวี่ถงจึงเพิ่งสังเกตเห็น
“คุณมาทำอะไรที่นี่?”
“ขึ้นรถ!”
“ห้ะ?” เฉียวอรี่ งไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า นี่มัน เฟอร์รารี่นี่นา ดินเยี่ยรวยภายในชั่วข้ามคืนงั้นเหรอ?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ