หมอยเยอดดวงใจ

บทที่ 15 หน้าเตียงคนไข้



บทที่ 15 หน้าเตียงคนไข้

หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้น ก็ได้พบกับแววตาอันแสนอ่อนโยน และเป็นห่วงของฉู่หมิง เข้า

“ อยากนั่งพักสักครู่ก่อนหรือไม่?” ฉู่หมิงชุ่ยเอ่ยถาม

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า รีบดึงมือออกจากการช่วยประคอง นั้นอย่างไม่รู้ตัว “ไม่ต้องหรอก ขอบคุณมาก”

อ๋องฉี หมู่เหวินชิงหันกลับมามองหน้าของหยวนชิงหลิ งด้วยสายตาไม่พอใจ จากนั้นจึงพูดกับฉู่หมิงชุ่ยว่า “กับคน พรรค์นี้ จะต้องไปสนใจทำไมกัน?”

ฉู่หมิง ยกลับไปยืนเคียงข้างอ๋องฉีอีกครั้ง ก่อนจะกวาด สายตาไปมองดูหยวนชิงหลิงนิ่ง ๆ แวบหนึ่ง นางมีท่าที ประหลาดใจเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อย่างไรก็ ครอบครัวเดียวกันนะเพคะ”

“เจ้าน่ะใจดีเกินไปแล้ว” อ๋องฉีกุมมือฉู่หมิงชุ่ยแน่น ยามที่ทั้ง สองยืนเคียงคู่กัน ช่างดูราวกับเทพเซียนจากสรวงสวรรค์คู่ หนึ่งเลยทีเดียว

จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็รู้สึกถึงไอเย็นสายหนึ่งแผ่กระจายเข้ามา หาอย่างรุนแรง ซึ่งไอเย็นที่ว่านี้ แผ่มาจากร่างของหมู่เหวิน เห้านั่นเอง
คนในใจของตัวเอง ยืนอยู่ข้างกายผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ เขาทําไมจะไม่ทำให้เขารู้สึกทั้งเสียใจทั้งโกรธแค้นกันล่ะ ? หยวนชิงหลิงคิดแบบนั้นในใจ

ในส่วนพระตำหนักชั้นใน แว่วเสียงร้องไห้ดังมาให้ทุกคน ได้ยิน

ทุกคน ณ.ที่นั่นต่างตื่นตระหนก รีบหันไปมองที่ประตูโดย พร้อมเพรียงกัน

ผ้าม่านถูกม้วนเปิดออก มีขันทีผมขาวโพลนคนหนึ่งเดินออก มา ดวงตาของเขาแดงก่ำและบวมช้ำ สีหน้าอิดโรยซีดเซียว ดูท้อแท้สิ้นหวังอย่างยิ่ง เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ฝ่า บาททรงมีรับสั่ง ขอเชิญท่านผู้หญิง ท่านอ๋อง และพระชายา ทุกพระองค์เข้าเฝ้าในต่าหนักพ่ะย่ะค่ะ ”

คนผู้นี้คือ กงกง ขันที่ผู้รับใช้เบื้องพระบาทไท่ซางหวงมา ถึงสี่สิบห้าปีเต็มๆ

สีหน้าของทุกคนพลันแลดูโศกสลด เคร่งเครียดหนักอึ้งจม ดิ่งกันทันที พวกเขาเดินตามลีกงกงเข้าไปในพระตำหนัก แต่ละก้าวที่เดินไปแผ่วเบาอย่างยิ่ง กระทั่งแรงที่ใช้หายใจก็ ยังแทบจะเป็นการกลั้นใจเดินกันเลยทีเดียว

หยวนชิงหลิงเดินตามหลังหยู่เหวินเห้าไปเงียบ ๆ พยายาม ควบคุมอาการวิงเวียนศีรษะของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความ สามารถ
ในพระตำหนัก มีคนหลายคนอยู่ในนั้นก่อนแล้ว

ไทเฮากับฮ่องเต้ทรงประทับนั่งอยู่ที่ข้างแท่นบรรทม ฮองเฮา ก็ทรงประทับอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยเช่นกัน บรรดาพระเชษฐา พระอนุชา ของไท่ซางหวงซึ่งมีลำดับชั้นยศท่านอ๋องทั้งหลาย ต่างก็พากันกลับมาที่ราชสำนักนานแล้ว พวกเขาเข้าวังมา ตั้งแต่เมื่อวาน และอยู่ยาวในพระตำหนักส่วนในจนถึงตอนนี้

หมอหลวงเกือบทั้งหมดในวัง ต่างมายืนเรียงรายเป็นสอง แถวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

หยวนชิงหลิงแอบชำเลืองดู เห็นแค่ผ้าม่านสีทองถูกที่ถูก ม้วนขึ้น มีชายชราใบหน้าเหี่ยวย่นนอนอยู่บนเตียงไม้จันทน์ ขนาดใหญ่ หมอนที่หนุนนั้นสูงมาก เขาอ้าปากกว้างเพื่อ พยายามสูดลมหายใจเข้าไป ปากของเขาดูน่ากลัวดั่งหลุม ดำ เบ้าตาลึกโบ๋

เสียงร้องไห้ที่ดังมา เป็นเสียงขององค์ไทเฮานั่นเอง พระนางประทับนั่งอยู่บนขอบพระแท่น สวมชุดคลุมสีม่วง หลวม ๆ เห็นได้ชัดว่าพระนางซูบผอมบอบบางอย่างยิ่ง

นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา แม้จะพยายามกลั้นน้ำตาอย่าง สุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นดังลอดออกมาให้ ได้ยินอยู่

เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้ามาแล้ว นางก็เงยหน้าขึ้นน้ำตาเอ่อท้นออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ พูดด้วยน้ำเสียงขลุกขลัก อยู่ในลำคอว่า “ทุกคนจงคุกเข่าลง น้อมส่งเสด็จปู่”

ทุกคนพากันคุกเข่าลง หยวนชิงหลิงเองก็คุกเข่าลงด้วยเช่น กัน

สุนัขตัวเล็กๆตัวหนึ่ง มุดจากนอกพระตำหนักเข้ามา ส่ง เสียงครางหงิงๆพลางตะเกียกตะกายขึ้นไปบนแท่นบรรทม ของไทางหวง ไม่มีใครเข้ามาหยุดหรือรั้งมันไว้

นับตั้งแต่ไท่ซางหวงทรงเลี้ยงลูกสุนัขตัวนี้ ก็มองมันเป็นดั่ง สมบัติล้ำค่าในสายพระเนตรมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ทรงทอด พระเนตรเห็นมัน พระองค์ก็จะทรงสำราญพระทัยเป็นอย่าง ยิ่ง เจ้าลูกสุนัขตัวนี้ เคยแอบหนีออกจากวังไปสองสามวันไม่ ยอมกลับ ไท่ซางหวงก็ทรงไม่ยอมเสวยพระกระยาหารเป็น สองสามวันด้วยเช่นกัน

ครั้นไท่ซางหวงทอดพระเนตรเห็นลูกสุนัขตัวนั้น พระองค์ ที่เดิมทีแค่จะหายใจก็ยังล่ามากพลันกลอกดวงเนตรขึ้น สี พระพักตร์เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมีเมตตาขึ้นมาหลายส่วน ยก พระหัตถ์ขึ้น ลูบไปที่ลูกสุนัขซึ่งนอนขดตัวอยู่ข้างๆแท่น บรรทมของพระองค์

ในพระตำหนัก มีเพียงเสียงของเจ้าสุนัขตัวน้อยนั่นดังก้อง

ไปมาไม่หยุด

หยวนชิงหลิงกลับรู้สึกราวกับว่าถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ก็ไม่ปาน ร่างทั้งร่างนางแข็งทื่อ ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างทำอะไร ไม่ถูก

นางถึงกับเข้าใจความหมายของเสียงเห่าของเจ้าลูกสุนัขตัว นั้น ว่าเจ้าลูกสุนัขตัวนั้นกำลังคร่ำครวญถึงเจ้านายที่กำลังจะ จากมันไป

นางได้รับความสามารถพิเศษนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่? นาง สามารถเข้าใจภาษาสุนัขได้อย่างนั้นหรือ?

ไท่ซางหวงลูบเจ้าลูกสุนัขตัวนั้นด้วยพระหัตถ์อันสั่นเทา จากนั้นก็ค่อย ๆ หันพระพักตร์ไปทอดพระเนตรฮ่องเต้ แม้ว่า ๆ จะไม่อาจตรัสอะไรออกมาได้ แต่ทว่า ในสายพระเนตรของ พระองค์ก็แสดงชัดถึงการกล่าวอ้าลาเป็นครั้งสุดท้าย

ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงเข้าพระทัยในความหมายของไท่ซาง หวง รีบตรัสขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “เสด็จพ่อโปรดทรงวาง พระทัย หม่อมฉันจะดูแลฝูเป่าเป็นอย่างดีแน่นอนค่ะย่ะค่ะ”

ไท่ซ่างหวงทรงแย้มสรวลอย่างพอพระทัย ทอดพระเนตร มองไปยังเจ้าลูกสุนัขเป่า หายใจได้อย่างราบรื่นผ่อนคลาย กว่าเมื่อครู่มาก

ไทเฮาตรัสถามด้วยสุรเสียงอู้อี้ในลำคอว่า “ไท่ซ่างหวง บรรดาโอรสราชนัดดาของท่าน ล้วนมาอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว พระองค์จะไม่ทรงทอดพระเนตรสักหน่อยหรือเพคะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ