หมอยเยอดดวงใจ

บทที่ 13 เข้าวัง



บทที่ 13 เข้าวัง

กล่องเล็ก ๆ ขนาดประมาณครึ่งกำปั้นนั้นไม่ใช่อะไรอื่น แต่ เป็นกล่องยาที่หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยต่อหน้าต่อตานางใบ นั้นนั่นเอง

ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ทําไมกล่องยาถึงสามารถหด จนเล็กลงขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังมาซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของนาง ได้ล่ะ?

ร่างกายที่ชาติกของหยวนชิงหลิง พลันบังเกิดอาการขนลุก ซู่ขึ้นมาชั่วขณะ

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านหลังของนาง หยวนชิงหลิงรีบยัด กล่องยาเล็ก ๆ นั่นกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที

“ข้าน้อยจะส่งพระชายาออกไปนะเพคะ” ลู่หยาช่วยพยุงนาง “ข้าน้อยจะขอร้องท่านอ๋อง จะขอให้ข้าได้เข้าไปในวังพร้อม กับท่านเพคะ”

หยวนชิงหลิงสับสนจนสติหลุดแล้ว นางฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าลู่ หยาพูดอะไร เพียงแค่พยักหน้ารับไปอย่างนั้น แล้วเดินตาม นางออกไป

เมื่อผ่านซุ้มประตูขึ้นไปตามทาง เดินไปตามระเบียงวนลด เลี้ยวเคี้ยวคดไปมาสักพัก ก็มาถึงยังลานหน้าจวนได้ในที่สุด
รถม้าถูกเตรียมไว้พร้อมอยู่ที่หน้าประตูแล้ว หมู่เหวินเห้าไม่ ได้นั่งอยู่ในรถม้า แต่ไปนั่งอยู่บนหลังม้าสีดำขลับตัวหนึ่ง

เขาสวมเสื้อผ้าสีม่วงเข้ม ใส่กวานหยกประดับทองคำ สีหน้า ดำคล้ำมืดทะมึนแทบจะพอ ๆ กับสภาพอากาศที่เป็นอยู่ตอนนี้ แววตาเจือความมึนตึง หงุดหงิดเหลืออดเต็มที่ เมื่อเขาเห็น ว่าหยวนชิงหลิงมาแล้ว ก็แค่ชำเลืองมองด้วยหางตาแวบหนึ่ง แล้วออกคำสั่งอย่างเย็นชาว่า “เตรียมออกเดินทางได้”

“ ท่านอ๋องเพคะ ท่านต้องการให้ข้าน้อยตามเข้าวังไปด้วย หรือไม่เพคะ?” ลู่หยาฝืนทำใจแข็ง เงยหน้ากลั้นใจถามออก ไปประโยคหนึ่ง

หยู่เหวินเท้าปรายตามองลู่หยาแวบหนึ่ง ค่อยพูดขึ้นว่า ” ก็ดี เผื่อว่าไทเฮาทรงตรัสถามเกี่ยวกับเรื่องร่วมหอจะได้ให้เจ้า เป็นพยานได้”

ที่หน้าประตูจวน มีคนรับใช้นับสิบที่รอร่วมทางเข้าวังไป พร้อมกันในหมู่พวกเขามีทั้งหยางอยู่ในนั้นด้วย หมู่เหวิน เห้าพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาต่อหน้าพวกเขา โดยไม่สนใจ แม้แต่น้อยว่าหยวนชิงหลิงจะได้รับความอับอายมากแค่ไหน

หยวนชิงหลิงไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ออกมาแม้แต่น้อย กล้าม เนื้อในร่างนางแทบจะแข็งเป็นหินไปหมดแล้ว ต่อให้เป็นเรื่อง ที่น่าอับอายยิ่งกว่านี้ นางก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้อยู่ดี ว่านางอับอาย
ลู่หยาช่วยพยุงนางเข้าไปนั่งในรถม้า ชั่วขณะที่ผ้าม่านถูก ลดลงมา นางเงยหน้าขึ้น จึงได้เห็นแววตาที่แสดงความ เกลียดชังของหยูเหวินเท้า รวมถึงสายตาจากบรรดาคนรับ ใช้ในจวนที่มองมาที่นาง ซึ่งแสดงออกชัดเจนอย่างมากว่า รู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของนางอย่างสุดแสน

นางหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ คำพูดประโยคนั้นของห ยู่เหวินเท้า ดังก้องไปมาอยู่ในหูของนางอีกครั้ง

เจ้าของร่างเดิมหยวนชิงหลิง เป็นคนที่สวยมาก หมู่เหวิน เห้าต้องเกลียดชังนางมากขนาดไหน ถึงได้ต้องกินยาปลุก ก่อนถึงจะสามารถร่วมหอกับนางได้?

สิ่งนี้สำหรับเจ้าของร่างเดิมแล้ว มันจะสร้างความอับอายให้ นางได้มากมายขนาดไหนกันนะ?

ไม่น่าแปลกที่นางจะฆ่าตัวตาย

ระหว่างการเดินทาง นางพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ จิตใจให้มั่นคง แล้วค่อยๆทำความเข้าใจกับความทรงจำของ เจ้าของรางเต็ม

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วลืมตาขึ้น

ในที่สุด

แท้ที่จริงแล้ว การที่หมู่เหวินเท้าเกลียดชังนางมากถึงขนาด

นี้ มันมีเหตุผลของมันอยู่
เจ้าของร่างเดิมผู้นี้ใช้คำว่าลุ่มหลงพร่ำเพ้ออย่างดื้อด้านมา อธิบาย ก็ฟังดูไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ในปีที่นางอายุครบ สิบสาม เกิดได้พบกับหมู่เหวินเท้า ก็ลั่นสาบานเอาไว้ว่าจะ แต่งให้เขาให้จงได้ หากว่าทั้งสองรักใคร่ใจเป็นหนึ่งเดียวกัน มันก็คงเป็นเรื่องราวอันงดงามลงตัวไปแล้ว แต่ในความเป็น จริง คนที่หมู่เหวินเห้ามีใจรักใคร่ชอบพออยู่ คือฉู่หมิงชุ่ย แห่งตระกูลฉู่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตนต้องการ เจ้าของ ร่างเดิมวางแผนใส่ความหมู่เหวินเห้าในงานเลี้ยงวันพระราช สมภพของเจ้าหญิง ว่าเขาทำเกินเลยต่อนาง ด้วยชื่อเสียง ของผู้หญิงนั้นสำคัญกว่าทุกสิ่ง เจ้าหญิงจึงทูลรายงานเรื่อง นี้ต่อองค์ฮ่องเต้ ทำให้หยู่เหวินเห้าต้องตัดใจจากผู้หญิงที่ตน รัก แล้วมาแต่งนางเป็นภรรยาด้วยความจําใจ

จนมาวันนี้ การสถาปนาตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทยังไม่ ได้กำหนดชัด ในวัยเยาว์ หมู่เหวินเห้าก็นับว่ามีชื่อเสียงเลื่อง ล็อไม่น้อย ประกอบกับเคยต่อสู้ในสนามรบแล้วสร้างผลงาน เอาไว้ได้ดี เดิมทีฝ่าบาททรงให้ความสําคัญกับเขามาก แต่ เมื่อเวลานี้ชื่อเสียงของเขาถูกทำลายป่นปี้ไปหมดแล้ว การจะ ได้เลื่อนขึ้นเป็นรัชทายาท จึงแทบจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจเกิดขึ้น ได้อีกต่อไป

ทั้งทําลายอนาคต ทั้งไปสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างคนที่รัก มันจะไม่กลายเป็นความผิดอันมีโทษมหันต์ได้อย่างไรกันเล่า? ไม่น่าแปลกใจเลยที่หมู่เหวินเห้าจะเกลียดนางจนลึกถึงกระดูก ขนาดนี้ ถึงกับใช้ทุกวิถีทางมาทำให้นางต้องอับอายอย่าง ถึงที่สุด
หยวนชิงหลิงหนอหยวนชิงหลิง วิบากกรรมของเจ้าตอนนี้ มันเพราะเจ้าทำตัวเจ้าเองแท้ๆ

ระหว่างการเดินทาง หูก็ได้ยินเสียงเกือกม้าที่เหยียบย่ำเป็น จังหวะถี่ๆ หยวนชิงหลิงรู้สึกเพียงว่าหัวใจของนางชาหนึบ และเย็นเยียบไปหมด การเกิดใหม่ในอีกโลกหนึ่งที่แตกต่าง ไป มันทำให้นางขมขื่นเคว้งคว้างอย่างยิ่ง นางไม่รู้ว่าควรจะ ต้องทำอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง

นางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ ลูบไล้ กล่องยาที่จู่ๆก็หดเล็กลงใบนั้น มันทำให้นางรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา ได้บ้าง

ลมพัดแรงมาก มันพัดจนผ้าม่านสะบัดเปิดออก นางเห็น แผ่นหลังที่ดูแข็งแรงกาย เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของห ยู่เหวินเห้าที่กำลังขี่ม้าอยู่ด้านหน้า เส้นผมดำขลับสวมกวาน หยกประดับทองคำ ส่องแสงระยิบระยับจากแสงตะวันที่สาด ฉายมากระทบ

คนคนนี้ อย่างน้อยในช่วงเวลาสั้น ๆ ช่วงเวลานี้ คงจะกลาย เป็นฝันร้ายของนางไปช่วงเวลาหนึ่งเลยทีเดียว

นางค่อยๆก่าหมัดจนแน่น หากนางไม่สามารถหลุดพ้นจาก สถานการณ์นี้ไปได้ นางก็คงเหลือแค่หนทางตายสถานเดียว แน่แล้ว ดังนั้น นางจึงไม่อาจมัวจมจ่อมอยู่กับความอ่อนแอ หรือความตื่นตระหนกต่อไปได้อีกแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ