4 แรกพบ
“เมื่อครูท่าทางเธอดูอึดอัดใจนะมิราที่ได้เจอกับเจ้าชาย อานัม” วิวาห์พูดขึ้นเบาๆ เมื่อทั้งสองสาวก้าวผ่านประตูเข้ามา ภายในแล้ว ความรู้สึกสงสัยที่มีอยู่ภายในใจ บดบังความรู้สึกที่ ควรจะตื่นเต้นกับความงดงามของพระราชวังหินอ่อนไปได้ไม่ น้อยเลยทีเดียว มีราหันมามองหน้าเธอพลางพูด
“ใช่ ฉันอึดอัดใจที่เราเจอกับเจ้าชายอาม เอาไว้ฉันจะเล่า เหตุผลให้เธอฟังทีหลังนะวิวาห์ ตอนนี้เรารีบไปหาท่านอาของฉัน ก่อนดีกว่า” พูดจบมิราก็จูงมือเธอเดินผ่านเขตพระราชฐานชั้น นอกเข้าไป จนกระทั่งถึงเขตพระราชฐานชั้นใน แล้วหญิงสาว หน้าตาสวย รูปร่างสูงเพรียวในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าสีฟ้า คนหนึ่ง ก็ก้าวเข้ามาหาทั้งสองสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที พลางกล่าวคำทักทายมิราเป็นภาษาพื้นเมือง
“สวัสดีค่ะคุณมิรา”
“สวัสดีค่ะคุณอันน่า มารอเราหรือคะ” มิราทักทายและถามอีก ฝ่ายกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน
“ค่ะ จาฟาโทรศัพท์ขึ้นมารายงานว่า คุณมิราผ่านด่านตรวจ ขึ้นมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว พระสนมเอกเป็นห่วงเลย ให้ฉันออกมาดูค่ะ” อันน่าตอบ
“เราเจอขบวนของเจ้าชายอานันพอดีค่ะ เลยเสียเวลาพอควร มิราอธิบาย อันน่าจึงพยักหน้าเป็นเชิงว่ารับรู้ ก่อนที่มิราจะ แนะนำให้วิวาห์กับอันน่าได้รู้จักกันด้วยภาษาอังกฤษ
“ขอแนะนำก่อนนะคะ วิวาห์จะนคุณอันน่าหัวหน้านางกำนัล ประจำตำหนักท่านอาของฉันจะคุณอันน่าคะนวิวาห์เพื่อนฉันที่ เดินทางมาจากต่างประเทศค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณอันน่า” วิวาห์พูดพลางก้มศีรษะให้อีกฝ่ายก่อน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นรุ่นพี่เธอกับมิรา อันน่าก้มศีรษะให้ เธอเช่นกัน พลางกล่าวยิ้มๆ เป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว และชัดเจน
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณวิวาห์ ได้ยินคุณมิราพูดถึงคุณ เสมอเลยนะคะ”
“อย่าเชื่อมรามากนักนะคะ บางทีเค้าก็ชื่นชมฉันมากเกินไป ค่ะ” วิวาห์บอกหญิงสาวรุ่นพี่ยิ้มๆ อันน่าเลยยิ้มกว้างกว่าเดิม ก่อนพูดขึ้น
“ไม่มากเกินไปหรอกค่ะ เพราะอย่างหนึ่งที่เป็นความจริงก็คือ คุณสวยมากอย่างที่คุณมิราบอกจริงๆ
“ขอบคุณมากค่ะ” วิวาห์กล่าวขอบคุณหญิงสาวรุ่นพี่อย่าง
เขินๆ
“เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพระสนมเอกจะเป็นห่วงที่
ฉันพลอยหายไปอีกคน
อันน่าบอกแล้วเดินน่าสองสาวผ่านประตูพระราชฐานชั้นใน เข้าไป เมื่อเข้ามาถึงด้านในวิวาห์ก็เห็นพวกนางกำนัลเดินกัน ขวักไขว่ แตกต่างกับเขตพระราชฐานชั้นนอกที่มีแต่ทหารยืน รักษาการณ์อยู่เต็มไปหมด พวกนางกำนัลที่เดินผ่านสามสาวต่าง ก็พากันก้มศีรษะให้มิรากับอันน่า บ่งบอกให้รู้ว่าหญิงสาวทั้งสอง อยู่ในฐานะที่สูงกว่าคนอื่นๆ มากพอควรทีเดียว
วิวาห์มองดูอุทยานดอกไม้นานาพันธุ์ที่ปลูกประดับเอาไว้ ตลอดสองข้างทางด้วยความเพลิดเพลิน แล้วก็เผลอหยุดยืนมอง ฝูงนกยูงนับสิบตัวที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางอุทยานดอกไม้อย่าง ตื่นตะลึง แต่เมื่อเธอถอนสายตามาจากฝูงนกยูงหญิงสาวก็พบว่า มิราและอันน่าหายไปเสียแล้ว
ไกด์สาวหันซ้ายหันขวาเพื่อจะมองหาใครสักคน ให้เธอซักถาม ได้ แต่ก็ไม่มีใครเดินผ่านมาเลยสักคนเดียว หญิงสาวนึกบ่นว่า ตัวเองอยู่ในใจที่สะเพร่าจนเดินพลัดหลงกับมิราและอันน่า เมื่อ หาใครเป็นที่พึ่งไม่ได้เธอจึงตัดสินใจเดินไปตามทางหินอ่อนจนกระทั่งมาเจอทางแยกสามทาง
“ตายล่ะ! จะไปทางไหนดีล่ะเนี่ย” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจเดินไปตามทางแยกทางด้านซ้ายมือ พลางนึกหวังอยู่ภายในใจ ขอให้มิรารู้ว่าเธอหายไปแล้วรีบออก มาตามหาทีเถอะ เพราะการเดินหลงทางอยู่ภายในพระราชวัง ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยสักนิดเดียว เกิดพวกทหารมาเจอ แล้ว เข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้บุกรุกมีหวังเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
วิวาห์เดินผ่านซุ้มประตูโค้งเข้าไป แล้วก็เห็นอุทยานดอกไม้อีก จนได้ หญิงสาวยิ้มกับตัวเองพลางนึกอยู่ในใจว่า พวกชาววัง คงจะชอบดอกไม้กันจริงๆ เพราะเธอเห็นมีอุทยานดอกไม้เต็มไป หมด แต่อุทยานนี้แตกต่างจากอุทยาน
อื่นๆ ตรงที่มีนกอินทรีตัวใหญ่ท่าทางน่าเกรงขามเกาะอยู่บน คอนไม้ใกล้กับศาลาไม้เล็กๆ และที่ด้านข้างศาลายังมีบึงน้ำ ขนาดใหญ่อีกด้วย เมื่อหญิงสาวก้าวเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นปลา ราคาแพงหลายชนิดแหวกว่ายอยู่หลายสิบตัว
“โอ้โฮ้! ตัวละกี่แสนกันล่ะนี่ ตายไปตัวนึงเจ้าของได้หัวใจวาย แน่ๆ เลย” หญิงสาวพึมพำพูดกับตัวเองเบาๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง สุดตัว เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังเธอฟังไม่ค่อยถนัดนักว่าเขาพูดอะไรเพราะว่าเป็นภาษาพื้นเมือง ที่รัวเร็ว แต่หญิงสาวจับน้ำเสียงของคนพูดได้ว่าเขากำลังไม่พอ ใจแน่ๆ ที่เธอมายืนอยู่แถวนี้ วิวาห์จึงรีบหมุนตัวหันกลับไปทาง ด้านหลังทันที
แล้วหญิงสาวก็ต้องยืนอึ้งตะลึงงัน เมื่อพบกับชายหนุ่มหน้าตา หล่อเหลาคมเข้ม รูปร่างสูงสง่า ผิวขาวผ่อง ในชุดนายทหารยศ อะไรหญิงสาวก็สุดจะเดาได้ยืนอยู่ทางด้านหลังของเธอ เขามีดวง ตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากได้รูปสวย และมี เรือนผมสีน้ำตาลเข้มเหมือนกับสีของดวงตา ขณะนี้คิ้วเข้มได้รูป กำลังขมวดเล็กน้อยเมื่อเขาเพ่งมองใบหน้าเธอ วิวาห์ได้ยินเขา พิมพ์อะไรบางอย่างเป็นภาษาพื้นเมืองออกมาเบาๆ ทำให้หญิง สาวรู้สึกตัวว่าเธอกำลังยืนจ้องหน้าเขาอยู่
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะเดินล่วงล้ำเข้ามาแถวนี้ คือ ดิฉันมากับมิราลูกสาวของท่านนายพลอัสมา จะมาพบพระ สนมเอกแต่เดินพลัดหลงกัน ดิฉันไม่ทราบว่าจะเดินไปทางไหนดี คุณพอจะช่วยเหลือดิฉันได้มั้ยคะ”
หญิงสาวพูดรวดเดียวชนิดไม่ยอมหยุดหายใจ และภาวนาว่า ขอให้ชายหนุ่มคนนี้ฟังภาษาอังกฤษเข้าใจ เพราะท่าทางเขาก็ คงจะเป็นนายทหารที่มียศสูงไม่น้อย น่าจะพูดและฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง หญิงสาวเห็นดวงตาสี น้ำตาลเข้มของเขาไหววูบหนึ่ง สีหน้าเขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แล้วเสียงทุ้มนุ่มหนักแน่นก็เอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียง ไพเราะไม่แตกต่างจากเจ้าของภาษาเลยแม้แต่น้อย
“เชิญตามมาทางนี้ ผมจะพาคุณไปส่งที่ตำหนักพระสนมเอก เอง”
“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณเขาด้วยใบหน้ายิ้ม แย้ม และแอบถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอกที่ชายหนุ่มคนนี้พูด ภาษาอังกฤษได้แถมเก่งเสียด้วย
วิวาห์ก้าวตามหลังร่างสูงที่ออกเดินนำหน้าเธอไป ทำให้เธอมี โอกาสได้สังเกตดูชายหนุ่มตรงหน้ามากยิ่งขึ้น ผู้ชายคนนี้สูงและ ท่าทางสง่ามาก จังหวะการก้าวเดินของเขาหนักแน่นมั่นคงสมกับ เป็นนายทหารจริงๆ ดูโดยรวมแล้วบอกได้คำเดียวว่า ผู้ชายคนนี้ หล่อมาก
อ…วันนี้เธอได้เห็นคนหล่อถึงสองคนแล้ว นับตั้งแต่เจ้าชาย เออ… อานมแล้วก็ผู้ชายคนที่กำลังเดินนำหน้าเธออยู่นี่ กลับไปถึงบ้าน มิราเห็นทีต้องโทรทางไกลไปเล่าให้รสสุคนธ์ฟังเสียหน่อย พอ นึกมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อคิดว่ารส สุคนธ์จะต้องกรี๊ดลั่นแน่นอน ซึ่งเสียงหัวเราะของเธอก็เป็นผลให้คนที่เดินนำหน้าชะงักก้าวเดิน พลาง หันกลับมามองเธอด้วยแววตาฉงน
“เออ ดิฉันไม่ได้หัวเราะอะไรคุณนะคะ เพียงแต่กำลังคิดถึง เพื่อน” พูดออกไปแล้ววิวาห์ก็รู้สึกว่าช่างเป็นคำแก้ตัวที่ไม่ได้ เรื่องจริงๆ ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าคมเข้มหันกลับไปมอง ตรงตามเดิม พลางก้าวเดินต่อไปอย่างเงียบๆ หญิงสาวเลย ต้องรีบเดินตามอีกฝ่ายไป
“เจอมั้ยคะคุณอันน่า” มิราถามขึ้นอย่างร้อนใจ เมื่ออันน่าเดิน กลับเข้ามาในห้องโถงภายในตำหนักของพระสนมเอกนิลลา พร้อมกับนางกำนัลอีกสองคนที่พากันออกไปตามหาวิวาห์ สอง สาวมารู้ว่าหญิงสาวจากต่างแดนหายไป ก็ตอนที่เดินมาจนถึง หน้าตำหนักของพระสนมเอกแล้ว ดังนั้นอันน่าจึงเรียกให้นาง กํานัลสองคนกับทหารอีกสามคนไปช่วยกันตามหาวิวาห์ ส่วนม ราเข้ามาหาพระสนมเอกก่อน อันน่าส่ายหน้าพลางตอบ
“ไม่เจอเลยค่ะ ไม่ทราบว่าคุณวิวาห์เดินพลัดหลงไปทางไหน
“ถ้าอย่างนั้นเราจะทำยังไงดีล่ะคะ ป่านนี้วิวาห์คงจะตกใจแย่ แล้ว” มิราบ่นพลางเดินกลับไปกลับมาอย่างกระวนกระวายใจอยู่ ภายในห้องโถง พระสนมเอกนิลลาซึ่งนั่งอยู่บนตั่งรายล้อมด้วย นางกํานัลจึงเอ่ย น
“ใจเย็นๆ ก่อนเถอะมิราอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย รออีกสักครู่
พวกทหารต้องตามหาเพื่อนของหลานเจออย่างแน่นอนจ้ะ”
“แต่หลานเป็นห่วง เอ๊ะ!” มีรายังพูดไม่ทันจบประโยคดีก็ต้อง ชะงัก เมื่อเห็นร่างสูงสง่าในชุดนายทหารก้าวผ่านประตูห้องโถง เข้ามา ซึ่งพวกนางกำนัลต่างก็รีบพากันลุกขึ้นยืน แล้วย่อตัวลง แสดงความเคารพชายหนุ่มผู้มาใหม่อย่างพร้อมเพรียงกันทันที ทำให้หญิงสาวสวยที่เดินตามหลังเข้ามาถึงกับทำหน้าตาเหลือ หลา และมองไปรอบตัวด้วยความงุนงง
“วิวาห์!” เสียงมิราร้องเรียก ก่อนที่ร่างระหงสมส่วนจะก้าวเข้า มาจับมือวิวาห์พลางพูดยืดยาว “ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่ คุณอัน น่าออกไปตามหาเธอก็ไม่เจอ กำลังรอพวกทหารที่ออกไปตาม หาเธออยู่เลยนะ ถ้ายังไม่เจอเธอฉันจะออกไปตามหาเองแล้ว เธอคงจะตกใจมากสินะ ขอโทษนะจ๊ะที่ฉันดูแลเธอไม่ดี”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะมิรา ฉันต่างหากที่ไม่ดีเอง มัวแต่ดูอะไร เพลินเลยพลัดหลงกับเธอ โชคดีที่ไปเจอกับคุณทหารคนนี้ เค้าก็ เลยช่วยพามาส่งจ้ะ” วิวาห์บอกเพื่อนสาว
“ไปเจอวิวาห์ที่ไหนคะท่านพี่นาทีน
คำว่า “ท่านพี่นาดีน ที่มิราเรียกชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดนาย ทหารทําให้วิวาห์ถึงกับเบิกตากว้าง แทบเข่าอ่อน พลาง กบ่นว่า ตัวเองอยู่ในใจที่มีตาหามีแววไม่ มิน่าล่ะพอเดินเข้าเขตตำหนัก ของพระสนมเอก พวกทหารถึงได้ทำความเคารพกันพรึ่บพรั่บ ตั้งแต่หน้าประตู เธอเองก็หลงคิดไปว่าเขาคงจะเป็นนายทหารที่ มียศสูงมาก มันน่าเขากะโหลกตัวเองจริงๆ เลย ที่ดูไม่ออกว่า เขาคือเจ้าชาย
“เธอเดินพลัดหลงเข้าไปในเขตตำหนักของพี่” นาดีนตอบมิรา ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ตายจริง! เธอเดินไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอวิวาห์ มิน่าล่ะพวก คุณอันน่าถึงหาไม่เจอ” มิราหันมาพูดกับไกด์สาว ซึ่งตอนนี้ยัง รวบรวมสติตัวเองไม่ได้ หลังจากได้รู้ว่าชายหนุ่มที่พาเธอเดินมา ส่งถึงที่นี่คือทายาทขององค์ประมุขแห่งอัคบาชา
“ขอโทษด้วยค่ะ ทีดิฉันล่วงเกินเจ้าชาย” วิวาห์ย่อตัวลงถอน สายบัวทันทีเมื่อตั้งสติได้ ซึ่งการกระทำของหญิงสาวก็สร้าง ความงุนงงให้กับทุกคนภายในห้องเป็นอันมาก จนมิราถึงกับ ถามขึ้นว่า
“เธอขอโทษท่าน นาดีนทำไมหรือวิวาห์”
“ก็…ก็ฉันไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร นึกว่าเป็นนายทหารก็เลยไม่ได้แสดงความเคารพ” วิวาห์ตอบตามตรง ซึ่งคำ ตอบของเธอก็ทําเอามิราถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ แม้กระทั่ง ใบหน้าคมเข้มของนาดีนยังมีรอยยิ้มน้อยๆ ไม่เว้นแม้แต่พระ สนมเอกนิลลา อันน่าและเหล่านางกำนัลที่พากันแอบอมยิ้มไป ด้วย
“นาดีนไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอกจ้ะ สบายใจได้ พูดคุยกันตาม สบายเถอะนะ” น้ำเสียงนุ่มนวลของสุภาพสตรีวัยเกือบห้าสิบที่ นั่งอยู่บนตั่งเหนือยกพื้นดังขึ้น เมื่อวิวาห์หันไปมองก็พบว่า ใบหน้างดงามเปี่ยมด้วยเมตตานั้นกำลังส่งยิ้มมาให้เธออย่าง เป็นมิตร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือพระสนมเอกนิลลาอย่างแน่นอน หญิงสาวจึงรีบถอนสายบัวแสดงความเคารพสุภาพสตรีสูงศักดิ์ ทันที
“ตามสบายเถอะจ้ะ ไม่ต้องมากพิธีหรอกนะ” พระสนมเอก บอกกับหญิงสาวเสียงอ่อนโยน ก่อนหันมาทางนานแล้วเอ่ยขึ้น “นาดีนถ้าไม่มีธุระที่ไหนก็นั่งคุยกันก่อนสิจ๊ะ”
“ลูกต้องไปพบท่านลุงอัสมาครับท่านแม่” นานบอกกับ มารดาอย่างอ่อนโยน จนวิวาห์เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ก็ดู ท่าทางของเขาสิ ออกจะดูเป็นทหารที่น่าเกรงขาม แต่เวลาพูดคุย กับมารดาช่างอ่อนโยนจนคาดไม่ถึง
“พวกผู้ชายคงมีเรื่องราชการสำคัญต้องคุยกันอีกกระมัง ถ้าอย่างนั้นลูกก็ไปเถอะจ้ะ”
นานพยักหน้าแล้วก้มศีรษะให้มารดา ก่อนจะหมุนตัวก้าว ออกไปจากห้องโถง หลังจากที่ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ไปแล้ว มิราก็ จูงมือวิวาห์เดินไปนั่งบนเก้าอี้ ซึ่งตั้งเยื้องอยู่ทางด้านซ้ายของตั้ง ที่พระสนมเอกนั่งอยู่ ส่วนอันน่ากับพวกนางกำนัลต่างก็พากัน ทยอยทรุดตัวลงนั่งบนพื้นพรม
“ท่าทางจะมีเรื่องยุ่งๆ กันอยู่ อาเห็นนานเคร่งเครียดมา หลายวันแล้ว” พระสนมเอกเปรยกับมิราเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อ ให้วิวาห์ฟังรู้เรื่องด้วย มิราพยักหน้าพลางพูด
“คุณพ่อกับอาเมลก็ท่าทางแปลกๆ นะคะท่านอา แต่พอหลาน ถามก็บอกว่าไม่มีอะไร”
“จะเกี่ยวกับเจ้าชายอานัมหรือเปล่าก็ไม่รู้” พระสนมเอกรำพึง
เบาๆ อย่างครุ่นคิด
“เจ้าชายอานัมทำไมหรือคะท่านอา
ดูเหมือนว่าคำถามของมิราจะทำให้พระสนมเอกรู้สึกตัว ก่อน จะหัวเราะเบาๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ช่างพวกผู้ชายเถอะจ้ะ เราจะมาคุยเรื่องเคร่งเครียดกันทำไม เดี๋ยวหน้าแก่กันพอดี”
วิวาห์นีกชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของพระสนมเอกที สามารถเปลี่ยนเรื่องพูดคุยได้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะด้วย เหตุผลที่มีเธอซึ่งเป็นคนนอก รวมทั้งเหล่านางกำนัลนั่งอยู่ด้วย หรือจะด้วยเหตุผลอื่นใดก็ตาม แต่ต้องมีเรื่องบางอย่างเกี่ยวข้อง กับเจ้าชายอานันอย่างแน่นอน หญิงสาวบอกตัวเอง
“ผ้าไหมไทย งดงามจริงๆ งานฝีมือแท้ๆ เลย คราวหน้าถ้าม ราไปเที่ยวประเทศไทยอีก เห็นทีต้องฝากซื้อหลายๆ ผืนแล้วล่ะ” พระสนมเอกเอ่ยชมไม่ขาดปาก เมื่อวิวาห์นำผ้าไหมไทยสามผืน มอบให้ไกด์สาวยิ้มพลางถาม
“พระสนมเอกไม่อยากไปเที่ยวที่ประเทศไทยบ้างหรือคะ”
“คนแก่แล้วลำบากจ้ะ ไม่เหมือนสาวๆ อย่างมิราหรอก คล่องแคล่วกว่ากันเยอะ” พระสนมเอกออกตัวด้วยใบหน้ายิ้ม แย้ม มิราจึงแย้งขึ้น
“ใครบอกว่าท่านอาแก่คะ ยังงดงามไม่เปลี่ยนแปลงเลยซัก นิต”
“จริงด้วยค่ะ” วิวาห์สนับสนุนคำพูดของเพื่อนสาว
“แหม สองสาวนี่เข้าใจชมคนแก่นะจ๊ะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันถ้า มีโอกาส หรือถ้านาดีนมีเวลาว่างจะลองชวนไปเที่ยวประเทศไทยสักครั้ง ตอนนั้นคงต้องรบกวนให้วิวาห์ พาเที่ยวล่ะนะ”
“ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งเลยค่ะ” หญิงสาวพูดยิ้มๆ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ