บทที่ 7 เอาเธอไปขายอีกครั้ง
บทที่ 7 เอาเธอไปขายอีกครั้ง
ชั่นสวีทยาวขับรถออกไปไม่นานมือถือก็ดังขึ้น เขาหยุด รถและรับสาย
“น้องเขย นี่นายออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือยัง?” ซั่น เทียนโย่วพูดเสียงดังมาก และทางฝั่งของเขาก็เสียงดัง มาก
ซั่นสวี้หยาวขมวดคิ้วแล้วดันมือถือให้อยู่ไกลออกไปอีก หน่อย จากนั้นก็เปิดลำโพง “ยังเลย”
“ทำไมนายยังไม่ออกมาอีก? พวกเราสั่งอาหารเตรียมไว้ แล้วนะ”
“พวกนายกินเลยเถอะ!” ซั่นสวี้หยาวเหลือบมองที่ต้น ของตัวเอง “ฉันเหนื่อยน่ะ อยากจะกลับบ้านไวหน่อยเพื่อ ไปพัก”
“นายล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย? งานเลี้ยงต้อนรับที่จัดให้นาย โดยเฉพาะถูกเลื่อนไปหนึ่งเดือนแล้ว…
“เอาอย่างนี้แหละ!” เขาขัดจังหวะซั่นเทียนโย่ว แล้วซั่น สวี้หยาวก็กดวางสายไปเลยโดยตรง
แล้วนำเอกสารสองฉบับออกจากลิ้นชักตรงที่นั่งด้าน หน้ารถ ซันสวี้หยาวก้มหน้ามองดู
เอกสารสองใบนั้น หนึ่งใบคือบัตรประชาชน อีกใบคือ บัตรนักศึกษา บนเอกสารนั้นคือผู้หญิงคนเดียวกัน เป็น เด็กสาวคนหนึ่ง
เด็กสาวมองแล้วดูเด็กมาก ปล่อยผมยาวคลุมไหล่ ผมทัดไว้หลังหู หวีอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เธอไม่ได้แต่งหน้า ใบหน้าเปล่าเปลือยไร้เครื่องสําอาง ขมวดคิ้วพร้อมกับยิ้ม เผยให้เห็นฟันซี่เล็กๆที่ขาวใส ดู สะอาดสะอ้าน ยิ่งไปกว่านั้นยังดูหวานมาก
เด็กสาวคนนี้มีชื่อว่า ซูมี่หยาง ที่สง่างามมาก
ภายในปากยังมีลมหายใจที่หอมหวานของซูมี่หยางอยู่ มุมปากของซันสวี้หยาวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์แสน ชั่วร้าย
รอยยิ้มทำให้สีหน้าของเขานั้นสดใสและดูดีอย่าง
ยิ่งยวด
เขารักษาตัวอยู่หนึ่งเดือน อาการบาดเจ็บเกือบจะหาย ดีแล้ว วันนี้จึงออกจากโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อกี้นี้ในตอนที่เขากอดซูมหยาง การ เคลื่อนไหวค่อนข้างรุนแรง และตำแหน่งที่ซูมี่หยางนั่ง นั้นควรจะต้องระมัดระวัง ดังนั้นตอนนี้ต้นขาของเขาจึง มีอาการปวด ดูเหมือนว่าจะมีอาการคันจนน่าวิตกอยู่นิด หน่อย
ในดวงตามีเกิดประกายที่ไม่สามารถอธิบายอารมณ์ได้ ซันสวีทยาวกดหมายเลขและโทรออก : “ เฮ้? อาเยวียน ฉันรู้สึกเจ็บขานิดหน่อย มันอาจจะติดเชื้อไปแล้ว นายมา ที่นี่หน่อย!”
เมื่อซูมี่หยางกลับมาถึงบ้านก็แทบจะหมดแรง เพราะอีตา โรคจิตคนนั้นทำให้เธอล่าช้า ดังนั้นเธอเลยต้องนั่งแทกซี่
แต่อย่างไรก็ตามที่พักไม่อนุญาตให้รถแทกซี่เข้าสู่ บริเวณบ้านพัก เธอจึงทำได้เพียงลงจากรถที่ปากประตู ทางเข้าหลัก แล้ววิ่งกลับไปตลอดทาง
หลี่เหมยนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าโกรธจัด ในมือถือ แก้วไวน์แดง
มองเห็นหลี่เหมยวิ่งเข้ามาเหงื่อเปียกซุ่มเป็นลูกหมาตก น้ำ เธอก็เหลือบมองไปที่นาฬิกาตั้งพื้นตรงมุมกำแพงจากนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ : “แกไม่อาบน้ำมานาน แค่ไหนแล้ว ถึงเหม็นได้ขนาดนี้?”
ซูมี่หยางลดหัวลงมองด้วยสายตาที่เชื่อฟัง นอกจากยิ้ม นิดๆแล้ว ก็ไม่อธิบายอะไร
ฉันคิดว่าแกเป็นขโมย ในสายตาของฉัน แกเป็นนังหัว ขโมยตลอดไป หลี่เหมยไม่ชอบเธอ มองดูเธอยังไงก็ไม่ เจริญตา แม้ว่าเธอจะรีบกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม ก็ ผิดอยู่ดี เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรที่ไร้ประโยชน์
หลี่เหมยพอใจกับการเชื่อฟังของซูมี่หยางอย่างมาก
เธอชี้ไปที่กล่องบนโต๊ะกาแฟ “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้ตระกูลซั่นมีงานปาร์ตี้ คุณชายซั่นยังขาดหญิงสาว ในงาน”
ซูมี่หยางมองไปทางโต๊ะกาแฟ
มีกล่องใหญ่อยู่บนโต๊ะกาแฟเหมือนเดือนก่อน และ สถานการณ์ก็เหมือนกับเดือนก่อนเปี๊ยบเลย
ไม่ต้องเปิดออกดู ซูมี่หยางก็รู้ว่า ข้างในเป็นชุดที่เปิดเผย แบบไม่ปกติ
เพียงแต่ว่า เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ข้างๆกล่องแต่งตัวมี กระเป๋าตังค์ที่มีเงิน ห้าหมื่นเหรียญอยู่ข้างในวางอยู่
ตอนนี้มีเพียงแค่กล่องและไม่มีกระเป๋า
ดังนั้น หลี่เหมยขายเธออีกครั้ง โดยผู้ซื้อก็ยังคงเป็นตระ กูลชั่น ไม่รู้ว่าเป็นชายคนเดียวกันหรือไม่
เห็นได้ชัดว่าเธอราคาถูกยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ทิปห้าหมื่น เหรียญก็ไม่มี
ภายในดวงตามีประกายแสงสลัววาบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ซูมี่หยางก้มหน้าแล้วยิ้ม …
ต้องบอกว่ารสนิยมของหลี่เหมยดีมาก ยิ่งไปกว่านั้นเธอ มักจะได้ชุดแปลก และแฟนซีมาก
ตัวอย่างเช่นชุดที่ซูมี่หยางใส่อยู่นี้
ชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน ราวกับทะเลสาบที่ล้อมรอบความ โค้งเว้าอันสมบูรณ์แบบของซูมี่หยาง ทำให้เธอเหมือนกับ นางเงือก
แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่
ถึงแม้ว่าเนื้อผ้าของชุดจะบางและโปร่งใส ซับในไม่รัด ด้านหน้านั้นโอเค แต่ว่าการออกแบบส่วนด้านหลังนั้น เปลือยผิวมากเกินไป
ดังนั้น พอมองดูซูมี่หยางที่อยู่ตรงหน้า หลี่เหมยก็พึง พอใจอย่างมาก
แต่ทว่า เมื่อซูมี่หยางหันมา ใบหน้าของหลี่เหมยก็มืด ครึ้มทันที…
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ