ยอดหญิงอันดับหนึ่

บทที่ 9 ตามข้าเข้าวัง



บทที่ 9 ตามข้าเข้าวัง

เช้าตรู่ของวันที่สอง

โอวหยางหวั่นเอ๋อเช้าตรู่ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว กลับค้นพบว่าตงฟาง อ้าวลุกจากเตียงก่อนตนเองเสียนานแล้ว และกำลังสวมเสื้อผ้า ให้แก่ตนเอง

“ยกน้ำเข้ามาให้ข้าล้างหน้า มองไปยังโอวหยางหวั่นเอ๋อที่ตื่น ขึ้นมาแล้ว ตงฟางข้าวแม้แต่ศีรษะก็ไม่ได้หันมาสั่งกำชับ ราว กับโอวหยางหวั่นเอ๋อเป็นสาวใช้ของตนอย่างไรอย่างนั้น

โอวหยางหวั่นเอ๋อก็มิได้คัดค้าน สวมชุดเจ้าสาวเมื่อวานและ คิดจะไปนำน้ำเข้ามา

ผู้ใดจะรู้ว่าตงฟางอ้าวกลับขมวดคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เข้ม

งวด

“ผู้ใดให้เจ้าสวมชุดเช่นนี้ออกไป? “น้ำเสียงเต็มไปด้วยความ ไม่พอใจ

โอวหยางหวั่นเอ๋อมองไปยังตงฟางข้าวที่มองมาที่ตนเอง พลันขมวดคิ้วอย่างสงสัย เอ่ยถาม

“ทำไมเล่า? “มองไปที่ตงฟางข้าวที่ไม่มีท่าทีรักใคร่ฉันมิตร อย่างสงสัย โอวหยางหวั่นเอ๋อไม่รู้ว่าตนทำอันใดผิดไป ตงฟางอ้าวกลับมิได้กล่าวอันใด เพียงจับไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของโอวหยางหวั่นเอ๋อ และฉีกมันออกอย่างรุนแรง ผ้าไหมเนื้อที่ถูกพละกำลังที่หยาบคายของตงฟางข้าว ขานรับ ด้วยเสียงฉีกดัง แคว๊ก

ชั่วพริบตาเดียว เดิมทีเชุดแต่งงานที่ยังสภาพดีอยู่ ได้ถูก ทําลายเสียหายกระจัดกระจายด้วยมือของตงฟางอ้าว

“ท่านทำอันใด? “แม้ว่าโอวหยางหวั่นเอ๋อจะสวมเสื้อกลางอยู่ แต่ทันทีที่สัมผัสกับอากาศหนาวเย็นก็ทำให้ตนตัวสั่นระริกขึ้นมา ขมวดคิ้วมองไปที่ตงฟางอ้าวอย่างไม่เข้าใจ

ตงฟางอ้าวกลับไม่ได้อธิบายอันใดแม้แต่น้อย มองไปยังโอว หยางหวั่นเอ๋อที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากบางก็ได้เปิดขึ้น

“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว”น้ำเสียงราบเรียบเย็นชา หาก

มิใช่ว่ามือของโอวหยางหวั่นเอ๋อหยิบเศษผ้าของชุดแต่งงานที่

กระจัดกระจายอยู่นั้น คงยังคิดว่าเมื่อครู่ไม่มีอันใดเกิดขึ้น

“ข้าต้องการให้ท่านอธิบาย” โอวหยางหวั่นเอ๋อกลับดื้อรั้นมอง ไปยังตงฟางอ้าว

มีบางเรื่อง ที่นางโอวหยางหวั่นเอ๋อสามารถทนได้ แต่ทว่า ความอับอายที่ไม่มีเหตุมีผลเช่นนี้ ตนเองไม่อาจกัดฟันและกลืน เลือดลงไปอย่างแน่นอน ตนเอง ก็มิใช่ว่าจะรังแกได้ง่ายๆ

“เจ้าสวมเสื้อผ้าเช่นนี้แล้วเหตุใดมาถามข้า? หรือว่าเจ้า ต้องการบอกผู้อื่นว่าตนเองมิได้รับความชื่นชอบมากเพียงใด? สาวน้อย จดจําฐานะของตนไว้ให้ดี
ตงฟางอ้าวมองไปยังโอวหยางหวั่นเอ๋ออย่างเย็นชา และกล่าว อย่าราบเรียบ

“ตอนนี้ ไสหัวออกไป

“หม่อมฉันจําเป็นต้องสวมเสื้อผ้า มิฉะนั้น หากเสียหน้า ก็ มิใช่หม่อมฉันผู้เดียว หม่อมฉันนั้นรู้ฐานะของตนเองเป็นอย่างดี เพคะ”

ราวกับกําลังระบายความแค้น โอวหยางหวั่นเอ๋อเรียนรู้ ท่าทางการพูดของตงฟางอ้าวอย่างสุดความสามารถ และตอบ ตงฟางอ้าวอย่างนอบน้อม กล่าวจบ ก็มิได้สนใจท่าทีของตงฟาง อ้าว นำเสื้อผ้าเข้าไปในห้องเพื่อสวมใส่

ตงฟางอ้าวก็มิได้หยุดยั้งยังคงสงบนิ่งต่อไป หันหลังให้แก่โอ วหยางหวั่นเอ๋อ โดยไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่

โอวหยางหวั่นเอ๋อก็มิได้สนใจอันใดมากมาย ชายผู้นี้ ทำให้ นางคิดไม่ตก แต่ทว่านางเองก็รู้ดี ชีวิตของตนเอง จะไม่ได้รับ อันตรายชั่วคราว

ในขณะเดียวกัน สำหรับตงฟางข้าวนั้นเอาแน่เอานอนมิได้ และยังมีความกลัวอยู่ ในใจตัดสินแล้วว่าจักต้องหาโอกาสไป จากที่นี่ให้ได้อย่างแน่นอน

หลังจากสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว โอวหยางหวั่นเอ๋อก็ไม่อยาก ที่จะอยู่ท่ามกลางห้องที่แสนอึดอัดเช่นนี้ หยิบถังน้ำเดินออกมา ในทันที ไม่หันกลับไปมองตงฟางข้าวที่นั่งอยู่ในห้องหนังสืออีก
โอวหยางหวั่นเอ๋อสวมชุดสีฟ้าอมเขียวที่ปักลายต้นไผ่สีดำ สองสามต้นที่ตรงมุมหนึ่งของกระโปรง เส้นผมสีหมึกก็ไม่ได้ เกล้าขึ้นเช่นกัน ปล่อยสยายลงไปเช่นนั้น เผชิญหน้ากับแสงแดด ยามเช้าตรู่ คล้ายกับเทพธิดาที่กำลังละเล่นอยู่บนโลก

ทำให้ตงฟางอ้าวมองไปที่โอวหยางหวั่นเอ๋ออย่างไม่เจตนา และอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงงัน

คอยเมื่อโอวหยางหวั่นเอ๋อนกลับเข้ามา มองเห็นตงฟาง อ้าวที่ไม่โกรธและยังมีท่าที่น่าเกรงขามมองไปยังชายชุดดำ ราวกับกล่าวอะไรบางอย่างกันอยู่

โอวหยางหวั่นเอ๋อรู้ดีว่าตนได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงได้รับ ร้อนถอยออกไป แต่กลับชนเข้ากับคนผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังอย่าง ไม่ตั้งใจ โอวหยางหวั่นเอ๋อยากที่จะป้องกันพลั้งมือทำน้ำที่นำมา หลุดมือคว่ำลงไปบนพื้น

ส่งเสียงดังเอะอะโวยวายทำให้ตงฟางข้าวที่นั่งอยู่ในห้องมั่น คิ้ว โอวหยางหวั่นเอ๋อหญิงผู้นี้ เหตุใดเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ถึงได้ ทําออกมาได้ไม่ดี

“โอวหยางหวั่นเอ๋อ เข้ามาอธิบายให้ข้าฟัง เสียงออกคำสั่งที่ เย็นชา ไม่ได้แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย

โอวหยางหวั่นเอ๋อมองไปยังหลิงหลงที่ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ ถูกอยู่ด้านหลังของตน ก็ให้ทอดถอนใจ มองไปยังหลิงหลงและ เอ่ยว่า

“หลิงหลง ครั้งหน้าระวังเสียหน่อย”กล่าวจบ ก็ผลักประตูเข้าไป ในห้องมีเพียงตงฟางอ้าวผู้เดียว

ชายชุดดำไม่รู้ว่าไปตั้งแต่เมื่อใด ตนเองก็มิอาจรู้ได้ พลัน ระงับอารมณ์ที่ตกใจของตน และมองไปยังตงฟางอ้าว “ขออภัยเพคะ ท่านอ๋อง เป็นมือหม่อมฉันที่ไม่มั่นคง มิได้ถือ

ให้ดีเพคะ”ยอมรับผิดอย่างใจกว้าง และมองไปที่ตงฟางข้าว

อย่างสงบนิ่งรู้ดีว่าตงฟางข้าวจะต้องลงโทษตนเองอย่างแน่นอน

ผู้ใดจะรู้ ตงฟางอ้าวเพียงแค่มองที่ตนอย่างเงียบๆ เป็นเวลา นานกว่าจะเอ่ยปาก

“ทําความสะอาดและตามข้าเข้าวัง

น้ำเสียงราบเรียบราวกับวันนี้ได้กล่าวชวนไปดูอะไรสนุกๆ อย่างไรอย่างนั้น

ตามข้าเข้าวัง? โอวหยางหวั่นเอื้อมิกล้าเชื่อถือและมองไปยัง

ตงฟางอ้าว

นางมิได้ยินอะไรผิดหรอกหรือ? ตงฟางข้าวให้ตนเองเข้าวัง ไปด้วยกัน? ตนเองที่เป็นเช่นนี้ มิใช่ว่าจะทำให้เขาเสียหน้า หรอกหรือ?

แม้ว่าไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ต่อตงฟางอ้าวมากมาย แต่โอวหยาง หวั่นเอ๋อกลับทราบดีว่าตงฟางข้าวนั้นให้ความสำคัญกับหน้าตา ของบุรุษมากเพียงใด ตอนนี้ชายผู้นี้จะให้ตนเองเข้าวังไปพร้อม เขา นี่มิใช่ทำให้เขาอับอายหรอกหรือ?

“หากเจ้ากล้าทำให้ข้าเสียหน้า ผลที่ตามมาเจ้าเองน่าจะรู้ดีข้าจะทำให้เจ้ามีชีวิตที่ยากลำบากเป็นแน่” เป็นอย่างที่คิด ตงฟาง อ้าวมองไปยังโอวหยางหวั่นเอ๋อ พลางใช้อานาจคุกคาม

ตัวนางรู้ดี ตงฟางข้าวมอาจให้หน้าของตนเองต้องได้รับ ความเสียหายแม้แต่น้อยอย่างแน่นอน

“เช่นนั้น ท่านไม่พาหม่อมฉันไป ด้วยรูปลักษณ์ของตนเอง หม่อมฉันทราบดี ท่านอ๋องจะพาหม่อมฉันไปให้เสียหน้าได้ อย่างไร? ”

โอวหยางหวั่นเอ๋อไม่สบายใจอย่างยิ่ง มองไปยังตงฟางข้าวที่ กล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธอยู่หลายส่วน

“หากมิใช่เพราะไทเฮาต้องการพบลูกสะใภ้ของนาง เจ้าคิดว่า ข้าจะพาเจ้าไปหรือ? “กล่าวดูถูกโอวหยางหวั่นเอ๋ออย่างไม่ แยแส ตงฟางอ้าวไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงมอง โอหยางหวั่น เอ๋ออย่างยโสโอหังเช่นเคย

“ในใจหวั่นเอ๋อทราบดีเพคะ “โอวหยางหวั่นเอ๋อ กัดฟัน ตอนนี้ ตนเองทำได้เพียงเชื่อฟังเขา ไม่มีวิธีอื่น คำพูดนี้ ตนเองอดทนได้ ในอนาคต จะต้องหาทางเอาคืนให้จงได้

ตงฟางอ้าวเห็นโอหยางหวั่นเอ๋อที่รับปากแล้ว ก็ไม่กล่าวให้ มากความ เดินออกไปจากตรงนี้

โอวหยางหวั่นเอือมองตงฟางข้าวที่เดินจากไป ก็มิได้กล่าวคำ ใด กลับนั่งหวีผมแต่งหน้าอยู่ที่หน้ากระจก ปล่อยให้หลิงหลง ตกแต่ง ใบหน้าด้วยฝีมือที่ประณีตงดงาม
มองไปยังหลิงหลงที่เลือกเสื้อผ้าที่งดงามให้แก่ตนเอง โอว หยางหวั่นเอ๋ออดขมวดคิ้วไม่ได้ ตนเองไม่ชอบเสื้อผ้าที่สะดุดตา เช่นนี้เลย กล่าวได้ว่า หญิงอัปลักษณ์ผู้หนึ่ง ก็เป็นที่ดึงดูดสายตา มากพออยู่แล้ว ยังแต่งตัวอย่างฉูดฉาดหรูหราอีก ตนเองยังกลัว อับอายไม่พออีกหรือ?

โอวหยางหวั่นเอ๋อสายศีรษะไปมา ตัดสินใจอย่างแน่นอนแล้ว ว่าจะสวมชุดสีฟ้าอมเขียวที่สีไม่ฉูดฉาด และแต่งหน้าอ่อนๆ เปิด เผยรอยแผลบนหน้าของตนอย่างใจกว้าง โดยที่ไม่รู้สึกอับอาย อันใดเลยแม้แต่น้อย

หลิงหลงมองไปยังคุณหนูของตนที่แต่งหน้าอย่างเปิดเผยตัว ตน จึงอดไม่ได้ที่จะตะลึงพรึงเพริศ

“คุณหนูแต่งหน้าเช่นนี้ งดงามอย่างแท้จริงเจ้าค่ะ”งามเช่นนี้ มิได้เกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์ เป็นเพียงความมั่นใจอย่างหนึ่ง เป็น นิสัยส่วนตัวที่ไม่แยแสและสงบสุข ทำให้ผู้คนรู้สึกว่างดงามมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ

“จริงหรือ? หลิงหลง มองไม่ออกว่าเจ้าสามารถประจบประ แจงได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? “โอวหยางหวั่นเอ๋อหยอกล้อหลิงหลง

หลิงหลงรู้ดีว่าคุณหนูได้เย้าแหย่ตน กลับยังคงหน้าแดง กล่าว อย่างกระเป๋ากระงอดว่า

“คุณหนูไม่ดี ไม่มีอันใดก็เอาแต่หัวเราะเยาะผู้อื่น

ขณะที่ส่งเสียงเอะอะกันแล้ว ในที่สุดก็เดินมาถึงประตูจวนอ๋องเสียที
สวมชุดขาวยืนหันหลังให้แก่โอวหยางหวั่นเอ๋อ อย่างรอคอย

รถม้าที่ถูกตกแต่งด้วยที่ที่ราบเรียบไม่ฉูดฉาดยืนรออย่าง เงียบๆอยู่หน้าประตูของจวน ชัดเจนว่า กำลังรอคอยตนเองอยู่

แต่ที่ทำให้โอวหยางหวั่นเอ๋อประหลาดใจก็คือ ตงฟางอ้าวก็ รอตนเองอยู่ที่ประตูเช่นกัน

“เก็บของหมดแล้วหรือ? “ตงฟางข้าวเหลือบมองโอวหยาง หวั่นเอ๋ออย่างเย็นชา และยังคงใช้น้ำเสียงที่เยือกเย็นเช่นเคย

“เพคะ ให้ท่านอ๋องต้องคอยนานแล้ว” โอวหยางหวั่นเอ๋อพยัก หน้า เกิดความแปลกใจที่ตงฟางอ้าวมายืนรอตนเองที่หน้าประตู เดิมทีนางคิดว่า คนที่หยิ่งผยองเช่นนี้ เหตุใดจึงได้ปล่อยวางท่า ทีของตนมารอตนเอง? และที่คาดไม่ถึงก็คือ ตงฟางอ้าวรออยู่ จริงๆ ทำให้ตนเองหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะปลาบปลื้มที่ได้รับการ โปรดปรานอย่างไม่คาดฝัน

ตงฟางข้าวกลับไม่ให้ความสนใจต่อคำพูดที่แฝงไปด้วยความ ซาบซึ้งใจของโอวหยางหวั่นเอ๋อ เปิดรถมาด้วยตนเอง และเดิน ขึ้นไปนั่ง

จากนั้น ม่านประตูก็ได้มีเสียงตงฟางข้าวดังออกมา “ยังไม่เข้า มาอีกหรือ?

โอวหยางหวั่นเอ๋อจึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ให้หลิงหลง ประคองขึ้นไปนั่งบนรถม้า

เลิกม่านออก โอวหยางหวั่นเอ๋อกลับเห็นตงฟางอ้าวที่นั่งตาเพื่อพักผ่อนสายตาร่างกายอย่างไรอย่างนั้น

มิได้เอ่ยปากกล่าวอันใด หยางหวั่นเอ๋อได้หาตำแหน่งนั่งห่างจากฟางอ้าวที่สุด สายไม่ได้ชำเลืองและจ้อง ที่ความว่างเปล่า ไม่กล้าจะมองฟางอ้าว

หลังจากเข้าวังนำมรรยาท

ทำให้ข้าเสียหน้า ”

ฟังตงฟางกล่าวประโยคนั้นจบในทันที โอวหยางหวั่นเพียงแค่อยากจะเรียกหาความเป็นธรรม เมื่อไหร่กันตนเองไม่ เข้ามรรยาทเสียหน้าต่อผู้อื่นชายที่ต้องการเน้นย้ำถึง หน้าตาของตนเองอยู่ครั้งแล้วเล่า ใช่หรือไม่?

ขณะจ้องตงฟางอ้าวอย่างไม่พอใจ กลับค้นพบว่าตง ฟางอ้าวได้สนใจตนเองเลยตั้งแต่แรก หยางหวั่นเก๋ ออดศีรษะจะลงหน่ายต่อไป

แม้ไม่เปิดของหน้าต่างบานเล็ก ฟังเสียงที่ ตะโกนเรียกอก็ทราบดี รถม้าใกล้จะถึงแล้ว

เพียงเข้าใกล้ความรุ่งเรืองได้เช่นนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ